ภาคที่ 2 บทที่ 169 ยอมรับ

มู่หนานจือ

หลิวตงเยว่ตกใจกับความคิดนี้ของตนเอง เขาลุกขึ้นยืนทันที อยากถอยหลังไปหลบที่มุมกำแพง แต่กลับลืมไปว่าเขายังอยู่ในรถม้า จึงชนผนังรถเข้า ดึงดูดสายตาของหลี่เชียนกับเจียงเซี่ยน

“ข้าเปล่า ข้าเปล่า!” เขาโบกมืออย่างลนลานมาก จนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองพูดอะไรไปบ้าง “ไม่ใช่ข้า! ไม่ใช่ข้า…”

เด็กคนนี้…เป็นอะไรไป?

เจียงเซี่ยนขมวดคิ้วอย่างงุนงง

หลิวตงเยว่ยิ่งลนลานมากขึ้น

ทีนี้จบแล้ว!

ไม่ว่าจะเปิดเผยเรื่องความรักของท่านหญิงกับหลี่เชียน…ท่านหญิงหนีตามคนอื่นไปกลับพาเขาไปคนเดียว…หรือตอนที่ท่านหญิงทำผิดไม่เสี่ยงตายตักเตือน…ไม่ว่าจะเป็นข้อไหน เจิ้นกั๋วกงหรือไทฮองไทเฮารู้เข้า เขาก็ตายแน่ทั้งนั้น!

หากรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรก ตอนอยู่ที่หมู่บ้านเขาก็น่าจะร้องขอความช่วยเหลือเสียงดัง

ถึงอย่างไรล่วงเกินหลี่เชียนก็ดีกว่าล่วงเกินเจิ้นกั๋วกงกับไทฮองไทเฮากระมัง?

แล้วยังฮ่องเต้

หลิวตงเยว่นึกขึ้นได้ก็ตกใจและหวาดกลัวจนตัวสั่น

ฮ่องเต้น่าเกรงขามจนยากที่จะคาดเดาได้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร หากรู้ว่าท่านหญิงหนีตามหลี่เชียนไปแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะลงโทษพวกเขาที่รับใช้ข้างกายท่านหญิงอย่างไร

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…เขาที่รู้เรื่องแต่ไม่แจ้งให้ทราบ เจ้านายถูกหยามเกียรติ ไม่ประหารเก้าชั่วโคตร[1]ก็ต้องถูกจับเข้าคุกหลวงอยู่ดี!

ไม่สิ เขายังไม่มีสิทธิเข้าคุกหลวง

นั่นเป็นสถานที่ที่ขุนนางตำแหน่งสูงตั้งแต่ระดับสามขึ้นไปถึงจะไป

เขาอาจจะถูกโยนไปที่กองพิจารณาคดี

คนที่เข้าไปในกองพิจารณาคดี ยังไม่เคยได้ยินว่ามีคนรอดออกมาเลย

หลิวตงเยว่ตกใจจนหน้าซีด

แถมเขายังด่าหลี่เชียนว่าไม่ใช่คนต่อหน้าท่านหญิงเจียหนานอีก

ไม่รู้ว่าท่านหญิงได้สติกลับมาแล้วจะคิดว่าเขาเสียมารยาทกับหลี่เชียนหรือไม่!

เขาล่วงเกินทั้งฮ่องเต้และหลี่เชียนในคราวเดียว

หลิวตงเยว่จับผมของตนเองไว้แน่น

เขาควรจะทำอย่างไรถึงจะดีล่ะ?

ใต้หล้าใหญ่ขนาดนี้ จะไม่มีหนทางรอดเลยอย่างนั้นหรือ?

