บทที่ 181 คุณธรรมประจำใจ

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

บทที่ 181 คุณธรรมประจำใจ

หากนับดูเวลาแล้ว พวกเขาออกมาจากที่จัดงานประลองมาเกือบสี่ชั่วโมงแล้ว หลังจากพูดคุยกันเสร็จแล้ว เฉินเฉียงและเจิ้งยี่จึงรีบกลับไป

ที่ลานประลองตรงจุดที่นั่งของแขกผู้ทรงเกียรติ จ้าวฮั่น ชุนเต๋า และฟางยี่ถูกประหารนะตรงนั้น ผู้ลงมือคือจ้าวหยางและคนของสำนักมังกรอาชูร่าหลังจากเฉินเฉียงออกไปส่งหยานเสวี่ย

การประลองสี่สำนักในที่สุดก็จบลงด้วยฉากแบบนี้ และคะแนนได้ถูกคำนวณเพื่อเตรียมมอบให้กับผู้ติดอันดับ

แต่ก่อนที่จะมีการประกาศคะแนนเป็นทางการ เฉินเฉียงถูกเรียกให้เข้าไปเต็นท์หลังใหญ่ที่ตั้งไว้เป็นจุดบัญชาการ

เว่ยหยวนตี้และผอ.สี่สำนักได้นั่งรอกันอยู่ก่อนแล้ว

“เฉินเฉียง ด้วยเรื่องที่เจ้านั้นสามารถเปิดเผยคนทรยศหลินฟานได้ หลังจากพวกเราพูดคุยกันแล้วพวกเราคิดว่าจะยกคะแนนของหลินฟานให้ เจ้าคิดว่ายังไงกัน”

ในฐานะที่เว่ยหยวนตี้เป็นประธานจัดงาน เขาได้พูดออกมาด้วยเสียงอันดังก้องพร้อมรอยยิ้ม

ในความเห็นของทุกคน พวกเขาเชื่อว่าเฉินเฉียงสมควรจะยินดีในทันทีเมื่อได้ยินข่าวนี้

นั่นก็เพราะเฉินเฉียงนั้นยอมสละเวลาในการรวบรวมคะแนนกว่าสามเดือนเพื่อตามเก็บหลักฐานการกระทำผิดของหลินฟาน และด้วยผลงานที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ย่อมเป็นธรรมดาที่เขาสมควรจะรับรางวัลนี้ไป

แต่เฉินเฉียงนั้นกลับมองไปยังคนที่เสียประโยชน์มากที่สุดในครั้งนี้

ผอ.แห่งสำนักเสือขาวที่เห็นแบบนี้ก็ได้พูดออกมาด้วยเสียงอันเหนื่อยอ่อน “เฉินเฉียง เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องในครั้งนี้เป็นคนของข้าที่ก่อความผิด ข้าย่อมต้องรับผิดชอบ”

“ยิ่งไปกว่านั้นคือจากหลักฐานของเจ้า หลินฟานเองเล็งแม้กระทั่งหลิวถังที่เป็นดาวเด่นแห่งสำนักข้าหมายจะให้กลายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์นั่นอีก”

“หากว่ามันทำสำเร็จ พวกข้าจะสูญเสียยิ่งกว่านี้”

“ข้า ตัวแทนแห่งสำนักเสือขาวจึงไม่คิดปฏิเสธการตัดสินใจของทุกคนในครั้งนี้”

ทางฝั่งสำนักเต่าดำในตอนนี้ ผู้อาวุโสลำดับสองจ้าวหยางนั้นในตอนนี้มีท่าทางที่ไร้เรี่ยวแรง เขาได้พูดออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้ง “เฉินเฉียง ข้าภูมิใจนักที่สำนักของเรานั้นยังมีอัจฉริยะแห่งเผ่าพันธุ์เช่นเจ้าอยู่”

“เมื่อเทียบเจ้ากับไอ้หลานระยำตำบอนของข้าแล้วนั้น………..เฮ้อออออออ”

