“ใช่ ปู่ของพี่หลางเป็นพี่น้องแท้ๆของปู่ฉัน พี่ฉันบอกว่าช่วงนี้มีคนจ้องทำร้ายว่าที่พี่สะใภ้ฉันอยู่ เลยให้ฉันมาเป็นบอดี้การ์ดให้”
“…คุณมาถึงตั้งแต่เมื่อไรคะ?” ตอนนี้เสี่ยวเชี่ยนพอจะเข้าใจอะไรแล้ว ผู้หญิงคนนี้ถูกอวี๋หมิงหลางส่งมาคุ้มกันเธอ
เรื่องนี้เขาไม่มีบอกเธอล่วงหน้าเลยสักนิด
“ถึงเมื่อตอนห้าโมงเย็น”
“ห้าโมงวนเวียนอยู่จนถึงเที่ยงคืน?!” คนที่ใจเย็นอย่างเสี่ยวเชี่ยนถึงกับควบคุมความตกใจไม่ได้
ผู้หญิงคนนี้อาการหลงทิศเป็นหนักขนาดไหนเนี่ย เดินวนอยู่ตั้งหลายชั่วโมงยังหาไม่เจออีก วนเวียนอยู่แถวนี้ทำไมไม่รู้จักโทรหาเธอ?
“อันที่จริงฉันมาถึงก็กินข้าวเย็นก่อน ฉันก็ตามกลิ่นมาจนเจอร้านอาหาร พอกินเสร็จฟ้าก็มืดแล้ว ถนนตอนกลางวันกับกลางคืนไม่เหมือนกัน ฉันก็เดินหาไปๆกลับๆ แต่ฉันเป็นคนไม่แม่นทิศก็เลยหาไม่เจอซักที จะโทรศัพท์ก็แบตหมด แล้วฉันก็ไม่รู้เบอร์พี่ชายด้วย…เบอร์ของว่าที่พี่สะใภ้ก็เซฟอยู่ในโทรศัพท์อีก”
เสี่ยวเชี่ยนนับถือผู้หญิงคนนี้จริงๆ เดินวนอยู่แถวหน้าหมู่บ้านเธอตั้งหลายรอบ นี่อาการหนักขนาดไหนเนี่ย
“แล้วทำไมไม่ถามคนอื่นล่ะ?”
“ถามแล้ว! ตอนแรกฉันถามลุงที่นั่งเล่นหมากรุกอยู่ตรงเสาไฟข้างทาง ฉันถามว่าที่นี่ไปยังไง? เขาก็ชี้ไปทางนึง ฉันก็เดินหา ปรากฏว่าวนอยู่รอบก็หาไม่เจอ ก็เลยกลับไปที่เสาไฟต้นนั้นอีก ก็ยังเจอลุงคนนั้นเลยถามอีกรอบ เขาก็ชี้กลับมาทางเดิมฉันก็เดินหาต่อ แล้วก็ยังเจอเขาอีก!”
อวี๋หลิวเหมยเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอเดินอยู่ตั้งนานก็ยังกลับไปที่เดิม
“จากนั้นล่ะ?”
“จากนั้นลุงคนนี้ก็ใช้ได้นะ พอเห็นฉันหาไม่เจอจริงๆก็ลุกขึ้นจะพาฉันไป เห็นฉันมีกระเป๋าใบใหญ่คิดจะช่วยถือด้วย แต่ฉันจะให้คนแก่ถือได้ยังไงล่ะ มันหนักมาก! เขาถามฉันว่าในกระเป๋ามีอะไร ฉันก็บอกเขาไป แล้วเขาก็เดินหนีไม่หันกลับมามองอีกเลย”
“แล้วตกลงในกระเป๋ามีอะไร?”
“กระบองคู่ เสียมเล็ก ถุงกระสอบ”
“อุ๊บ!”
เสี่ยวเชี่ยนกลั้นไม่อยู่
เธอเข้าใจความรู้สึกของลุงคนนั้น
ผู้หญิงประหลาดคนหนึ่งเดินวนไปเวียนมา อีกทั้งยังแบกเครื่องมือที่น่าสงสัยว่าจะใช้ในการฆ่าคนอำพรางศพ ไม่หนีสิแปลก!
