ตอนที่ 253 นัดเดต
ฉีเซิงเทียนกระตุกมุมปากขึ้น ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีใคร”
หลินจือเซี๋ยวรีบดึงอันโหรวไปตรงมุมที่ไม่มีคน “โหรวโหรว เมื่อวานฉันไปนัดเดตมา แต่ว่าเขากลับไม่มา!”
อันโหรวมองเธอด้วยรอยยิ้มจาง ๆ สายตาเหลือบไปมองสร้อยคอที่เธอใส่อยู่ “เป็นความเสียหายที่เขาไม่มา”
“แต่ประเด็นไม่ใช่ตรงนั้น ประเด็นสำคัญก็คือจู่ ๆ ผู้จัดการฉีก็ไปอยู่ที่นั่น เขาเห็นว่าฉันถูกเท! ขายหน้าชะมัดเลย” หลังจากนั้นเธอก็เล่าเรื่องเมื่อคืนให้โหรวโหรวฟังหนึ่งรอบ ยิ่งเธอพูดก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวด
ทันทีที่เธอพูดจบก็เผยรอยยิ้มออกมา “จือเซี๋ยวสร้อยเส้นนี้ฉีเซิงเทียนให้เธอเหรอ?”
“สร้อยเส้นนี้แพงมากเลยใช่ไหม?” เธอยกมือขึ้นสัมผัสมัน มันดูแพงมากเลย
หลังจากงานเลี้ยงคืนนี้เธอจะไม่ใส่มันแล้ว
“ก็ไม่ได้แพงมากมายขนาดนั้น แต่มันพิเศษมากเพราะมีชิ้นเดียวบนโลก” ไม่ว่าเป็นเธอออกแบบหรือวิเวียนก็ตาม ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
มันมีมูลค่าพิเศษมากกว่าของที่อยู่ในท้องตลาดทั่วไป
หลินจือเซี๋ยวยิ้มไม่ออก ก่อนจะพูดขึ้นว่า “งั้นคงต้องคืนเขาแล้วสิ!“
“เธอใส่สร้อยเส้นนี้แล้วยังคิดจะคืนเขา อย่างมากเขาก็แค่ทิ้งไป เก็บไว้นั่นแหละดีแล้ว!” ไม่แน่อาจจะมีโชคชะตาที่ฟ้าลิขิตมาก็ได้
“ที่พูดก็ถูก คนนี้ก็ไม่เอา คนนั้นก็ไม่เอา” มีเธอที่คอยปลอบ เธอเองก็สบายใจขึ้นมาก จากนั้นทั้งสองคนก็เดินกลับเข้าไปในงานเลี้ยง
ภายใต้บริษัทจิ่งแน่นอนว่าย่อมมีโอวหยางลี่ที่เป็นหุ้นส่วน ข้างเขา ๆ ในตอนนี้มีเหลียวเว่ยที่มีสีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก ถึงแม้ว่าเธอจะแต่งหน้ามาแล้วก็ตาม แต่ดวงตาคู่นั้นกลับไร้ประกายจึงไม่สามารถปกปิดความเจ็บปวดที่ซ่อนลึกไว้ในจิตใจของเธอได้
อันโหรวมองย้อนกลับไปก็แทบไม่ได้สนใจตัวเหลียวเว่ยเลยสักนิด ค่ำคืนนี้เป็นงานเลี้ยงที่สำคัญต่อบริษัทจิ่งเป็นอย่างมาก และเธอเองก็ไม่ได้คาดหวังที่จะให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นทั้งนั้น
จิ่งเป่ยเฉินเงยหน้าเหลือบมองไปยังด้านข้างของโอวหยางลี่ เขาเปลี่ยนแก้วไวน์ที่ถือในมืออีกข้าง ก่อนจะเอื้อมมือไปกอดเธอ “จำสิ่งที่ฉันพูดไว้นะ”
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาพูดตอนไหนกัน?
รู้แค่คืนนี้เขาโกรธเท่านั้น เขาไม่ได้บอกอะไรเธอเลยด้วยซ้ำ มีก็แค่ถอดแว่นของตัวเองออก
“จะไม่ให้เธอคลาดสายตาฉันไปเด็ดขาด” ที่เขาเคยพูดไว้ครั้งก่อนหรือว่าเธอจะลืมมันไปแล้ว?
“ฉันหายไปจากนายได้ด้วยงั้นเหรอ?” เธอหลุบตาลงและชี้ไปที่เอวของเธอ หลังจากที่เธอกลับมาก็ไม่ได้ออกห่างจากเขาเลยแม้แต่ก้าวเดียว
“ดีมาก” เขาต้องการผลลัพธ์แบบนี้
ด้านหน้าของเขามีผู้คนหลั่งไหลเข้ามา แต่โอวหยางลี่และเหลียวเว่ยกลับยังไม่มา เธอหันไปมองก็พบว่าที่แท้โอวหยางลี่กำลังมองหาวิเวียนอยู่ต่างหาก!
