เล่ม 1 ตอนที่ 145 แบ่งยาวิเศษ

สลับชะตา ชายามือสังหาร

หลังจากจัดการเรื่องต่างๆ ในตระกูลไปมากพอสมควรแล้ว ซือหม่าโยวเย่ว์จึงไปยังวิทยาลัย ตอนนี้เธอยังไม่จบการศึกษา อาจารย์ใหญ่ก็ทราบเรื่องจึงยอมให้เธอลาพักได้เป็นระยะเวลาหนึ่ง เมื่อเห็นว่าตระกูลซือหม่าเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้วเธอจึงกลับไปเรียนต่อ

อันที่จริงสำหรับเธอในตอนนี้ก็เรียนรู้อะไรจากที่นี่มิได้มากนักอีกต่อไปแล้ว แต่เธอไม่อยากละทิ้งไปกลางคัน ตระกูลซือหม่าก็ยังต้องการให้เธอทุ่มเทความคิดจิตใจ ดังนั้นเธอจึงยังไม่มีความคิดที่จะจากไปในตอนนี้

เมื่อกลับไปถึงเรือนพัก พวกเว่ยจือฉีต่างก็ไปเข้าชั้นเรียนกันหมดแล้ว ไม่มีใครอยู่ในเรือนพักเลยแม้แต่คนเดียว เมื่อนึกถึงว่าคราวก่อนตอนที่ตนอยู่ที่นี่ ยังเป็นคุณชายที่ไม่ต้องแยแสสิ่งใดอยู่เลย แต่พอมาที่นี่อีกครั้ง ตนกลับกลายเป็นประมุขของตระกูลไปเสียแล้ว

อืม… เรื่องที่ประมุขตระกูลยังต้องมาเข้าเรียนนี้คงเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่เคยพบเจอมาก่อนอย่างแน่นอน

เมื่อเก็บกวาดห้องเสร็จเรียบร้อยก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว พอนึกขึ้นมาได้ว่ามิได้กินข้าวมาเป็นเวลานานแล้ว ทั้งยังนึกขอบคุณความใส่ใจและความช่วยเหลือที่ทุกคนมีต่อตนในช่วงนี้ เธอจึงไปที่ห้องครัวแล้วทำกับข้าวขึ้นมาหลายอย่าง

“ข้าว่าแล้ว ได้กลิ่นหอมอร่อยนี้ก็รู้แล้วว่าโยวเย่ว์กลับมาน่ะ” เจ้าอ้วนชวีเสียงนำมาก่อนตัว จมูกของเขาเฉียบคมอย่างยิ่งยามได้กลิ่นอาหารอันโอชะ

คนทั้งสี่เข้ามายังห้องครัว เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ผู้นั่งคอยพวกเขาอยู่ที่โต๊ะจึงพากันเดินไปนั่งประจำที่แล้วเริ่มกินอย่างรู้งาน

“จัดการธุระเสร็จแล้วหรือ” เว่ยจือฉีถาม

“เข้าที่เข้าทางเกือบหมดแล้วล่ะ เรื่องที่เหลือก็ต้องค่อยๆ ทำกันไป” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด เรื่องใหญ่ที่สุดในตอนนี้ก็คือปัญหาการฝึกสัตว์อสูรวิเศษกว่าร้อยตัวให้เชื่อง แต่สัตว์อสูรวิเศษยังมาไม่ถึง ดังนั้นเธอจึงยังไม่ต้องรีบไปจัดการ

“ความเร็วในการสร้างบ้านของเจ้านั้นทำเอาพวกเราตาพร่ากันเลยทีเดียว มิได้ออกไปแค่ไม่กี่วัน ตอนออกไปเมื่อวานถึงได้พบว่าบ้านของเจ้าสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว!” เจ้าอ้วนชวีคีบเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าปากแล้วพูดพลางเคี้ยวมันไปด้วย

“อย่าว่าแต่พวกเจ้าเลย ข้าเองก็ยังตกใจจนตัวลอย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ข้าปลีกวิเวกไปไม่กี่วัน ตอนออกมาเห็นพื้นที่ว่างกลายเป็นเรือน ตอนนั้นข้าขนลุกไปหมด ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการสร้างบ้านนั้นรวดเร็วถึงเพียงนี้ได้ด้วย!”

