ตอนที่ 265 แม่ของเด็กจะได้ออกจากคุกก่อนกำหนด / ตอนที่ 266 แน่นอนอยู่แล้ว

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย

ตอนที่ 265 แม่ของเด็กจะได้ออกจากคุกก่อนกำหนด

 

 

เมื่อเห็นร่างของคนที่ปรากฏอยู่หน้าประตู เฉินฝานซิงก็ยืนขึ้น

 

 

 “ขอโทษนะ ปล่อยให้คุณรอนานเลย”

 

 

เธอว่าพลางเดินไปหยุดลงตรงหน้าหลินหลินแล้วโน้มตัวลงลูบผมของเขา

 

 

“ปะ พี่พาไปเดินสูดอากาศข้างนอกนะ” เธอว่าพลางอุ้มเด็กน้อยขึ้นมา

 

 

หว่างคิ้วของเขานั้นกระตุกเล็กน้อย เขามองไปยังเฉินฝานซิงที่ก้าวเดินผ่านไป

 

 

 “เมื่อกี้คุณเล่นเปียโน?”

 

 

 “อื้ม ใช่ค่ะ”

 

 

 “…ทำไม่ต้องอุ้มเขาด้วย”

 

 

เขาเอ่ยถามเสียงเข้ม พร้อมยื่นมือออกไปหวังจะอุ้มเด็กคนนั้นออกมาจากอ้อมแขนของเฉินฝานซิง ดวงตาเยือกเย็นนั้นก็มองไปยังเด็กชายในอ้อมกอดของเธอ

 

 

ทันที่ที่เขาเห็นหน้าของเด็กน้อย หว่างคิ้วของเขาก็ได้ย่นเข้าหากัน

 

 

สายตาคู่นั้นหยุดมองหลินหลินอยู่หลายนาที ก่อนที่ดวงตาลึกค้ำนั้นจะค่อยๆ ถูกแทนที่ไปด้วยความมืดหม่น

 

 

“อย่า…”

 

 

เฉินฝานซิงปฏิเสธเขา จากนั้นจึงชี้นิ้วไปที่ดวงตาของเด็กน้อยพร้อมกับมองมายังเขาแล้วส่ายหน้า

 

 

เขาเข้าใจได้และจับจ้องไปยังดวงตาคู่นั้นของเด็กคนนั้น สุดท้ายก็ได้ดึงมือกลับมา

 

 

_

 

 

ความมืดค่อยๆ โรยตัวลง อวี๋ซงมีธุระที่จะต้องไปจัดการ ป๋อจิ่งชวนจึงเป็นคนไปถอยรถออกมา

 

 

 ในตอนที่ผู้อำนวยการออกมาส่งเฉินฝานซิง เธอก็ยังคงพูดถึงหลินหลิน

 

 

 “วันนี้ดูเหมือนจิตใจของหลินหลินจะดีขึ้นไม่น้อย ดูท่าเขาจะชอบจี้อี้เอามากๆ”

 

 

ผู้อำนวยการยิ้มพลางส่ายหน้า “แต่ก็อาจไม่เป็นอย่างนั้น อาจเป็นเพราะแม่ของเด็กได้วานให้คนมาช่วยส่งข่าวว่าเพราะหลายวันนี้มานี้เธอประพฤติตัวดีมาตลอดที่อยู่ในนั้นเลยจะได้ออกจากคุกมาก่อนกำหนด อาจจะเร็วๆ นี้”

 

 

 “งั้นเหรอ งั้นก็เยี่ยมไปเลย”

 

 

เฉินฝานซิงดีใจจากใจจริง หลินหลินเฝ้าคอยคิดถึงแม่มาตลอด ในที่สุดก็จะได้เจอกันแล้ว

 

 

บนโลกใบนี้ไม่มีความรักใดจะมาแทนที่หรือยิ่งใหญ่ไปกว่าความรักของแม่อีกแล้ว

 

 

แม้ว่าหลินหลินจะไม่เคยมีความทรงจำเกี่ยวกับแม่เลย แต่คนที่เขาหวังจะได้เจอสักครั้งยังคงเป็นเธอ

 

 

ผู้อำนวยการเองก็พยักหน้าอย่างปลื้มใจ “ใช่ เยี่ยมไปเลย แต่ก็น่าเสียดายจังเลยน้า…หลินหลินมองไม่เห็นว่าแม่ของเขาหน้าตาเป็นยังไง…”

 

 

ผู้อำนวยการรู้สึกหดหู่เมื่อนึกได้ว่าฟ้าหลังฝนนั้นอาจจะไม่ได้ดั่งใจนัก ทำให้เธอแอบผิดหวังอยู่เล็กน้อย

 

 

เฉินฝานซิงเม้มปากเข้าหากัน “เทียบกับเด็กที่ไม่มีวันได้พบหน้าพ่อแม่เหล่านั้น เขานับว่าโชคดีแล้ว…”

 

 

ผู้อำนวยการถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “เฮ้อ ก็คงต้องคิดแบบนั้นแล้วละ”

 

 

เมื่อป๋อจิ่งชวนขับรถมาถึง เฉินฝานซิงก็บอกลาผู้อำนวยการก่อนจะขึ้นรถมา

 

 

“เด็กคนนั้นกำพร้า?”

