ตอนที่ 255 เสียหน้า

  

“คุณคิดว่าบริษัทจิ่งของเราจะไม่เสียหน้าเลยหรือยังไงกัน” ฉีเซิงเทียนลุกขึ้น ก่อนจะโยนมีดปอกผลไม้ไปในมือของบอดี้การ์ดที่เดินตามเข้ามา “จับตัวไว้ รอพี่เฉินหายดีแล้วค่อยคิดบัญชีจัดการ”

 

ส่วนตัวเขานั้นตอนนี้ต้องรายงานข่าวใหญ่ที่น่าตกใจพวกนี้เสียก่อน ถึงกับซ่อนตัวซะลึกขนาดนั้น อีกทั้งยังยุ่งกับเขามาตั้งนานอีก

 

ให้ตายสิเรื่องนี้หลินจือเซี๋ยวจะต้องรู้อยู่แล้วแน่ ๆ คงจะมีแต่เขาเท่านั้นแหละที่ไม่รู้อะไรเลย

  

แม่งเอ๊ย!

  

“ลี่! ช่วยฉันด้วย!” เหลียวเว่ยถูกยกตัวขึ้นอย่างไร้ความปรานี ร่างกายของเธอนั้นไม่ได้แข็งแรงเท่าไรนัก เมื่อครู่ก็เพิ่งถูกจิ่งเป่ยเฉินเตะเข้าอย่างแรง จึงแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงลุกขึ้นเองได้

  

ในตอนนี้เรี่ยวแรงที่จะดิ้นให้หลุดพ้นจึงไม่ต้องพูดถึง ไม่มีแน่นอน

  

ทางด้านของโอวหยางลี่มองเธอด้วยสายตาเย็นชา ถึงแม้ว่าตอนนี้ในหัวของเขานั้นจะเต็มไปด้วยอันโหรว แต่ทว่าที่นี่มีผู้คนมากมายที่อยู่ในแวดวงธุรกิจ เขาคงไม่สามารถที่จะสะบัดมือทิ้งและเดินหนีออกไปได้ “คุณวางใจเถอะ ผมจะต้องช่วยคุณออกมาแน่นอน”

  

แต่ทว่าตอนนี้เป็นไปไม่ได้หรอกที่ตัวของเขานั้นจะพาเธอออกไปจากคนพวกนี้

  

ภายในใจของเหลียวเว่ยตอนนี้เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ‘อันโหรวทำร้ายฉันจนไม่มีลูก แถมสามีก็ไม่เคยจะสนใจ ครั้งนี้อันโหรว เธอ…เธอจะต้องได้ชดใช้กับสิ่งที่เธอทำแน่ ๆ’

  

เธอไม่ยอมหรอก!

  

ด้วยอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ จึงทำให้ทุกคนต้องกลับไปจนหมด ตอนนี้หลินจือเซี๋ยวอยู่เพื่อส่งลาแขกทุกคน ภายในใจก็หวังว่ามือของบิ๊กบอสจะไม่เป็นอะไรมาก

  

ในอีกด้านหนึ่ง อันโหรวตอนนี้กำลังถอดเสื้อของจิ่งเป่ยเฉินออกไปแขวนไว้ตรงราว ตลอดทางจิ่งเป่ยเฉินทำเพียงมองดูเธออย่างเงียบ ๆ ทำท่าทางราวกับว่าไม่เป็นอะไร แต่เธอก็ตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่เย็นชา เสียเลือดเยอะซะขนาดนี้จะไม่เป็นอะไรที่ไหนกัน!

  

แพทย์ฉุกเฉินที่อยู่ในโรงแรมรีบมาหาพวกเขาในทันที ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นมาละก็ มีหวังพวกเขาได้ตายกันจริง ๆ แน่ที่ปล่อยให้ประธานจิ่งต้องบาดเจ็บในที่แห่งนี้

  

คุณหมอรีบลงมือทำความสะอาดแผล ก่อนจะทายาและพันด้วยผ้าพันแผลเอาไว้ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างประณีตราวกับไม่อยากให้เกิดข้อผิดพลาดใด ๆ ขึ้นอีกรอบ

  

อันโหรวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ เขานั่งอยู่บนโซฟาราวกับสิงโตที่เป็นจักรพรรดิ ไม่หวาดกลัวแม้กระทั่งการบาดเจ็บใด ๆ ทั้งสิ้น

  

หมอลุกขึ้นยืนและบอกกับเธอถึงอาการส่วนอื่น ๆ ที่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งเธอก็พยักหน้าตอบกลับ เมื่อหมอเก็บข้าวของทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับปิดประตูให้เสร็จสรรพ ทิ้งเอาไว้ก็แค่พวกเขาสองคน

  

ภายในห้องที่เงียบสงบ

  

“มานี่สิ!”

  

เธอมองไปที่ยาในมือ ไม่ได้สนใจแม้แต่คำพูดของเขา ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะกาแฟและหยิบแก้วน้ำขึ้นมารินน้ำใส่

  

หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เดินตรงมาหาเขาพร้อมกับยาและแก้วน้ำที่อยู่ในมือ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางที่เย็นชาว่า “กินยา!”  

