ตอนที่ 165 เจ้าเป็นพันธมิตรหรือศัตรู

ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม

การพังทลายของหอสยบปีศาจ ดึงดูดความสนใจจากผู้คนเกือบทั้งสมรภูมิรบ

แทบจะทุกคนต่างก็กลั้นหายใจและจดจ่อ จ้องร่างหลังม่านหมอกสีขาวไม่วางตา

อันหลินเองก็ไม่เว้น เขาพยุงเซวียนหยวนเฉิงที่บาดเจ็บสาหัส มองก้นหลุมอย่างลุ้นระทึก คิดในใจว่าสิ่งที่ก้าวออกมาจะเป็นสัตว์ประหลาดประเภทไหน

ไม่นานร่างนั้นก็ปรากฏสู่สายตาของมวลชน

อันหลินอ้าปากกว้าง ยืนงงเป็นไก่ตาแตกกับที่

พับผ่าสิ ทำไมถึงเป็นเขาอีกแล้วล่ะ!

ผู้ที่เดินออกมาเป็นชายหนุ่มรูปโฉมงดงาม เขาดูผอมบางเล็กน้อย มีความคล้ายคลึงกับชายคนที่ระเบิดพลีชีพเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์

นอกจากผมสีเงินที่กลายเป็นสีดำในตอนนี้แล้ว ทั้งสองคนก็แทบจะเหมือนกันราวกับแกะ!

ลูกศิษย์หนุ่มสาวมากมายของสำนักต่างก็ตกตะลึงอยู่กับที่ ไม่ค่อยเข้าใจเท่าใดว่าทำไมสิ่งที่หอสยบปีศาจซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ในสำนักมาร่วมหลายร้อยปีกำราบ จะเป็นมนุษย์ที่แลดูบอบบางยิ่งนักเช่นนี้

มีเพียงผู้อาวุโสบางส่วนของสำนักที่มีสีหน้าขึงขัง มองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนนั้นอย่างหวาดระแวง

ชายหนุ่มยกมือขึ้นขยี้ดวงตาที่พร่ามัวเล็กน้อย สอดส่ายสายตามองทั่ว ยืนตะลึงอยู่ที่เดิมโดยไม่รู้ตัว

เหนือซากปรักหักพัง ซากศพของลูกศิษย์สำนักเซียนหมื่นชีวิต ศพของสาวหิมะนอนเกลื่อนบนผืนดินอย่างสงบ

คนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างก็หยุดรบ สายตาหยุดอยู่ที่ตน

มีแค่เพียงค่ายกลคุ้มกันสำนักสีทองมืดฟ้ามัวดิน และเสียงแผดร้องดังสนั่นที่แว่วมาเป็นระยะๆ บนท้องฟ้า บ่งบอกว่ามีสงครามสะเทือนปฐพีเกิดขึ้นที่นี่

“ที่แท้ก็แบบนี้นี่เอง…” ชายหนุ่มยิ้มแหยหลังได้สติกลับมา

เขาเบนสายตามองสนามรบ แววตาฉายความเวทนา “ยอดเขาแสงสวรรค์กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว…”

ผู้อาวุโสสำนักเซียนหมื่นชีวิตคนหนึ่งก้าวออกมา ตะโกนลั่นว่า “เจ้าคือเฉินชิงหางหรือปิงฝู!”

อันหลินกะพริบตาปริบๆ เฉินชิงหาง ปิงฝูงั้นเหรอ

เขาคิดในใจว่านี่มันเป็นคำถามกล้วยๆ ไม่ใช่เหรอ คนคนนี้เป็นผู้ชายชัดๆ ปิงฝูบ้าอะไรกัน

หากเป็นข้อสอบปรนัยละก็ เราจะเลือกเฉินชิงหาง!

