เล่ม 1 ตอนที่ 146 ฤทธิ์ของยาวิเศษร้อยโคจร

สลับชะตา ชายามือสังหาร

เจ้าอ้วนชวีเห็นทุกคนมองตนอย่างดูแคลนจึงกระแอมสองครั้งแล้วเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้เจ้ามิได้บอกว่าจะหลอมยาวิเศษที่ยกระดับพลังยุทธ์ได้ให้กับพวกเราหรอกหรือ ว่าอย่างไรเล่า นี่มิใช่หรอกหรือ”

ซือหม่าโยวเย่ว์เขกศีรษะเจ้าอ้วนชวี ชิงชังจนไม่อยากจะพูดกับเขาอีกต่อไปแล้ว

“เป่ยกง เจ้ารู้จักยาวิเศษร้อยโคจรนี่ด้วยหรือ” โอวหยางเฟยถาม

“อืม” เป่ยกงถังพูด “ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินคนพูดถึงมัน แต่ยังไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย”

“มันคือยาวิเศษชนิดใดกันหรือ” เว่ยจือฉีถาม

“ยาวิเศษร้อยโคจร ทางฝั่งข้าเรียกว่ายาชำระเอ็นตัดไขกระดูก พวกเจ้าได้ยินชื่อนี้ก็คงรู้แล้วว่ามันมีประโยชน์เช่นไร” เป่ยกงถังพูด

“ยาชำระเอ็นตัดไขกระดูกอย่างนั้นหรือ!” พวกโอวหยางเฟยทั้งสามคนร้องขึ้นมาพร้อมกัน

พวกเขาไม่รู้จักยาวิเศษร้อยโคจร แต่ยาชำระเอ็นตัดไขกระดูกนี้เมื่อได้ยินชื่อก็รู้แล้วว่ามันมีประโยชน์เช่นไร

“ถูกต้อง ประโยชน์ของยาวิเศษชนิดนี้ก็คือการชำระเอ็นตัดไขกระดูก เปลี่ยนแปลงโครงสร้างร่างกายของพวกเจ้า เพื่อเพิ่มความเร็วให้กับการฝึกยุทธ์ในภายภาคหน้า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด

“ข้าจะเชื่อฟังอย่างดีเลย โยวเย่ว์ เจ้าไปได้ยาวิเศษนี่มาจากที่ไหนกัน!” เจ้าอ้วนชวีตบตรงบริเวณหัวใจของตน เห็นได้ชัดว่าตกใจไม่น้อยเลย

“คนผู้นั้นรู้จักตำรับยาพื้นบ้านนี้พอดี แล้วยังใช้ผลอสรพิษทองคำพอดีอีกด้วย เมื่อคิดว่ายาวิเศษนี้จะดีกว่าในระยะยาว ดังนั้นเลยเลือกหลอมสิ่งนี้” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอธิบาย “แต่สิ่งนี้จะมีผลลัพธ์เช่นไร ข้าเองก็ไม่เคยกินมาก่อนเช่นเดียวกัน ดังนั้นพวกเจ้าใช้แล้วก็มาบอกผลลัพธ์กับข้าได้”

“ความจริงสิ่งนี้ก็ยกระดับพลังยุทธ์ได้เช่นเดียวกัน” เป่ยกงถังพูด

“สิ่งนี้ก็ยกระดับพลังยุทธ์ได้เช่นกันหรือ เขาไม่เห็นบอกข้าเลย!” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างประหลาดใจ

“บางทีในสายตาของคนผู้นั้น การยกระดับพลังยุทธ์กับการฝึกยุทธ์อันยาวนานนี้เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วก็มิอาจนับเป็นอะไรได้เลยกระมัง” เป่ยกงถังพูด “ตอนที่ขจัดสิ่งไร้ค่าในตัวออกไปได้ พลังยุทธ์ก็จะเพิ่มพูนขึ้น ข้าเคยเห็นผู้อื่นใช้สิ่งนี้ครั้งหนึ่ง ดังนั้นจึงพอรู้อยู่บ้าง แต่ตอนนั้นนางกินไปเพียงแค่เม็ดเดียวเท่านั้นเอง”

