ตอนที่ 252 เจ็บปวด

“ฉันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?” เธอพูดอีกประโยคหนึ่งขึ้นมา ราวกับกำลังพูดกับตัวเอง แต่ก็คล้ายคลึงเหมือนถามเขา

เธอรู้สึกเจ็บปวดจริง ๆ นะ!

“หลินจือเซี๋ยว เธอต้องจำไว้ว่าเธอคือผู้หญิงที่เหมือนกับผู้ชาย เขาไม่มาก็ถือว่าเขานั้นพลาดแล้ว เวลาก็ผ่านไปนานขนาดนี้แล้วนะ จะให้ฉันไปส่งเธอเลยไหม?” เขายืนขึ้นและหยิบเสื้อคลุมขึ้นมา

“เห็นได้ชัดว่าฉันนั้นอ่อนโยนเหมือนกับน้ำ จะเป็นผู้หญิงที่ดูเหมือนผู้ชายได้ยังไง?” หลินจือเซี๋ยวมองหน้าเขาอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมา

หลังจากที่ออกไปได้สักพัก เธอก็หยุดเดินและมองไปที่ฉีเซิงเทียนอย่างซาบซึ้ง “ผู้จัดการฉี ฉันรู้สึกว่าคุณมักจะดูไม่น่าเชื่อถือยังไงไม่รู้ แต่ว่าคืนนี้ต้องขอบคุณมากนะคะ ไม่อย่างนั้นฉันคงนั่งอยู่คนเดียวอย่างเขินอายแน่ ๆ”

“มะ……ไม่ต้องขอบคุณหรอก” เขาหยิบกุญแจรถออกมา ก่อนจะเหลือบมองไปที่เธอ “เดินตรงมาทางนี้สิ!”

“ฉันขับรถมาค่ะ ผู้จัดการฉี เจอกันพรุ่งนี้นะคะ” คืนพรุ่งนี้จะเป็นคืนงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัทจิ่ง

ฉีเซิงเทียนมองดูเธอเดินจากไป พลันคิดถึงสายตาของเธอที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดเมื่อครู่ ก่อนจะส่ายหน้าไปมา เรื่องโง่เขลาเมื่อครู่นี้ ทำครั้งเดียวก็เกินพอแล้ว

ทุกปีบริษัทจิ่งจะจัดงานเลี้ยง โดยจะงานเลี้ยงถูกจัดขึ้นที่โรงแรมจิ่งเทียน ที่แห่งนั้นจะมีเหล่าผู้บริหารระดับสูงมากมายมาเข้าร่วมงาน

กิจกรรมของบริษัทจะถูกจัดขึ้นภายในงาน ทุก ๆ ปีพนักงานในบริษัทจะได้รับรางวัลที่สุ่มได้สูงสุดถึงสิบล้านเกือบทุกปี ซึ่งนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมที่ทำให้พวกเขาทุกคนล้วนอยากเข้าร่วม

หลินจือเซี๋ยวช่วงนี้งานยุ่งมาตลอดทั้งเดือน ในที่สุดค่ำคืนนี้จะได้ตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้เสียที

ทางด้านอันโหรวที่นอนหลับอยู่ที่บ้านเป็นครึ่งค่อนวัน ในช่วงบ่ายก็ได้ถูกพาไปยังม่อหวน และไปเผชิญหน้ากับควีนโดยไม่ได้ตั้งใจอีกครั้ง

อันโหรวเหลือบมองไปยังจิ่งเป่ยเฉินที่นั่งอยู่บนโซฟาด้านหลัง ตอนนี้ใบหน้าของเธอล้วนไม่ได้แต่งเติมใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะตอนที่เธอถูกพามานั้น ช่วงที่อยู่บนรถเขาบอกว่าแป้งรองพื้นที่ซีดเหลืองนั้นก็ขอให้ควีนช่วยเธอวาดออกแบบมา ซึ่งส่วนตัวเขาเองก็เคยเห็นมาก่อน

จิ่งเป่ยเฉินเมื่อรู้ว่าควีนเคยเห็นใบหน้าที่เธอไม่ได้แต่งเติมใด ๆ มาก่อนก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในใจทันที

และจนถึงตอนนี้ก็แทบไม่เอ่ยปากพูดอะไรกับเธอเลยสักคำ ช่างเป็นคนที่ขี้งอนเสียจริง ๆ เลยนะ

ส่วนทางโอวหยางลี่ก็เคยเห็นมากกว่าเขาแค่สิบนาทีเองด้วยซ้ำ!