ไม่คิดเลยว่าชายหนุ่มในนี้กลับมึนงงขึ้นมาชั่วขณะ ใบหน้าฉายความทุรนทุราย

ความทรงจำฝุ่นเขรอะถูกเปิดออกช้าๆ อดีตค่อยๆ ปรากฏขึ้นในสมองอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง

ชื่อของเขาคือเฉินชิงหาง เป็นอัจฉริยะที่พันปีจะพบสักคนของสำนักเซียนหมื่นชีวิต

มีพลังระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณตั้งแต่สิบเจ็ด อายุยี่สิบเอ็ดบรรลุระดับแปลงจิต เข้าสู่ขั้นสุดยอดของระดับแปลงจิตตั้งแต่อายุยังไม่ร้อยปี พบหนทางบรรลุระดับหวนสู่ความว่างเปล่า กลายเป็นนักพรตที่เปล่งประกายที่สุดในแดนจิ่วโจว

เขาในตอนนั้น มีจิตใจฮึกเหิม เป็นหนึ่งไร้ที่สอง

แต่ทว่า ในสงครามปะทะกองทัพสาวหิมะหนหนึ่ง เขากลับถูกเจ้าแห่งวังของสามวังศักดิ์สิทธิ์วางกับดักบีบคั้นให้จนมุม

ศึกนี้ทำให้ร่างกายของเขาแหลกเหลว เพราะความดีความชอบของอาวุธคุ้มกัน วิญญาณถึงได้โอกาสหลบหนี

เพียงแต่ว่าชั่ววินาทีที่หลบหนี วิญญาณของเขาก็ถูกกระบี่สิ้นนิศาชลทำลายจนเกือบจะสูญสิ้น

สุดท้าย ตกลงสู่บ่อบัวในชั่วขณะที่วิญญาณจะดับสูญ…

ใช่แล้ว เป็นอย่างที่ทุกคนคิด เขาเกิดใหม่ในกายหยาบที่ชุบชีวิตจากรากบัว

“นี่ นี่…ฟื้นสิ!”

เสียงเพราะพริ้งแว่วมา

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก กวาดตามองไปทั่วด้วยความฉงนสนเท่ห์ จากนั้นสายตาก็หยุดอยู่ที่ใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มของเด็กผู้หญิงคนนั้น

“อืม…” ชายหนุ่มสั่นหัว ความเจ็บปวดแล่นริ้วเข้ามาในศีรษะ ครวญครางอย่างทุกข์ทรมาน

“นี่ ตอบข้ามาตามตรง เจ้าใช่บุรุษหรือไม่!” เด็กหญิงสองมือเท้าเอวชะโงกหน้า เส้นผมสีเงินคลอเคลียใบหน้าของเขา ได้กลิ่นหอมสดชื่นจางๆ นัยน์ตาสีทองจดจ้องดวงตาของชายหนุ่มด้วยความสงสัย

“อืม…ข้าเป็นผู้ชาย” ชายหนุ่มรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรง สับสนมึนงง

แต่ทว่า เรื่องที่เขาเป็นผู้ชายนั้นไม่ผิดแน่

เด็กหญิงหัวเราะคิกคัก “ข้าว่าแล้วเชียว ตรงหว่างขาเจ้ามีต้นเห็ด แถมยังมีไข่สองฟอง ต้องเป็นผู้ชายแน่ๆ!”

ชายหนุ่มทำหน้าเหลอหลา จ้องหว่างขาของตน ถึงได้พบว่าตัวเองไม่ได้สวมเสื้อผ้า…

เขาสะดุ้งโหยง รีบปิดช่วงล่างของตนเป็นพัลวัน แผดเสียงลั่นว่า “เจ้า…เจ้าเห็นหมดแล้วหรือ!”

เด็กหญิงผงกหัว “แน่นอนสิ ก่อนหน้านี้ข้าตั้งใจศึกษาไปแล้วด้วยซ้ำ”

ศึกษาหรือ ชายหนุ่มได้ฟังก็สะดุ้ง กัดฟันพูดว่า “ทำ…ทำไมเจ้าถึงลามกเช่นนี้เล่า!”