จิ่งเป่ยเฉินผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนี้ เขาชิงมาก่อนแล้วยังจะเล่นแบบนี้ โอวหยางลี่มีสีหน้าดูเหมือนมีไพ่เหนือกว่า เธอรู้สึกว่าผู้ชายจอมวางแผนคนนี้ไม่สามารถยั่วยุเขาได้
จิ่งเป่ยเฉินนั้นยิ่งลำบาก เขาซื้อใจ แต่คนอื่นเจ็บปวด
ทันใดนั้นก็พบว่าก่อนหน้านั้นจิ่งเป่ยเฉินอดทนกับตัวเธอได้มาก มีบางครั้งที่ก็แอบทำตัวร้าย ๆ ใส่เธอ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอลำบากใจอะไรมากนัก
“คิดอะไรอยู่?” แก้วไวน์ในมือของเธอจู่ ๆ ก็ถูกชนเข้า พร้อมกับเสียงคุ้นเคยที่ดังขึ้นมาข้าง ๆ หู
“คิดถึงคุณอยู่!” เธอไม่ได้พูดโกหก เธอกำลังคิดถึงเขาจริง ๆ
“ได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝัน”
เธอตอบโต้ผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ กลับ ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้านี้เป็นคู่หูที่สำคัญของเธอ เมื่อครู่เธอเพิ่งได้สติกลับมาก็เลยพูดตอบโต้กลับไปแบบนั้น
เมื่อเห็นคนกลุ่มนั้นหลายคนล้วนมองมาที่เธออยู่หลายครั้งหลายครา อีกทั้งยังส่งยิ้มให้กับจิ่งเป่ยเฉินอีกด้วย “ผู้หญิงของประธานจิ่งนี่ช่างสวยไม่เหมือนใครจริง ๆ”
พูดโกหกแล้ว!
อันโหรวค่อย ๆ ยกไวน์ขึ้นดื่ม ฉีเซิงเทียนเองก็เพิ่งพูดแบบนี้ไป แต่ว่าคนอื่น ๆ ในงานเลี้ยงแบบนี้จะมีคนตาบอดมากถึงขนาดนั้นเลยหรือไง?
หรือเรียนหนังสือไม่ดีกันแน่ ๆ ถึงได้เรียนรู้วิธีมองสีหน้าแบบจิ่งเป่ยเฉิน นี่คงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรหรอกนะ
“ขอบคุณสำหรับคำชม” เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนและทำท่าทางสุภาพ พร้อมกับยิ้มอย่างปลื้มปีติให้
“ช่างมีมารยาทเสียจริง ๆ” ชายคนนั้นพูดขึ้นอีกครั้ง
มารยาทพวกนี้ล้วนแล้วต้องถูกสั่งสอนตั้งแต่เด็ก แต่สำหรับเธอแล้วมารยาทพวกนี้บางครั้งก็ใช้มันในคราวที่เป็นประโยชน์เท่านั้น
ในเวลานี้พิธีกรได้ขึ้นไปบนเวทีแล้ว
“ประธานจิ่งที่อยู่ด้านล่างเชิญขึ้นมาพูดบนเวทีด้วย” พิธีกรส่งสายตามาหาเขา แสงไฟสปอตไลต์ก็สาดส่องมาที่เขาทันที
อันโหรวปล่อยมือเขาออก นี่เป็นช่วงเวลาที่ต้องเตรียมตัว เธอไม่สามารถขึ้นไปบนเวทีกับเขาได้
แต่จิ่งเป่ยเฉินกลับไม่สนใจเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย เขาปล่อยมือออกแล้วโอบเอวเธอ ก่อนจะพาเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยกัน แสงไฟสาดส่องไปที่พวกเขาที่กำลังก้าวขึ้นไปบนเวที
“นายจะทำอะไร?” เธอกดเสียงต่ำพลางเอ่ยถาม
“เธอจะห่างจากฉันไปไม่ได้แม้แต่ครึ่งก้าว” ครั้งก่อนก็เกิดอุบัติเหตุ ครั้งนี้มีผู้คนมากมาย เขาต้องป้องกันและปกป้องเธอ
“นายเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? ฉันอยู่ในสายตานาย ไม่หนีไปไหนหรอก” เธอไม่ได้เป็นเด็กโง่ และเธออยากจะมองดูเขาอยู่ด้านล่าง ไม่ได้อยากขึ้นมาด้านบนแบบนี้ ความรู้สึกมันต่างกันนะ
แต่ว่าพูดไปตอนนี้พวกเขาก็ขึ้นมาอยู่บนเวทีแล้ว คนที่อยู่ด้านล่างต่างมองมาที่พวกเขาทั้งสองคน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ
แม้แต่ในงานแถลงข่าวผลิตภัณฑ์หยก จิ่งเป่ยเฉินก็ลากเธอออกไปด้วยโดยแทบไม่ได้พูดอะไร
พิธีกรวางไมโครโฟนในมือของเขา จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่ผู้ชมด้านล่างด้วยสายตาที่เย็นยะเยือกและพูดขึ้นว่า “ผลงานทั้งหมดที่ถูกจัดแสดงนับว่าไม่เลว ปีหน้าพวกเราจะพยายามต่อไป”
นี่พูดจบแล้วเหรอ?
อันโหรวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จ้องมองไปที่ตัวเขาพลางคิดในใจว่า ‘ไม่จริง! บิ๊กบอสนี่คุณจะพูดกระชับและรวดเร็วขนาดนั้นเลย!?’
“ค่ำคืนนี้ต้องขอต้อนรับคุณวิเวียนที่ได้กลายมาเป็นนักออกแบบประจำของบริษัทจิ่งแล้ว” เมื่อคำพูดของเขาถูกเอ่ยออกไป แสงไฟก็สาดส่องไปยังวิเวียน
เธอเผยรอยยิ้มอย่างสง่างาม “หวังว่าหลังจากนี้จะได้ร่วมงานกับทุกคนอย่างมีความสุขนะคะ”
เสียงปรบมือจากผู้คนล้วนดังกึกก้องขึ้นมาทันที อันโหรวที่ยืนอยู่บนเวทีเห็นได้ชัดว่าใบหน้าของโอวหยางลี่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นดูน่าเกลียด สีหน้าและแววตาล้วนจมลงอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อครู่นี้เขากับวิเวียนพูดคุยกันด้วยท่าทางที่เข้ากันได้ดี และคิดว่าเขานั้นคงสามารถเชื้อเชิญนักออกแบบระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียงคนนี้ได้แน่นอน จึงคิดไม่ถึงว่าตัวเธอจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่เสียแล้ว
จิ่งเป่ยเฉินยื่นไมโครโฟนให้พิธีกร จากนั้นเขาก็ก้าวลงจากเวที “ทุกปีนายก็พูดน้อยแบบนี้เหรอ?”
เพียงแค่สองประโยค ทุกอย่างก็ยังคงต้อนรับวิเวียน ก่อนหน้านั้นก็มีแค่ประโยคเดียวเองด้วยซ้ำ
“จะพูดเยอะไปทำไม?” เจ้าบ้านที่ดีควรจะพูดอะไรสักหน่อยสิ ไม่อย่างนั้นจะให้เจ้าบ้านทำอะไร?
“ไม่ต้องทำอะไรหรอก” เธอเม้มมุมปากและยิ้มให้ เพียงแวบสายตาแป๊บเดียว เธอก็มองเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่เธอคิดว่าจะไม่ได้พบเจออีกแล้ว
ในวันนั้นตอนที่เธอออกไปเพื่อพบเจอกับหานเซียว ก็บังเอิญได้คุณผู้ชายคนนี้ช่วยเอาไว้
เขาสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มและยืนอยู่ข้าง ๆ โคมไฟ ในมือถือแก้วน้ำผลไม้ ตัวของเขานั้นยังคงเผยรอยยิ้มบาง ๆ ส่วนข้าง ๆ ของเขานั้นก็มีผู้ชายอยู่หลายคนที่กำลังพูดคุยอะไรบางอย่าง จู่ ๆ ทันใดนั้นเขาก็ทำท่าราวกับมีความสุขขึ้นมา
ดูเหมือนว่าเขาจะรับรู้ถึงสายตาเธอที่มองอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมามอง ส่วนตัวเธอก็ส่ายหน้าไปมาอย่างนิ่งสงบ นั่นทำให้ผู้ชายที่อยู่ข้าง ๆ จ้องมองมาที่ใบหน้าของเธออย่างตั้งใจ
“มองฉันทำไม? หรือว่าเครื่องสำอางหลุดอีกแล้ว?” เธอเริ่มจะสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย
มือของจิ่งเป่ยเฉินโอบรัดเอวเธอแน่นขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเขายังคงจับจ้องที่เธอ แถมยังทำท่าทางราวกับไม่คิดจะปล่อยไปไหน “รู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน?”
“ใคร?”
“อันจวินเซวี่ยน”