“แต่งหน้าให้ดี ๆ แต่งให้ขี้เหร่แค่ไหนก็ไม่เป็นไรหรอก!” เธอเลิกคิ้วขึ้นและพูดกับควีนด้วยรอยยิ้ม

“นั่นไม่ได้หรอก นี่ถือเป็นรองพื้นที่ซีดเหลือง แต่ฉันจะทำให้เธอสวยที่สุดเลยคอยดู!” ควีนพูดจบก็เริ่มตกแต่งใบหน้าของเธอทันที  

ที่ด้านหลังจิ่งเป่ยเฉินเงยหน้าขึ้นเหลือบมองไปที่พวกเขาอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะนั่งหลับตาลงสักพักและใช้มืออีกข้างหนึ่งหยิบนิตยสารมาอ่านอย่างเบื่อ ๆ

สองชั่วโมงผ่านไป ควีนที่ถือบลัชออนอยู่นั้นก็รีบเดินเข้ามาหาจิ่งเป่ยเฉินและเอ่ยอย่างมีความสุขว่า “ประธานจิ่ง! สิ่งนี้จะช่วยทำให้ดวงตาของคุณเป็นประกายงดงามอย่างแน่นอน!”

จิ่งเป่ยเฉินหลับตาลงเล็กน้อย ร่างกายสั่นเทาเบา ๆ เขาไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้น สีหน้าท่าทางของเขานั้นดูเย็นชาและเฉยเมยมากนัก

ในตอนนี้เขานั่งราวกับรูปปั้น มือที่สะบัดแปรงไปมาจู่ ๆ ก็หยุดลงและเดินไปที่ด้านหลังและพูดว่า “ประธานจิ่ง เรียบร้อยแล้ว”

จิ่งเป่ยเฉินรีบลุกขึ้นมาอย่างช้า ๆ ปลดปล่อยอารมณ์ตามสบาย ม่านทางด้านขวาถูกเปิดออก อันโหรวที่สวมชุดราตรีสีขาวกำลังเดินออกมาอย่างช้า ๆ ใบหน้าของเธอยังคงซีดเหลืองเหมือนเช่นเคย เพียงแต่การแต่งหน้าสไตล์นี้ดูแล้วช่างสวยสดงดงามมาก อีกทั้งชุดที่สวมใส่ก็ดูเข้ากับใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสมากจริง ๆ ในตอนนี้มันเปิดเผยอารมณ์ที่ดูสูงส่งอีกทั้งยังดูเย็นชาเล็ก ๆ ไม่เหมือนกับตัวเธอที่ดูน่าเกลียดเมื่อวันวาน

โหรวโหรวของเขา ไม่ว่าจะแต่งตัวปลอมเป็นคนน่าเกลียดยังไงก็ยังงดงามไม่เคยเปลี่ยนแปลง

อันโหรวเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ตรงหน้าและหยิบแว่นตาเก่า ๆ ของเธอขึ้นมาสวม แต่ควีนที่อยู่ด้านข้างราวกับเห็นหายนะบางอย่างจึงอุทานออกมาเสียงดังทันที “ไม่นะ ไม่เอานะ!”

“คุณอัน ในตอนนี้คงเรียกได้ว่าคุณคือราชินีที่งดงามที่สุดในงานเลยก็ว่าได้ หรือว่าอยากให้ตัวเองมีผู้ชี้แนะคอยสอนคุณอีก หรือจะให้ฉันช่วยตามหาคนช่วยชี้แนะให้เลยไหม?” เธอกำลังทำลายความพยายามที่ตนสร้างมาชัด ๆ!

เสียของแท้จริงเชียว!

อันโหรวเหลือบมองไปยังน่องเท้าของตนที่เปลือยเปล่าและพูดว่า “ใครบอกคุณเนี่ยว่าให้ฉันใส่กระโปรงสั้น ๆ แบบนี้?”

เลือกชุดราตรีแบบกระโปรงสั้นให้เธอแบบไม่คาดคิดนี่มันอะไรกัน แก้แค้นเหรอ นี่มันฤดูหนาวนะ!

