ตอนที่ 263 สร้างศัตรูหัวใจ / ตอนที่ 264 แคนนอน

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 263 สร้างศัตรูหัวใจ

 

 

“หนูไม่น่ารักเท่าเธอ”

 

 

“…”

 

 

ซินซินกะพริบตาลงหนึ่งครั้ง น้ำตาเม็ดหนึ่งร่วงลงมาจากกรอบตา จากนั้นจึงหันมองตามทิศทางที่ป๋อจิ่งชวนชี้ไป

 

 

เฉินฝานซิงเองก็ผงะไปชั่วขณะ คุณครูของสถานสงเคราะห์และเด็กอีกคนก็หันไปจ้องเธอเช่นกัน

 

 

เธอรู้สึกขัดเขินอยู่ในใจ ใบหูขึ้นสีแดงระเรื่อ

 

 

“ใครน่ารัก”

 

 

“คุณ” ป๋อจิ่งชวนตอกย้ำอีกครั้ง

 

 

“…”

 

 

อีกสี่ห้าปีเธอก็จะย่างเข้าเลขสามแล้ว จู่ๆ ก็มาถูกเรียกว่า “น่ารัก” เนี่ยนะ

 

 

เธอมองหนูน้อยที่ยังสูงไม่ถึงเข่าของเขา รู้สึกอึดอัดเสียยิ่งกว่าอึดอัด

 

 

ต่อหน้าเด็กสามสี่ขวบแบบนี้เขาจะสงวนปากสงวนคำบ้างไม่ได้รึไง

 

 

ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าหากต่อไปเขามีลูก เขาจะเข้ากับลูกได้ด้วยวิธีไหน

 

 

ซินซินมองเฉินฝานซิง ดวงตากลมโตปริ่มน้ำตากะพริบปริบๆ ก่อนที่สุดท้ายเธอจะกอดขาของผู้ชายรูปหล่อสูงยาวเข่าดีคนนั้นเอาไว้พร้อมกับใบหน้าเล็กยุ่งเหยิง

 

 

ชิงชิงที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็วิ่งเข้ามาลากซินซินไปอีกทาง

 

 

“ซินซิน ก็เมื่อกี้น้าฝานซิงกับคุณอาเขาก็จูจุ๊บกันไปแล้วไง เดี๋ยวเขาก็มีน้องกันแล้ว เธอจะแย่งปะป๊าของน้องไม่ได้เข้าใจไหม”

 

 

ป๋อจิ่งชวนยกยิ้มขึ้น พลางลดสายตาลงมองเด็กชาย

 

 

ปะป๊า?

 

 

คำเรียกนี้เป็นอะไรที่แปลกใหม่มาก

 

 

“หนู…หนูเข้าใจ คุณอาเป็นสามีของน้าฝานซิง เป็นปะป๊าของน้อง เพราะงั้นหนูเลยแต่งงานกับเขาไม่ได้แย้ว…”

 

 

ซินซินยกมือขึ้นปาดน้ำตาอย่างเศร้าสร้อย ก่อนจะถูกชิงชิงจูงมือวิ่งเข้าลานบ้านไป

 

 

เฉินฝานซิงถอนหายใจ ในตอนนั้นป๋อจิ่งชวนก็เดินมาหยุดตรงหน้าเธอ

 

 

ครูคนหนึ่งเฉียดเข้ามาใกล้ป๋อจิ่งชวน เธอใบหน้าขึ้นสีด้วยความเขินอาย ความสูงศักดิ์ที่แผ่ออกมาเล่นเอาเธอทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย

 

 

“คุณหนูฝานซิงเข้ามาสิคะ”

 

 

“อืม ค่ะ”

 

 

เฉินฝานซิงตอบกลับไปเสียงแผ่ว คุณครูก็หันไปดูแลเด็กๆ ต่อ

 

 

เฉินฝานซิงหันไปมองป๋อจิ่งชวน “ต่อไปฉันคงพาคุณไปไหนมาไหนด้วยไม่ได้จริงๆ”

 

 

“หืม?”

 

 

“แค่เวลาไม่กี่นาที ก็ทำเด็กผู้หญิงร้องอยากจะแต่งงานกับคุณแล้ว คุณบอกว่าต่อไปคงได้ร่วมงานในที่สาธารณะอีกหลายแห่ง จะสร้างศัตรูหัวใจให้ฉันได้มากแค่ไหน”

 

 

ป๋อจิ่งชวนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “เพราะฉะนั้นคุณต้องเฝ้าระวังและคอยรั้งผมเอาไว้ให้ดี”

 

 

เฉินฝานซิงกระตุกยิ้ม

 

 

หากเธอรู้ว่าควรเหนี่ยวรั้งหัวใจใครไว้ยังไง ก็คงไม่มีเธอในตอนนี้

 

 

ต้องใช้ความจริงใจเหรอ

 

 

เธอก็เคยให้ความจริงใจไป

 

 

เหนี่ยวรั้ง…

 

 

