บนท้องฟ้าที่สงบนิ่ง มีเพียงแค่เกล็ดของหิมะตกลงมา

เกล็ดหิมะตกลงมาโดยไร้เสียง ตกลงมาบนหัวของซ่วนเหมียวจื่อ เด็กๆ หลายคนไปอยู่ที่หน้าประตูห้องประชุมพร้อมทั้งตะโกนเรียก “หมี่โซ่ว หมี่โซ่ว ”

ยายาที่ถักผมเป็นผมเปียสองข้าง โบกมือให้หมี่โซ่วไป-มา “หมี่โซ่ว เจ้ารีบเร็วเข้า”

พวกเจ้าตะโกนเรียกหมี่โซ่วไปทำอะไรหรือ

ท่านย่า ท่านแม่ ท่านพ่อ จ่ายเงินให้พวกเขาแล้ว พวกเด็กๆ เลยอยากไปดูท่านรีดนมวัว ดูเสร็จถึงจะไปเอาถ้วย ได้ถ้วยแล้วจะเอาใส่นม เมื่อได้น้ำนมจะเอากลับบ้านไปให้ยายต้มให้ดื่ม

อืม มันเป็นแบบนี้นี่เอง

หมี่โซ่วใส่เสื้อที่ซ่งอิ๋นเฟิ่งช่วยทำให้ ทั้งตัวเป็นสีฟ้าทำจากผ้าฝ้ายใหม่ และในที่สุดเขาก็อำลาเสื้อผ้าเก่าของผู้ใหญ่

เด็กน้อยอาบน้ำเสร็จแล้ว เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน นอกจากเนื้อตัวขาวสะอาดเขายังมีสีหน้าผ่องใส คล้ายกับท่านลุง นอกจากรูปร่างที่ผ่ายผอมแต่หน้าตาส่วนอื่นไม่ได้ขาดอะไร ใส่รองเท้าหนังลา จ้องไปที่ซ่งฝูหลิงที่กำลังหวีผมให้เป็นทรงน้ำเต้า ดวงตาของเขาเบิกโตเป็นประกายสดใส

เด็กๆ กลุ่มหนึ่งถูกเรียกให้มารวมกลุ่มกัน เขาวิ่งตามไป

พวกเขาเดินผ่านประตูบ้านซ่งฝูเซิง เด็กๆ วิ่งเป็นเส้นตรงไม่ได้แล้ว จำเป็นต้องวิ่งผ่านผ้าห่มที่กำลังตากเพื่อไปซ่อนตัว

เด็กทุกคนเหมือนกับวิ่งทะลุเข้าไปในผ้าห่ม เด็กบางคนซุกซน ขณะที่วิ่งผ่านไปใช้มือจับไปที่ผ้าห่มที่เป็นน้ำแข็ง เหลือรอยมือไว้ให้ดูต่างหน้า

ดังนั้นจึงได้ยินเสียงเด็กหยอกล้อกันมาแต่ไกล เป็นเสียงเจี๊ยวจ๊าวผ่านไป

ท่านลุงของซ่งฝูเซิงหัวเราะเหอะๆ แล้วเดินไปที่ห้องใต้ดิน เขามองไปที่เด็กกลุ่มนั้น เท้าแตะพื้นดินและเดินทะลุผ่านไป

ระหว่างทางพบกับภรรยา ท่านลุงของซ่งฝูเซิงถามท่านป้าว่า เจ้ายังไม่ได้จ่ายเงินค่านมให้หลานใช่หรือไม่

ยังไม่ได้จ่าย

ลุงของซ่งฝูเซิงชี้นิ้วไปที่ท่านป้า ชี้นิ้วมือไม่หยุด

รู้สึกได้ว่าเขากำลังโกรธ

แต่ก่อน ท่านลุงชื่นชมภรรยามาตลอด ว่ารู้จักใช้ชีวิตและก็ยังชื่นชมบ่อยๆ ว่าสมองของท่านป้าฉลาดกว่าผู้หญิงวัยกลางคนคนอื่นๆ แต่ตอนนี้ท่านป้าไม่เป็นอย่างนั้น คนฉลาดคนนั้นหายไปไหน ครั้งนี้เขาพยายามทำความเข้าใจพฤติกรรมแปลกๆ ของภรรยา และพยายามเดาการกระทำอีกครั้ง แต่เรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นว่าภรรยาของเขาไม่ได้เปลี่ยนไป “เงินที่เพิ่งจ่ายล่ะ เอามาให้ข้า” ท่านป้าทำเสียงสงสัย “ท่านพี่ ท่านจะเอาเงินไปทำอะไร”

