เล่ม 1 ตอนที่ 147 ถูกสารภาพรัก

สลับชะตา ชายามือสังหาร

“ต่อให้รังเกียจเจ้าแล้วจะทำไมเล่า” เมื่อซือหม่าโยวเย่ว์เห็นท่าทีราวกับสาวน้อยขี้งอนของเขาแล้วจึงคิดที่จะแกล้งยั่วยุเขาขึ้นมา

“แล้วจะทำไมได้เล่า ตีก็ตีเจ้าไม่ชนะ จะด่าก็ด่าเจ้ามิได้ แล้วก็คงจะกัดเจ้ามิได้อีกนั่นแหละ!” เจ้าอ้วนชวีพูด

ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นท่าทีเช่นนั้นของเขาจึงหัวเราะอย่างเบิกบาน

“คิดไม่ถึงว่ายาวิเศษร้อยโคจรจะส่งผลเช่นนี้ ตอนนี้ข้ารู้สึกได้ว่าร่างกายของข้าเบาสบายขึ้นมากเลยทีเดียว มิได้หนักอึ้งเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้ว” เว่ยจือฉีพูด

“แน่นอนอยู่แล้ว เมื่อคืนขจัดสิ่งปฏิกูลออกมามากมายเช่นนั้น อีกทั้งยังถ่ายท้องออกมาตั้งมากมาย ไม่เบาสบายสิจึงจะเป็นเรื่องแปลก” เจ้าอ้วนชวีพูด “ใช่แล้ว พวกเจ้าเลื่อนกันกี่ระดับหรือ”

“สามระดับ”

“สามระดับ”

“สามระดับ”

ทั้งสามคนตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน

“อะไรนะ พวกเจ้าเลื่อนกันสามระดับหมดเลยหรือ!” เจ้าอ้วนชวีร้องขึ้นมาอย่างประหลาดใจ “เหตุใดจึงมีแต่ข้าที่เลื่อนสองระดับเล่า ฮือๆ เดิมทีข้ายังคิดว่าข้าเลื่อนได้สองระดับก็ไม่เลวแล้ว แต่ความจริงแล้วข้าก็ยังเป็นคนรั้งท้ายผู้นั้นอีกอยู่ดีสินะ”

โอวหยางเฟยเดินเข้ามาตบบ่าเขาเบาๆ พลางเอ่ยอย่างจริงใจว่า “ขอแสดงความเสียใจด้วยนะ”

หลังจากนั้นก็เดินผ่านเขาไป…

“พรืด…”

ซือหม่าโยวเย่ว์และเว่ยจือฉีต่างพากันหัวเราะ แต่ไหนแต่ไรพวกเขาก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าโอวหยางเฟยจะมีด้านนี้อยู่ด้วย

“เจ้าอ้วน ข้าว่าน่าจะเป็นเพราะยามปกติเจ้ากินอาหารมากมายเหลือเกิน ของเสียภายในร่างกายจึงมากเกินไป ดังนั้นจึงขัดขวางการเลื่อนระดับของเจ้า” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างจริงจัง “เมื่อคืนเจ้าวิ่งไปเข้าห้องน้ำหลายครั้งที่สุดเลย แล้วตัวเจ้ายังเหม็นที่สุดอีกด้วย ดังนั้นน่ะนะ ยามปกติเจ้าต้องคุมอาหาร กินให้น้อยหน่อย เข้าใจหรือไม่”

พูดจบแล้วเธอก็หมุนกายจากไปเช่นเดียวกัน

“ข้าว่าโยวเย่ว์พูดถูกนะ” เว่ยจือฉีตบบ่าเจ้าอ้วนชวีแล้วเดินผ่านเขาไปเช่นเดียวกัน

เป่ยกงถังเดินเข้ามาด้วยแววตาเจือรอยยิ้มแล้วพูดอย่างเรียบเรื่อยว่า “คุมอาหาร”

