ตอนที่ 256 การอาบน้ำแบบฝักบัวไม่เหมาะกับเขาจริง ๆ
“แล้วยังไง!” เธอเดินไปที่ห้องอาบน้ำและมองกลับมาที่จิ่งเป่ยเฉินที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เธอที่ยังเดินอยู่จึงเดินช้าลงและเอ่ยว่า “จะอาบน้ำไม่ใช่เหรอ? ยังไม่เดินตามมาอีก!”
อันโหรวมองไปที่หน้าคนป่วยอย่างเขา จะพูดจานุ่มนวลหน่อยไม่ได้เลยหรือยังไง?
แต่เขาก็พอใจและเดินตรงไปหาเธอที่ห้องน้ำ ทันทีที่เข้ามาในห้องอาบน้ำก็เห็นเธอกำลังเปิดน้ำในอ่างอาบน้ำ มือเขาที่บาดเจ็บนั้นไม่เหมาะกับการอาบฝักบัวเท่าไร
อันโหรวยืนอยู่ด้านข้างอ่างอาบน้ำ เธอสังเกตเห็นว่าเขาเดินเข้ามาใกล้ เธอจึงขยับตัวหลบออกไปด้านข้าง เธอกำลังคิดถึงคำพูดของเหลียวเว่ยอยู่
เธอเนี่ยนะฆ่าลูกของเธอ?
ฆ่ากลางอากาศได้ด้วยเหรอ? ความสามารถพิเศษหรือยังไง?
ดูไร้สาระเกินไปหรือเปล่า?
ตอนนี้เธอรู้เพียงแค่ว่าลูกของเหลียวเว่ยไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว และคงมีคนจงใจทำให้เธอแท้งลูก เธอไม่เคยคิดจะบอกเรื่องนี้กับคนอื่นเลย นอกจากเหลียวเว่ยจะพูดเอง
ในเมื่อเรื่องนี้มันบานปลายมาถึงตัวเธอ เหลียวเว่ยอยากตายก็อย่ามาลากเธอไปด้วยสิ!
ครั้งก่อนก็ดึงเธอตกบ่อน้ำพุ ครั้งนี้ยังกล้าเอามีดมาแทง ผู้หญิงคนนี้ชักจะเป็นบ้าไม่ใช่คนปกติแล้ว!
“กำลังคิดเรื่องอะไร?” ทันใดนั้นจิ่งเป่ยเฉินก็พุ่งตัวมากระซิบที่ข้างหูของเธอ
“ฉันกำลังคิดว่าจะทำยังไงให้มือนายไม่โดนน้ำ” เธอมองไปรอบ ๆ อ่างอาบน้ำ ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูมา “ยื่นมือมาแล้วพันเอาไว้ มือจะได้ไม่โดนน้ำ”
จิ่งเป่ยเฉินยื่นมือออกมาและจ้องไปที่ท่าทางที่อ่อนโยนของเธอ คำพูดที่เธอพูดก่อนหน้านี้ที่ดูโกรธจัด ช่างแตกต่างกับตอนนี้ที่ดูอ่อนโยนจนดูเหมือนไม่ใช่เธอ
“เข้าไปได้แล้ว! รีบอาบง่าย ๆ คงไม่หวังให้ฉันช่วยอาบตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างสะอาดหรอกนะ” เธอคงไม่ทำแบบนั้นแน่ การช่วยหยางหยางและหน่วนหน่วนอาบน้ำเป็นเรื่องปกติ แต่ตอนนี้หยางหยางเองก็ไม่ต้องการให้เธอช่วยอาบแล้ว
เด็กเล็กกับผู้ใหญ่ไม่เหมือนกัน อาบน้ำกับเขามันดูแปลกเกินไป
“ทำไมไม่เริ่มอาบจากหัวลงไปให้สะอาดก่อน?” บนตัวยังมีกลิ่นเลือด ดูไม่สบายตัวเท่าไร เขาไม่เคยให้สวัสดิการแบบนี้มาก่อน และไม่เคยเพลิดเพลิน แต่จู่ ๆ กลับบอกสวัสดิการนั้นยกเลิกไปแล้ว
“จิ่งเป่ยเฉินนายพูดไม่รู้เรื่องหรือยังไง ถ้ายังพูดอีกประโยคละก็ ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้เลย!” หากไม่ใช่เพราะมือที่บาดเจ็บของเขา เวลานี้เธอคงผลักเขาลงอ่างไปโดยไม่สนใจไยดีแน่ ๆ
จิ่งเป่ยเฉินหมดหนทางจึงยกขาเข้าไปในอ่างอาบน้ำ
อันโหรวอาบน้ำให้เขาอย่างง่าย ๆ เอาน้ำขึ้นมาลูบให้ตัวเขาเปียก จากนั้นก็ใช้ครีมอาบน้ำถูที่ตัวก่อนจะล้างทำความสะอาดอย่างสะอาด ก่อนจะดึงเขาลุกขึ้นมาเช็ดตัว จากนั้นเดินไปที่เตียงนอนก่อนจะดึงผ้าห่มออกมา “นอน!”
