เสี่ยวเชี่ยนไม่ยอมแพ้เรื่องที่อวี๋หมิงหลางพูดว่าเธอโง่งานครัว
เธอถึงขนาดต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโดยไม่ทำไมโครเวฟระเบิดได้แล้ว คนเก่งขนาดนี้จะเรียกว่าโง่ได้ไง?
แน่นอนว่าครั้งแรกที่เสี่ยวเชี่ยนใช้ไมโครเวฟต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั้นเกิดการระเบิดจริง หลังจากที่สูญเสียไมโครเวฟไปหนึ่งเครื่องเธอก็ได้ทักษะมา แล้วอวี๋หมิงหลางมีสิทธิ์อะไรไม่ยอมรับในความสามารถของเธอ!
เสี่ยวเชี่ยนไม่ยอม
“คุณใช้ไมโครเวฟยังระเบิดเลย ยังคิดว่าตัวเองเก่งอีกเหรอ?” อวี๋หมิงหลางไม่อยากเถียงกับเธอเรื่องนี้เลยจริงๆ
“เรื่องนี้โทษฉันได้เหรอ? ก็ในคู่มือการใช้ไมโครเวฟเขียนไว้ว่าห้ามนำภาชนะโลหะเข้า ห้ามใส่ไข่ทั้งฟอง แต่ไม่ได้บอกนี่ว่าไข่ดาวจะระเบิดด้วย!”
“ฟิสิกส์ที่เรียนมาสูญเปล่าเหรอ? เตาไมโครเวฟใช้คลื่นไมโครเวฟเพิ่มความร้อนให้กับโมเลกุลของวัตถุ ไข่ดาวพอเจอกับความร้อนของเตาไมโครเวฟก็จะเกิดแรงดันภายใน ตอนคุณทำไข่ดาวยังจะใช้ไม้จิ้มฟันเจาะปล่อยแรงดันออกมา ความรู้พื้นฐานง่ายๆแค่นี้ยังไม่รู้ยังจะมาเถียงอีกเหรอ?”
“สืออวี้ก็ทำแบบนี้ไม่เห็นเป็นไรเลย!”
“คุณคิดจะเดิมพันด้วยชีวิตหรือไง?”
อวี๋หลิวเหมยที่นั่งฟังอยู่ข้างๆถึงกับอึ้ง
ที่แท้ว่าที่พี่สะใภ้ที่หน้าตาดีดูฉลาดมีความสามารถคนนี้ ไม่ใช่แค่อุ่นเกี๊ยวจนเกือบใช้เตาไมโครเวฟระเบิดครัว นี่เธอเคยระเบิดครัวจริงๆด้วยเหรอ เทพมาก!
“อวี๋หมิงหลาง! ต่อไปถ้ากลับมานอนพื้นไปเลยนะ นายทำฉันโกรธรู้ไว้ซะด้วย!”
“ได้ ถ้าคุณไม่คิดว่านอนพื้นแล้วเอวบางๆจะเจ็บงั้นผมก็จะนอน!” อย่างไรเสียนอนไปได้ครึ่งทางเขาก็ลากเธอลงมานอนด้วยอยู่ดี!
ความรู้สึกพื้นสั่นไม่เหมือนกับเตียง ส่วนสูงต่างกันมุมที่มองห้องก็ต่างกัน ให้ความรู้สึกคนละอารมณ์ ต้องลองสัมผัสดูว่าชอบแบบไหน!