“มีอะไรน่าขำเหรอ ฉันเรียนโรงเรียนศิลปะป้องกันตัวมา ของพวกนี้ใช้ฝึก ไปไหนก็ต้องเอาไปด้วย”
กระสอบทรายเตะพังไปไม่รู้กี่กระสอบแล้ว เพื่อเป็นการประหยัดเงินเลยพกถุงกระสอบเอง ไปที่ไหนก็ทำกระสอบทรายใช้เอง ทั้งประหยัดทั้งยังได้ฝึกแรงขา
เสี่ยวเชี่ยนมองท่าทางซื่อๆแกมน่ารักของผู้หญิงคนนี้ เป็นครั้งแรกที่เธอไม่โมโหกับการทำอะไรไม่ปรึกษาของอวี๋หมิงหลาง
“ไปเถอะ ฉันจะพาไปเอง”
“เอ๊ะ คนสวยเป็นคนดีจัง! งั้นเดี๋ยวแบ่งเนื้อย่างให้กินนะ!” เธอส่งเนื้อย่างให้เสี่ยวเชี่ยนหนึ่งไม้ เสี่ยวเชี่ยนรับมากัดกินไปคำหนึ่ง
“เอ็นเหนียวไปหน่อย ครั้งหน้าเดี๋ยวฉันพาไปกินร้านอร่อย ย่างดีด้วย ปลาย่างของเขาก็อร่อยเหาะ”
“คนสวยชอบกินหมูน้ำแดงไหม?”
“ถ้าทำอร่อยก็ชอบกิน คู่หมั้นฉันทำเก่ง ไว้จะพาไปชิม”
คนตะกละถูกซื้อแล้ว
อวี๋หลิวเหมยขึ้นรถเสี่ยวเชี่ยนอย่างว่าง่ายตามเสี่ยวเชี่ยนกลับบ้าน
“ปกติเป็นแบบนี้อยู่แล้วเหรอ?”
เสี่ยวเชี่ยนพาเธอเข้าลิฟท์แล้วถาม
“แบบไหน?”
“เอาของกินมาล่อก็ไปหมด? ไม่กลัวฉันเป็นคนไม่ดีเหรอ?”
“นึกขึ้นมาได้พอดี ก่อนหน้านี้มีลุงแปลกๆคนหนึ่งบอกว่าจะเลี้ยงของอร่อยฉัน ปรากฏว่าพาฉันไปที่ที่น่ากลัวคิดจะทำไม่ดีกับฉัน”
“แล้วไงต่อ?”
“ฉันก็เลยซ้อมเขา ถกกางเกงออกแล้วมัดกับต้นไม้ เอาปากกาเขียนบนตัวสี่พยางค์ว่า ฉันเป็นคนเลว กล้ามารังแกฉันไม่ได้รู้เลยว่าฉันน่ะแชมป์มวยหญิงระดับประเทศรุ่นที่สี่นะจะบอกให้!”
มิน่าเสี่ยวเฉียงถึงได้เรียกมา
เสี่ยวเชี่ยนเข้าใจแล้ว
อวี๋หมิงหลางคงไม่วางใจที่เธอต้องทำงานตอนดึก เลยให้ญาติมาช่วยดูแล
“คนสวย ฉันมีวิธีดูคนแบบพิเศษอยู่ ผู้หญิงที่ตรงไปตรงมาจะไม่บอกว่าตัวเองชอบหมูน้ำแดงตรงๆ อีกทั้งคุณเป็นผู้หญิงสวยขนาดนี้ ปกติไม่เสแสร้งแกล้งทำหรอก แค่นี้ฉันก็แน่ใจแล้วว่าคุณไม่ใช่คนเลว”
“อืม คุณตาดีนะ ฉันไม่ใช่คนที่ชอบเสแสร้ง”
เสี่ยวเชี่ยนพาเธอออกจากลิฟท์ “ที่นี่แหละ”
อวี๋หลิวเหมยมองกระดาษในมือแล้วยิ้มกว้างออกมา ในที่สุดก็เจอสักที
เสี่ยวเชี่ยนหยิบกุญแจออกมาเปิดประตู อวี๋หลิวเหมยมองตาโตด้วยความตกใจ
“คนสวย คุณ—”
“เปลี่ยนคำเรียกเถอะ ฉันนี่แหละคู่หมั้นของพี่ชายคุณ ตอนนี้คุณเรียกฉันว่าพี่เชี่ยนก็ได้ อีกหน่อยค่อยเรียกพี่สะใภ้” เสี่ยวเชี่ยนทำมือเชื้อเชิญเข้าบ้าน
อวี๋หมิงหลางโทรมาหลังจากนั้นได้สิบนาที
เสี่ยวเชี่ยนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ รูมเมทคนใหม่ควบตำแหน่งบอดี้การ์ดของเธอกำลังเอาเกี๊ยวที่เพิ่งอุ่นเสร็จวางบนโต๊ะ ก่อนมาพี่หลางบอกแล้วว่า อยู่ที่นี่มีเรื่องที่ต้องระวัง ข้อแรกๆก็คือห้ามให้พี่สะใภ้ลงครัวเอง ดังนั้นตอนที่เสี่ยวเชี่ยนบอกจะใช้ไมโครเวฟอุ่นเกี๊ยวให้อวี๋หลิวเหมยจึงรีบเสนอตัวทำให้ทันที