จิ่งเป่ยเฉินเองก็เริ่มง่วง แต่มือกลับไม่ได้ปล่อยออกจากเธอ ดึงมือเธอให้มานอนด้วยบนเตียง
“ก่อนที่นายจะนอนช่วยปล่อยมือฉันก่อนจะได้ไหม? ฉันขอไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยมานอนเป็นเพื่อนนายโอเคไหม?” จิ่งเป่ยเฉินหลับตาลงดูเหมือนจะได้ยินในสิ่งที่เธอพูดจึงค่อย ๆ คลายมือออก
ในที่สุดเธอก็หลุดพ้นจากเขา เธอรีบเดินตรงไปห้องอาบน้ำทันที เธอส่องกระจกมองดูใบหน้าของตัวเองที่ตอนนี้แทบจะดูไม่ได้!
พรุ่งนี้คงอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอไม่หวังว่าจะได้ใบหน้าแบบนี้ ทันใดนั้นเธอก็นึกอะไรบางอย่างได้
เธอรีบเดินออกจากห้องน้ำและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหาข่าวในอินเทอร์เน็ต ในนั้นมีข่าวที่เกี่ยวข้องและเป็นที่พูดถึงอยู่มากมาย อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นถูกอัปโหลดลงในชั่วพริบตา
《ข่าวใหญ่! ลูกสาวตระกูลอันที่หายสาบสูญไปเมื่อห้าปีที่แท้ก็เป็นเลขาของจิ่งเป่ยเฉิน!”
《ลูกสาวทายาทหนึ่งเดียวเครื่องหยกตระกูลอันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่เมือง A ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงของประธานจิ่ง ตระกูลจิ่งจะยอมรับตระกูลอันหรือไม่?》
มีข่าวที่คล้ายกันเผยแพร่ออกไปอย่างไม่รู้จบ พร้อมมีรูปเมื่อคืนของเธอพร้อมแนบรูปเธอเมื่อตอนอายุยี่สิบปีอีก ใบหน้าที่ซีดเซียวเลอะคราบไวน์กับภาพสวย ๆ สมัยก่อนนั้นมันดูต่างกันมากนะ แต่หากล้างเครื่องสำอางออก ความจริงแล้วก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากมาย
เธอไม่ได้ตั้งใจจะดูความคิดเห็นของชาวเน็ต แต่เว่ยป๋อถูกออกแบบมาให้แบบนี้ เธอเห็นคนแสดงความคิดเห็นต่อว่าเธออย่างดุเดือด ผลิตสินค้าปลอม หลอกลวงผู้บริโภคแล้วยังจะกล้าออกมาอีก ใบหน้าก็คงจะปลอมเหมือนกันแน่ ๆ
คนแสดงความคิดเห็นแบบนี้เยอะมาก เรื่องตระกูลอันในเมือง A ปีนั้นมีขึ้น ๆ ลง ๆ ทุกคนต่างรู้ดีและต่างก็ตราหน้าว่าตระกูลอันนั้นทำธุรกิจสีดำ จนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
เธอไม่ได้กังวลที่ถูกรุมด่า สถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เธอแค่เป็นกังวลเรื่องหน่วนหน่วนกับหยางหยางที่จะถูกคนอื่นดูหมิ่นและดูถูก
เธอไม่ได้สนใจดูเรื่องไร้สาระพวกนี้ต่อ ก่อนจะเดินไปนอนด้านข้างจิ่งเป่ยเฉินพลางเหลือบไปเห็นว่าผ้าขนหนูยังพันมือของเขาอยู่ เมื่อกี้ที่อาบน้ำเสร็จเธอลืมแกะออกให้เขา
เธอค่อย ๆ แกะผ้าขนหนูนั้นออกอย่างเบามือและมองไปที่ผ้าพันแผลบนมือของเขา ร่องรอยแห่งความเกลียดชังปรากฏขึ้นในดวงตาของเธอ ยิ่งทำให้เธอนั้นรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น
“จิ่งเป่ยเฉิน นายบ้าไปแล้ว!” เธอสบถด่าขึ้นมา แต่เขาก็ทำท่าราวกับไม่ได้ยินอยู่ดี
เธอเหลือบมองไปดูเวลา ตอนนี้มันยังเร็วอยู่ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เหลียวเว่ยไม่น่าจะถูกปล่อยไปง่าย ๆ หรอกใช่ไหม?
