ฝนตกแล้ว นี่เป็นช่วงเวลาอันดีในการเก็บผักตี้เอ่อ บนดินโคลนที่อุดมสมบูรณ์ จะมีผักตี้เอ่อชั้นหนาขึ้นมาชั้นแล้วชั้นเล่า
ท่านป้าสี่และท่านลุงสี่ทานอาหารเที่ยงเสร็จ หิ้วตะกร้ากำลังจะออกจากบ้าน
ก่อนออกบ้าน ท่านป้าสี่มองดูประตูห้องของเซียวหมิงจูที่ปิดสนิท ภายในใจรู้สึกอัดอั้นจนกระวนกระวาย เซียวหมิงจูเก็บตัวอยู่แต่ในห้องทุกวัน นอกจากเวลากินอาหารที่จะออกมาหนหนึ่ง เวลาส่วนใหญ่จะเก็บตัวอยู่ในห้องตลอด
ท่านป้าสี่เป็นห่วงบุตรสาวของตนเอง!
เอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้าน หากอึดอัดจนล้มป่วยจะทำอย่างไร ดังนั้น นางจึงบอกให้เซียวหมิงจูออกไปเก็บผักตี้เอ่อกับนางด้วย
แต่พูดจนคอแหบ เคาะจนมือเจ็บ คนด้านในก็ไม่สนใจนาง ท่านป้าสี่โมโหจนหยาดน้ำตาไหลริน “ข้าทำเช่นนี้เพื่อใครกัน ไม่ใช่เพื่อเจ้าหรอกหรือ! คนล้วนบอกว่าหยาดน้ำตาไหลลู่ลง ข้าที่เป็นแม่ ในใจคิดแต่เรื่องเจ้า เจ้ายังจะทำร้ายหัวใจข้าอีก เจ้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่! ”
กล่าวประโยคนี้จบ ท่านป้าสี่ก็ออกไป
เซียวหมิงจูอยู่ด้านในรู้สึกไม่อาจสงบใจได้
นางเองก็เห็นใจมารดาเหมือนกัน ช่วยไม่ได้ ทำได้เพียงหิ้วตะกร้าออกไป
เพิ่งออกจากลานบ้าน ก็พบกับเซียวหยวน “น้องหมิงจู เจ้าจะออกไปงั้นหรือ? ”
เมื่อเซียวหมิงจูพบเซียวหยวนก็อารมณ์ไม่ดีทันที กล่าวด้วยน้ำเสียงอู้อี้ว่าจะทำไม
เซียวหยวนขวางนางไว้ “เจ้าจะไปในที่นางั้นหรือ? จะไปทำอะไรหรือ? ”
เซียวหมิงจูกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ไปเก็บผักตี้เอ่อ ทำไม เจ้าก็จะไปงั้นหรือ? ”
เซียวหยวนได้ฟังดังนั้น ดวงตาพลันลุกวาว “ได้สิ ข้าจะไปกับเจ้า! ”
เซียวหมิงจู “…” นางเพียงแค่พูดไปอย่างนั้น
เซียวหยวนกล่าวด้วยท่าทางตื่นเต้น “ข้ายังไม่รู้เลยว่าผักตี้เอ่อหน้าตาเป็นอย่างไร พอดีเลย ครั้งนี้จะได้ไปเปิดหูเปิดตากับเจ้า! ”
เซียวหมิงจูโมโหแทบตาย กลับทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงเดินไปด้านหน้าด้วยอารมณ์โมโห