เมื่ออีกคนต้องการจะไป ต่อให้เธอจะยื้อจนสุดแรงแค่ไหนก็รั้งเขาเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี

 

 

_

 

 

ทั้งคู่ก้าวไปสู่ลานกว้าง พอเด็กๆ หลายคนเห็นเฉินฝานซิง พวกเขาก็พากันดีอกดีใจ

 

 

เพียงแต่วันนี้มีป๋อจิ่งชวนติดตามมาด้วย ทุกคนต่างก็ยืนอยู่ไกลๆ อย่างสงบเสงี่ยมไม่กล้าก้าวเข้ามา

 

 

“คุณหนูเฉิน คุณมาแล้ว”

 

 

ผู้อำนวยการก้าวออกมามองเธอด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งกาลเวลานั้นทั้งดูเป็นกันเองและดูอบอุ่น

 

 

เธอยิ้มพลางพยักหน้า

 

 

“ท่านนี้คือ…”

 

 

“สวัสดีครับผมป๋อจิ่งชวน เป็นแฟนของฝานซิง”

 

 

ป๋อจิ่งชวนเป็นฝ่ายแนะนำตัวเองอย่างสุภาพและสง่า

 

 

ผู้อำนวยการหรี่ตามองเขาอย่างพิจารณา ก่อนจะยกยิ้มพลางพยักหน้าให้

 

 

“สวัสดีจ้ะ ฝานซิงเป็นเด็กดี คุณผู้ชายตาถึงจริงๆ ขอให้พวกคุณมีความสุขด้วยกันนะ”

 

 

ป๋อจิ่งชวนพยักหน้ารับเบาๆ “แน่นอนครับ ขอบคุณ”

 

 

เฉินฝานซิงแย้มยิ้มมุมปากขึ้นบางๆ เธอรู้สึกเขินเล็กน้อย “ผอ.คะ แล้วหลินหลินล่ะ”

 

 

“อ๋อ อยู่ที่ห้องเปียโนน่ะ ช่วงนี้มีอาสาสมัครมาใหม่ ดูเหมือนน่าจะเป็นนักดนตรีด้วยนะ หลินหลินชอบฟังเขาเล่นเปียโนเอามากๆ เลย”

 

 

“เหรอคะ เดี๋ยวเราจะไปดูเขากันหน่อย”

 

 

“จ้า”

 

 

 

 

ตอนที่ 264 แคนนอน

 

 

อวี๋ซงเห็นเฉินฝานซิงเดินไปไกลแล้วจึงค่อยเอ่ยขึ้น “คุณผู้ชายครับ คุณคาร์ลอสผู้บริหารจากเครื่องประดับเอ็กซ์ที่ฝรั่งเศสโทรมาหาคุณ ดูเหมือนจะเกี่ยวกับการที่คุณเป็นฝ่ายขอยกเลิกความร่วมมือกันในวันนี้ ไม่ทราบจะให้โทรกลับไปหาเขาเลยไหมครับ”

 

 

ภายใต้ต้นอู๋ถงที่ตั้งตระหง่าน ร่างสูงสง่ายืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบงัน คิ้วโก่งดั่งขุนเขา สีหน้าเรียบเฉย แสงอาทิตย์ในยามเย็นตกกระทบลงข้างกายเขา

 

 

เมื่อไม่มีเฉินฝานซิงคอยอยู่ข้างๆ แล้ว ความอบอุ่นและอ่อนโยนนั้นก็พลอยจางหายไปพร้อมร่างของเธอ

 

 

อวี๋ซงค่อยๆ ตึงเครียดขึ้น

 

 

 “เย็นนี้จะติดต่อกลับไป”

 

 

 “ครับ”

 

 

_

 

 

เสียงบรรเลงจากไวโอลินล่องลอยไปตามทางเดิน เฉินฝานซิงเผลอลดความเร็วฝีเท้าลงอย่างลืมตัว

 

 

เป็นท่วงทำนองที่เธอไม่คุ้นเคย

 

 

เพราะสัมผัสกับเปียโนมาตั้งแต่อายุยังน้อย สำหรับเธอแล้ว เพลงที่ชื่อเสียงก้องโลกจากทุกยุคสมัยไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่สำหรับเธอ

 

 

แต่ทว่าดูเหมือนว่าทำนองนี้จะไม่เคยอยู่ในความทรงจำของเธอแม้แต่น้อย

 

 

ดัดแปลงหรือแต่งขึ้นเอง

 

 

เฉินฝานซิงยืนอยู่นอกห้องเปียโนอยู่เนิ่นนาน จนกระทั่งเสียงดนตรีได้หยุดลง เธอจึงได้ผ่อนลมหายใจออกมา

 

 

ตอนนั้นผู้อำนวยการเองก็เคาะประตู

 

 

ประตูเปิดออกพร้อมแว่วเสียงของหญิงสาว

 

 

 “มีอะไรรึเปล่าคะ ผอ.”