“อย่าได้กังวลในเรื่องนี้ไป ถึงแม้จ้าวฮั่นจะเป็นหลานที่ข้าชื่นชอบที่สุด แต่นี่ก็เป็นความผิดของข้าเองเหมือนกัน ข้า จ้าวหยาง ไม่ใช่คนไร้เหตุผลขนาดนั้น”

“ยิ่งไปกว่านั้นคือ หลังจากเรื่องนี้ ข้ารู้ตัวแล้วว่าข้านั้นไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นผู้อาวุโสแห่งสำนักอีกต่อไป”

“หลังจากเสร็จการประลองแล้ว ข้านั้นจะออกไปแนวหน้าเพื่อสู้กับไอ้พวกนรกมนุษย์กลายพันธุ์ทั้งหลาย นี่คงพอที่จะช่วยให้ข้าลบล้างความผิดที่สั่งสมมาของหลานข้าได้บ้าง”

ท่าทางของจ้าวหยางในตอนนี้อยู่นอกเหนือจากที่เฉินเฉียงคิดไว้มากนัก

แต่เดิมเขานึกว่าจ้าวหยางคิดจะให้ทุกวิถีทางเพื่อจะป้องกันชีวิตหลานของเขาให้จงได้ หรือไม่ก็อย่างน้อยๆต้องเอาความแค้นทั้งหมดมาลงที่เขา

แต่ในตอนนี้เฉินเฉียงได้รับรู้แล้วว่าจ้าวหยางนั้นเจ็บปวดและยอมรับเรื่องราวในครั้งนี้ไว้เพียงผู้เดียว

“ผู้อาวุโสจ้าว ความไร้มารยาทของข้าก่อนหน้านี้นั้น ข้าขอให้ท่านอภัยให้ข้าด้วย”

หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงได้โค้งคำนับชนิดตั้งฉากจากพื้น

“ฮ่าฮ่าฮ่า เฉินเฉียง เจ้าไม่ต้องคิดเป็นจริงเป็นจังในเรื่องนี้ ข้าเชื่อว่าผู้อาวุโสจ้าวนั้นไม่เก็บเรื่องนี้ไปใส่ใจอย่างแน่นอน”

ผอ.เฉียนได้ยืนขึ้นมาและเดินมาอยู่ข้างๆเขาพร้อมหัวเราะดังลั่น ยิ่งเขามองเฉินเฉียงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เขานั้นรู้สึกพึงพอใจในตัวของเฉินเฉียงมากขึ้น

“เฉินเฉียง ดูเหมือนว่าสายตาของข้าถูกต้องแล้วจริงๆ เจ้าสร้างหน้าใหญ่โตให้กับสำนักมากมายเลยในครั้งนี้”

“ข้านั้นไม่คิดเลยจริงๆว่าเจ้าจะสามารถคว้าอันดับหนึ่งในการประลองครั้งนี้มาได้ เจ้านั้นได้สร้างชื่อเสียงให้สำนักอย่างมากมายเลยจริงๆ”

“เมื่อพวกเรากลับไป ข้านั้น….”

“โปรดหยุดก่อน”

ก่อนที่เฉียนฝู่จะได้พูดออกมา เฉินเฉียงได้พูดขัดขึ้นมาในทันที

เฉินเฉียงได้มองไปที่เฉียนฝู่ด้วยท่าทางลำบากใจ ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างช้าๆ “ผอ.เฉียน ข้าไม่สามารถรับคะแนนของหลินฟานไปได้”

“แม้แต่คะแนนของเว่ยฉิงเชิน ข้าเองก็ยังต้องการให้ถอนคืน”

“ยิ่งไปกว่านั้นคือ ข้า เฉินเฉียง หากข้ารับคะแนนเหล่านี้ไว้คงไม่อาจนอนหลับได้สบายไปตลอดชีวิตเป็นแน่”

“อันดับหนึ่งในครั้งนี้นั้นสมควรจะเป็นของศิษย์พี่เจิ้งยี่ถึงจะถูก”

“ห้ะ เฉินเฉียง นี่เจ้าพูดไร้สารอะไรกัน” เฉียนฝู่ได้มองที่เฉินเฉียงชนิดตาโตเท่าไข่ห่าน