เซียวหยวนตามติดอยู่ด้านหลัง เดินพลางเอ่ยถาม “น้องหมิงจู ผักตี้เอ่อหน้าตาเป็นอย่างไรงั้นหรือ? เจ้าสอนข้าได้หรือไม่ ข้าเกรงว่าจะเก็บผิด”
เซียวหมิงจูที่อยู่ด้านหน้าแทบจะวิ่ง “เจ้าไปถามท่านแม่ข้าเอง! ”
ในที่สุดก็หาท่านป้าสี่พบ เซียวหยวนเอ่ยเรียกท่านป้าสี่อย่างสนิทสนม ท่านป้าสี่หันกลับมา ตอนเห็นเซียวหยวนเพียงแย้มรอยยิ้ม พอเห็นบุตรสาวตนเองที่ยืนอยู่ข้างกายเซียวหยวน ท่านป้าสี่แทบอยากคุกเข่าต่อหน้าพระโพธิสัตว์
ถึงแม้สีหน้าของเซียวหมิงจูจะไม่ดีนัก แต่อย่างน้อยก็ออกมาแล้ว ไม่เพียงแค่นั้น ยังออกมาพร้อมเซียวหยวนด้วย นี่เป็นสัญญาณที่ดี น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานฟ้าก็มืดแล้ว
ท่านป้าสี่และเซียวหมิงจูเก็บผักตี้เอ่อได้สามตะกร้าก็กลับบ้านแล้ว เซียวหยวนเก็บได้หนึ่งตะกร้า กลับไปพร้อมกัน
เมื่อถึงบ้านท่านป้าสี่ เซียวหยวนยื่นตะกร้าให้เซียวหมิงจู
เซียวหมิงจูผงะไป “ทำอะไร? ”
ท่านป้าสี่หันกลับมา ไม่รู้เหมือนกันว่าเซียวหยวนจะทำอะไร
“อันนี้ให้เจ้า! ” เซียวหยวนกล่าว
เซียวหมิงจูขมวดคิ้ว กล่าวด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ของที่เจ้าเก็บมาเอง ให้ข้าทำไม! ”
เซียวหยวนเกาศีรษะด้วยท่าทางเก้อเขิน “พวกเขาต้องการให้ล้างสะอาดก่อน แต่ข้าไม่ถนัด ล้างไม่เป็น เอากลับไปก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าอย่างไรพวกเจ้านำกลับไปเถอะ”
ท่านป้าสี่ก็รู้ว่าบุรุษทำงานละเอียดเช่นนี้ไม่เป็น
“ถ้าอย่างไร พวกเราช่วยเจ้าล้าง ล้างสะอาดแล้วจะนำไปให้เจ้า”
หนึ่งตะกร้ามีห้าถึงหกจิน เป็นเงินสิบเจ็ดถึงสิบแปดอีแปะเชียว! ตาแก่ช่วยซื้อของให้คนอื่นได้เงินเพียงรอบละหนึ่งถึงสองอีแปะ นี่เท่ากับเงินจากการซื้อของสิบกว่าถึงยี่สิบรอบเชียว!
เซียวหยวนยิ้ม “เก็บหนึ่งตะกร้าใช้เวลาไม่เท่าไร เกรงว่าตอนล้างคงต้องใช้เวลาไม่น้อยเลย ท่านป้าสี่ ผักตี้เอ่อตะกร้านี้ให้ท่านแล้วกันขอรับ หากท่านยังคิดว่าไม่ดี ไว้วันไหนข้าจะไปดื่มสุราเป็นเพื่อนท่านลุงสี่ ดื่มสุราที่ข้านำมา! ”
ใช้เงินสิบเจ็ดถึงสิบแปดอีแปะแลกอาหารเพียงหนึ่งมื้อ เช่นนี้ก็ขาดทุนไม่ใช่หรือ!