“ถึงบ้านแล้วเหรอ?” เสียงของอวี๋หมิงหลางดังลอดออกมาจากโทรศัพท์
“อืม เพิ่งถึง”
“เจอลูกน้องที่ผมหาให้หรือยัง? ผมโทรหาเขาไม่ติด”
“เจอแล้ว”
น้ำเสียงของเสี่ยวเชี่ยนทำให้อวี๋หมิงหลางรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจของเธอ เขาจึงกระซิบถามเบาๆ
“ลูกเชี่ยน คุณไม่พอใจที่ผมทำโดยพลการเหรอ? ผมไม่ได้คิดจะไม่บอกคุณเรื่องนี้นะ ก็แค่ตอนผมจะโทรบอกคุณหัวหน้าใหญ่ก็มาขู่ผม บอกว่าถ้ามาทำหวานกับแฟนต่อหน้าเขาอีกเขาจะจัดการผม เนี่ยพอผมว่างเลยรีบมารายงานคุณ”
อวี๋หมิงหลางรู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนเป็นคนที่มีนิสัยรักความเป็นส่วนตัว นอกจากรูมเมทสองคนที่เคยอยู่ด้วยกันแล้วก็ไม่ชอบให้คนอื่นเข้าไปยุ่งกับพื้นที่ส่วนตัวอีก เพียงแต่ครั้งนี้เรื่องเกิดขึ้นกะทันหัน เขาเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเธอ ในบรรดาญาติๆของเขา อวี๋หลิวเหมยเหมาะสมที่จะส่งมาอยู่กับเธอที่สุดแล้ว
เด็กคนนั้นพลังเยอะมาแต่กำเนิด ต่อมาถูกครอบครัวส่งไปเรียนที่โรงเรียนศิลปะป้องกันตัว เอาชนะผู้ชายตัวโตสองสามคนได้อย่างกับเป็นของเล่น
แต่เขาไม่ได้บอกลูกเชี่ยนก่อน ลูกเชี่ยนคงโกรธ
“อวี๋หมิงหลาง!”
“ครับ! ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ควรไม่โทรไปบอกก่อน ผมไม่ควร—”
“ใครพูดถึงเรื่องนี้? ฉันจะถามนายว่า ทำไมไปบอกอวี๋หลิวเหมยว่าฉันโง่เรื่องงานครัว?”
ประธานเชี่ยนติดใจกับเรื่องที่ตัวเองเข้าครัวไม่เป็นมาตลอด
ปกติก็พยายามปิดแทบตายไม่ให้คนอื่นรู้
อารมณ์เหมือนกับคนผิวคล้ำที่คอยคิดหาของมาขัดให้ตัวเองผิวขาว
เมื่อกี้เธอบอกอวี๋หลิวเหมยว่าจะอุ่นเกี๊ยวให้กินเป็นมื้อดึก อวี๋หลิวเหมยก็รีบเสนอตัวทำให้ทันที แต่เสี่ยวเชี่ยนจะให้แขกทำได้ยังไง กำลังคิดจะปฏิเสธก็ได้ยินอวี๋หลิวเหมยพูดว่าพี่ชายสั่งไว้ เสี่ยวเชี่ยนเป็นคนที่โง่เรื่องครัวที่ร้อยปีจะเจอสักคน ถ้าไม่อยากตายก็ให้เธออยู่ห่างๆครัวไว้ซะ
ประธานเชี่ยนได้ยินดังนั้นก็โมโหมาก อวี๋หมิงหลางกล้าส่งคนมาถึงบ้านอีกทั้งยังบอกว่าเธอโง่เรื่องงานครัว เรื่องนี้ใหญ่มาก!
“เรื่องแค่นี้เอง ผมก็นึกว่าคุณไม่ชอบหลิวเหมย เด็กคนนั้นกินเก่งไปหน่อยแต่นิสัยดีนะ ผมคิดว่าเมียผมก็น่าจะเข้ากันได้ดีกับเขา ลูกเชี่ยนช่วงนี้คุณไปไหนก็ไปกับหลิวเหมยนะ อย่าไปคนเดียว—”
“อย่ามาทำเปลี่ยนเรื่อง! ว่ามา! ฉันมันโง่ยังไง ร้อยปีจะเจอสักคนงั้นเหรอ?”
ตอนนี้เธอก้าวหน้าขึ้นเยอะแล้วโอเคมะ ใช้ไมโครเวฟต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อุ่นเกี๊ยวเป็นแล้วนะ!