บทที่ 188 พิสูจน์ได้

ไหปีศาจ

บทที่ 188
พิสูจน์ได้

ลั่วอู๋ตกใจมาก
ดาบเล่มนี้สูบเลือดเข้ามางั้นเหรอ?
มันถูกเรียกว่าดาบเลือดเดือดได้ยังไงกันเนี่ย? เจ้านี่มันควรจะถูกเรียกว่าดาบดูดเลือดซะมากกว่า

การฆ่าศัตรูด้วยดาบนี้สามารถช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ มันเหมาะกับสงครามที่ต้องสู้กับศัตรูเป็นกลุ่มและสงครามที่ยืดเยื้อ ตราบเท่าที่ผู้ใช้สามารถฆ่าศัตรูได้ มันก็เทียบเท่ากับการพกพาถังเก็บพลังวิญญาณที่สามารถฟื้นฟูพลังวิญญาณได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดติดมาด้วย

มันมีความสามารถที่จะทำแบบนั้นได้
ลั่วอู๋เข้าใจความรู้สึกของจี๋กุยในทันที ดาบชนิดนี้เหมาะสำหรับใช้ในการทหารเป็นอย่างมาก ไม่น่าแปลกใจที่เขาตื่นเต้นมากที่ได้เห็นดาบเลือดเดือดที่นี่
“อย่างไรก็ตามคุณภาพของดาบเล่มนี้ก็ไม่ได้ดีนัก หากเจ้าพบคู่ต่อสู้ที่มีอาวุธยอดเยี่ยมกว่าหรือคู่ต่อสู้ที่มีความแข็งแกร่งแตกต่างกันมาก ดาบนี้ก็จะหักลงได้ง่าย ๆ เลยนะ” ลั่วอู๋รู้สึกสงสัย
หากดาบหักลงแล้วมันก็จะไม่มีประโยชน์อะไรอีก ผลที่ทรงพลังมันก็ไร้ค่า
จี๋กุยส่ายหัว “ ถ้าดาบเลือดเดือดมันหักได้ง่าย ๆ แบบนั้น ข้าจะให้ค่ามันมากขนาดนี้ได้อย่างไรเล่า เมื่อหมื่นปีก่อน ในสมัยที่วิชาศิลปะการต่อสู้ยังไม่ได้เลือนหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ ความน่ากลัวของดาบเลือดเดือดนี้เคยทำให้ทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ต้องสั่นคลอน มันได้ดึงดูดการต่อสู้มาสู่ผู้คนนับไม่ถ้วนและทำให้เกิดเป็นทะเลเลือด ”

ลั่วอู๋ยังคงดูงงงวยรอจี๋กุยพูดต่อ
“มันยังมีคุณสมบัติที่สองอยู่อีก ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้มันเป็นที่ต้องการ คุณสมบัติที่สองของดาบเลือดเดือดนั้นก็คือ” จี๋กุยหายใจเข้าลึก ๆ “มันสามารถดื่มเลือดเพื่อยกระดับตัวมันเองได้”
ลั่วอู๋ตกใจอีกครั้ง
สามารถยกระดับตัวมันเองได้ด้วยการดื่มเลือด?
“เจ้าไม่ได้ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย ? มันเป็นสิ่งของนะ มันจะพัฒนายกระดับตัวเองเหมือนกับมนุษย์ได้ยังไงกัน?” ลั่วอู๋โพล่งออกมา
จี๋กุยส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้ แต่ดาบชนิดนี้ไม่สามารถตัดสินได้ด้วยสามัญสำนึก ในสมัยโบราณดาบที่เลื่องชื่อสามในสิบอันดับแรกล้วนแต่เป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ที่วิวัฒนาการพัฒนายกระดับมาจากดาบเลือดเดือด”
ในยุคของศิลปะการต่อสู้โบราณอาวุธมนตราหลายชนิดได้ปรากฏขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
อย่างไรก็ตามหลังจากการปรากฏตัวของผู้ใช้พลังวิญญาณประสิทธิภาพของอาวุธก็ลดลงไปอย่างมาก ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียวิธีการหลอมของอาวุธมนตราต่าง ๆ
ดังนั้นจึงมีอาวุธเพียงไม่กี่ชิ้นที่จะได้รับการยกย่อง

หากต้องการใช้ทุนทรัพย์จำนวนมากเพื่อให้ได้มาซึ่งดาบมนตรา คงจะเป็นการดีกว่าที่จะไปหาสัตว์วิญญาณที่มีทักษะแบบเดียวกับดาบมนตรานั้น ๆ ด้วยวิธีนี้ดาบมนตราจึงดูไร้ค่าแม้พลังและความสามารถของมันจะไม่ธรรมดา
ถ้าผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้โบราณนั้นคือทหาร ผู้ใช้พลังวิญญาณก็คือทหารที่มีพลังเหนือธรรมชาติพวกเขาสามารถติดปีกโผบินขึ้นไปในอากาศและเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้ได้
ผู้ใช้พลังวิญญาณที่ได้ฝึกฝนพลังแห่งพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณนั้นไม่ต่างอะไรไปจากผู้วิเศษ พวกเขาต่างก็เชี่ยวชาญในวิธีการเหนือธรรมชาติต่าง ๆ และทหารที่ไม่มีพลังเหนือธรรมชาติก็ไม่สามารถเทียบเคียงกับพวกเขาได้เลย