คนปกติทั่วไปมีหรือจะทำเช่นนี้ แต่ท่านป้าสี่กลับยิ้มอย่างเบิกบาน “วันไหนอะไรกัน วันไหนก็มิสู้วันนี้ เจ้าชอบกินอาหารที่หมิงจูทำไม่ใช่หรือ เย็นนี้จะให้นางทำอาหารให้เจ้ากิน! ”
เซียวหยวนแสดงสีหน้าดีใจ ย่อมต้องตอบตกลง
เซียวหมิงจูชักสีหน้าทันที
ท่านป้าสี่ดึงเซียวหมิงจูที่ทำสีหน้าบึ้งตึงเข้าไปในบ้าน “เจ้าทำสีหน้าบึ้งตึงเช่นนี้ให้ใครดูกัน? ”
“ท่านคิดว่าทำให้ใครดู ข้าก็ทำให้คนนั้นดูเจ้าค่ะ! ” เซียวหมิงจูกล่าวอย่างไม่ยอมอ่อนข้อแม้แต่น้อย
“เจ้า…” ท่านป้าสี่โมโหแทบตาย “นางเด็กบ้า คนเขาเก็บผักตี้เอ่อมาหนึ่งตะกร้า มอบให้พวกเราทั้งหมด ทำไมเจ้าถึงไม่รู้จักสำนึกบ้าง? ”
“ข้าไม่อยากได้เสียหน่อย ท่านอยากได้เอง! ” เซียวหมิงจูกล่าวอย่างเย็นชา
ท่านป้าสี่โมโหแทบตาย “เจ้า… เจ้าคิดว่าคนเขาอยากให้ข้าหรือ”
หากไม่ใช่เพราะเจ้า คนเขาจะมอบของที่มีมูลค่าสิบเจ็ดถึงสิบแปดอีแปะให้พวกเรางั้นหรือ เพราะเหตุไรเขาถึงไม่มอบให้คนอื่นเล่า!
เซียวหมิงจูมองท่านป้าสี่ แววตาเย็นเยียบ “ท่านแม่ ท่านหมายความว่าอย่างไรกันแน่เจ้าคะ? ”
ท่านป้าสี่ถูกเซียวหมิงจูจ้องมองจนรู้สึกหวั่นใจ “หมายความว่าอย่างไรอะไรกัน? ”
“ท่านคงไม่ใช่ว่าถูกใจเซียวหยวนแล้วกระมัง? ” เซียวหมิงจูเอ่ยถามอย่างเถรตรง
“ถูกใจแล้วจะทำไม คนเขาอายุไล่เลี่ยกับเจ้า เป็นคนรู้ความ ทั้งยังมีความสามารถหาเลี้ยงชีพได้ ข้าถูกใจเขา จะทำไม? ” ท่านป้าสี่รู้สึกโมโห นางจะหวั่นใจทำไมกัน!
เซียวหมิงจูแววตาเย็นเยียบ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ข้าไม่ถูกใจ ท่านอย่าทำอะไรซี้ซั้ว! ”
กล่าวจบ ก็หันขวับไปล้างผักตี้เอ่อ ไม่สนใจท่านป้าสี่
ท่านป้าสี่โมโหแทบตาย ส่งเสียงโวยวายไม่หยุด
“เซียวหมิงจู นี่มันท่าทีอะไรของเจ้า ข้าทำไปก็เพราะหวังดีต่อเจ้าไม่ใช่หรือ? อะไรคือข้าถูกใจ แต่เจ้าไม่ถูกใจ? ชายหนุ่มหญิงสาวเติบใหญ่ล้วนต้องแต่งงาน บิดามารดาเลือกคู่ให้ แม่สื่อแม่ชักดูตัวให้ เจ้าคิดจะขัดขืนหรืออย่างไร? ”
ท่านป้าสี่โวยวายไม่หยุด เซียวหมิงจูขานตอบเป็นครั้งคราว ท่านป้าสี่โมโหจนแทบลมจับ!
เสียงของท่านลุงสี่ที่กลับมาในตอนเย็นดังขึ้นจากด้านนอก ท่านป้าสี่ไม่กล้าโวยวายกับเซียวหมิงจูต่อ รีบออกจากห้องครัว “กลับมาแล้วงั้นหรือ? ”
ท่านลุงสี่รู้สึกประหลาดใจ “เจ้ากับหมิงจูทะเลาะกันเรื่องอะไร? ”
ท่านป้าสี่ยิ้ม “พวกเราสองแม่ลูกจะทะเลาะอะไรกันได้ กำลังถกเถียงกันว่าเย็นนี้จะกินอะไร! ”
“มีอะไรน่าเถียงกัน! ” ท่านลุงสี่รู้สึกว่าน่าขัน “มีอะไรก็กินอันนั้นสิ! ”
ท่านลุงสี่ไม่เข้าใจว่าเรื่องอาหารมีอะไรน่าถกเถียงกัน สตรีก็เรื่องมากเช่นนี้