หลังจากนั้นก็เดินออกไปเช่นเดียวกัน

“ไม่สนคนชอบรังแกผู้อื่นอย่างพวกเจ้าหรอก…” เจ้าอ้วนชวีถูกทุกคนรวมหัวกันแกล้ง จึงไล่ตามไปด้วยหัวใจแหลกสลาย

บนเส้นทางไปยังห้องเรียน เมื่อคนเหล่านั้นเห็นซือหม่าโยวเย่ว์ปรากฏตัวขึ้นจึงพากันวิ่งมาดู แต่เพราะเห็นสีหน้าเย็นชาของเธอ ทุกคนจึงพากันหยุดฝีเท้าเอาไว้ ไม่มีใครเข้ามาเปิดบทสนทนาเลย

ขณะที่กำลังจะถึงห้องเรียน ในที่สุดก็มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งรวบรวมความกล้าตรงเข้าไปสารภาพกับเธอ

“สหายโยวเย่ว์ ข้าเตรียมของขวัญเล็กน้อยเอาไว้ให้เจ้า เจ้ารับไปสิ”

ซือหม่าโยวเย่ว์รับหีบมาแล้วพูดอย่างเฉยชาว่า “ขอบใจนะ”

นักเรียนหญิงผู้นั้นเห็นซือหม่าโยวเย่ว์มิได้ปฏิเสธของขวัญของตน จึงตื่นเต้นไม่น้อยแล้วพูดว่า “สหายโยวเย่ว์ ข้าชอบเจ้า ให้ข้าเป็นเพื่อนหญิงคนสนิทของเจ้าได้หรือไม่”

“เพื่อนหญิงคนสนิทหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์คิดไม่ถึงว่านักเรียนหญิงผู้นี้จะเปิดเผยถึงเพียงนี้ เธอดึงตัวเป่ยกงถังมาแล้วหอมแก้มนางครั้งหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “แต่ข้ามีเพื่อนหญิงคนสนิทแล้วน่ะสิ ถ้าหากเจ้าอยากมาแทนที่ ก็ต้องเอาชนะนางให้ได้ก่อนนะ”

นักเรียนหญิงผู้นั้นมองเป่ยกงถังปราดหนึ่ง เมื่อเห็นนางมองตนอย่างไม่ปรานีจึงรู้สึกขนพองสยองเกล้า

ใครบ้างในวิทยาลัยที่ไม่รู้ว่าเป่ยกงถังเป็นพวกคลั่งการต่อสู้ พลังยุทธ์แข็งแกร่งทั้งยังชมชอบการต่อสู้ คนจำนวนไม่น้อยที่ไปท้านางสู้แล้วถูกนางตีจนคลานกลับมา หญิงอ่อนแอคนหนึ่งอย่างตน ทั้งยังเป็นศัตรูหัวใจ เกรงว่าคงจะถูกนางทารุณจนไม่เหลือซากกระมัง

“อะแฮ่มๆ ในเมื่อเจ้ามีเพื่อนหญิงคนสนิทอยู่แล้ว เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนพวกเจ้าแล้วดีกว่า” นักเรียนหญิงผู้นั้นพูดแล้วก็หมุนตัววิ่งหนีไป

ซือหม่าโยวเย่ว์มองผู้คนรอบๆ ปราดหนึ่งก่อนจะโอบไหล่เป่ยกงถังเดินไปยังห้องเรียน

เมื่อไปถึงห้องเรียน สายตาที่บรรดาเพื่อนร่วมชั้นมองซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถังก็ไม่เหมือนเดิมเสียแล้ว มิน่าเล่าเป่ยกงถังถึงได้ทำสีหน้าเย็นชาใส่ทุกคน เป็นเพียงผู้เดียวที่เดินตัวติดกับซือหม่าโยวเย่ว์ได้ ที่แท้พวกเขาก็เป็นคู่รักกันแล้วนี่เอง