“ไอ้คนป่าเถื่อน!” อยู่ต่อหน้าอวี๋หลิวเหมยเสี่ยวเชี่ยนไม่กล้าด่าติดเรทเท่าไร ทำได้แค่ด่าพอให้ได้ระบายอารมณ์
“อยู่กับหลิวเหมยดีๆล่ะ เขาดูแลความปลอดภัยให้คุณได้ตอนที่ผมไม่อยู่ เด็กคนนี้กินเก่ง ซื้อของตุนไว้เยอะๆ” ฟังจากน้ำเสียงของเสี่ยวเชี่ยนดูเหมือนเธอจะไม่ได้ว่าอะไรที่น้องสาวจอมตะกละของเขาไปอยู่ด้วย เขาถึงได้วางใจ
“รู้แล้ว เสี่ยวเฉียงนาย—”
อันที่จริงเธออยากถามว่าเขาจะว่างอีกทีเมื่อไร
แต่คำพูดกำลังจะหลุดจากปากเธอก็รู้สึกว่ามันดูออดอ้อนเกินไป จึงเปลี่ยนเป็นพูดอย่างอื่น “ทำงานระวังตัวด้วย”
“รับทราบ”
พอวางสายอวี๋หมิงหลางก็มีสีหน้าเคร่งขรึม
ตอนนี้ตำแหน่งที่เขาอยู่ขับรถไปบ้านเธอไม่ถึงสิบนาที แต่เขากลับบอกเธอไม่ได้ว่าเขาอยู่ที่นี่
เรื่องน่ายินดีก็คืออีกไม่นานเขาก็จะได้อยู่กับเสียวเหม่ยแล้ว แต่ที่น่าเศร้าก็คือ เขาจะอธิบายกับเพื่อนในทีมว่าอย่างไร
ครั้งนี้นอกจากเขาแล้วเพื่อนคนอื่นๆก็มากันด้วย แต่ทหารที่เขาพามาด้วยนี้ยังไม่รู้ว่าตัวเขากำลังจะถูกย้าย ยังคงรอฟังคำสั่งจากเขาเหมือนตอนปกติ
“หัวหน้ากลางครับ มากันครบแล้ว” มีคนเรียกเขา อวี๋หมิงหลางเดินเข้าไปในห้องประชุม
นี่เป็นการเรียกประชุมด่วน ภายในห้องมีตำรวจสืบสวนพิเศษของเมืองนี้ อีกทั้งยังมีคนของอวี๋หมิงหลางที่ถูกเรียกตัวมาโดยเฉพาะ ตำรวจก็มาประชุมกันด้วย
อวี๋หมิงหลางนั่งที่หัวโต๊ะ ด้านตรงข้ามเขาคือหลินเจ๋อกว่างเพื่อนสมัยเรียน พอเห็นอวี๋หมิงหลางเขาก็เบ้ปาก
“ก็บอกไปแล้ว ให้เวลาเราหน่อยเดี๋ยวก็ปิดคดีได้ เบื้องบนจะให้พวก011มาให้ได้ เพื่อน งานการไม่โอเคเหรอ เป็นถึงหัวหน้ากลางของ011 ทำไมพาทีมมาทำคดีด้วยตัวเองเลยล่ะ อย่าบอกนะว่าเพราะเกี่ยวข้องกับแฟนตัวเอง แกไม่ใช่คนที่เอาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมาปนกันเสียหน่อย”
พอเจอกับการแซะของเพื่อนสมัยเรียนที่ไม่ได้มีเจตนาร้าย อวี๋หมิงหลางก็ไม่ได้โต้กลับทันที แต่กลับหันไปมองเพื่อนในทีมที่เขาสุดแสนภูมิใจด้วยความรู้สึกสับสน
“ใช่ ครั้งนี้ฉันไม่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว”
คำสั่งย้ายออกมาแล้ว อันที่จริงเขาไปได้แล้ว
ก่อนหน้านี้หัวหน้าใหญ่พูดในรถแล้วว่า พอส่งเอกสารเขาก็ไม่ใช่คนของ011อีกต่อไปแล้ว แต่เขากลับเสนอตัว อยากจะร่วมมือทำงานกับเพื่อนในทีมเป็นครั้งสุดท้าย
เขาเป็นหัวหน้ากลางแล้ว คดีแบบนี้ไม่ต้องผ่านมาถึงมือเขา แต่พอคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงเสียวเหม่ย อีกทั้งยังคิดเสียว่าเป็นการทำงานครั้งสุดท้ายกับเพื่อนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาหลายปี เขาจึงมาด้วย
พี่น้องทหารเหล่านี้ต่างไม่รู้ว่าหัวหน้ากลางของพวกเขาได้ถูกย้ายไปแล้ว ถึงเมืองQกับเมืองนี้จะอยู่ติดกัน แต่ก็สังกัดทหารคนละหน่วย