“เจ้าจะมายุ่งกับข้าทำไม”

ท่านลุงซ่งฝูเซิงโมโห รีบวิ่งเขาไปแบ่งถุงเงิน เขาโกรธจนร่างกายสั่นเทิ้ม

ยิ่งคิด ยิ่งโมโห เขากัดฟันพลางคิดว่า เดี๋ยวต้องไปจ่ายเงินค่าจองนมไว้สักครึ่งปี จากนั้นจึงเดินตรงดิ่งไปที่ห้องประชุม ท่านป้าเดินแกมวิ่งตามมาข้างหลัง ที่หน้าห้องประชุม มีคนสองคนยังไม่เดินจากไป

คนแรกคือเกาถูฮู่

เกาถูฮู่เขาเป็นพวกโกรธแล้วกู่ไม่กลับ เขาถูกภรรยาที่ตระหนี่เรื่องการใช้เงิน ทำให้โกรธจนต้องกลับย้อนมา

เขาบอกว่าหลานของเขาเป็นหลานแฝด แต่สะใภ้จ่ายเงินค่าจองนมไปแค่หนึ่งส่วน แล้วบอกให้เอานมกลับไปแบ่งเป็นสองส่วนให้หลานๆ ที่บ้านแทน

เกาถูฮู่บอก เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง บ้านเขามีผู้ใหญ่หลายคน ทำไมจะเลี้ยงเด็กแค่สองคนไม่ไหวเชียวหรือ เด็กสองคนรวมกัน ราคานมหนึ่งเดือนแค่ยี่สิบหวินยังจ่ายไม่ได้ สะใภ้คนโตก็ทำให้เขาโมโห “เจ้าจ่ายเงินแค่ส่วนเดียวให้เด็กสามคนกินนมด้วยกันใช่หรือไม่” สะใภ้คนโตตกใจจนหน้าแดงบอกว่า “ไม่ใช่ ไม่ใช่ ท่านพ่อ ข้าสาบาน ข้าไม่ได้พูดแบบนั้น ข้าเคยไม่คิดแบบนั้น”

“แต่การกระทำของเจ้ามันบ่งบอกให้คิดแบบนั้น หนึ่งวันผ่านไป เรื่องควรจะประหยัดก็ไม่ประหยัด เรื่องไม่สมควรประหยัดกลับตระหนี่ถี่เหนียว”

ด้วยเหตุนี้ เกาถูฮู่จึงนำเงินมาจ่ายค่านมเพิ่ม

และอีกครอบครัวหนึ่งก็คือบ้านท่านแม่ของซ่งฝูเซิง

ซ่งจินเป่ากับท่าย่าหม่ากำลังต่อล้อต่อเถียงกัน

“ท่านจ่ายเงินค่านมให้ข้าหรือยัง พวกเขาไปรีดนมวัวแล้วนะ” ซ่งจินเป่าพูดอย่างรีบร้อนเอามือไปปิดที่แก้มกับหู

“เจ้าโตขนาดนี้แล้ว จะดื่มนมไปทำไม”

“ข้าโตแล้วหรือ ข้าคิดว่าข้ายังไม่โตนะ ข้าควรจะดื่มนม”

“ท่านย่า ข้าทำงานได้เงินหนึ่งคะแนนนะ”

“เงินหนึ่งคะแนนของเจ้า ไม่ใช่เอามาไว้เลี้ยงข้าหรอกหรือ”

“ใช่แล้ว” ซ่งจินเป่าใบหน้าเต็มไปด้วยความต้องการ เงยหน้าขึ้นไปมองซ่งฝูเซิง “ลุงสามยังมีงานอะไรให้ข้าช่วยทำหรือไม่ ข้าจะทำงานให้เยอะๆ จะได้มีเงินส่วนแบ่งเยอะขึ้น ข้าจะต้องดูแลท่านย่าและก็ยังอยากดื่มนม ท่านช่วยข้าออกความคิดเห็นหน่อย”

ซ่งฝูเซิงถูกสีหน้าของหลานชายทำให้หัวเราะออกมา ขณะที่เขากำลังจะพูดว่า “ถ้าอยากกินนม ข้าจะบอกวิธีกับเจ้า ให้พ่อของเจ้ารีบทำงาน อย่าชักช้า ต่อไปให้เขารีบทำถังออกมาหลายๆ ใบ เมื่อนั้นข้าจะให้เจ้าดื่มนมฟรี”