แสงยามรุ่งอรุณปรากฏขึ้นที่ขอบฟ้า

อากาศสดชื่นและหนาวเย็น

จินเซียวห่อตัวด้วยเสื้อคลุม และนั่งอยู่ในเกี้ยวด้วยสีหน้าเซื่องซึมเล็กน้อย

ไม่ว่าใครฝ่าลมหนาวตอนดึกดื่นเที่ยงคืนจากจวนเจิ้นกั๋วกงกลับถึงบ้าน เพิ่งจะแช่น้ำร้อน ขึ้นเตียงและนอนลงยังไม่ทันได้หลับตาก็ถูกคนเรียกให้ไปจวนเจิ้นกั๋วกงใหม่อีกครั้งท่ามกลางลมหนาวที่หนาวเล็กน้อย ก็คงจะหน้าตาไม่มีชีวิตชีวาเหมือนกับเขา

ไม่รู้ว่าเจิ้นกั๋วกงเรียกเขาไปเพราะเหตุใด?

จินเซียวหาวครั้งหนึ่ง

เกี้ยวจอดลงที่ประตูข้าง

จินเซียวให้เศษเงินเป็นรางวัลแก่คนหามเกี้ยวของตระกูลเจียงและให้ทองแดงกำหนึ่งเป็นรางวัลแก่คนเฝ้าประตูของตระกูลเจียง ผู้ติดตามของเจียงเจิ้นหยวนพาเขาไปที่ห้องหนังสือที่เรือนด้านนอกของเจียงเจิ้นหยวน

ฟ้าสว่างแล้ว ทว่าในห้องหนังสือกลับจุดเทียนไว้ เห็นได้ชัดว่าคนในห้องหนังสือไม่ได้นอนทั้งคืน

หรือว่าท่านหญิงเจียหนานมีข่าวอะไรแล้วอย่างนั้นหรือ?

จินเซียวครุ่นคิดอยู่ในใจ พลางยิ้มและเข้าไปในห้องหนังสือ

เจียงเจิ้นหยวนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือหลังโต๊ะเขียนหนังสือตัวใหญ่ในห้องหนังสือ หน้าตายังดูได้ ดูไม่ออกว่าไม่ได้นอนทั้งคืนหรือไม่ แต่เติ้งเฉิงลู่นั้น จินเซียวคิดไม่ถึงว่าเขาจะอยู่ที่นี่ เขายังคงสวมเสื้อคลุมยาวที่มีซับในสีไผ่เขียวที่ใส่เมื่อวานอยู่เช่นเดิม หน้าตาตึงเครียด เหมือนใครติดเงินเขาสามร้อยตำลึง และเขามาทวงหนี้

หลังจากจินเซียวคารวะเจียงเจิ้นหยวนแล้ว ก็อดที่จะเอ่ยกับเติ้งเฉิงลู่ไม่ได้ว่า “เจ้าไม่ได้กลับไปหรือ? หรือว่ามีธุระอะไรจึงมาอีก?”

เติ้งเฉิงลู่ไม่สนใจเขา

ไม่สนใจแบบที่ไม่อยากเล่นกับเขาแล้วเหมือนตอนเด็ก ไม่มีเจตนาร้าย เพียงแค่โกรธ

จินเซียวยิ้มออกมา และนั่งลงบนเก้าอี้กุหลาบที่เจียงเจิ้นหยวนชี้

มีเด็กรับใช้นำชากับของว่างเข้ามาให้

เจียงเจิ้นหยวนยกถ้วยชาขึ้นดื่มอึกหนึ่ง และถามจินเซียวด้วยสีหน้าเฉยชาว่า “เจียหนานอยู่ที่ไหน?”

จินเซียวตกใจ

เจียงเจิ้นหยวนมองเขาอย่างเย็นชา สายตาคมกริบเหมือนอาวุธ

จินเซียวเชื่อว่า หากเวลานี้เจียงเจิ้นหยวนมีดาบอยู่ในมือ เขาก็ตายไปอย่างน้อยสิบครั้งแล้ว

เขาเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้าไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านหญิงอยู่ที่ไหน แต่ข้ารู้ว่า นางไปกับหลี่เชียนลูกชายของหลี่ฉางชิงแม่ทัพซานซี”

“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” ใบหน้าที่มีแผนในใจอยู่แล้วของเจียงเจิ้นหยวนถูกฉีดขาด และเผยความโหดเหี้ยมอำมหิตที่แท้จริงออกมา “หลี่เชียน? เขาโผล่มาจากไหน? เจียหนานไปกับเขาได้อย่างไร?”