“ข้าได้ยินว่ามีคนมากมายร่วมกันลงแรง จึงได้รวดเร็วถึงเพียงนั้น” เว่ยจือฉีพูด “เช่นนี้ก็ดี พวกเจ้าเกณฑ์คนมามากมายถึงเพียงนั้น ก็จำเป็นจะต้องจัดการที่ทางกันสักหน่อย”

“อื้ม” ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วถามว่า “ระยะนี้พวกเจ้าเป็นอย่างไรกันบ้าง”

“ในวิทยาลัยก็เหมือนๆ กับก่อนหน้านี้นั่นแหละ เพียงแต่ตอนนี้พวกเราเดินไปมาในวิทยาลัยมักมีผู้หญิงมาหาพวกเราอยู่บ่อยๆ น่ารำคาญยิ่งนัก” เว่ยจือฉีพูด

“ทำไมหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์กะพริบตา “พวกเจ้าเด็ดดอกไม้แล้วถูกเปิดโปงอย่างนั้นหรือ”

“พวกเรามิได้เด็ดดอกไม้เสียหน่อย แต่เป็นเจ้าต่างหากเล่าที่เด็ดดอกไม้!” เจ้าอ้วนชวีพูด “คนพวกนั้นมาหาพวกเราเสียที่ไหนเล่า พวกนางมาหาเจ้ากันทั้งนั้นแหละ! ทุกครั้งที่มาหาพวกเราล้วนเอาแต่คอยถามว่าเจ้าจะกลับมาที่วิทยาลัยเมื่อใด เจ้าชมชอบสิ่งใด ชอบสตรีที่มีลักษณะเช่นไร จริงๆ เลยนะ เจ้าเป็นสตรีแท้ๆ เหตุใดจึงได้รับความนิยมมากมายเช่นนี้อีก”

“…”

ซือหม่าโยวเย่ว์มองเจ้าอ้วนชวีโอดครวญอย่างอับจนคำพูด คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ตนได้กลายเป็นคนดังของวิทยาลัยไปเสียแล้ว

อ้อ… ก่อนหน้านี้ก็เป็นคนดังนี่นา เพียงแต่ก่อนหน้านี้โด่งดังเพราะเป็นคนไร้ค่า แต่ตอนนี้โด่งดังเพราะเป็นผู้มีพรสวรรค์เท่านั้นเอง

“เจ้าไม่รู้หรอกว่าสตรีพวกนั้นดื้อดึงกันขนาดไหน พวกนางทำกันทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รู้ข่าวคราวของเจ้า” เว่ยจือฉีพูดขึ้นมาแล้วก็ออกจะหวั่นกลัวอยู่บ้าง “โอวหยางกับเป่ยกงยังดีหน่อย คนหนึ่งคือภูเขาน้ำแข็ง ส่วนอีกคนเป็นหญิง คนอื่นจึงไม่กล้าเข้าใกล้พวกเขา แต่ข้ากับเจ้าอ้วนนี้ช่างน่าอนาถนัก พวกเราช่วยเจ้าเก็บจดหมายรักเอาไว้เป็นกองพะเนิน เจ้าอยากดูหรือไม่เล่า”

“ไม่อยาก!” ซือหม่าโยวเย่ว์รีบส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว เธอไม่อยากดูของไร้สาระเหล่านั้นหรอก

“เจ้าไม่ต้องไปสนใจคนเหล่านี้ก็ได้นะ” เป่ยกงถังพูด “ขอเพียงแค่เจ้าไม่สนใจ พวกนางก็ไม่มีทางมาล่วงเกินเจ้าได้อยู่แล้ว”

“ข้ารู้” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

“ใช่แล้ว โยวเย่ว์ เจ้าคิดจะศึกษาที่วิทยาลัยตลอดไปหรือไม่ แล้วเรื่องราวในบ้านเจ้าจะจัดการเช่นไร” เจ้าอ้วนชวีถาม

“ข้ายกให้พวกท่านอาฝูจัดการเรื่องราวต่างๆ แล้ว ข้าเพียงแต่ต้องกลับบ้านไปดูทุกสองสามวันก็ใช้ได้แล้ว ถ้าหากเกิดเรื่องอันใดขึ้นที่บ้าน ก็ค่อยขอลาจากวิทยาลัยก็แล้วกัน ถึงอย่างไรภาคเรียนนี้ก็เหลืออีกไม่นานเท่านั้น รอให้จบภาคเรียนนี้ก่อน ข้าก็จะขอจบการศึกษา”

“เจ้าจะขอจบการศึกษาแล้วหรือ”

“อื้ม” ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ยตอบ “ระยะเวลาเพียงสามปี ข้าจำเป็นต้องไปที่อื่นเพื่อยกระดับพลังยุทธ์ เพราะพลังยุทธ์ยกระดับได้ช้าเกินไปภายในวิทยาลัยแห่งนี้”

พวกเว่ยจือฉีล้วนรู้ถึงสัญญาสามปีของเธอด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้นจึงรู้ว่าตอนนี้เธอแบกรับภาระหนักเอาไว้บนหลัง

“แล้วเรื่องของตระกูลซือหม่าจะทำเช่นไรเล่า” เว่ยจือฉีถาม

“ระยะเวลาหลายเดือนก็เพียงพอให้พวกเรารวบรวมขุมอำนาจได้แล้วล่ะ พอถึงเวลานั้นก็ยกธุระให้พวกท่านอาฝูจัดการ แล้วข้าจะให้คนส่งสิ่งของที่จำเป็นกลับมาตามระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

