ตอนที่ 603 หลงทิศกับรื่นตา

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

เสี่ยวเฉียงไปแล้ว วันหยุดหนึ่งอาทิตย์ที่เขาขอให้เธอก็เห็นได้ชัดว่าช่างยาวนาน ทางสถานีโทรมาถามพอดีว่าเสี่ยวเชี่ยนจะกลับไปทำงานเมื่อไร พิธีกรคนใหม่เอาไม่อยู่ ยอดคนฟังน้อยลงเรื่อยๆ เสี่ยวเชี่ยนคิดอยู่ว่าตัวเองก็ว่างๆเลยกลับไปทำงานดีกว่า 

 

 

พอไปถึงผู้กำกับก็ทำหน้าดีใจเหมือนได้เจอคนสนิท รีบโผเข้าไปหาเธอ 

 

 

“เหม่ยเหวย! ในที่สุดก็กลับมา! ฉันจะเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว รีบมารักษาฉันหน่อยเร็ว!” 

 

 

“มีอะไรเหรอคะ?” 

 

 

“ตอนที่เธอไม่อยู่นะ รู้ไหมว่าใครมาทำแทน? นางฟ้าสายฝนยังไงล่ะ! ฉันไม่เคยทำงานกับเขามาก่อน ไม่รู้เลยจริงๆว่าเบื้องหน้ากับเบื้องหลังตัวตนของเขาจะต่างกันขนาดนี้ ทำงานด้วยเหนื่อยมาก เขาให้ฉันช่วยกรองสายที่โทรเข้ามา สายไหนที่ปัญหาซับซ้อนมากๆเขาก็ไม่รับ นี่ไม่เอานั่นก็ไม่ดี เรื่องเยอะมาก นี่ยังไม่เท่าไรนะ พอฉันโอนสายเข้าไป เขาคุมสถานการณ์ไม่อยู่ ตอบคำถามคนฟังที่โทรเข้ามาไม่ได้ อีกทั้งยังใช้มุกตลกในรายการตลกที่ตัวเองทำมาเล่าขัดจังหวะ ทำให้คนฟังที่กำลังร้องไห้อยู่ถึงกับอารมณ์ขึ้นเกือบปาดข้อมือตัวเอง แฟนเขามาเอาเรื่องที่สถานีเลยนะ ปรากฏว่านางฟ้าสายฝนกลับผลักภาระมาที่ฉัน บอกว่าฉันไม่กรองคนโทรเข้ามาให้ดี ฮือๆๆ!” 

 

 

โชคดีที่หัสหน้าสถานีฉลาด รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่อย่างนั้นเธอคงได้ตกงานแน่! 

 

 

พอเห็นแบบนี้ถึงได้รู้ว่าเหม่ยเหวยสุดยอดจริงๆ ถึงปกติจะเสแสร้งเอาใจใครไม่เป็น ทำตัวเย็นชาแข็งกระด้าง แต่มีความสามารถในการทำงาน ไม่กลัวหลอกของปลอม กลัวของจริงจะไม่เจ๋งพอมากกว่า เหม่ยเหวยกลับมาแล้วนี่แหละความสุข! 

 

 

พิธีกรดีกับพิธีกรแย่ ดูจากมาตรฐานในการจัดรายการแล้ว การคุมรายการของเสี่ยวเชี่ยน ความเป็นมืออาชีพของเธอ ต่อให้มีเย่เสียวอวี่สิบคนก็สู้ไม่ได้ 

 

 

พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนจัดรายการอย่างราบรื่น ผู้กำกับก็ดีใจแทบน้ำตาไหล 

 

 

เหม่ยเหวยสุดยอดที่สุด! 

 

 

ไม่จำเป็นต้องคัดกรองคนฟังที่โทรเข้ามามากมาย ไม่ต้องเสียความรู้สึก เวลาเหม่ยเหวยอยู่ทำงานได้อย่างมีความสุข ผู้กำกับถูกเย่เสียวอวี่ทรมานได้สองวันก็ได้กลับสู่วันเวลาแห่งความสงบที่ได้ทำงานกับเสี่ยวเชี่ยน เหมือนมีเสียงเพลงเคล้าคลออยู่ตลอดเวลาทำงาน 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนจัดรายการจนเสร็จอย่างราบรื่น เธอเก็บของแล้วขับรถกลับบ้าน ตอนที่ขับผ่านร้านขายเนื้อย่างเสียบไม้เธอก็นึกถึงช่วงเวลาแห่งความสุขที่ได้กินเนื้อย่างกับเขา ท้องร้องขึ้นมาพอดี ไม่มีแฟนเอาใจก็ต้องซื้อให้ตัวเองนี่แหละ 

