ตอนที่ 602 หลิวเหมยกับคำสั่งย้าย

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

การแสดงออกของคนที่มีความเคารพในตัวเองสูงเกินไปก็คือชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น ไม่ยอมรับการพ่ายแพ้ของตัวเอง เมื่อกี้ที่อวี๋หมิงหลางเสนอตัวจะช่วยไปตามให้ด้วยความหวังดี แต่ได้ไปล้ำเส้นของลุงเจ้าของเข้า ลุงถึงได้แสดงอารมณ์ไม่พอใจออกมา

 

 

“งั้นจือหมิงใช่คนที่ชอบดูถูกตัวเองหรือเปล่า? เมื่อกี้ผมได้ยินเขาพูดบ่อยมากว่าตัวเขาทำอะไรไม่ได้ดีสักอย่าง” อวี๋หมิงหลางเป็นคนหัวไว แค่เสี่ยวเชี่ยนอธิบายให้ฟังเล็กน้อยเขาก็เชื่อมโยงกับสิ่งต่างๆได้

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า

 

 

“ถูกต้อง จือหมิงก็คือแบบฉบับของคนที่ชอบดูถูกตัวเอง เขาไม่มีความมั่นใจ ไม่เชื่อในความสามารถของตัวเอง ชอบพูดติดปากว่าตัวเองสู้คนอื่นไม่ได้ เพียงแต่คนแบบนี้ทำไมถึงได้มีท่าทางแบบเมื่อกี้ ฉันยังไม่เข้าใจ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนนึกถึงสายตาอาฆาตของจือหมิงเมื่อครู่ก่อนไป ในใจก็รู้สึกแปลกๆ

 

 

“ผมได้ยินเขาพูดถึงพี่ชายที่ตายไป อาจเพราะพ่อแม่ชอบเปรียบเทียบพวกเขาตั้งแต่เด็ก และพี่ชายก็ดูแลเขาเสมอ พอพี่ชายตายเขาก็ถูกรังแกมาตลอด ถึงได้เป็นคนชอบดูถูกตัวเองแบบนี้”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของอวี๋หมิงหลาง ก็คงจะเป็นอย่างนั้น

 

 

หลังกลับไปถึงที่พักทั้งสองคนก็ล้างหน้าล้างตา ขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าจะไปเที่ยวไหนดีนั้นก็มีคนเดินเข้ามาที่ลานบ้าน

 

 

“ใครชื่ออวี๋หมิงหลาง?”

 

 

“ผมเอง”

 

 

“เมื่อกี้มีคนโทรศัพท์มาบอกให้ข้ามาหาเจ้า อาหลิวเรียกเจ้ากลับบ้านไปกินข้าว แล้วก็บอกให้เก็บเงินห้าหยวนจากเจ้าเป็นค่าส่งข่าวด้วย!”

 

 

ในภูเขาไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แต่ในเขตท่องเที่ยวล่างเขามีโทรศัพท์ ถ้ามีคนโทรเข้ามาก็จะนั่งรถขึ้นมาส่งข่าว ซึ่งก็ต้องจ่ายค่าจ้างให้

 

 

อวี๋หมิงหลางหน้านิ่ว นี่เป็นโค้ดลับของในหน่วย หัวหน้าใหญ่ให้เขารีบกลับไป

 

 

หลังจากเอาเงินให้คนส่งข่าวแล้ว อวี๋หมิงหลางก็หันไปทำหน้าเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูดกับเสี่ยวเชี่ยน ไม่รู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหน

 

 

“มองอะไรเล่า! เก็บของกลับไปสิ!”

 

 

“ลูกเชี่ยน…”

 

 

“ไม่ต้องพูด ยิ่งพูดฉันยิ่งหงุดหงิด ไปเถอะไปเลย!”

 

 

ตอนนี้ในใจของอวี๋หมิงหลางเซ็งยิ่งกว่าเสี่ยวเชี่ยน แผนขอแต่งงานที่เตรียมไว้ไม่สำเร็จ รักษาโรคหวาดกลัวการแต่งงานของเสี่ยวเชี่ยนก็ไม่บรรลุวัตถุประสงค์ บอกไว้ว่าได้ลาพักร้อนครึ่งเดือนก็อยู่ไม่ครบ อีกทั้งยังทำให้ลูกเชี่ยนไม่พอใจอีก

 

 

ระหว่างทางกลับทั้งสองคนได้แต่เงียบ

 

 