เมื่อนั่งลงบนที่นั่งแล้ว เป่ยกงถังก็ปัดมือซือหม่าโยวเย่ว์ทิ้งพลางเอ่ยว่า “คราวหน้าหากให้ค่าช่วยต้องเก็บเงินแล้วนะ”

“แหะๆ เก็บเงินอะไรกันเล่า มิสู้เจ้ายอมข้า เป็นเพื่อนหญิงคนสนิทของข้าดีกว่าหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดด้วยรอยยิ้ม

เป่ยกงถังถลึงตาใส่ซือหม่าโยวเย่ว์ เจ้าคนผู้นี้ปลอมตัวเป็นบุรุษมากจนจิตใจวิปริตผิดเพศไปเสียแล้วหรือ

ต่อจากนี้ทุกคนล้วนรู้ว่าซือหม่าโยวเย่ว์และเป่ยกงถังเป็นคู่รักกัน ใครคิดอยากจะเป็นเพื่อนหญิงคนสนิทของเธอ เช่นนั้นก็ต้องเอาชนะเป่ยกงถังให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน

ถึงแม้ว่าจะทำให้หญิงสาวจำนวนไม่น้อยหัวใจสลาย แต่อย่างน้อยก็ไม่มีใครมากวนใจเธอกับพวกเว่ยจือฉีอีกต่อไปแล้ว

ยามราตรี ซือหม่าโยวเย่ว์คุ้มกันให้กับพวกเขาอีกครั้ง ทั้งสี่คนกินยาวิเศษร้อยโคจรเม็ดที่สองลงไป เพราะเมื่อวานได้ขจัดเอาสิ่งปฏิกูลในร่างกายออกไปไม่น้อยแล้ว ดังนั้นคืนนี้ทุกคนจึงมิได้เอาแต่วิ่งเข้าห้องน้ำเหมือนเมื่อคืนอีกแล้ว

แน่นอนว่ายกเว้นอยู่คนหนึ่ง

ซือหม่าโยวเย่ว์นั่งอยู่ในลานบ้านก็เห็นเจ้าอ้วนชวีท้องเสียอีกครั้งจึงเอ่ยหยอกล้อด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าอ้วน ข้าบอกแล้วอย่างไรเล่าว่ายามปกติเจ้ากินมากเกินไป เจ้าดูสิ คืนนี้มีเพียงเจ้าที่เอาแต่วิ่งเข้าห้องน้ำ แสดงว่าในร่างกายเจ้ายังมีสิ่งปฏิกูลอยู่อีกมากมาย”

เจ้าอ้วนชวีถลึงตาใส่ซือหม่าโยวเย่ว์อย่างอับจนคำพูดแล้วรีบวิ่งตรงไปยังห้องน้ำ

แต่เจ้าอ้วนชวีท้องเสียหลายครั้งก็มีประโยชน์อยู่เหมือนกัน คืนนี้ทุกคนล้วนมิได้เลื่อนระดับอีก มีเพียงเขาเท่านั้นที่เลื่อนระดับขึ้นอีกหนึ่งขั้น

วันรุ่งขึ้นเมื่อบอกว่ามีตนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เลื่อนระดับ เขาก็มีความสุขอย่างห้ามไม่อยู่ ถึงแม้ว่าจะล่าช้าไปคืนหนึ่ง แต่อย่างน้อยเขาก็มีพรสวรรค์พอๆ กับพวกนั้นสินะ

เมื่อกินยาวิเศษร้อยโคจรไปแล้ว สิ่งไร้ค่าในตัวพวกเขาก็ถูกขจัดออกไปจนหมดสิ้น เส้นลมปราณก็ลื่นไหลทั้งยังเปิดกว้างกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อย ความเร็วในการฝึกยุทธ์ก็เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก

เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงของพวกเขาจึงนึกถึงยาวิเศษร้อยโคจรภายในแหวนซึ่งเตรียมเอาไว้ให้พวกซือหม่าโยวหมิงขึ้นมาได้ นัยน์ตาเธอจึงสลดหดหู่ขึ้นมา