แต่ยังไม่ทันได้พูดออกไป พี่ใหญ่ซ่งฝูไฉก็รีบพูดขึ้นก่อนว่า

ซ่งฝูไฉบอกว่าให้ท่านย่าจ่ายเงิน “ข้าบอกท่านย่าแล้ว่านี่ไม่ใช่เงินยี่สิบตำลึง นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนคุยกันไว้แล้ว พวกเราจะต้องทำตามกฎ ท่านไม่สามารถพูดได้ว่า เพราะพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน แล้วต้องทำให้น้องสามลำบากใจ น้องสาม ไม่นานมานี้ข้าซื้อของให้เจ้า ซื้อผ้าฝ้ายสิบจินเป็นเงินเท่าไร หลักๆ ก็คือต้องการสนับสนุนงานของน้อง หากท่านยังชอบฝ่าฝืนกฎ ต่อไปใครยังจะมาเชื่อน้องสามอีก เพื่อให้เป็นตัวอย่าง เอาอย่างนี้ได้ไหม” ต้าหลังยังบอกอีกว่า “ท่านย่าจ่ายเถอะ ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ให้หักจากส่วนของข้า จ่ายให้น้องเล็กเถอะ”

“ขอบคุณพี่ใหญ่จริงๆ” ซ่งจินเป่ามองต้าหลังแล้วยิ้ม ยิ้มจนเหมือนดอกไม้บาน

ต้าหลังใช้มือจับหัวเขาเบาๆ เขามองต้าหลังอีกครั้ง “ต้าหลังจะดื่มนมด้วยหรือไม่”

ความจริงแล้ว เหมือนกับที่ซ่งฝูไฉพูดแบบนั้น จำนวนเงินไม่เท่าไร ซงฝูเซิงจึงไม่ใส่ใจเรื่องนี้

โดยเฉพาะ เขาเป็นหลานแท้ๆ ถ้าดื่มแล้วจะเป็นอะไร เขาไม่ได้ต้องการค่านมคืน

แต่ที่เขาไม่ปฏิเสธ เพราะท่านลุงซ่งบอกไว้ กฏนี้เริ่มจากการจองดื่มนมวัว ทำให้เป็นตัวอย่าง ต่อไปจะได้ไม่มีคำว่า เอะอะก็ไปกินข้าวบ้านท่านลุงสาม เด็กๆ ร้องไห้ ก็วิ่งมากินข้าวได้

ถึงแม้บ้านเขาจะไม่เคยขาดแคลนเนื้อสัตว์ ไม่เคยขาดแคลนข้าว แต่การใช้ชีวิตของทุกคน ต่อไปก็ต้องไม่เหมือนเดิม

ลองคิดดู หากเขากำลังกินข้าวที่บ้าน เด็กๆ ได้ยินว่ามีของอร่อยจึงชวนกันมาทั้งหมด จะต้องไปทำเพิ่มให้เขาใช่หรือไม่ เรื่องยุ่งวุ่นวายก็จะตามมาไม่หยุดหย่อน

ดังนั้น สิ่งที่เขาจะทำได้ก็คือ รับเงินให้น้อยๆ หรือรับเงินเดือนให้ต่ำกว่าคนอื่น และคิดหาวิธีให้เด็กๆ ได้ดื่มนม ที่จริงแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าการดื่มนมทำให้รูปร่างสูงใหญ่ได้จริงหรือไม่ แต่ถ้าได้ดื่มนม ร่างกายจะต้องดีกว่าไม่ดื่มแน่ๆ เขาหวังแค่ว่าเด็กพวกนี้ ต่อไปจะมีร่างกายแข็งแรงสูงใหญ่

ท่านย่าหม่าควักเงินออกมายี่สิบเหวิน อย่าคิดว่าจะจองดื่มนมให้แค่ซ่งจินเป่า ต้าหลังก็ต้องดื่มด้วย จะได้ไม่มีคนไปพูดว่าให้แค่ลูกคนรองดื่ม แต่ลูกคนโตไม่ได้ดื่ม ต่อไปจะบอกว่าข้าลำเอียง “ให้เจ้า ให้เจ้า”