ตอนเป่ยกงถังพูดมาถึงตรงนี้สีหน้าก็มิสู้ดีนัก ดูเหมือนว่าผู้ที่ใช้ยาวิเศษนั้นคงจะมีความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีนักกับเธอ

“คนผู้นั้นบอกว่าคนหนึ่งกินยาวิเศษนี้ได้อย่างมากที่สุดสองเม็ด กินมากไปก็ไม่มีผล ดังนั้นข้าจึงเตรียมเอาไว้ให้พวกเจ้าคนละสองเม็ด” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “พวกเจ้าไปหาเวลาใช้เอาเองก็แล้วกันนะ”

“โยวเย่ว์ แล้วเจ้าไม่มีหรือ” เว่ยจือฉีถาม

“ยาวิเศษนี้ไม่มีประโยชน์ต่อข้าหรอก” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด “เพราะเหตุผลบางอย่าง ร่างกายของข้าจึงเคยถูกแปรสภาพไปแล้ว ต่อให้กินสิ่งนี้ลงไปก็ไม่มีประโยชน์ มิสู้พวกเจ้ากินพร้อมกันเลยดีกว่า ข้าจะได้คุ้มกันให้พวกเจ้าได้ด้วย”

“เช่นนั้นพวกเรากินคืนนี้เลยแล้วกัน” โอวหยางเฟยพูด

เขาอยากรู้เหลือเกินว่าหลังจากชำระเอ็นตัดไขกระดูกแล้วพวกเขาจะเป็นเช่นไร

พวกเป่ยกงถังพยักหน้าเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของโอวหยางเฟย พวกเขาก็มีความสนใจใคร่รู้ต่อยาวิเศษร้อยโคจรเช่นเดียวกัน

“กระบวนการยากลำบากอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างไรก็ห้ามหมดสติไปเป็นอันขาด มิฉะนั้นก็จะส่งผลกระทบถึงการออกฤทธิ์ของยาวิเศษได้” เป่ยกงถังเอ่ยเตือน

เธอจำตอนที่คนเหล่านั้นนำยาวิเศษร้อยโคจรที่มีอยู่เพียงเม็ดเดียวให้สตรีนางนั้นกินได้ นางทนรับไม่ไหวจนหมดสติไป ต่อมาได้ยินคนในตระกูลพูดกันว่ายาออกฤทธิ์กับนางได้ไม่ค่อยดีนัก

“อืม พวกเราจะระวัง” เจ้าอ้วนชวีพูดพลางพยักหน้า

หลังจากนั้นในยามบ่าย พวกเว่ยจือฉีต่างก็ฝึกยุทธ์กันอยู่ภายในห้องของตัวเอง ทำให้จิตของตนอยู่ในสภาวะที่เหมาะสมที่สุด ยามดึกสงัดไร้ซึ่งผู้คนแล้วพวกเขาจึงลืมตาขึ้นมาแทบจะพร้อมเพรียงกัน

ทั้งสี่คนเปิดประตู เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมแล้ว ซือหม่าโยวเย่ว์ที่มุ่งหน้ามาทางลานบ้านจึงส่งเสียงเรียก แล้วต่างคนต่างกลับไป

คืนนี้พวกเขาต้องกินยาวิเศษร้อยโคจรเพียงแค่เม็ดเดียวเท่านั้น แต่ว่ากันว่าผู้ที่มีพลังยุทธ์แตกต่างกัน ผลลัพธ์ก็จะแตกต่างกันด้วย ระยะเวลาที่ต้องใช้ก็ไม่เท่ากัน