“ป้อนฉันหน่อยสิ” เขายกมือข้างที่บาดเจ็บ แต่ก็ทำท่าไร้ซึ่งเรี่ยวแรงใด ๆ ใบหน้าที่ดูเย็นชาของเขาในตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นซีดเซียวขึ้นมาทันที

  

กลิ่นของยาที่ทาแผลพร้อมกับกลิ่นของเลือดลอยฟุ้งจาง ๆ อยู่ในอากาศ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ และพูดว่า “อ้าปาก”

  

จิ่งเป่ยเฉินอ้าปากให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ดวงตาของเขานั้นจับจ้องไปที่ใบหน้าของเธอ หลังจากกินยาเสร็จเรียบร้อย เขาก็คว้าตัวเธอเอาไว้ก่อนที่เธอจะเดินออกไป “โกรธเหรอ?”

 

“จะโกรธได้ไง? ประธานจิ่งช่วยฉันไว้ ฉันจะโกรธได้ยังไงกัน!” เธอวางแก้วน้ำที่อยู่ในมือลงอย่างแรง เสียงที่วางแก้วน้ำดังเสียยิ่งกว่าเสียงของประตูที่ปิดเสียอีก

  

เขาเหลือบมองไปที่แก้วน้ำด้วยสายตาที่เย็นชา ก่อนจะยกมือที่พันไปด้วยผ้าพันแผลมาแตะบนใบหน้าที่เป็นจ้ำ ๆ ของเธอเบา ๆ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลออกไปว่า “ไหนบอกว่าไม่โกรธไง”

  

“ทำไมฉันต้องโกรธด้วย? ฉันไม่ใช่คนที่ได้รับบาดเจ็บนี่!” เธอตบไปที่มือของเขา เพียงแต่ว่าไม่ได้ตั้งใจที่จะตีเท่าไร เพราะลืมไปว่ามือข้างนี้เป็นมือที่ได้รับบาดเจ็บ

  

เมื่อเห็นเธอระเบิดอารมณ์ขนาดนั้น เขาก็รู้ว่าเธอกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่ เขากอดเธอเอาไว้ ก่อนจะให้เธอนั้นพักพิงเอาไว้ในอ้อมกอด “จูบฉันสิ แล้วฉันจะเชื่อว่าเธอไม่โกรธ”

  

เธอจ้องมองไปที่เขาด้วยสีหน้าโกรธเคือง ก่อนจะอ้าปากและตะโกนออกไปว่า “จิ่งเป่ยเฉิน! นายมันเป็นคนบ้าหรือยังไง! เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นนายแค่ผลักฉันไปก็จบ แต่นี่เล่นไปรับมีดตรง ๆ ไม่กลัวอันตรายบ้างเลยหรือยังไงกัน!!”

  

ถ้าหากว่าเธอไม่โกรธสิแปลก ตอนนี้เธอโมโหจะตายอยู่แล้วเนี่ย

  

เขาเผยรอยยิ้มขึ้นบาง ๆ และยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับหูของเธอพร้อมกับกระซิบเบา ๆ “อาวุธที่ใช้สังหารคนต้องแย่งชิงมาสิ จะให้ปล่อยไว้ได้ยังไง?”

  

ลมหายใจร้อน ๆ ของเขาไหลผ่านเข้ามาที่หูของเธอ เสียงของเธอก็ค่อย ๆ เบาลง “ข้อแก้ตัวเยอะจังเลยนะ!”

  

จิ่งเป่ยเฉินค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้หูของเธอ ริมฝีปากเฉียดที่ต้นคอ ก่อนที่เอวของเธอจะรู้สึกค่อย ๆ ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ “ที่รัก……”

  

“นายควรไปนอนซะ!” เธอลุกขึ้นออกจากตัวเขาทันที “คนพิการนี่รู้สึกสำนึกหน่อยจะได้ไหม?”

  

กลิ่นหอม ๆ ในอ้อมแขนของเขาหายไปแล้ว บิ๊กบอสแสดงความโกรธขึ้นมาทันที

 

เขาเงยหน้าขึ้นมองเธอก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “นอนด้วยกันได้ไหม?”

  

“นายฝันเกินไปหรือเปล่า!” สีหน้าของเขาที่ดูแย่ หนำซ้ำมือก็ยังเลือดออก ยังกล้ามายั่วยวนเธออีก!

  

“ฉันเจ็บแต่ไม่ได้พิการ เธอลองทดสอบดูก็ได้นะ” เขาลุกขึ้น ร่างสูงใหญ่โน้มตัวลงมาหาเธอ เขากระตุกริมฝีปากขึ้น “อยากลองไหม?”

  

“จิ่งเป่ยเฉิน! นายนี่มันพูดเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาจริง ๆ” ที่เธอทำก็เพื่อเขา อยากให้เขาได้นอนพักผ่อนก็ยังจะไม่ยอมอีก

  

ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร เธอดึงเขาไปที่เตียงใหญ่ มันไม่ง่ายเลยที่จะลากเขามาถึงเตียง บิ๊กบอสไม่สามารถถอดเสื้อของตัวเองได้จึงได้แต่นั่งอยู่บนเตียงและมองเธอ

  

ไม่ใช่ว่าไม่เคยถอด จะอายอะไรกันเล่า!