ลั่วอู๋ไม่เคยรู้มาก่อนเลย
ว่าดาบที่เขาสังเคราะห์ขึ้นเมื่อหนึ่งปีก่อนจะมีต้นกำเนิดที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้

แต่เดี๋ยวก่อนนะ เจ้านี่มันทำมาจากอะไร?
มันเป็นสูตรสังเคราะห์รึเปล่า?
เขาลืมมันไปแล้ว!!!

ในที่สุดจี๋กุยก็ถามคำถามที่เขาอยากรู้มากที่สุด “เจ้าไปได้ดาบนี้มาจากที่ไหนในโลกกัน เจ้ายังมีมันอยู่อีกรึเปล่า?”
“เดี๋ยวก่อนข้ายังไม่แน่ใจเท่าไหร่” ลั่วอู๋ทิ้งคำพูดไว้ จากนั้นเขาก็รีบเดินออกจากประตูไป เข้าไปในห้องที่ปิดสนิท
จี๋กุยกำลังสับสน
เขาหมายความว่ายังไง? เขาไม่แน่ใจว่ามีมันอีกไหมงั้นเหรอ ?
เขามีมันอีก ? หรือไม่มีมันแล้ว ?
แต่เขาก็ไม่อยากกลับออกไปตอนนี้ เพราะบางทีลั่วอู๋อาจจะเจอมันแล้วเรียกเขาก็ได้

ลั่วอู๋เข้าสู่มิติไหทันที
“มันทำมาจากอะไรกับอะไรกันล่ะเนี่ย ?” ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่นานและก็นึกออกถึงเหตุการณ์ในอดีต “ข้าจำได้ว่าตอนนั้นข้าขอให้หลี่หยินออกไปซื้อรองเท้าหนังวัวสักคู่ แต่หลังจากนั้นข้าก็ยุ่งเกินไปและลืมมันไป”

รองเท้าบูทหนังวัว
ส่วนอีกอย่างก็น่าจะเป็นสมุนไพรเลือดปะทุ
เขาจำได้ว่าดาบเลือดเดือดเองก็น่าจะเป็นสูตรสังเคราะห์แบบหนึ่ง แต่ตอนนั้นเขาคิดว่ามันแย่เกินไปในจึงไม่ได้สังเคราะห์มันเพิ่มไว้อีก
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่นาน แต่ในที่สุดเขาก็ลองสังเคราะห์มันอีกครั้งดู
รองเท้าบูทหนังวัวและสมุนไพรเลือดปะทุถูกสังเคราะห์เข้าด้วยกัน
[ได้รับ ดาบเลือดเดือด (ระดับ สวรรค์ ระดับกลาง), แต้มเซียน+ 5]

“โอ้ นี่มันเยี่ยมมากแถม มันเป็นสูตรสังเคราะห์จริง ๆ ด้วย”
ลั่วอู๋รีบออกจากมิติไห
เขากลับเข้าไปที่ห้อง ๆ เดิมแล้วโยนดาบเลือดเดือดลงต่อหน้าจี๋กุย “เจ้าต้องการดาบเหล่านี้กี่เล่มล่ะ ข้าหาได้มากมายเท่าที่เจ้าจะต้องการเลย”
ดวงตาของจี๋กุยเบิกกว้างเมื่อเขาเห็นดาบเลือดเดือดเล่มที่สอง แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของลั่วอู๋ ดวงตาของเขาก็แทบจะถลนออกมา
มากมายเท่าที่ต้องการ !!

“เจ้าไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่ไหม” จี๋กุยกลืนน้ำลาย
ลั่วอู๋ยิ้ม “ไม่ได้ล้อเล่นสิ”
“ข้าขอสักพันก่อน ไม่ ไม่สิ ร้อยเล่ม” จี๋กุยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ราคามันสูงเกินไป ข้าจ่ายยังไม่ไหว ข้าต้องกลับไปหารือกับผู้บัญชาการก่อน”
ลั่วอู๋สงสัย “รองผู้บัญชาการอย่างเจ้าจัดการเรื่องธุรกิจที่ใช้หินวิญญาณหลักหมื่นด้วยตัวเองไม่ได้รึยังไง?”
“หินวิญญาณหลักหมื่นงั้นเหรอ?” จี๋กุยดูงงงวย
ลั่วอู๋พูดอย่างเป็นธรรมชาติ “แน่นอนสิดาบเลือดเดือดมีราคาแค่ 500 หินวิญญาณเอง และหนึ่งร้อยเล่มก็มีราคาแค่เพียง 50000 หินวิญญาณ เงินแค่นี้เจ้าจ่ายไม่ได้รึยังไง ?”
จี๋กุยเริ่มสงสัยว่าเขาฟังผิดไปหรือเปล่า