วันต่อๆ มาค่อยๆ ดำเนินไปอย่างปกติ เธอใช้เวลาในวิทยาลัยไปกับการศึกษาและการบำเพ็ญเป็นหลัก หากมีเรื่องเกิดขึ้นในตระกูลก็ค่อยกลับไป

สัตว์อสูรวิเศษที่รับปากกับคนพวกนั้นเอาไว้ก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆ เข้าที่เข้าทาง ตอนกลางวันเธอร่ำเรียนอยู่ที่วิทยาลัย ส่วนตอนกลางคืนก็กลับบ้านไปฝึกสัตว์อสูร ฝึกยุทธ์ และจัดการภารกิจที่บ้าน

วันเวลาผ่านไปเช่นนี้ราวสองเดือนกว่า ซือหม่าโยวเย่ว์ก็เสร็จสิ้นภาระหน้าที่ในการเล่าเรียนแล้วทำเรื่องจบการศึกษากับทางวิทยาลัย

ตอนรับใบจบการศึกษา เธอก็นึกถึงความตั้งใจเดิมของซือหม่าเลี่ยที่ส่งเธอมายังวิทยาลัยขึ้นมาได้ เขามิได้หวังว่าเธอจะประสบผลสำเร็จอะไรในวิทยาลัย เพียงแค่อยากให้เธอได้มีประสบการณ์เช่นเดียวกันกับที่ผู้อื่นได้รับเท่านั้นเอง

ขณะที่เธอเก็บข้าวของไปจากเรือนพักนั้น พวกเจ้าอ้วนชวีต่างพากันมาส่งเธอ เมื่อนึกถึงว่าต่อจากนี้ไปจะไม่มีเธออยู่ในเรือนพักอีกแล้ว นัยน์ตาของทุกคนล้วนฉายแววทำใจไม่ได้

เมื่อกลับไปถึงตระกูลซือหม่า ซือหม่าโยวเย่ว์ก็จัดแจงธุระต่างๆ จนเรียบร้อย จากนั้นก็หลอมยาวิเศษอยู่หลายวัน หลอมยาวิเศษที่จำเป็นต้องใช้ในระยะหนึ่งต่อจากนี้ขึ้นมา ฝึกสัตว์อสูรวิเศษให้เรียบร้อย นอกจากนี้ยังให้พ่อบ้านเตรียมเกณฑ์นักหลอมยาและนักฝึกสัตว์อสูรมา ถ้าหากเธอไม่อยู่ สินค้าก็ต้องไม่ขาดแคลน

พ่อบ้านรู้ว่าซือหม่าโยวเย่ว์จากไปคราวนี้ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อไร จึงได้จดจำสิ่งที่เธอพูดใส่ใจเอาไว้

อีกหลายวันต่อมา เธอยกแหวนเก็บวัตถุวงหนึ่งให้กับพ่อบ้าน หลังจากนั้นจึงจัดแจงเก็บข้าวของแล้วเดินมุ่งหน้าไปยังทิศทางของเทือกเขาสั่วเฟยย่า

เพราะเมืองหลวงไม่มีค่ายกลนำส่งที่ตรงไปสู่เทือกเขาสั่วเฟยย่า ดังนั้นเธอจึงได้แต่ขี่ย่ากวงไปยังเมืองใกล้ๆ

เพิ่งออกจากประตูเมือง เธอก็ตะลึงงันไปเสียแล้ว

ภายใต้ต้นไม้ใหญ่นอกเมือง เจ้าอ้วนชวีนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ เว่ยจือฉีพิงอยู่บนกิ่งไม้ เป่ยกงถังยืนอยู่ด้านหน้า ส่วนโอวหยางเฟยนั่งกอดกระบี่อยู่บนยอดไม้ด้านบน

“พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่กันได้อย่างไร” ซือหม่าโยวเย่ว์มองพวกเขาทั้งสี่คนอย่างตกใจ