เขาเองสามารถบอกได้เลยว่าท่าทางของเฉินเฉียงที่มีต่อเขาในตอนนี้นั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก เป็นไปได้ว่าเขานั้นยังคงขุ่นเคืองท่าทีของเขาที่แสดงออกมาตอนที่รู้ว่าเฉินเฉียงสังหารศิษย์ในสำนักไปก็ได้ แต่นั่นมันเกิดจากการที่เขานั้นไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังต่างหาก

อย่างไรก็ตาม ท่าทางของเฉินเฉียงที่มีต่อเฉียนฝู่ในตอนนี้ทำให้เขานั้นรู้สึกกระสับกระส่ายในทันที

การที่เฉินเฉียงพูดออกมาแบบนี้ราวกับว่าเขานั้นจะเป็นผู้ปฏิเสธข้อเสนอคะแนนก้อนโตนี้เองซะอย่างนั้น

ไหนจะคะแนนของเว่ยฉิงเชิน ลูกสาวสาวสุดที่รักของเว่ยหยวนตี้นั่นอีก

ก่อนหน้านี้ตอนที่เฉินเฉียงขับเว่ยฉิงเชินออกมาจากมิติประลอง เว่ยหยวนตี้นั้นยังไม่ปลื้มแบบสุด แต่เมื่อรู้ว่าเฉินเฉียงทำเพราะต้องช่วยเธอไว้ นี่ทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไปในทันที

แต่เขานั้นไม่คิดว่าเฉินเฉียงนั้นคิดปฏิเสธแม้แต่คะแนนที่ได้มาจากเว่ยฉิงเชินอีกด้วย ที่จะไม่ทำให้เว่ยหยวนตี้ประหลาดใจได้ยังไงกัน

เป็นตอนนี้ที่หลิวฉินแห่งสำนักวิหคอสนีบาตมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างที่สุด และเธอเริ่มสนใจเรื่องนี้ขึ้นมาในทันที

“เฉินเฉียง เจ้าหมายความว่ายังไง เว่ยฉิงเชินแห่งสำนักข้านั้นพ่ายแพ้ให้กับเจ้านั้นแล้วนี่ พวกเรานั้นยอมรับการสูญเสียแต้มคะแนนในครั้งนี้ เรื่องนี่ไม่สมควรอย่างยิ่ง”

“ไม่ครับ ผอ.หลิว เรื่องนี้ไม่สมควรนับว่าเป็นการพ่ายแพ้แต่อย่างใด”

“หากไม่ใช่เป็นเพราะหลินฟานนั้นต่อสู้พัวพันอยู่กับฉิงเชินล่ะก็ ข้าเองนั้นย่อมไม่อาจจะชนะเธอได้แบบซึ่งๆหน้าอย่างแน่นอน”

“ยิ่งไปกว่านั้นคือเป็นเพราะฉิงเชินนั้นเชื่อใจข้ามากเธอยังห่วงข้าแทนเลยด้วยซ้ำ นี่จึงเป็นธรรมดาที่เธอนั้นย่อมไม่คิดว่าข้าจะโจมตีเธอ”

“เป็นเพราะคะแนนที่ได้จากเธอด้วยซ้ำที่ทำให้ข้านั้นสามารถจัดการหลินฟานด้วยวิธีการนี้ได้”

“หรือจะให้พูดอีกอย่างก็คือ ฉิงเชินเองสมควรจะได้รับแต้มคะแนนจากหลินฟานด้วยซ้ำ”

“ยิ่งไปกว่านั้นคือ ตอนที่ข้าร่วมมือกับฉิงเชินแล้วยังไม่อาจทำอะไรหลินฟานได้จึงทำได้เพียงใช้วิธีการนี้เท่านั้น นี่ทำให้ข้านึกไม่สบายใจมาจนถึงตอนนี้ มันแสดงออกมาว่าข้านั้นแทบจะไม่คู่ควรกับการประลองนี้จริงๆ”

“ดังนั้น หากพวกท่านไม่จัดการเรื่องนี้ให้ดี ข้าเองก็คิดอยู่ว่าจะประกาศถอนตัวจากการประลองนี้จะดีซะกว่า”