แม้จะเอ่ยเช่นนี้ ทว่าเจียงเจิ้นหยวนก็นึกถึงที่เจียงเซี่ยนช่วยตระกูลหลี่หลายครั้ง ในใจจึงแอบเชื่อไปบ้างแล้ว

เจียงเจิ้นหยวนรักและทะนุถนอมคนรุ่นหลังมาตลอด ยิ่งกว่านั้นพออายุค่อยๆ มากขึ้น ความสามารถในการควบคุมจิตใจก็ยิ่งยอดเยี่ยม ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นจินเซียวหรือเติ้งเฉิงลู่ ต่างก็เพิ่งเคยเห็นเจิ้นกั๋วกงแผ่จิตสังหารกระจายออกมาแบบนี้เป็นครั้งแรก

ทั้งสองคนอดที่จะตัวสั่นพร้อมกันไม่ได้

จินเซียวเอ่ยอย่างตรงไปตรงมามากขึ้นว่า “วันนั้นข้ากับพวกจ้าวเซี่ยวไปคารวะไทฮองไทเฮาที่ภูเขาวั่นโซ่วด้วยกัน และเจอหลี่เชียนเข้า เขาออกมาจากตำหนักเล่อโซ่วที่ท่านหญิงพักพอดี พวกเราเลยรู้จักกัน และตอนหลังก็กลับเมืองหลวงด้วยกัน หลังจากนั้นไม่กี่วัน เขามาหาข้า บอกว่าอยากให้ข้าช่วยชวนพวกท่านหญิงเจียหนานไปเที่ยวที่หมู่บ้านที่ต้าซิงหน่อย ตอนนั้นข้ายังสงสัยอยู่ว่า ข้ากับเขาไม่ได้สนิทกัน เขาคิดอย่างไรถึงให้ข้าช่วยเขา ปรากฏว่าก่อนที่ข้าจะถามเขา เขาบอกข้าว่า บิดาของเขาไปรับราชการที่ซานซีแล้ว และสองสามปีนี้ก็คงจะไม่กลับมาแล้ว หากเขาเชิญท่านหญิงเจียหนานไปเป็นแขกที่ซานซี ก็กลัวว่าท่านกับท่านพี่อาลวี่จะไม่อนุญาต…” จินเซียวเอ่ยพลางมองเจียงเจิ้นหยวนอย่างลำบากใจเล็กน้อย “จึงตัดสินใจแอบไปกันสองคน…แล้วเขาก็เอาเทียบขอพบของท่านมาให้ข้าฉบับหนึ่ง บอกว่าพวกเขาไม่ได้ตั้งใจทำให้ผู้อาวุโสในตระกูลเสียใจ เพียงแค่ให้ข้าช่วยถ่วงเวลาให้พวกเขาสักหน่อยเท่านั้น และหากท่านมองออกแล้ว ก็ให้ข้ามอบเทียบขอพบฉบับนี้ให้ท่าน…ไม่ให้ท่านกลั่นแกล้งข้า…”

เจียงเจิ้นหยวนตบฝ่ามือลงบนโต๊ะเขียนหนังสือตัวใหญ่ที่ทำจากไม้สีทองไหมทอง สะเทือนจนที่แขวนพู่กันกับชามเครื่องเคลือบสำหรับล้างพู่กันส่งเสียงกระแทกกันตลอด

“เจ้า…” เขาจ้องจินเซียวอย่างโมโห มีสิ่งที่จะพูดมากมาย จนไม่รู้ว่าจะพูดเรื่องไหนก่อนดีไปชั่วขณะ

ทว่าเติ้งเฉิงลู่ที่นั่งทำหน้าดูถูกอยู่ตรงนั้นกลับลุกขึ้นยืนทันที และเอ่ยเสียงเฉียบขาดว่า “เป็นไปไม่ได้! หากท่านหญิงอยากแต่งงานกับหลี่เชียน ต่อให้หลี่เชียนเป็นทหารรับใช้ธรรมดา ท่านหญิงก็จะแต่งงานกับเขาอย่างเปิดเผยเช่นกัน นางจะหนีตามเขาไปได้อย่างไร?”