 

 

คำพูดกระทบกระทั่งจิตใจเหล่านี้ป๋อจิ่งชวนไม่ได้เอ่ยถามขึ้นต่อหน้าเด็กน้อย

 

 

“ไม่ใช่ เขายังมีแม่อยู่”

 

 

ริมฝีปากบางของป๋อจิ่งชวนเม้มเข้าหากัน นัยน์ตาลึกล้ำทอดมองไปยังทางเบื้องหน้าอย่างเงียบเชียบ เนินนาน กว่าที่เขาจะเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

 

 

“พ่อเขาล่ะ”

 

 

เสียงของเขาทุ้มต่ำถึงที่สุด ทำเอาเฉินฝานซิงอดหันไปมองไม่ได้ สิ่งที่เธอเห็นบนใบหน้าหล่อเหลานั้นคือความรุนแรงอย่างที่น้อยครั้งจะได้เห็น

 

 

“ทำไมถึงได้ใส่ใจขนาดนั้น หรือว่าหลินหลินกับคุณจะเป็น…”

 

 

จู่ๆ ป๋อจิ่งชวนหันไปมองเธอด้วยสายตาที่เคลือบแฝงไปด้วยความเยือกเย็น ดวงตาที่เต็มไปด้วยสัญญาณเตือนคู่นั้นทำเอาเฉินฝานซิงทำเอาเธออดใจกระตุกไม่ได้

 

 

“ฉันไม่รู้หรอกว่าพ่อของน้องคือใคร เอาเข้าจริง แม่ของเขาคือใครฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำ รู้แค่ว่าเธออยู่ในคุก”

 

 

ป๋อจิ่งชวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ราวกับกำลังครุ่นคิดบางสิ่งอย่างเงียบๆ

 

 

เธอมองเขาอย่าลึกซึ้ง ก่อนที่สีหน้าจะเคร่งขรึมขึ้นมา

 

 

“ป๋อจิ่งชวน คุณอย่ามาพูดว่าเด็กคนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกับคุณ…”

 

 

น้ำเสียงของเธอสื่อถึงความเยือกเย็นอย่างเห็นได้ชัด ป๋อจิ่งชวนมองดูเธอที่ในตอนนี้ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความระแวงและพร้อมจะตัดขาดกับเขาได้ทุกเมื่อ ยิ่งทวีความเยือกเย็นในหัวใจของป๋อจิ่งชวนได้มากขึ้น

 

 

 

 

ตอนที่ 266 แน่นอนอยู่แล้ว

 

 

จนถึงตอนนี้ เธอยังคงไม่ลดละความคิดที่จะถอยออกไปได้ทุกเมื่อ

 

 

หนังแท้ที่ถูกหุ้มอยู่บนพวงมาลัยรถถูกกำจนเกิดรอยเล็บ

 

 

แรงมหาศาลจากฝ่ามือนั้นบีบเข้าหาพวงมาลัยหุ้มหนังจนเกิดเสียดัง เอี๊ยดอ๊าด

 

 

ในที่สุดป๋อจิ่งชวนตั้งสติแล้วจอดรถลงข้างทาง

 

 

ในตัวรถตกอยู่ในความเงียบชนิดที่ทำเอาคนหายใจลำบาก

 

 

ในระยะห่างอันคับแคบที่เดียวกันนี้ เฉินฝานซิงสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ค่อยๆ กลายเป็นน้ำแข็งได้อย่างทันที

 

 

เธอไม่เข้าใจ ทว่าอารมณ์บนใบหน้ายังคงเรียบเฉย

 

 

ป๋อจิ่งชวนหันมามองเธอ เปลวไฟลุกช่วงขึ้นในดวงตาลึกล้ำ คิ้วของเขาเคร่งขรึมจนน่าหวาดหวั่น ลมหายก็เยือกเย็นจนกัดกินไปจนถึงกระดูก

 

 

ต่อให้เขาจะเป็นอย่างไร ฝานซิงก็ยังคงมองเขาอย่างไม่รีบร้อน

 

 

ราวกับครั้งแรกที่พวกเขาได้เจอกัน เย็นชาเฉยเมย ไม่เหมือนกับผู้หญิงคนเดิม

 

 

เธอมองเขาอย่างรอคอยคำตอบ

 

 

เธอแทบจะไม่เครียดด้วยซ้ำ

 

 

ถ้าไม่คบกับต่อ

 

 

ก็คงแตกหักกันตรงนี้

 

 

จู่ๆ ป๋อจิ่งชวนก็นึกถึงบางอย่างที่เรียบง่ายมากที่สุด ก็กลับนึกไปถึงคำที่เกลียดจนเข้าไส้…

 

 

มีก็ดีไม่มีก็ได้

 

 

ป๋อจิ่งชวนโมโหจนเผยยิ้มเย็นออกมา

 

 

แต่ก็ยังคงข่มอารมณ์โกรธนั้นไว้ ก่อนจะเอ่ยเย้าเธอด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

 

 

“คุณคิดว่า การเป็นทายาทของสมาคมสกุลป๋อ แล้วผมจะปล่อยให้ตัวเองมีลูกนอกสมรสขึ้นมาคนหนึ่ง?”