เธอวางมือของจิ่งเป่ยเฉินไว้ในผ้าห่ม ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป เสียงรองเท้าส้นสูงก็ค่อย ๆ ดังจนเงียบหายไปในที่สุด
ภายในห้องของโรงแรม เหลียวเว่ยกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่เย็น ๆ ตรงหน้าของเธอนั้นมีโต๊ะที่มีร่องรอยไอเย็นอยู่หนึ่งโต๊ะ บนโต๊ะสีดำตรงนั้นมีรอยเว้านูนเป็นรอย ๆ ดูไม่สม่ำเสมอ ทั้งยังมีช่องโหว่ตรงมุมขวาด้านบน
ด้วยรูปร่างแบบนี้ เธอไม่แน่ใจว่านี่อาจจะเป็นกระสุนปืนก็ได้ ในเมือง A ต่างก็รู้ดีกันหมดว่าจิ่งเป่ยเฉินมีอำนาจทั้งด้านมืดและด้านสว่าง แต่ด้วยบริษัทจิ่งที่ยิ่งใหญ่เสียขนาดนั้น หลายครั้งต่อหลายครั้ง พวกเขาก็แทบจะลืมเกือบไปจนหมดแล้วว่าชายคนนั้นจิตใจโหดเหี้ยมมากแค่ไหน
ภายในห้องไม่มีแม้กระทั่งหน้าต่าง ไม่เพียงแค่นั้นที่ด้านบนศีรษะของเธอก็มีแสงไฟสว่างไสวกระจายไปทั่วห้อง บ่งบอกได้ว่าห้องนี้เป็นห้องที่มืดสนิทมากแค่ไหน ด้วยสภาพแวดล้อมต่างล้วนทำให้หัวใจของเธอเริ่มหวาดกลัวมากขึ้น เธอทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะโกรธหรือสิ้นหวังดี………
โอวหยางลี่ใจร้ายขนาดนี้เลยเหรอ ถึงได้ปล่อยไปง่าย ๆ แบบนี้ ไม่สนแม้กระทั่งตัวเธอ!
เธอชอบผู้ชายแบบนี้ไปได้ยังไงกัน?
ผู้ชายที่สามารถทอดทิ้งภรรยาของตัวเองได้ เธอเกลียดโอวหยางลี่มาก และเธอก็เกลียดอันโหรวมากขึ้นที่เล่นสนุกกับตัวเธอแบบนี้ ทุกครั้งเธอมักจะเปิดเผยใบหน้าที่ปลอมเปลือก หลอกล่อและหลบหนีด้วยใบหน้าที่น่าเกลียดแบบนั้นทุกครั้ง
ในคืนนั้นเธอมั่นใจว่าลากเธอตกลงไปในบ่อน้ำพุแล้ว แต่เธอก็สามารถรอดไปได้อย่างปลอดภัย
ภายในห้องตอนนี้ที่มีแสงไฟสลัว ๆ เริ่มมืดลง ไม่ช้าก็เปลี่ยนเป็นแสงไฟสลัว ๆ แบบอบอุ่น หรือว่าพวกเขาคิดจะปล่อยเธอไปแล้ว?
เธอเริ่มมองอย่างตื่นเต้นและประหม่าที่ตรงหน้าประตู ที่นี่ไม่มีแม้แต่เครื่องทำความอุ่น ตัวเธอที่สวมชุดราตรีลุกขึ้นจากที่นั่ง ที่ที่ลำบากแบบนี้ทำให้ขาของเธอสั่นเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ลดทอนอาการตื่นเต้นของเธอลงเลยแม้แต่น้อย
เมื่อประตูห้องถูกเปิดออกขึ้นก็เห็นฉีเซิงเทียนถือแอปเปิลเดินเข้ามาพร้อมกับมีดเล่มหนึ่ง พอเห็นเธอลุกขึ้นยืน เขาก็ยิ้มแบบไม่ปกปิด “คุณนายโอวหยาง เกรงใจเกินไปแล้ว ไม่ต้องยืนต้อนรับหรอก!”
เธอยืนขึ้นต้อนรับเขาที่ไหนกัน เธอแค่คิดจะยืนขึ้นเท่านั้นเอง เธอไม่คิดว่าเขาจะยอมปล่อยเธอไปง่าย ๆ ด้วยซ้ำ
“เมื่อไหร่พวกคุณจะปล่อยฉันไปสักที? ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ จะพาฉันไปหาจิ่งเป่ยเฉินก็ได้ ฉันจะได้ไปขอโทษเขาต่อหน้าเอง!” ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว อันโหรวคงไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่
แต่ทว่าจิ่งเป่ยเฉินนี่สิ ดูเหมือนเขาจะไม่ยอมปล่อยเธอไป เธอเกือบลืมไปแล้วว่าคืนนี้เป็นอันโหรวที่พาเขาออกไป เธอไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าถ้าหากจิ่งเป่ยเฉินไม่ยอมไปละก็ พอถึงตอนนั้นเข้าจริง ๆ เธอจะทำยังไง
“ตอนนี้คุณไปได้แล้ว” อันโหรวเดินเข้ามาพร้อมกับเสื้อคลุมของจิ่งเป่ยเฉิน ภายในห้องนี้หนาวเย็นมากจริง ๆ ยังดีหน่อยที่ฉีเซิงเทียนเตือนเธอเมื่อครู่นี้