 

 

ขณะที่เธอกำลังเดินเข้าร้าน ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินโซซัดโซเซออกมาพยายามจะเดินเข้ามาหาเธอ หวังจะเอาตัวมาเบียด เสี่ยวเชี่ยนไม่ลนลาน เธอเอามือล้วงเข้าไปจับสเปรย์พริกไทยในกระเป๋าเตรียมพร้อมป้องกันตัว 

 

 

เสี่ยวเฉียงไม่อยู่ด้วย อีกทั้งยังมีคนโรคจิตโทรเข้ามา ดังนั้นพอเลิกงานตอนดึกเธอจึงต้องเตรียมพร้อมป้องกันตัวไว้เสมอ 

 

 

นอกจากสเปรย์พริกไทยแล้ว เสี่ยวเชี่ยนยังมีที่ช็อตไฟฟ้าเหน็บอยู่ตรงเอว ซึ่งของสิ่งนี้เป็นของต้องห้าม แต่ในช่วงเวลาสำคัญถ้าไม่พกของแบบนี้ไว้ใครจะวางใจทำงานตอนกลางคืนได้ล่ะ? 

 

 

“น้องสาวจ๊ะ ดึกดื่นป่านนี้มาคนเดียวเหรอจ๊ะ ไม่มีใครเที่ยวเป็นเพื่อนเหรอ มาดื่มกับพี่หน่อยไหมจ๊ะ แล้วเดี๋ยวเราไปเล่นอะไรสนุกๆกันดีไหม เอาให้ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดเลย~” 

 

 

ผู้ชายที่เนื้อตัวมีแต่กลิ่นเหล้ายืนอยู่ตรงหน้าเสี่ยวเชี่ยนพลางใช้สายตาลามกมองเธอ 

 

 

“กับนายอะนะ? เหอๆ ฝันเหรอ” เสี่ยวเชี่ยนใจเย็น รู้ว่าถ้ายิ่งลนลานคนแบบนี้ก็จะยิ่งได้ใจ 

 

 

“เฮอะ นังกระแดะ! อุตส่าห์พูดจาดีๆ—โอ๊ย!” 

 

 

ผู้ชายอันธพาลเอามือจับตา เขาถูกเสี่ยวเชี่ยนพ่นสเปรย์พริกไทยใส่ตา! ประธานเชี่ยนไม่กลัวคนขี้เมาแบบนี้หรอก 

 

 

ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนเตรียมจะใช้ที่ช็อตไฟฟ้าทำให้ชายขี้เมาคนนี้ได้ ‘ขึ้นสวรรค์’ ทันได้นั้นก็มีเสียงแหบๆแต่ไพเราะของผู้หญิงดังอยู่ข้างเธอ 

 

 

“คนสวย อย่าให้ต้องเปลืองไฟเลย จัดการด้วยมือฉันลดโลกร้อนกว่านะ!” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนหันไปมอง ผู้หญิงรูปร่างสูงเกิน170คนหนึ่งกำลังถือเนื้อย่างเสียบไม้ยืนอยู่ข้างเธอ หน้าตาดูดี แต่สีผิวค่อนข้างพิเศษ จะอธิบายยังไงดีล่ะ ไม่ถึงกับดำ ผิวคล้ำแบบคนสุขภาพดี ใครเห็นก็รู้สึกชอบ 

 

 

ผู้หญิงทั่วไปจะชอบให้ตัวเองผิวขาวผ่อง แต่ผิวเข้มของผู้หญิงคนนี้กลับทำให้คนดูสบายตามากกว่า โดดเด่นท่ามกลางฝูงชน ถึงขนาดที่ทำให้รู้สึกว่าถ้าเธอผิวขาวคงไม่ดูดีเท่าตอนนี้ ดูมีเอกลักษณ์ 

 

 

“ทำอะไรน่ะ เป็นผู้ชายเมาแล้วทำกร่างใส่ผู้หญิงคิดว่าดูเท่ห์นักเหรอ?” 

 

 

“พวกแก นังผู้หญิงอวดดี…ไม่อยากถูกตบก็ถอยไป!” ผู้ชายที่ถูกพ่นสเปรย์ใส่ตาพยายามลืมตาอย่างยากลำบาก แสบตาจนน้ำตาไหลก็ยังไม่ยอมแพ้ ขู่ผู้หญิงสองคนตรงหน้าต่อ 

 

 

“โอ้โหเฮะ! นอกจากพี่หลางแล้วก็มีอยู่ไม่กี่คนที่เอาชนะฉันได้! แกยังห่างชั้นอีกเยอะ! คนสวย ช่วยถือเนื้อย่างนี่หน่อย ถ้าหิวก็กินได้เลยนะ ฉันเลี้ยงเอง!” 