ซือหม่าโยวเย่ว์รออยู่ในลานบ้าน ไม่ได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังมาจากภายในห้อง จึงไม่รู้ว่าพวกเขากำลังเผชิญกับสิ่งใดกันอยู่

ผ่านไปครู่ใหญ่ เจ้าอ้วนชวีก็วิ่งออกมาจากห้องเป็นคนแรก แล้วพุ่งตัวไปยังห้องน้ำ

จากนั้นเว่ยจือฉีก็วิ่งออกมา ตามด้วยโอวหยางเฟยและเป่ยกงถัง

ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นพวกเขาสี่คนวิ่งตามกันไปยังห้องน้ำ จากนั้นก็วิ่งกลับไปที่ห้อง ผ่านไปครู่หนึ่งก็วิ่งไปเข้าห้องน้ำอีก แล้วกลับห้อง แล้ววิ่งไปเข้าห้องน้ำ ทุกคนต่างวิ่งไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงเจ็ดแปดรอบ

“หมัวซาก็มิได้ใส่ยาถ่ายลงไปในยาวิเศษนั่นด้วยเสียหน่อย เหตุใดแต่ละคนถึงได้ท้องเสียกันหมดเลยเล่า” ซือหม่าโยวเย่ว์นั่งอยู่ในลานบ้าน มองดูพวกเขาวิ่งไปวิ่งมาอย่างมีความสุข

แต่ในเวลาต่อมาเธอกลับยิ้มไม่ออกเสียแล้ว เพราะบนร่างของทุกคนที่ผ่านตรงหน้าเธอไปนั้นต่างส่งกลิ่นเหม็นตลบอบอวลชนิดหนึ่งออกมา ซึ่งเธอได้กลิ่นทุกครั้งที่ผ่านหน้าเธอไปเลยทีเดียว

“ทนไม่ไหวแล้ว!” เจ้าวิหคน้อยที่อยู่บนบ่าเธอร้องโหยหวนเสียงหนึ่งก่อนจะกระพือปีกบินขึ้นไปบนหลังคา

ซือหม่าโยวเย่ว์จึงย้ายม้านั่งไปยังบริเวณที่อยู่ห่างออกไปอีกเล็กน้อย กลิ่นเหม็นนั้นรุนแรงเกินไปแล้วจริงๆ!

หลังจากนั้นความถี่ในการวิ่งเข้าห้องน้ำของพวกเขาก็ห่างขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสี่คนวิ่งกลับไปกลับมากว่าค่อนคืนจึงจะสิ้นสุดลง จากนั้นลำแสงแห่งการเลื่อนระดับจึงส่องสว่างห้องของพวกเขาแต่ละคน

“สามครั้ง สองครั้ง สามครั้ง สามครั้ง คนอื่นๆ ล้วนเลื่อนขึ้นสามระดับ ส่วนเจ้าอ้วนนั้นเลื่อนได้สองระดับ แต่ก็ไม่เลวแล้วล่ะ” ซือหม่าโยวเย่ว์นับจำนวนครั้งของการเลื่อนระดับให้พวกเขา จึงพบว่าพวกเขาล้วนมีพรสวรรค์สูงส่งอย่างยิ่ง ถึงได้ยกระดับขึ้นมาไม่น้อยเลย

ยามท้องฟ้าสว่างรำไร เจ้าอ้วนชวีออกมาจากห้องเป็นคนแรก

“โยวเย่ว์ ฮ่าๆๆ ข้าเลื่อนได้สองระดับเลยนะ เจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่”

เมื่อเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ เจ้าอ้วนชวีจึงวิ่งเข้ามาหาอย่างตื่นเต้นแล้วเอื้อมมือมาหมายจะโอบกอดเธอ แต่กลับถูกเธอใช้เท้ายันเอาไว้ห่างๆ