เด็กหญิงขมวดคิ้วมุ่น “ข้าลามกหรือ หากนี่ถือเป็นเรื่องลามกละก็ จู่ๆ เจ้าที่เปลือยกายล้อนจ้อนมาโผล่ที่ริมสระบัวของบ้านข้า เช่นนี้แล้ว เจ้าต่างหากที่ลามกไหมเล่า”

ปากของชายหนุ่มสั่นระริก กลับไม่รู้ว่าจะโต้แย้งอย่างไร

“เจ้าหนุ่ม เจ้าชื่ออะไร” เด็กหญิงเอ่ยถาม

“ชื่อหรือ…” แววตาของชายหนุ่มทอความงุนงง ในสมองของเขาขาวโพลน นอกจากสัญชาตญาณ รวมถึงสามัญสำนึกบางส่วนแล้ว เขานึกอะไรไม่ออกเลยสักนิด

“แม้แต่ชื่อก็ไม่รู้หรือ” เด็กหญิงย่นจมูกอันจิ้มลิ้ม นัยน์ตาสีทองกะพริบเล็กน้อย ทำหน้าครุ่นคิด “ถ้าเช่นนั้น…เจ้าชื่อปิงฝูก็แล้วกัน!”

ชายหนุ่มเบิกตากว้าง “ข้าเป็นผู้ชาย!”

เด็กหญิงก็ถลึงตาสีทองเช่นกัน แผ่รังสีอำมหิตทันใด “นับตั้งแต่นี้ไป เจ้าก็คือผู้หญิง! ชื่อของเจ้าคือปิงฝู เป็นของเล่นของข้าเมิ่งจือคนนี้ เข้าใจไหม!”

ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าอานุภาพอันน่าเกรงขามปกคลุมทั่วร่าง ราวกับเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ยิ่งนัก ห่อเหี่ยวลงทันตา “ใช่ ไม่ว่าเจ้าพูดอะไรก็ถูกทุกอย่าง!”

 ด้วยเหตุนี้ วันนี้เด็กหญิงนามว่าเมิ่งจือ จึงได้คนที่ชื่อว่าปิงฝูมาเป็นของเล่น

เมิ่งจือดีใจมาก นางมีของเล่นที่หาชิ้นที่สองในแผ่นดินแห่งนี้ไม่ได้อีกแล้ว ชายหนุ่มตัวเป็นๆ เลยนะ แค่คิดก็น่าสนุกแล้วว่าไหม!

ปิงฝูสวมชุดนักพรตสีฟ้าที่เมิ่งจือให้มา แม้รูปลักษณ์ภายนอกของปิงฝูจะงดงามนุ่มนวล แต่เมื่ออยู่บนตัวเขาก็แลดูองอาจผึ่งผายอยู่ดี

เพื่อแสดงถึงความเป็นผู้หญิง เมิ่งจือยังติดตั้งหน้าอกปลอมที่ทำขึ้นเองให้เขาอีกด้วย

เมื่อเห็นหน้าอกโตนูนของปิงฝู เมิ่งจือก็หัวเราะจนเกลือกกลิ้งกับพื้น พอใจกับของเล่นของตนเป็นอย่างมาก

ปิงฝูไม่มีข้อโต้แย้งกับเรื่องนี้มากเท่าใดนัก

วันวานของเขาเป็นดั่งกระดาษขาว สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้ มีแค่การมีชีวิตอยู่ต่อไปเท่านั้น

เพื่อการอยู่รอดที่นี่ เขายังมีอีกหนึ่งสถานะ นั่นก็คือหญิงรับใช้ประจำกายเมิ่งจือ

เมื่อผ่านการทำความเข้าใจ เขาก็ได้รู้แล้วว่าแผ่นดินที่ตนอยู่ มีชื่อว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์

มันเป็นดินแดนที่มีเพียงสตรีเพศ นี่ก็เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเมิ่งจือถึงต้องให้เขาเป็นผู้หญิงให้ได้