 

 

ผู้หญิงผิวสุขภาพดีคนนี้เดินขึ้นหน้าไปหนึ่งก้าว ดึงเสี่ยวเชี่ยนไปอยู่ด้านหลัง แล้วยัดเนื้อย่างในมือให้เสี่ยวเชี่ยน 

 

 

เจอคนจริงเข้าแล้ว เสี่ยวเชี่ยนเห็นผู้หญิงคนนี้ทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว ถีบเข้าไปที่ท้องผู้ชายคนนั้นอย่างแรง 

 

 

คนมีวิชา! 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนดูออกทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา 

 

 

ปกติแรงผู้หญิงจะต่างจากผู้ชายมาก แต่ผู้หญิงคนนี้ดูยังไงก็แข็งแรงกว่าผู้ชาย แค่ขาข้างเดียวยังถีบคนให้กระเด็นได้ ถีบเสร็จเธอก็สะบัดขา 

 

 

“เสียแรงทำคนอย่างแกเหมือนเป็นการหมิ่นเกียรติของฉัน ครั้งหน้าถ้าเห็นรังแกผู้หญิงอีกจะเอาให้สูญพันธุ์เลยคอยดู ไป!” 

 

 

ชายขี้เมาได้สติทันที รีบวิ่งหนีไป 

 

 

“เก่งเรื่องรังแกคนอื่นแต่ยอมรับการถูกลงโทษไม่ได้ ขอให้คราวหน้าได้เนื้อย่างไม่สุกมากิน!” ผู้หญิงร่างสูงยกนิ้วกลางให้ชายขี้เมา 

 

 

เธอหันไปหาเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนส่งของคืนให้  

 

 

“ขอบคุณค่ะ อยากกินอะไรอีกไหมคะ ฉันเลี้ยง” 

 

 

“ไม่ต้องหรอก ฉัน อวี๋หลิวเหมยไม่ชอบเห็นอะไรแบบนี้ จริงสิคนสวยบ้านอยู่แถวนี้เหรอ?” 

 

 

“ใช่ค่ะ” 

 

 

“งั้นรู้ไหมว่าที่นี่ไปยังไง?” ผู้หญิงคนนั้นหยิบกระดาษใบหนึ่งออกมาพลางพูดอย่างอายๆ 

 

 

“ฉันนั่งรถมาตามหาคน คนขับรถพามาส่งที่นี่แล้วก็ไป ฉันวนอยู่สามรอบแล้วก็ยังหาที่นี่ไม่เจอ จากนั้นก็หลงทาง…” 

 

 

เสี่ยวเชี่ยนมองที่อยู่บนกระดาษแล้วมองผู้หญิงตรงหน้า “คุณเป็นพวกหลงทิศ” 

 

 

นี่เป็นประโยคยืนยัน เพราะหมู่บ้านนี้อยู่ตรงข้ามร้านนี้ชัดๆ และเลขตึกกับที่อยู่ในกระดาษนี้เสี่ยวเชี่ยนคุ้นเคยเป็นอย่างดี 

 

 

เพรามันคือบ้านของเธอ 

 

 

“คนสวย! ทำไมสุดยอดแบบนี้ แปปเดียวก็รู้ความลับที่ฉันเก็บซ่อนมาหลายปี!”อวี๋หลิวเหมยมองเสี่ยวเชี่ยนด้วยความสงสัย รู้ได้ยังไงว่าเธอเป็นพวกหลงทิศ? 

 

 

“ในสมองฮิปโปแคมปัสของคนเรามีเซลล์ทิศทาง เซลล์ตำแหน่ง และเซลล์โครงข่าย ซึ่งจะช่วยพวกเราในการจำแนกทิศทาง คนบางคนสมองส่วนนี้ไม่พัฒนามาแต่กำเนิด จึงด้อยในเรื่องแยกทิศทาง” 

 

 

“ถึงจะฟังไม่ค่อยเข้าใจแต่ฉันชอบคำอธิบายของเธอนะ ใช่ ที่ฉันชอบหลงทิศไม่ใช่ความผิดของฉัน ต้องโทษพ่อกับแม่เลยที่ให้มาไม่พอ!” 

 

 

“คุณมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ?” เสี่ยวเชี่ยนมองบนกระดาษ เธอแน่ใจแล้วว่านั่นเป็นบ้านเลขที่ของเธอ 

 

 

“ฉันมาหาคู่หมั้นของพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันน่ะ” 

 

 

“ลูกพี่ลูกน้องเหรอ?” คงไม่ใช่เสี่ยวเฉียงของเธอหรอกนะ?