นี่คืออะไร ซ่งฝูเซิงหัวเราะ เหอะๆ แล้วบอกว่า “ท่านแม่ เมื่อครูตอนที่ประชุม ข้าพูดไม่ค่อยสะดวก ข้าจะบอกท่านให้ท่านพักผ่อน ต่อไปพวกข้าสามพี่น้องจะดูแลท่านเอง ท่านลองคิดดูให้ดีๆ จริงๆ นะพวกเราทำได้ ท่านทำงานได้แค่สามคะแนน ส่วนพวกเราสามคน ถ้าประหยัดกันคนละหนึ่งคะแนน ก็เท่ากับเงินที่ท่านจะได้ไม่ใช่หรือ” ท่านย่าหม่ารีบหันหลังแล้วเดินออกไป

ไม่ฟัง ไม่ฟัง นางกลัวว่าลูกสามพูดไปพูดมาจะทำแบบนั้นจริงๆ นางกลัวว่าเขาจะตัดเอาเงินค่าแรงของนางออก

พอเดินถึงประตู เขาเห็นลุงคนโตของซ่งฝูเซิงกำลังเดินมา ท่านย่าหม่ายืนหยุดรอ

ไอ้หยา เป็นอะไรหรือพี่ใหญ่ ทำไมหน้าตาท่านเป็นแบบนั้น ข้างหลังเป็นท่านป้าที่ดูแล้วเหมือนว่าแม้แต่ผายลมก็กลัวกลิ่นลอยหายไป เกิดอะไรขึ้นหรือ เพิ่งแจกกันเงินไม่ใช่หรือ

ท่านย่าหม่าอยากดูเรื่องสนุกต่อ แต่หันไปก็มองเห็นลูกสาม ช่างเถอะ ช่างเถอะ

พอเถอะ วันนี้เพิ่งแจกเงิน ทุกบ้านมีเงินเดือนแล้ว บรรยากาศการทำงานก็ไม่เหมือนเดิม ผู้ชายร่างกำยำใช้แรงแขนจนแดงไปหมด

ผู้หญิงวัยกลางคนทำงานไปด้วย พูดคุยเสียงเจี๊ยวจ้าวไม่หยุด ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องเดียวกัน

หาเงินได้แล้ว ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นเงินที่ทำจากโลหะเป็นรูปต่างๆ ทำไมถึงจัดบ้านเสร็จเร็วขนาดนี้ ทุกคนต่างสอบถามการวางแผนต่างๆ จะซื้อผ้าฝ้ายดีไหม ซื้อฝ้ายกี่จินดี แต่ในที่นี้ ท่านย่าหมากลับไม่เหมือนคนอื่น นางอยู่ที่นี่เหมือนไม่มีตัวตน เพราะจริงๆ แล้วใจนางไม่ได้อยู่ที่นี่

ซ่งฝูหลิงกำลังถูกเฉียนเพ่ยอิงหัวเราะในความสามารถที่เกินตัว ทำไมเจ้าถึงทำงานได้เก่งขนาดนี้ แค่กระพริบตา ราวตากผ้าจากเชือกก็ถูกเอามาติดในห้องนี้เรียบร้อย ท่านย่าหม่ามาพอดี

“เจ้ามาดูนี่ อยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย ข้าบอกแล้วไงว่าจำนวนไหไม่ถูกต้อง” ท่านย่าหม่าเดินเข้ามาในห้อง ก็เริ่มค้นหาของ เขาค้นหาน้ำมันงา น้ำมันถ่านหินในโหล นางใช้มือชี้ไปมา บอกว่าจะไปฟ้อง

สายตาซ่งฝูหลิงจ้องไปที่ผมของท่านย่า นางรู้ว่าย่าของนางกำลังพูดเล่น ใจจริงของท่านย่าอยากจะยกของกองกลางกลับมาไว้ที่บ้านตัวเองมากกว่า นางหยอกล้อท่านย่าหม่า “ท่านย่าท่านอย่าฟ้องเลย ถ้าท่านจะฟ้อง มันไม่มีของบ้านข้า ท่านพ่อของข้ารับผิดชอบดูแลคนที่ถูกฟ้อง มาเถอะท่านย่า มาขึ้นเตียงเตา ข้าจะใส่ยาที่ผมให้ท่านเอง”