“เจ้าวางแผนจะไปที่ไหนหรือ” เป่ยกงถังถาม

ซือหม่าโยวเย่ว์เงียบงันไปชั่วครู่แล้วเอ่ยว่า “ไปเทือกเขาสั่วเฟยย่าก็แล้วกัน ไปหาประสบการณ์ที่นั่นสักหน่อย หลังจากนั้นก็ตรงออกไปจากที่นั่นเลย”

“มิได้บอกว่ามีขอบกั้นหรอกหรือ แล้วเจ้าจะออกไปได้อย่างไรกัน” เจ้าอ้วนชวีถาม

“เจ้าคำรามน้อยบอกว่าค่ายกลเหล่านั้นไม่มีผลต่อมันเลย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “พอถึงตอนนั้นก็ให้มันเปิดขอบกั้นเหล่านั้นแล้วกัน”

โอวหยางเฟยขมวดคิ้วมุ่นพลางเอ่ยว่า “สัตว์อสูรวิเศษของเทือกเขาสั่วเฟยย่าล้วนมีระดับสูงกว่าของเทือกเขาผู่สั่วไม่น้อยเลย หากเจ้าไปที่นั่นแล้วจะอันตรายเกินไปหรือไม่”

“ภยันตรายทำให้คนพัฒนาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “ข้าเชื่อมั่นว่าอันตรายนั้นพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ได้ดียิ่งกว่า และทำให้ยกระดับพลังยุทธ์ของตัวเองได้”

“ก็ดีเหมือนกัน หากเจ้าอยู่ในวิทยาลัย พลังยุทธ์ก็คงยกระดับได้ช้าจริงๆ นั่นแหละ สู้ออกไปข้างนอกมิได้หรอก” เป่ยกงถังพูด

“อื้ม ใช่แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์ความคิดวูบไหวคราหนึ่งแล้วหยิบเอาขวดหยกออกมาสี่ใบก่อนจะส่งให้กับพวกเขาทั้งสี่พลางเอ่ยว่า “นี่คือสิ่งที่รับปากพวกเจ้าเอาไว้ในตอนนั้น”

ทุกคนรับขวดหยกมาเปิดออก เมื่อเห็นยาวิเศษสองเม็ดในขวดจึงเอ่ยถามว่า “นี่คือยาวิเศษอะไรหรือ”

“ยาวิเศษร้อยโคจร” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

เป่ยกงถังได้ยินชื่อยาวิเศษร้อยโคจร ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมาในทันใดแล้วถามว่า “นี่คือยาวิเศษร้อยโคจรจริงๆ น่ะหรือ”

“ใช่แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เดิมทีคิดจะหลอมยาวิเศษชนิดอื่น แต่คนที่หลอมยาให้กับข้าผู้นั้นบอกว่าหลอมยาวิเศษร้อยโคจรจะดีกว่า ก็เลยหลอมยานี้ขึ้นมาน่ะ”

“แต่ข้าเอาผลอสรพิษทองคำมาผลหนึ่งแล้วนะ ก็ไม่ควรมีส่วนของข้าแล้วสิ” เป่ยกงถังพูด

“เจ้าไม่เห็นต้องสนใจเรื่องยิบย่อยพรรค์นี้เลย ผลอสรพิษทองคำผลนั้นมอบให้กับเมิ่งจี ส่วนยาวิเศษร้อยโคจรนี้มอบให้เจ้า ข้าว่าพวกจือฉีก็คงไม่ว่าอะไรหรอก นอกจากนี้เจ้าเองก็ยังต้องการสิ่งนี้ด้วย” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

“เป่ยกงถังมองซือหม่าโยวเย่ว์ มุมปากยกยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ขอบใจเจ้ามากนะโยวเย่ว์”

พวกเว่ยจือฉียากจะเห็นเป่ยกงถังมีความสนใจต่อยาวิเศษชนิดใด จึงได้มีความสนใจใคร่รู้ในยาวิเศษร้อยโคจรขึ้นมาเช่นเดียวกัน

“โยวเย่ว์ ยาวิเศษร้อยโคจรนี่คือยาวิเศษอะไรกันหรือ” เจ้าอ้วนชวีหยิบยาวิเศษขึ้นมาหมายจะใส่เข้าไปในปาก แต่กลับถูกซือหม่าโยวเย่ว์รั้งเอาไว้แล้วเอ่ยว่า “เจ้าเองยังไม่รู้เรื่อง ไม่กลัวว่าจะเป็นยาพิษหรือไร!”

“แหะๆ เจ้ามิได้บอกว่าเป็นยาวิเศษที่ช่วยยกระดับพลังยุทธ์หรอกหรือ” เจ้าอ้วนชวีพูด

ซือหม่าโยวเย่ว์ถลึงตาใส่เจ้าอ้วนชวีปราดหนึ่ง เจ้านี่สนใจแต่เรื่องกิน ไม่คิดจะฟังเธอพูดเสียบ้างเลย!