 

 

เฉินฝานซิงไม่ได้มีท่าทีอะไรมากนัก เพียงแค่พยักหน้ารับอย่างเรียบเฉย ก่อนจะยักคิ้วแล้วยิ้มให้กับเขา

 

 

“งั้นก็ดี”

 

 

ดวงตาลึกล้ำของเขานั้นตวัดมองใบหน้าของเธอ ก่อนที่ก้นบึ้งของดวงตานั้นจะถูกกลืนกินไปด้วยความมืดมน

 

 

“คุณคงคิดใช่ไหมว่า สิ่งที่ได้มาง่ายๆ ต่อให้เสียไปก็คงไม่เสียดาย”

 

 

เฉินฝานซิงขมวดคิ้วหากันน้อยๆ เธอมองเขาอยู่เนินนาน ก่อนที่ดวงตานั้นจะหม่นลง มุมปากนั้นค่อยๆ ยกขึ้น เป็นรอยยิ้มที่เย็นชาและยากจะเข้าใจไปในเวลาเดียวกัน

 

 

เธอส่ายหน้าพลางทอดสายตาไปยังไฟหน้ารถที่ถูกเปิดขึ้นผ่านหน้าต่างด้านหน้ารถ ก่อนที่ความเปล่าเปลี่ยวจะผุดขึ้นใบหน้า

 

 

“ไม่ใช่ว่ายิ่งได้มาง่ายๆ ก็ยิ่งเสียไปง่ายๆ หรอกเหรอ”

 

 

เธอยกยิ้มขึ้นก่อนจะเอ่ยต่อ

 

 

“เพียงแต่ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆ เพราะงั้นเมื่อต้องเสียไปทำไมจะเสียดายล่ะ หรือคุณคิดว่าเพราะฉันเคยลิ้มรสชาติของความสูญเสียมาก่อน ดังนั้นคุณเลยคิดว่าทุกครั้งที่ฉันต้องสูญเสียไปฉันถึงได้ไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไร”

 

 

ป๋อจิ่งชวนสบตาเธออย่างไม่ลดละ เรียวคิ้วนั้นดูเหมือนกำลังจะคลายตัวลง

 

 

“นั่นก็ต้องดูว่ามันคืออะไร”

 

 

เธอยกมุมปากขึ้น “คุณพูดถูก”

 

 

ของที่เธอไม่สนใจ ไม่ให้ค่า ก็นับว่าต่อให้เสียไปก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย ก็เหมือนกับสกุลเฉิน ซูเหิง และเดรสเมื่อครั้งก่อน 

 

 

“เห็นว่ามันเป็นเรื่องยากที่คุณจะใส่ใจหลินหลินได้ขนาดนี้ ฉันก็เลยลองถามดู ก็แค่ตอบว่าใช่หรือไม่ แล้วคุณจะโมโหทำไม”

 

 

ความมืดหม่นในดวงตาเขาเข้มชัดขึ้นอีกครั้ง “ใช่ ไม่ใช่ แล้วถ้าผมตอบว่า ‘ใช่’ ล่ะ วันนี้คุณคงจะขอเลิกกับผมในรถคันนี้?”

 

 

จู่ๆ หัวใจของเธอก็บีบตัวแน่น ความเหน็บหนาวแล่นจากฝ่าเท้าขึ้นมาก่อนจะกัดกินไปทั่วร่างกาย

 

 

แสงไปหน้ารถดูมืดสลัวลงอย่างเห็นได้ชัด เธอทอดมองไปยังแสงสีเหลืองนั้น ในตัวรถกลับสู่ความเงียบงันอีกครั้ง

 

 

อาจจะผ่านไปหลายวินาที ไม่ก็หลายนาทีหรือไม่ก็อาจจะนานกว่านั้น เฉินฝานซิงถึงได้สูดหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนที่เสียงใสจะเอ่ยขึ้นอย่างเย็นเยียบ

 

 

“แน่นอนอยู่แล้ว”

 

 

ความอุ่นในอากาศพลันกลับกลายเป็นจุดเยือกแข็ง

 

 

นัยน์ตาลึกล้ำคู่นั้นของป๋อจิ่งชวนเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด พายุหิมะได้ก่อตัวขึ้นใจดวงตาสีดำขลับคู่นั้น โทสะที่ประทุออกมาจากร่างกายของเขานั้นรุนแรงอย่างยากจะหาสิ่งใดเปรียบ และอีกไม่กี่อึดใจมันก็คงจะระเบิดตัวรถแคบๆ นี้จนเป็นจุล