“ใครอยากพบข้านะ”

 

โครอิลลี่ซึ่งนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานชั้นบนของร้าน ‘ไอบัน’ ขมวดคิ้วแน่นจนย่นเป็นริ้ว น้ำเสียงติดจะหงุดหงิดอยู่บ้าง

 

“คนแบบนั้นจะมาขอพบข้าทำไม”

 

“ไม่ทราบครับ…”

 

“ชิ”

 

โครอิลลี่เป็นคนที่เกลียดที่สุดเวลามีใครมารบกวนตอนเขากำลังทำงานเขาสบถด่าทอในขณะที่ถอดผ้ากันเปื้อนทิ้ง

 

ถึงยังไงอีกฝ่ายก็เป็นผู้ดูแลของร้านขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปแคลอฮัน และนั่นก็เป็นตำแหน่งที่เขาไม่อาจเมินเฉยได้

 

โครอิลลี่เดินออกจากห้องลงมายังห้องที่เก็บรวบรวมสินค้าพิเศษเอาไว้ สิ่งที่รอต้อนรับเขาอยู่คือเด็กผู้หญิงที่ยังเด็กมาก และชายหนุ่มตัวสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลานัยน์ตาคมกริบ

 

โครอิลลี่เมินเด็กผู้หญิงคนนั้น เขาเดินเข้าไปทักทายชายหนุ่ม

 

“ได้ยินว่าอยากพบข้าหรือครับ”

 

โครอิลลี่มักจะได้รับการปฏิบัติดั่งชนชั้นสูงในฐานะที่เป็นช่างฝีมือของไอบัน แต่ถึงยังไงฐานะของเขาก็เป็นเพียงแค่สามัญชนอยู่ดี

 

อีกอย่างคนคนนี้เป็นถึงผู้ดูแลร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮัน ที่ช่วงนี้กำลังกอบโกยเงินของอาณาจักรอยู่ร้านเดียวเลยไม่ใช่หรือ

 

แม้แต่โครอิลลี่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านนิสัยที่ห่ามและหัวแข็ง ยังต้องถอดหมวกออกแล้วโค้งศีรษะให้อีกฝ่าย

 

“ยินดีที่ได้พบครับ คุณโครอิลลี่ ข้าเครย์ลีบัน เพลเลสครับ”

 

แต่ชายคนนี้ที่ควรจะมีนิสัยเย่อหยิงกลับยิ้มกว้าง ยื่นมือออกมาจะจับมือทักทายกับเขา

 

“อา ครับ…”

 

โครอิลลี่จับมือข้างนั้นทั้งๆ ที่ยังคงสับสนอยู่

 

“ขออภัยที่มารบกวนทั้งๆ ที่กำลังยุ่งนะครับ พอดีมีเรื่องอยากจะพบหน้าคุยกันน่ะครับ”

 

หลังจากที่ย้ายมาลงหลักปักฐานในเมืองหลวงที่มีหมอเก่งๆ อยู่ เพื่อที่จะรักษาโรคของหลานสาว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำพูดสุภาพจากพวกชนชั้นสูง

 

เพราะไม่ได้ยินมาเสียนานจึงรู้สึกไม่ชินอยู่บ้าง แต่ความรู้สึกหงุดหงิดที่ถูกรบกวนการทำงานทั้งๆ ที่เขาเองก็เป็นถึงช่างฝีมือที่ได้รับการยอมรับ มันกลับจางหายไปราวกับหิมะละลายในทันที

 

“ได้ยินชื่อเสียงเล่าลือของช่างฝีมือที่ยอดเยี่ยมที่สุดของไอบันมาบ่อยมากเลยครับ เพราะฉะนั้นถึงได้อยากจะว่าจ้างงานกับคุณโครอิลลี่ครับ”

 

“เรื่องนั้นค่อนข้างลำบากใจนิดหน่อยน่ะครับ”

 

โครอิลลี่โบกมือเป็นพัลวันในขณะที่เอ่ยพูด

 

อันที่จริงตารางงานของเขาไม่ได้แน่นอะไรขนาดนั้น แต่โครอิลลี่ก็แค่ไม่อยากยุ่งยากและถ้าหากตอบรับคำขอของชนชั้นสูงคนหนึ่ง ถึงตอนนั้นคงได้ต้องเจอข้อเรียกร้องนับไม่ถ้วนจากคนอื่นๆ ด้วยแน่นอน

 

“แค่งานเจียระไนของไอบันก็ตารางงานแน่นเอี๊ยดแล้วครับ”

 

และโครอิลลี่เองก็รู้วิธีที่จะผลักไสพวกชนชั้นสูงที่คิดจะเรียกร้องให้เขาทำงานให้แบบนี้ดีเช่นกัน

 

“แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับคุณโครอิลลี่…”

 

“ข้าผู้ชราคนนี้ต่อให้หนุ่มกว่านี้อีกสักหน่อยก็ยังลำบากเลยครับ ขออภัยด้วยครับ”

 

“แต่…”

 

พอเห็นโครอิลลี่กระแอมไอด้วยความเจ้าเล่ห์ เครย์ลีบันก็พูดอะไรต่อไม่ออก

 

“อะแฮ่ม!”