สิ่งนี้คืออะไร ไปขโมยใครมา เอามาไว้ใส่ผมหรือ

ไอ้หยา พวกเจ้านี่มันเป็นลูกเมียที่ล้างผลาญจริงๆ

เฉียนเพ่ยอิงถูกแม่สามีใช้น้ำเสียงเย็นชากระแนะกระแหนหนึ่งครั้ง และยังไม่ทันได้โต้ตอบกลับ เพราะนางมัวแต่ยืนนิ่งตกตะลึงอยู่ ลูกสาวกับท่านย่าก็พากันพูดเรื่องใหม่ไปแล้ว

“ท่านลองบอกหน่อยสิว่าท่านทำไมถึงจะไม่รักษาเหา ท่านจะต้องรักษาเหานะท่านย่า ท่านย่าที่รัก ข้าจะต้องอยู่ใกล้ชิดกับท่าน ข้าไม่อนุญาตให้ท่านเป็นแบบนี้”

“ข้าเป็นแบบไหนก็ช่าง ถ้ามีเหาก็ให้เหาอยู่ในหัวข้าไปสิ ไม่ได้มีผลต่อการกินการนอน”

“ไม่ได้ ข้าต้องอยู่ตรงนี้ ท่านเป็นเหาแบบนั้นไม่ได้ ข้า? ลืมไปเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรอีก ข้าขอล่ะ”

“ไม่พูด” คำนี้ของซ่งฝูหลิงเกือบโดนฝ่ามือ ใครก็คงไม่เข้าใจ คนที่ดูเหาผ่านแว่นขยาย

ความรู้สึกสะอิดสะเอียนในจิตใจรุนแรงเป็นหลายเท่า

ท่านย่าหม่าจ้องตาหลานสาวและมองหน้าหลานสาว

ท่านย่าไม่เข้าใจคำว่า “ข้าทนไม่ไหวแล้ว”….แต่ท่านลองดูหน่อยเถอะ ทำไมพูดไปพูดมาเหมือนมีความรู้สึกอยากจะบ้า “เจ้าบอกย่าไม่ให้พูดรึ พวกเรากำลังพูดถึงน้ำมัน นั่นคือน้ำมันงา เจ้าคิดว่าราคาแพงไหม เจ้าขโมยกลับมากิน ข้าไม่ฟ้องเจ้าก็ดีเท่าไหร่แล้ว แต่เจ้าไปทำร้ายคนอื่นโดยการเทน้ำมันลงบนหัวข้า”

“ต้องให้ท่านทามันลงบนผม เพราะท่านพ่อของข้าบอก ต้องทำอย่างนี้เหาถึงจะตายเร็วท่านลองพูดมาสิ ทำไมข้าถึงต้องทาน้ำมันบนหัวท่านทุกวัน”

ข้า?

“ท่านย่าเสียดายเงินค่าน้ำมันหรือ ท่านขาดเงินหรือ ข้าจ่ายท่านได้ นอกจากเงินค่าแรงงาน ข้ายังสามารถหาเงินค่าน้ำมันได้ด้วย ท่านจะให้ข้าทาหรือไม่”

ข้าเหรอ?

“ท่านพูดออกมาเลยว่าได้หรือไม่ได้”

ท่านย่าหม่าเม้มปากกลืนน้ำลาย นางเห็นสายตาอันแน่วแน่ของหลานสาว มีความรู้สึกว่าหลานสาวต้องมีวิธีการหาเงิน ถึงแม้จะไม่รู้ว่านางจะทำได้อย่างไร แต่นางอาศัยความรู้สึก

ความรู้สึกนั้นบอกนางว่า ถ้าให้ทาน้ำมันที่หัวจริงๆ นางคงสามารถหาเงินได้จริง

ดังนั้นท่านย่ายังไม่ตอบ แต่มองไปที่เฉียนเพ่ยอิง “เจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม ถึงตอนนั้น นางจะให้เงินข้า ถ้าให้ไม่ได้ ข้าจะไม่ยอมนะ”

เฉียนเพ่ยอิง “อืม”

ท่านย่าหม่าสายตาเป็นประกาย “งั้นก็ได้ พั่งยา เจ้าจะต้องให้ย่าเห็นเงิน ไม่ ต้องเป็นเงินโลหะ เมื่อถึงตอนนั้น ผมบนหัวย่าเป็นของเจ้า”

“ไปกันเถอะ ท่านย่า”

“ไป”

เฉียนเพ่ยอิงยืนอยู่ประตู มองย่ากับหลานเห็นแต่เงาไหวๆ