“ตรงแขนก็ยังมีลูกไม้เล็กน้อยประดับอยู่นี่? ไม่หนาวหรอก เชื่อฉันสิ” เธอแต่งหน้าเป็นแบบนี้ เช่นนั้นเขาก็อย่าถือโทษตำหนิเธอเลยละกันที่ได้แต่งหน้าสวยงดงาม ทั้งยังแต่งตัววาบหวิวดูเย้ายวน ของแบบนี้สมกับตัวเธอจริง ๆ

ส่วนเรื่องแว่นตาอะไรนั่นล้วนแล้วเป็นความผิดพลาดที่ต้องถูกทำให้ลืม ๆ ไปซะ!

เธอเหลือบมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและพูดว่า “คุณยังมีหน้ามาเป็นโค้ชชี้แนะฉันอีกนะ!”

เขากล้าให้เธอแบบนี้ เธอก็กล้ารับมัน แม้คิดอยากจะหยุดรถกลางถนนและตบผู้ชายคนนี้เข้าสักฉาดก็ตาม

ควีนถึงยืนตะลึงงันในทันที สายตาของทุกคนล้วนหยุดอยู่กับที่หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาล้อเล่นกับผู้หญิงคนนี้อย่างตั้งใจ

จิ่งเป่ยเฉินเดินไปที่ด้านข้างของเธอ ก่อนจะโอบเอวเธอเล็กน้อย “ดูดีจริง ๆ ไม่อนุญาตให้ทิ้งฉันอีกนะ”

ครั้งนี้ควีนได้ตกตะลึงอีกครั้ง ทัศนคติด้านความงามของประธานจิ่งนี่ไม่เหมือนกับคนอื่นจริง ๆ ซึ่งในฐานะที่เขาเป็นผู้นำแฟชั่นก็ล้วนไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดมา

อันโหรวใช้ศอกดันตัวเขาออก ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ไม่โกรธแล้ว?”

“โกรธอยู่” เขาตอบกลับอย่างเย็นชา แต่ทันใดนั้นก็ค่อย ๆ คลายเอวของเธอออก ก่อนจะถอดเสื้อคลุมออกและสวมมันให้กับเธอ

ความอบอุ่นที่เสื้อยังคงเด่นชัด ความอบอุ่นนี้ไม่สะท้อนกับอารมณ์ของเขาหน่อยเลยใช่ไหม ไหนบอกเขาโกรธอยู่ แต่ดูจากท่าทางของเขาแล้ว ดูเหมือนจะไม่ใช่เลยสักนิด

ผู้ชายที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้ เธอชักจะไม่สนใจแล้วสิ

เมื่อมาถึงโรงแรมจิ่งเทียน เธอก็ถอดเสื้อคลุมของเขาก่อนจะโยนมันขึ้นไปบนรถ และก้าวลงจากรถไป จิ่งเป่ยเฉินเหลือบมองเธอเล็กน้อย ก่อนจะลงจากรถและยืนอยู่ข้าง ๆ รถสักพัก ก่อนจะเอื้อมมือไปหาเธอ

เพียงแต่มือของเธอกลับเอื้อมมาจับมือของเขาแทน จับมือแบบแน่น ๆ เมื่อลงจากรถเขารีบโอบเอวของเธอทันที เธอจึงก้มลงกระซิบเบา ๆ ว่า “นายตอนโกรธก็ดูเท่ไม่เบาเลยนะ รักษาภาพลักษณ์นี้ต่อไปเถอะ”

จิ่งเป่ยเฉินใบหน้าพลันจมลงทันที ผู้หญิงคนนี้ช่างรู้จักวิธีต่อต้านเขาเสียจริง ๆ

ภายในห้องโถงที่ดูคึกคักและใหญ่โต โคมไฟคริสตัลถูกประดับอย่างเป็นธรรมชาติ รูปแบบจานอาหารก็ล้วนแล้วจัดเรียงเต็มไปด้วยเครื่องแก้วสีเงิน มีผ้าแพรสีม่วงถูกพับเป็นนกกระเรียนกระดาษ บนโต๊ะอาหารถูกตกแต่งไปด้วยดอกกุหลาบสีขาวและสีม่วงอ่อน ความหมายที่งดงามเช่นนี้บ่งบอกถึงบรรยากาศระดับหรูหรา ทุกอย่างล้วนมีภาพลักษณ์แฝงอยู่ภายในทั้งสิ้น