ครั้งหน้าถ้ามีการซ้อมรบทีมของอวี๋หมิงหลางก็จะกลายเป็นคู่แข่งกันแล้ว
หลินเจ๋อกว่างเป็นคนที่ช่างเก็บรายละเอียด พอเห็นท่าทางอวี๋หมิงหลางแปลกไปจากปกติ เขาก็รู้สึกได้แล้ว
“เพื่อน แก—”
อวี๋หมิงหลางรีบสงบสติอารมณ์แล้วพูดอย่างใจเย็น
“เริ่มประชุมได้แล้ว”
หลินเจ๋อกว่างพยักหน้า เขายืนขึ้น เดินไปที่หน้าเวทีแล้วเริ่มเปิดสไลด์ที่เป็นความลับให้ทุกคนดู ภาพที่อยู่บนหน้าจอทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องประชุมพากันพูดไม่ออก
“นี่เป็นคดีทำร้ายร่างกายอย่างหนักสองคดีของเมืองนี้ เหยื่อล้วนเป็นผู้หญิง ใบหน้าถูกทำร้ายอย่างสาหัส หลังจากที่เหยื่อเลิกงานในตอนดึกได้ถูกคนทำให้สลบจากทางด้านหลังแล้วทำให้เสียโฉม พวกเราคิดว่าถ้าเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปจะเป็นการสร้างความตื่นตระหนกในวงกว้าง ดังนั้นจึงยังเก็บเป็นความลับไว้ เบื้องบนได้สั่งให้พวกเราหลายหน่วยงานร่วมมือกันทำคดี โดยให้เวลาหนึ่งอาทิตย์ เพื่อคืนความสงบสุขให้กับสังคมต่อไป พวกเรามาดูภาพสถานที่เกิดเหตุกันนะครับ…”
หลังประชุมเสร็จหลินเจ๋อกว่างก็ไปหาอวี๋หมิงหลาง ทั้งสองคนเดินไปยังที่ที่ไม่มีคน หลินเจ๋อกว่างยื่นบุหรี่ให้อวี๋หมิงหลาง แต่เขาส่ายหน้าปฏิเสธ
“จะไปเมื่อไร?”
“เสร็จคดีนี้” อวี๋หมิงหลางไม่แปลกใจที่เขารู้
“ย้ายไปที่ไหน?” หลินเจ๋อกว่างเห็นอวี๋หมิงหลางทำสีหน้ามีลับลมคมในจึงชกหยอกๆไปหนึ่งที “รู้แล้วน่า ความลับอีกล่ะสิ?”
อวี๋หมิงหลางยิ้มอย่างมีเลศนัย ต่อไปเขาจะได้เจอเพื่อนเก่าคนนี้บ่อยๆแล้ว แต่จะยังไม่บอก ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเพื่อนจะช็อค
คำสั่งย้ายของเขาถูกให้มาเป็นรักษาการหัวหน้าใหญ่ของหน่วยเสินเจี้ยนที่เพิ่งก่อตั้งในเมืองนี้ ถึงจะเป็นหน่วยรบพิเศษที่เพิ่งก่อตั้ง ยังไม่ได้รับสมัครสมาชิก แต่หลังจากที่จัดตั้งได้แล้ว ต่อไปจะต้องร่วมมือกันทำงานกับตำรวจสืบสวนพิเศษมากขึ้น
“ย้ายไปก็ดี ต่อไปพวกเรามีเรื่องอะไร011จะได้ไม่ต้องมายุ่ง แต่ว่านะเพื่อน แกก็ต้องแยกกันอยู่กับเมียคนสวยอีกแล้วล่ะสิ ไม่รู้ว่าสภาพแวดล้อมที่ใหม่จะเป็นยังไงเนอะ คนเป็นแฟนกันเกลียดที่สุดคือเรื่องแยกกันอยู่ แฟนคนก่อนของฉันต้องเลิกกันไปก็เพราะระยะทาง…”
หลินเจ๋อกว่างส่ายหน้า ไม่อยากพูดเรื่องที่เจ็บปวดใจ
“จริงสิเพื่อน แกมาทำคดีที่นี่ทำไมไม่ไปนอนกับแฟนวะ มานอนหอพักพวกเราทำไม?”
เนื่องจากต้องร่วมกันทำคดี เบื้องบนจึงไม่ได้ให้ทีมของอวี๋หมิงหลางพักที่ค่ายทหารประจำเมือง แต่ขอที่พักจากตำรวจสืบสวนพิเศษ
อวี๋หมิงหลางตอบหลินเจ๋อกว่างด้วยสายตามีเลศนัยอีกรอบ ไม่บอกโว้ย!
อีกหน่อยเขาจะได้อยู่กับเสียวเหม่ยอย่างมีความสุขแล้ว แต่กับพี่น้องในทีม มีแค่ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย คดีนี้ต้องปิดอย่างสวยงาม เขาไม่อยากให้มีจุดด่างพร้อยในครั้งสุดท้ายนี้!