 

 

“คุณหนูจี้ วันนี้คงจะเหนื่อยแย่เลย พอดีมีคนมาเยี่ยมหลินหลิน”

 

 

 “อ๋อ ได้ค่ะ”

 

 

หญิงสาวด้านในตอบรับเสียงแผ่วเบา เธอหลีกทางแล้วเปิดประตูออกกว้าง

 

 

เมื่อเฉินฝานซิงได้เห็นหญิงสาวด้านในนั้นอย่างชัดเจน คิ้วของเธอก็เผลอขมวดเข้าหากัน

 

 

และเมื่อหญิงสาวที่อยู่ข้างในนั้นได้พบกับเฉินฝานซิงเธอเองก็ชะงักไปเช่นกัน

 

 

จี้อี้ เป็นศิลปินในสังกัดของหลานอวิ้น

 

 

เธอเคยเจอกันในวงการมาสองครั้ง เธอก็ไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ได้ดี

 

 

ในวงการนี้ถ้ามัวแต่ยึดติดแล้วโอกาสจะเข้ามาได้อย่างไร

 

 

ต่อให้คุณแม่ของเธอจะเป็นนักดนตรีที่มีอิทธิพลมากแล้วอย่างไร?

 

 

มันก็แค่เรื่องที่ผ่านไปแล้ว อีกอย่าง ความสามารถของแม่เธอก็ไม่ใช่ของเธอ

 

 

พูดตรงๆ เฉินฝานซิงก็ไม่ได้เกลียดเธอ แต่ทุกครั้งที่เจอกัน เธอก็มักจะคอยเดินตามหลังของเฉินเชียนโหรวเท่านั้นเอง

 

 

 “คุณหนูใหญ่”

 

 

จี้อี้เอ่ยทักทายเธอ

 

 

 เมื่ออีกฝ่ายส่งยิ้มให้ เรื่องระหว่างเธอและจี้อี้ก็ถือว่าแล้วกันไป ดังนั้นเธอจึงพยักหน้ารับเบาๆ

 

 

 “พวกคุณรู้จักกันเหรอ” ผู้อำนวยการเอ่ยถามขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

 

 

 “ไม่สนิทเท่าไหร่”

 

 

เฉินฝานซิงเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน

 

 

จี้อี้ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรมากไปกว่านั้น “งั้นก็เชิญเถอะค่ะ ผอ. ฉันขอตัวกลับก่อน”

 

 

 “จ้ะ”

 

 

จากนั้นจี้อี้ก็กลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง เธอลูบศีรษะของหลินหลิน ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงนุ่ม

 

 

“หลินหลิน วันนี้พี่กลับก่อนนะ พรุ่งนี้เราค่อยมาเล่นด้วยกันใหม่”

 

 

หลินหลินพยักหน้า ดวงตาสีขาวดำที่ตัดกันอย่างชัดเจนเป็นประกายไปด้วยความรอคอย

 

 

เพราะดวงตาของหลินหลินไม่อาจมองเห็นได้ จึงมักจะตื่นตัวอยู่เสมอ เมื่อเห็นเขามีปฏิกิริยาเช่นนั้นเธอก็ประหลาดใจเล็กน้อย

 

 

หลังจากที่จี้อี้ไปแล้ว เฉินฝานซิงจึงได้เดินมานั่งลงข้างๆ หลินหลิน

 

 

“หลินหลิน ฟังออกไหมว่านี่ใคร”

 

 

หลินหลินพยักหน้าพร้อมยื่นมือออกมาคว้าเสื้อผ้าของเฉินฝานซิง

 

 

 เฉินฝานซิงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เธอขยี้ลงบนกลุ่มผมฟูฟ่องของเด็กน้อย

 

 

 “หนูชอบพี่สาวคนเมื่อกี้ไหม”

 

 

หลินหลินพยักหน้าอีกครั้ง

 

 

 “อื้ม…พี่ก็เห็นว่าเธอดีกับหนูมาก ดูไปเธอก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร”

 

 

หลินหลินพยักหน้าแรงๆ อีกครั้ง

 

 

 “อันที่จริงพี่ก็เล่นเปียโนเป็นนะ หนูอยากฟังรึเปล่า”

 

 

หลินหลินพยักหน้าอีกครั้ง พร้อมกับยกมือขึ้นตบเปาะแปะ

 

 

“ก็ได้ ในเมื่อหลินหลินอยากให้เล่นขนาดนี้ งั้นพี่จะเล่นให้ฟังสักเพลงแล้วกัน”

 

 

เฉินฝานซิงลุกเดินไปนั่งลงด้านหน้าเปียโน

 

 

บทเพลง ‘แคนนอน’

 

 

เฉินฝานซิงเล่นได้อย่างคล่องแคล่ว แม้แต่ตัวโน้ตดนตรีเองก็ยังโลดแล่นไปทั่วทั้งห้องเปียโนอย่างสุขสันต์

 

 

ตอนที่ป๋อจิ่งชวนเดินเข้ามาหาเธอ ก็เป็นเวลาเดียวกันที่โน้ตตัวสุดท้ายของเธอได้หยุดลง