เพราะที่นี่ ผู้ชายเป็นได้แค่ผลงานประติมากรรมเท่านั้น

สถานะของเมิ่งจือไม่ธรรมดาเลย

แดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์มีทั้งสิ้นสามสิบหกวัง นางเป็นบุตรีของเจ้าแห่งวังศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง มีศักดิ์สูง ซ้ำยังมีสายเลือด          จอมราชันที่สูงส่ง ผลสำเร็จในภายภาคหน้าไร้ขีดจำกัด

มีเมิ่งจือคุ้มกะลาหัว ชีวิตของปิงฝูสดใสมีชีวิตชีวา ปกติมักจะฝึกเคล็ดวิชาปราณจิตเย็นร่วมกับเมิ่งจือ หากว่างเว้นก็ขุดหาแร่ธรรมชาติ ออกไปล่าสัตว์เป็นครั้งคราว

วันเวลาผ่านไปเช่นนี้วันแล้ววันเล่า

อยู่มาวันหนึ่ง ปิงฝูนอนแผ่อยู่บนก้อนหิน อาบแดดอย่างสบายใจเฉิบ

รำพึงรำพันในใจว่า ของเล่นช่างเป็นได้ง่ายดายเหลือเกิน!

นอกจากจะทำเรื่องที่ข้ารับใช้คนหนึ่งพึงทำในแต่ละวันแล้ว เขาก็ใช้ชีวิตอยู่ใต้คนเดียวอยู่เหนือคนนับหมื่น ของมีค่าอาหารเลิศรสมีให้เพลิดเพลินทุกเมื่อ ฝึกวิชาชั้นสูงได้ตามใจชอบ

อดพูดไม่ได้ว่า เขาหลงรักที่นี่เข้าแล้ว

ที่นี่มัน…สวรรค์ชัดๆ!

ในตอนนั้นเอง เมิ่งจือที่สวมชุดกระโปรงสีขาวก็เยื้องย่างมา เอ่ยด้วยเสียงที่อ่อนหวานแต่เจือความน่าเกรงขามว่า “ของเล่น กำลังคิดอะไรอยู่หรือ”

ปิงฝูยิ้มตาหยี “เรียนนายหญิง ข้ากำลังคิดว่าเมื่อใดเจ้าถึงจะเลิกเล่นเหมือนเด็ก ไม่เรียกข้าว่าของเล่นอีก”

เมิ่งจือได้ฟังก็พูดเสียงเกรี้ยวว่า “ของเล่นเป็นเรื่องชั่วชีวิต ต่อให้ถูกเล่นจนพัง! ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่เจ้าเป็นของเล่นของข้าได้หรอก”

มุมปากของปิงฝูกระตุก ไยประโยคนี้จึงฟังดูน่ากลัวปานนี้ล่ะ

เมิ่งจือยื่นแขนที่เนียนละเอียดออกมาโอบรอบคอปิงฝู พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ต่อไปข้าจะต้องเป็นสังฆราชินีแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เหมันต์ให้ได้ เช่นนั้นไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่มีใครบังคับ อยากทำอะไรก็ทำ แค่คิดก็สะใจแล้ว!”

“นี่ ของเล่น ต่อไปเจ้าอยากทำอะไร”

ปิงฝูฟังเสียงกระซิบที่วนเวียนข้างหู พูดยิ้มๆ ว่า “ข้าเป็นของเล่นของเจ้าแล้ว จะทำอะไรได้อีก แน่นอนว่าอยู่ข้างกายเจ้าตลอดไปน่ะสิ”

เมิ่งจือได้ฟังก็ก้มศีรษะลงเล็กน้อย ดวงหน้างามหมดจดขึ้นสีแดงระเรื่อ มุมปากจิ้มลิ้มยกขึ้นน้อยๆ “ได้คะแนนเต็ม ไป ไปคลังสมบัติ ข้าจะให้ผลวิเศษกับเจ้าเป็นการตอบแทน!”

ปิงฝูยิ้มร่า การเลียแข้งเลียขาเมิ่งจือนั้นเขาชำนาญมาตั้งนานแล้ว ไม่เปลืองแรงเลยสักนิด

ดูสิ ได้ผลวิเศษมาอีกลูกแล้ว!