การจับคู่สีที่ดูเหมาะสม กระทั่งตะเกียบแบบนี้ก็ช่างเป็นอะไรที่สะท้อนเหมาะกับเธอจริง ๆ ส่วนชายที่อยู่ข้างกายตัวเธอนั้นก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรแล้วด้วย

“สายตาของหลินจือเซี๋ยวนี่ไม่เลวเลยจริง ๆ นะ!” เธอยิ้มก่อนจะขยับแขนที่อยู่เอวของเธอไปมา “ประธานจิ่ง ตอนช่วงมอบรางวัลพนักงานโดดเด่นจะมอบของพวกนั้นให้เธอใช่ไหมคะ?”

“เธอยังไม่มีคุณสมบัตินั้นหรอก” ถ้าหากเธอบอกเขาตั้งแต่วันแรกว่าอันอีหานคืออันโหรว ก็คงไม่ต้องพูดรางวัลพนักงานโดดเด่นที่สุดแห่งปีหรอก ทุก ๆ ปีจะมอบให้กับเธอก็ยังได้

แต่ที่น่าเกลียดก็คือเธอกลับช่วยกันปกปิด ไม่ยอมพูดอะไรเลยนี่สิ!

จือเซี๋ยวอา! เธอช่างเป็นคนที่ทุ่มแรงเสียจริง ๆ นะ!

“เลขาอันค่ำคืนนี้สวยจริง ๆ เลยนะ!” ฉีเซิงเทียนถือแก้วไวน์และเดินเข้ามา เมื่อเห็นเธอภายในดวงตาของเขาก็เริ่มเป็นประกาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเธอแต่งตัวแบบนี้

“ความงดงามที่ไร้ที่ติแบบนี้คงอธิบายได้เลยว่าอะไรคือการที่เรียกว่าไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ช่างเหมาะกับชุดที่เลือกจริง ๆ” ฉีเซิงเทียนหยิบแก้วไวน์ที่อยู่ในถาดของพนักงานเสิร์ฟ ก่อนจะยื่นให้จิ่งเป่ยเฉินที่อยู่ตรงหน้า “พี่เฉิน สายตาของพี่นี่ช่างดีจริง ๆ”

จิ่งเป่ยเฉินรับแก้วไวน์จากมือของเขามาอย่างรวดเร็ว ก่อนหันไปถอดแว่นตาของเธอออกและพูดว่า “แบบนี้สิถึงจะสวยที่สุด”

อันโหรวยังคงมองไปที่ตัวของหลินจือเซี๋ยวที่อยู่ข้าง ๆ ฉีเซิงเทียน เมื่อเธอถอดแว่นตาออกก็ถูกสายตาของเธอมองมาอย่างสงสัย เขาเอาแว่นตาเก็บลงไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ

จิ่งเป่ยเฉิน นายนี่นะ คิดว่าตัวเองเป็นโค้ชผู้ชี้แนะหรือยังไง? คิดว่าแบบนี้มันดีมากอย่างนั้นเหรอ? สนุกนักหรือไงที่ได้เล่นบทบาทพวกนี้ น่าสนใจจริง ๆ นะ

“แน่นอนว่าสวยมากจริง ๆ!” เขาและจิ่งเป่ยเฉินถึงกับลดแก้วไวน์ลงเล็กน้อย ก่อนจะยกมันขึ้นมาดื่มจนหมด

ทางด้านหลินจือเซี๋ยวเมื่อเห็นอันโหรวมองมา เธอก็เข้าใจได้ในทันที

“ประธานจิ่ง พวกคุณพูดคุยสนุก ๆ ไปก่อนนะคะ ไว้ค่อยเจอกัน” เธอปล่อยมือของเขาออก ก่อนจะเดินไปข้างหน้า “ผู้จัดการฉี ขอยืมเพื่อนผู้หญิงของคุณหน่อยนะ”

หลังจากนั้นชายทั้งสองคนก็ยืนมองดูพวกเธอเดินออกไป ฉีเซิงเทียนหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาใหม่และดื่มมันอีกหนึ่งจิบ “พี่เฉิน ผู้หญิงของพี่เอาคู่เต้นรำของผมไปเสียแล้ว”

“คู่เต้นรำของนายคือใคร?” จิ่งเป่ยเฉินถามกลับอย่างเฉยเมย