“แต่นางไปกับหลี่เชียนแล้วจริงๆ นะ!” จินเซียวยังคงขี้ขลาดเล็กน้อยอยู่ดีเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้มีบารมีที่เล่าลือกันในกองทัพอย่างเจียงเจิ้นหยวน เขามองเจียงเจิ้นหยวนอย่างระมัดระวังมาก และเอ่ยแก้ต่างให้ตนเองว่า “ข้างกายท่านหญิงมีคนมากขนาดนั้น แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าท่านหญิงหายตัวไปสักคน หากท่านหญิงไม่เต็มใจ ทำไมพวกเราถึงเพิ่งมารู้ตอนที่รับประทานอาหารเย็นแล้ว?”

“นี่เป็นคนละเรื่องกัน!” เติ้งเฉิงลู่ไม่ยอมลดละ เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงออกอย่างแข็งกร้าวขนาดนี้ “ไม่ว่าท่านหญิงจะเต็มใจไปกับหลี่เชียนหรือไม่ เจ้าก็ไม่ควรช่วยหลี่เชียน เจ้าทำแบบนี้ เป็น…เป็นการช่วยคนเลวทำเรื่องชั่ว!”

จินเซียวเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าข้ากำลังมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือคนอื่นล่ะ?”

ทั้งสองคนเอ่ยถึงเรื่องความถูกผิดสลับกันไปมา

“พอได้แล้ว!” เจียงเจิ้นหยวนตวาดเสียงดังแทรกคำพูดของทั้งสองคน และถามจินเซียว “พวกเขาไปซานซีแล้วจริงๆ หรือ?”

“น่าจะใช่ขอรับ!” จินเซียวก็ไม่กล้ายืนยันเช่นกัน และเอ่ยว่า “หลี่เชียนรับราชการที่กองบัญชาการซานซี บิดาของเขาเป็นแม่ทัพซานซี และซานซีก็เป็นบ้านเกิดของตระกูลหลี่ เขาอยากแต่งงานกับท่านหญิง แต่ไม่ได้มอบสินสอดให้ตระกูลเจียง อย่างไรก็คงจะให้ผู้อาวุโสของตระกูลหลี่ออกหน้าทำพิธีแต่งงานให้เสร็จสมบูรณ์”

เจียงเจิ้นหยวนพยักหน้า แล้วให้คนไปเรียกเจียงลวี่กับหวังจ้าน และเอ่ยว่า “เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พวกเขาสองคนฟัง แล้วให้พวกเขาพาคนห้าสิบคนขี่ม้าไปซานซีอย่างเร็วที่สุด เอาตราประทับกับเทียบขอพบของข้าไป หากไม่ได้ก็ระดมกำลังทหารจากกองบัญชาการต้าถง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพาเจียหนานกลับมาให้ได้”

ผู้ติดตามวิ่งไปทางเรือนที่เจียงลวี่อาศัยอยู่

แล้วเจียงเจิ้นหยวนก็เรียกเด็กรับใช้มาคนหนึ่ง และเอ่ยว่า “เจ้าไปเชิญเฉาเซวียนเฉิงเอินกงมา”

เด็กรับใช้ขานรับและจากไป

————————————

[1] ประหารเก้าชั่วโคตร นับจากตนเองขึ้นไป 4 รุ่น และนับลงไปอีก 4 รุ่น คือ เทียด, ทวด, ปู่ย่าตายาย, พ่อแม่, ตนเอง, ลูก, หลาน, เหลน และลื่อ เท่ากับฆ่าล้างทั้งตระกูล