 

ในตอนนั้นเอง เด็กผู้หญิงที่เดินชมอัญมณีอยู่ที่มุมหนึ่งตามลำพังก็กระแอมไอขึ้นมาเสียงดัง

 

ราวกับนั่นเป็นเสียงสัญญาณ เครย์ลีบันที่เกือบจะยอมแพ้จึงรีบเอ่ยรบเร้าอีกครั้ง

 

“ข้าทราบครับว่างานยุ่ง แต่ก็อยากให้ช่วยลองคิดดูใหม่อีกสักครั้งนะครับ คุณโครอิลลี่”

 

“ก็บอกแล้วไงว่าตารางงานข้ามัน…”

 

โครอิลลี่รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยท่าทางอีกฝ่ายคงไม่คิดที่จะยอมแพ้ง่ายๆ

 

เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องดึงเอาวิธีที่เก็บไว้ใช้สำหรับยามฉุกเฉินออกมาใช้

 

“ที่จริงแล้วหลานสาวข้าป่วย…”

 

“อา…”

 

“ข้าต้องคอยดูแลเด็กคนนั้นครับ คุณชายเพลเลส ช่วยเห็นใจข้าด้วยเถอะนะครับ”

 

อันที่จริงหลานสาวของเขาได้รับการรักษาจากหมอฝีมือดี และเติบโตเรื่อยมาอย่างคนสุขภาพดีแล้วก็จริง แต่เขาก็ยังสามารถดึงเอามาใช้เป็นข้ออ้างได้อยู่

 

ว่าแล้วเชียว คราวนี้เครย์ลีบันเองก็พูดอะไรต่อไม่ได้อีก

 

“ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องขอตัวกลับขึ้นไปบนห้องทำงานก่อนนะครับ ลองไปหาคนอื่นดู…”

 

“แล้วถ้าเป็นแร่อัญมณีที่ยังไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนล่ะคะ”

 

คนที่พูดประโยคนั้นคือ เด็กผู้หญิงที่กระแอมไอเมื่อครู่

 

“คุณหนูน้อย”

 

สุดท้ายโครอิลลี่ก็ดึงเอานิสัยดั้งเดิมของตนออกมาใช้ ก่อนจะพูด

 

เพราะประโยคที่เด็กชนชั้นสูงวัยพอๆ กับหลานสาวของเขาพูดออกมานั่น มันเกี่ยวพันกับศักดิ์ศรีของช่างฝีมืออย่างเขา

 

“จนถึงตอนนี้ไม่มีแร่อัญมณีชนิดไหน ที่ข้าผู้ชราคนนี้ไม่เคยได้ลองเจียระไนหรอกนะ”

 

“ไม่น่าใช่นะ”

 

“โอ๊ย! ไม่รู้ ก็บอกว่าไม่มีไง!”

 

“คำพูดนั่น จะรับผิดชอบใช่ไหมคะ”

 

ใบหน้าแสยะยิ้มนั่นดูหยิ่งยโสน่ารังเกียจเสียจริง

 

“ถ้าหากข้า ไม่สิ ถ้าหากคุณเครย์ลีบันที่อยู่ตรงนี้นำแร่อัญมณีที่คุณโครอิลลี่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยสักครั้งมาได้ ถึงตอนนั้นจะทำยังไงคะ”

 

“มันไม่มีของแบบนั้นอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว!”

 

“แล้วถ้ามันมีของแบบนั้นอยู่ คิดที่จะลองทดสอบฝีมือตัวเองหรือไม่คะ”

 

“ละ…ลองทดสอบงั้นหรือ…เหอะ!”

 

ทดสอบฝีมือโครอิลลี่ผู้นี้ที่ไม่มีช่างเจียระไนอัญมณีคนไหนเทียบฝีมือได้คนนี้เนี่ยนะ!

 

เขาไม่รู้หรอกนะว่าเด็กเจ้าเล่ห์นี่เป็นใคร แต่นางหยามศักดิ์ศรีของโครอิลลี่คนนี้มากเกินไปแล้ว

 

ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยแดงก่ำ โมโหมากเสียจนพ่นลมหายใจทางจมูกแฮกๆ จนเคราใต้จมูกสั่นกระพือ

 

“ได้ เอาสิ!”

 

โครอิลลี่ยืดหลังที่โค้งงอขึ้น ทุบมือลงบนหน้าอกในขณะที่ประกาศก้อง

 

“หากมีอัญมณีเช่นนั้นอยู่ ข้าคนนี้จะทุ่มเทแรงกายและใจทำงานให้เอง!”

 

โครอิลลี่พ่นลมหายใจเสียงดัง ‘ฮึ่ม’ แต่เด็กสาวที่เขาจ้องหน้าอยู่นางนี้กลับหรี่ตาลง แล้วเอ่ยถามราวกับไม่เชื่อในคำมั่นของเขา

 

“สาบานด้วยเกียรติของช่างฝีมือหรือเปล่าคะ”

 

“นะ…แน่นอน!”

 

เผลอผงะไปเสี้ยววินาที แต่โครอิลลี่ก็สาบานด้วยศักดิ์ศรีของเขาที่สำคัญมากเสียยิ่งกว่าชีวิตของตน

 

“ดีค่ะ”

 

เด็กสาวกล่าวเช่นนั้น ก่อนจะแสยะยิ้มออกมาเหมือนเมื่อครู่

 

มันทำให้ไหล่ของโครอิลลี่สะดุ้งเฮือก รู้สึกหนาวจนเสียววาบไปทั่วกระดูกสันหลังเลยทีเดียว