ซือหม่าโยวเย่ว์บีบจมูกพลางเอ่ยว่า “ข้าเห็นแล้วว่าเจ้าเลื่อนได้สองระดับ อีกประเดี๋ยวเจ้าค่อยมาตื่นเต้นยินดีก็ได้ ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเสียก่อนเถิด”

เจ้าอ้วนชวีก้มหน้าลงมองปราดหนึ่งจึงพบว่าบนร่างของตนนั้นเต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูล ดำเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งร่างเขา ทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งอีกด้วย

“อ๊ากกก…”

นี่จึงทำให้เขาได้สติกลับมาจากความตื่นเต้นเพราะการเลื่อนระดับ เขารีบวิ่งไปอาบน้ำในทันที

จากนั้นเว่ยจือฉีก็ออกมาเช่นกัน แต่เขามิได้วิ่งเข้ามาหา ทว่าตรงไปอาบน้ำเลย

ตามมาด้วยโอวหยางเฟยที่ตรงไปยังห้องอาบน้ำเลยเช่นเดียวกัน

เรือนพักหลังหนึ่งมีห้องอาบน้ำเพียงแค่ห้องเดียวเท่านั้น เพราะถูกพวกเจ้าอ้วนชวีชิงตัดหน้าไปก่อน ตอนที่เป่ยกงถังออกมาจึงมิอาจไปอาบน้ำได้แล้ว

“เป่ยกง ข้าเตรียมน้ำเอาไว้ให้เจ้าส่วนหนึ่งแล้ว เจ้าไปล้างที่ห้องส้วมสักหน่อยก่อนก็แล้วกันนะ หากไม่พอข้าค่อยเติมน้ำให้เจ้าเพิ่ม” ซือหม่าโยวเย่ว์เรียกเป่ยกงถังเอาไว้แล้วพูดขึ้น

เป่ยกงถังเห็นถังไม้สองใบด้านหลังซือหม่าโยวเย่ว์ ยังมิทันได้พูดขอบคุณเธอสักคำก็ยกน้ำตรงไปยังห้องส้วมเสียแล้ว

เธอทนกลิ่นเหม็นบนร่างกายไม่ไหวอีกแม้แต่วินาทีเดียวแล้ว!

ซือหม่าโยวเย่ว์คิดไม่ถึงว่าเป่ยกงถังจะใช้น้ำถึงหกถังเต็มๆ ไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วสิ่งปฏิกูลบนร่างของพวกเขาจะถูกขจัดออกไปได้มากน้อยเพียงใด!

เมื่อนึกถึงว่าพวกเขาที่รักสะอาดเหลือเกินในยามปกติเปรอะเปื้อนสิ่งปฏิกูลจนดำไปหมด เธอก็อดที่จะหนาวสะท้านมิได้

พอทุกคนจัดการตัวเองจนเสร็จเรียบร้อยหมด ท้องฟ้าก็สว่างจ้าเสียแล้ว ตอนที่ทุกคนออกมานั้นต่างก็ยังดมร่างกายตัวเองไม่หยุดว่ายังมีกลิ่นเหม็นหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ ทุกคนจึงยังรู้สึกว่าบนร่างกายของตนยังมีกลิ่นเหลืออยู่

“โยวเย่ว์ เจ้าลองดมดูหน่อยสิว่าบนร่างกายพวกเรายังมีกลิ่นอยู่หรือไม่” เจ้าอ้วนชวีขยับตัวเข้ามาถาม

ซือหม่าโยวเย่ว์ถีบเขาออกไปแล้วพูดว่า “เมื่อคืนจมูกข้าถูกพวกเจ้ารมควันเสียจนใช้การไม่ได้แล้ว วันนี้เจ้าไม่ต้องมาเข้าใกล้ข้าเลยนะ”

“ต้องรังเกียจกันถึงเพียงนี้เชียวหรือ!” เจ้าอ้วนชวียืนห่างเธอออกไปหนึ่งเมตรด้วยท่าทางฮึดฮัด หน้าตาดูน้อยอกน้อยใจ