“เฉินเฉียง เจ้า เจ้านี้มันงี่เง่านัก”

หลังจากเฉินเฉียงได้พูดจบลง เฉียนฝู่ที่ยืนอยู่ก็ได้จ้องมองไปที่เขาอย่างเขม็ง “เฉินเฉียง เจ้าเองก็เป็นศิษย์สำนักเต่าดำ เจ้าสมควรจะนึกถึงเรื่องของสำนักเราก่อนไม่ใช่รึไง”

“แล้วเจ้า…..เจ้ายังคิดพูดออกมาว่าเจ้านั้นไม่มีคุณสมบัติพอที่จะประลองออกมาข่มขู่กันอย่างนี้เนี่ยนะ”

เฉินเฉียงได้หันมาหาเขาและก้มหัวให้ในทันที

“ผอ.เฉียน ที่ท่านพูดมาก็ถูก ข้า เฉินเฉียงยังไม่ได้ออกจากสำนักเต่าดำแต่อย่างใด แต่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือท่านเองได้ทำให้ข้านั้นรู้สึกด้วยซ้ำว่าสำนักเต่าดำคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหมาะที่สุดสำหรับข้าในการบ่มเพาะที่นั่น”

“อย่างไรก็ตาม ท่านผอ.เฉียน โชคชะตาที่ดีที่สุดของข้านั้นคือการได้เป็นศิษย์ของอาจารย์ที่ดีแสนดีอย่างอาจารย์ฮู่ต้าไฮ่”

“อาจารย์ได้สอนข้าว่ามนุษย์นั้นจะดีจะร้ายยังไงแล้วต้องมีสิ่งที่เรียกว่าคุณธรรมประจำใจ”

“จะดีจะร้ายยังไงซะหากยังมีสิ่งนี้ไว้ยึดมั่น นั่นจะทำให้คนเรานั้นเป็นคนอย่างแท้จริง”

“หากสิ่งไหนเป็นของข้า ข้าย่อมต้องรับมันไว้ แต่หากสิ่งไหนไม่ใช่ของข้า ข้าย่อมไม่อาจรับมันไว้ได้”

“ผอ.เฉียน หากว่าข้านั้นรับคะแนนของเว่ยฉิงเชินไว้อย่างไม่กระดากอาย ท่านคิดว่าตัวข้าที่ถูกกล่าวว่าเป็นอัจฉริยะแห่งมนุษยชาตินั้นยังมีค่าพอจะนำพามวลมนุษยชาติได้หรือไม่”

หลังจากเฉินเฉียงได้พูดจบลง ในที่สุดเฉียนฝู่ก็ทำได้เพียงทรุดตัวลงบนเก้าอี้ของตน

หลังจากพูดคุยกันอีกครั้ง พวกเขาเห็นดีเห็นงามกับข้อเรียกร้องของเฉินเฉียง

แต่พวกเขานั้นยังมีสิ่งที่ไม่เข้าใจก็คือทำไมเฉินเฉียงถึงบอกว่าเจิ้งยี่นั้นสมควรจะได้ที่หนึ่งในการประลองครั้งนี้

และนี่ทำให้ซุนไคถามเฉินเฉียงออกมาด้วยความยินดี

“เฉินเฉียง ข้านั้นในฐานะที่เป็นผอ.ของสำนักมังกรอาชูร่าต้องขอขอบคุณเจ้าจากใจจริงที่เจ้าช่วยพูดให้กับเจิ้งยี่ของข้า”

“แต่ว่าข้านั้นก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าถึงพูดแบบนั้น เจ้าพอจะบอกข้าได้หรือไม่”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” เฉินเฉียงได้ยิ้มออกมาแล้วพูดต่อ “ผอ.ซุน หากว่าไม่ใช่เป็นเพราะศิษย์พี่เจิ้ง ข้าเองก็คงจะไม่ได้ใส่ใจในการกระทำของหลินฟาน หากข้าไม่ร่วมมือกับศิษย์พี่เจิ้งยี่ หลินฟานก็คงยังไม่ยอมเผยตัวตนออกมาด้วยซ้ำ”