พอถึงเขตตัวเมือง อวี๋หมิงหลางก็เห็นรถที่มารอรับ เขาจึงเตรียมลงจากรถ เสี่ยวเชี่ยนเปลี่ยนไปนั่งตรงที่คนขับด้วยสีหน้าเรียบเฉย

 

 

อวี๋หมิงหลางยืนอยู่นอกรถ แล้วกำชับเสี่ยวเชี่ยนด้วยความไม่วางใจ

 

 

“สองวันนี้อย่าเพิ่งไปทำงานนะ สถานการณ์ยังไม่ค่อยโอเค”

 

 

“อืม ดูก่อน”

 

 

อวี๋หมิงหลางได้ยินน้ำเสียงเรียบเฉยแบบนี้ก็ไม่สบายใจ

 

 

“โกรธผมเหรอ?”

 

 

“เปล่า”

 

 

“งั้นผมไปก่อนนะ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนมองตามหลังเขาแล้วก็ตะโกนเรียก

 

 

“เสี่ยวเฉียง!”

 

 

อวี๋หมิงหลางหันมาแล้วมองด้วยสายตาเป็นเชิงถาม

 

 

“นายทนกับโรคจิตเวชของฉันได้ ฉันก็เข้าใจงานของนายเหมือนกัน วางใจเถอะ มีเวลาค่อยกลับมา ฉันจะรอนาย”

 

 

มุมปากของอวี๋หมิงหลางค่อยๆถูกยกขึ้น ความไม่สบายใจเมื่อครู่บินหายไปทันที

 

 

ภายในรถทหาร หัวหน้าใหญ่ที่รออวี๋หมิงหลางอยู่มองเห็นภาพบาดตานั้น

 

 

อวี๋หมิงหลางทำมือส่งจูบยกใหญ่ให้เสี่ยวเชี่ยนพร้อมทั้งทำมือรูปหัวใจ

 

 

ขณะที่อวี๋หมิงหลางเปิดประตูรถอย่างอารมณ์ดีเขาก็เห็นหัวหน้าใหญ่นั่งอยู่ด้านหลัง แล้วก็รู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมา

 

 

“หัวหน้า ถูกน้าหลิวข่วนอีกแล้วเหรอ?” ไม่อย่างนั้นทำไมหน้าตาดูไม่ได้แบบนั้น

 

 

“ฉันล่ะหมั่นไส้พวกนาย อย่างน้อยก็รักษาภาพลักษณ์หน่อยสิ คนเห็นกันเยอะแยะทำตัวประเจิดประเจ้อ เสียเกียรติทหารหมด” หัวหน้าใหญ่ยอมรับว่าคำพูดของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยความอิจฉาล้วนๆ

 

 

ใครใช้ให้เมียเขาถีบเขาออกจากบ้านล่ะ แล้วนี่ยังต้องมาเห็นภาพบาดตาบาดใจอีก!

 

 

“ผมไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบเสียหน่อย จะเสียเกียรติได้ไง หัวหน้าอย่ามาอ้างหน่อยเลย!” ตอนนี้อวี๋หมิงหลางอารมณ์ดีสุดๆ เขามองรถเก๋งคันเล็กสีแดงของเสี่ยวเชี่ยนค่อยๆห่างออกไปด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์

 

 

รู้สึกได้ถึงสายตาอิจฉาของคนที่นั่งอยู่ด้านหลัง อวี๋หมิงหลางจึงหยิบมือถือออกมา เอาให้หัวหน้าเคืองมากขึ้นอีกหน่อย

 

 

เขากดโทรศัพท์พลางพูดกับหัวหน้าใหญ่ “หัวหน้า ตอนนี้ยังไม่กลับหน่วยขอผมใช้โทรศัพท์เป็นการส่วนตัวหน่อยนะครับ~”

 

 

 

 

หัวหน้าใหญ่อยากจะส่งเสียง เหอๆ ออกไป พอเห็นเจ้าเด็กนี่กำลังมีความสุขกับความรักก็ยังไม่อยากบอกภารกิจที่กำลังจะต้องทำ ยังไม่อยากทำหมดอารมณ์

 

 

“หลิวเหมย นี่พี่หลางนะ”

 

 

เอ๊ะ? ไม่ได้โทรหาเสี่ยวเชี่ยนหรอกเหรอ? หลิวเหมย…อ๋อ เด็กคนนั้น! หัวหน้าใหญ่คิดว่าอวี๋หมิงหลางยังอาลัยอาวรณ์เสี่ยวเชี่ยนอยู่เลยคิดจะโทรหาหลังจากขึ้นรถแล้ว แต่ปรากฏว่าอวี๋หมิงหลางโทรหาลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง

 

 

“อ้อ ค่ะพี่”

 

 

เสียงผู้หญิงที่ฟังดูเป็นกันเองลอดออกมา ถึงเสียงจะทุ้มต่ำเล็กน้อยก็ไม่ได้น่ารำคาญ อีกทั้งยังให้ความรู้สึกเซ็กซี่เล็กๆ

 

 

“ได้งานหรือยัง?”