  

เธอเอื้อมมือขึ้นไปถอดเสื้อสูทของเขาออก จากนั้นก็ถอดเสื้อเชิ้ต ค่อย ๆ ปลดกระดุมทีละเม็ด ๆ เผยให้เห็นกล้ามหน้าอกและกล้ามหน้าท้องที่ดูแน่น นิ้วของเธอเผลอไปสัมผัสโดนผิวของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอสะดุ้งและรีบดึงมือตัวเองกลับมาทันที

  

เป็นสามีภรรยากันมานาน จู่ ๆ ก็รู้สึกอายขึ้นมา โชคดีที่ตั้งแต่เข้ามาจนถึงตอนนี้เธอเองก็ยังไม่ได้ล้างหน้า เครื่องสำอางต่าง ๆ ที่ยังคงเหลืออยู่บนใบหน้า คงจะช่วยปิดแก้มที่แดงระเรื่อขึ้นมาของเธอได้

  

ในที่สุดเธอก็ถอดเสื้อเชิ้ตออก มือทั้งสองเอื้อมไปจับที่เข็มขัดของเขาอย่างช้า ๆ แต่ก็ต้องดึงมือตัวเองกลับมาอีกครั้งเมื่อมือสัมผัสโดนของเขา “ไม่เอาแล้ว นายใส่กางเกงนอนได้ไหม?”

 

“อันโหรว!”

 

“ถอด รีบถอดเดี๋ยวนี้!”เธอยื่นมือไปที่เข็มขัดของเขาอีกครั้ง ใบหน้าที่แดงก่ำของเธอตอนนี้ไม่กล้าที่จะสบตาเขาด้วยซ้ำ

  

ปกติแล้วเขาสามารถถอดเองได้ด้วยมือเดียว แต่วันนี้มือขวานั้นบาดเจ็บ มือซ้ายเองก็ดูเหมือนจะพิการไปแล้ว ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย

  

กึก! เธอดึงเข็มขัดออกมา สายตาจับจ้องไปที่เขาก่อนจะรูดซิบกางเกงแล้วดึงมือตัวเองกลับมา “นายยืนขึ้นแล้วถอดมันออกซะ”

  

“เธอแน่ใจ?” เขาชอบให้เธอใช้มือถอดมากกว่า

  

เธอก้มหน้าไปมองกางเกงสูทที่พอดีตัวของเขา ก่อนจะขยับปาก “หรือว่าถอดเองไม่เป็น?”

  

ถ้าหากเป็นกางเกงของเธอละก็ ยังไงก็ไม่หลุดออกอยู่ดีเพราะมันรัดรูปเกินไป แต่จิ่งเป่ยเฉิน……….

 

“ที่รัก มือฉันเจ็บนะ” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

  

เธอที่ตอนแรกแค่มองดูท่าทาง ถอดก็ถอด เขาควรจะได้พักผ่อนเสียที

  

เธอย่อตัวลงพลางถอดรองเท้าและถุงเท้าของเขาออก ก่อนจะหลับตาและใช้แรงดึงขากางเกง จับและดึงออก “เสร็จแล้ว!”

  

เธอเปิดตามองไปที่เขา ก่อนจะก็รีบหลับตาปี๋อีกครั้ง “จิ่งเป่ยเฉินนาย…..”

  

ทำไมกางเกงบ็อกเซอร์ถึงหายไป?

  

ตอนที่เธอหลับตาอยู่นั้นก็คิดว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น?

  

แค่ใช้แรงนิดเดียวกางเกงก็หายไปเลยงั้นเหรอ ไม่คิดว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันนานแบบนี้ เธอที่ไร้เดียงสา ตอนนี้จึงหน้าแดงไปหมดแล้ว

  

“ในเมื่อถอดมันออกหมดแล้วก็รีบนอนได้แล้ว” เธอจ้องไปที่หน้าของเขาโดยไม่กล้าเลื่อนสายตาลงไปมองที่อื่น

  

“ที่รัก ฉันอยากอาบน้ำ”

  

“นี่นายไม่อาบน้ำหนึ่งวันจะตายหรือไง!”

 

“ใช่”

  

“งั้นก็ไปตายซะเถอะ!”

  

จิ่งเป่ยเฉินลุกขึ้นจากเตียงและเดินเข้ามาหาเธอ “ที่รัก ช่วยฉันหน่อยนะ”

  

“นายนี่ไม่รู้ว่าอะไรสมควรหรือไม่สมควรเลยนะ!” เธอถอนหายใจอย่างไม่พอใจ ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอโกรธได้ทุกนาทีจริง ๆ

  

“ความจริงแล้วก็ไม่เข้าใจ” เขาก้มหน้าลงมองเธอ “เธอเองก็ควรจะไปอาบน้ำนะ วันหลังไม่ต้องแต่งหน้าแล้ว”