 

 

“ยังเลยค่ะ”

 

 

“พี่หางานให้งานนึง แต่ต้องมาเมืองข้างๆนะ”

 

 

“ที่นั่นค่าเช่าบ้านแพงไหมอะคะ?”

 

 

“เดี๋ยวพี่จัดการเรื่องที่อยู่ให้ แต่มีหน้าที่พิเศษจะให้ทำ รู้จักแฟนพี่ใช่ไหม? คือแบบนี้นะ…”

 

 

ในขณะที่หัวหน้าใหญ่กำลังงงว่าทำไมอวี๋หมิงหลางไม่โทรหาเสี่ยวเชี่ยน

 

 

ทันใดนั้นก็ได้ยินเขาพูดจาอ้อมไปอ้อมมาแล้วก็วกเข้าเรื่องเสี่ยวเชี่ยน รู้สึกเสียดแทงใจขึ้นมาอีกระลอก!

 

 

อวี๋หมิงหลางวางสาย เขาเห็นหัวหน้าใหญ่เอามือจับแก้ม

 

 

“หัวหน้าปวดฟันเหรอครับ?”

 

 

“ปวดกับผีสิ เอาล่ะ ไม่คุยเรื่องไร้สาระแล้ว One คำสั่งย้ายของนายมาแล้วนะ”

 

 

“คำสั่งย้าย?!”

 

 

หัวหน้าใหญ่ยื่นซองเอกสารให้อวี๋หมิงหลาง เขารับมาแล้วเปิดดู จากนั้นก็เก็บเข้าซองตามเดิม

 

 

“ดูจากท่าทางของนายคงไม่มีความสุขสินะ ไม่รู้จะอธิบายกับเพื่อนในหน่วยยังไงใช่ไหมล่ะ?”

 

 

“ครับ” อวี๋หมิงหลางไม่คิดว่าตัวเองจะถูกย้าย

 

 

ถึงจะรู้ว่าทหารต้องมีการย้ายประจำการ ไม่มีใครสามารถอยู่ที่เดิมได้ตลอดชีวิต แต่คำสั่งนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องร้ายสำหรับเขานัก แต่พอนึกถึงเหล่าเพื่อนทหารที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาต้องมาแยกจากกันก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าใจ

 

 

“การมาสร้างค่ายทหารที่นี่เป็นการตัดสินใจอย่างรอบคอบของเบื้องบน นายเป็นหัวหน้ากลางที่เก่งที่สุดของหน่วย การย้ายนายมาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักก็เพราะพวกเขามองการณ์ไกล”

 

 

“หัวหน้าใหญ่ ก่อนผมไปผมมีเรื่องอยากจะขอร้องเป็นพิเศษได้ไหมครับ?”

 

 

“ว่ามา!”

 

 

……

 

 

เสี่ยวเชี่ยนพอกลับถึงบ้านก็นั่งเหม่อที่โซฟา สงบสติอารมณ์ สักพักก็ทำใจได้ที่ต้องแยกจากคนรัก

 

 

จากกันครั้งนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้เจอกันอีก

 

 

เธอเปิดตู้เย็นก็เห็นของกินที่ถูกเขายัดไว้เต็มตู้ เกี๊ยวเป็นถุงๆถูกยัดแน่นเต็มไปหมด

 

 

พวกงานบ้านทั้งหลายอวี๋หมิงหลางชินแล้วตั้งแต่อยู่ในค่ายทหาร เขาอยู่บ้านไม่กี่วันข้าวของแต่ละอย่างก็ถูกเขาจัดแบ่งเก็บเข้าที่อย่างมีระเบียบ แม้แต่อาหารในตู้เย็นก็มีพร้อมสรรพ

 

 

ไม่รู้ว่าคราวหน้าจะได้เจอกันเมื่อไร พอคิดถึงตรงนี้ในใจก็รู้สึกเศร้า