“เจ้า ไม่ได้ล้อข้าเล่นใช่ไหม ราคา 500 หินวิญญาณเนี่ยนะ!” จี๋กุยกลั้นไว้นาน แต่เขาอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เจ้าจะคิดราคาแค่เท่านี้จริง ๆ เหรอ? นี่มันดาบเลือดเดือดเลยนะ”
ลั่วอู๋เหลือบมองเขา “เจ้าไม่ชอบเหรอ ถ้าอย่างนั้น ข้าจะขึ้นราคาเป็นเล่มล่ะ 1 แสนหินวิญญาณ”
“ไม่ ๆ ๆ ๆ” จี๋กุยพูดอย่างรีบร้อน ” ข้าจะซื้อ ข้าจะซื้อแล้ว ข้าขอซื้อมากที่สุดเท่าที่เจ้ามี ”

ลั่วอู๋มีรอยยิ้มในดวงตาของเขา
“เงื่อนไขก็คือ ข้าสามารถหล่อดาบเลือดเดือดได้เพียงแค่สิบเล่มต่อเดือนเท่ากับว่าเจ้าสามารถมารับพวกมันได้อย่างน้อยก็เดือนละครั้ง” ลั่วอู๋กล่าว
จี๋กุยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว”ไม่มีปัญหาไม่มีปัญหา”

มันเป็นการต่อรองที่แท้จริง
เขาต้องการให้อีกฝ่ายหลับไปหาหัวหน้าของเขาและพูดถึงลั่วอู๋ในแง่ดี
เพราะนี่เป็นแผน ลั่วอู๋จึงยอมขายมันในราคาที่ต่ำเช่นนี้

ก่อนอื่นเลย เขาไม่รู้มูลค่าที่แท้จริงของดาบเลือดเดือด เช่นเดียวกับการได้สูตรอะไรขึ้นมา ตัวเขามีต้นทุนในการผลิตต่ำ จนไม่ได้รู้สึกทุกข์ใจเลยแม้แต่น้อย
มันจึงเป็นจังหวะที่ดีในการสร้างความประทับใจให้กับอีกฝ่าย

ประการที่สอง เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรกับหน่วยสยบมังกร เพราะนี่เป็นถึงกองทัพอันแข็งแกร่งที่สามารถจับและฆ่ามังกรกระดูกผีได้

และประการสุดท้ายนี่ก็เพื่อเป็นการสวมหนังเสือให้กับสำนักโล่พิทักษ์
การที่มีรองผู้บัญชาการของหน่วยสยบมังกรมาที่สำนักโล่พิทักษ์ทุก ๆ เดือน นั่นหมายความว่าอย่างไรในสายตาคนที่เดินผ่านมาเห็น? มันจะเหมือนกับว่าสำนักโล่พิทักษ์มีเบื้องหลังเป็นหน่วยสยบมังกรสนับสนุนอยู่
ใครจะกล้าไปกล้าเสี่ยงตาย เล่นงานสำนักโล่พิทักษ์ได้อีก?

“นอกจากนี้ข้ายังมีอีกอย่างที่ต้องรบกวนเจ้า” ลั่วอู๋กล่าวขึ้นช้าๆ
จี๋กุยกล่าวอย่างสงสัยว่า “อะไรงั้นหรือ พูดมาสิ”
“เจ้าบอกว่าสินค้าของสำนักโล่พิทักษ์ยังไม่ดีพอและเทียบไม่ได้กับทรัพยากรที่อยู่ในหน่วยสยบมังกรของเจ้า มันทำให้ข้าไม่มีพอใจมาก ๆ ” ลั่วอู๋มีใบหน้าจริงจัง
“ข้าผิดไปแล้ว” จี๋กุยดูหงอยลงไปมากและขอโทษในทันที “ข้าจะไปขอโทษเจ้าของร้านทุกคนของสำนักโล่พิทักษ์ในภายหลัง เจ้าของร้านลั่วจะให้อภัยข้าได้รึเปล่าล่ะ?”

ลั่วอู๋หัวเราะ “ข้าไม่ใช่ผู้ชายที่ไร้เหตุผลแบบนั้นน่า ข้าแค่อยากพิสูจน์ให้เจ้าได้เห็น”
ด้วยเหตุนี้ ลั่วอู๋ จึงนำโล่คริสตัลที่ได้รับการเสริมพลังออกมา
“เจ้าคิดยังไงกับโล่อันนี้ ?”
หลังจากลองทดสอบ จี๋กุย ก็พยักหน้าด้วยความประหลาดใจ “มันดีกว่าโล่คริสตัล ที่ข้าเพิ่งได้เห็นมาก่อนหน้านี้มาก การป้องกันของมันยอดเยี่ยม มันดีกว่าโล่ที่หน่วยสยบมังกรใช้เสียอีก”

ใช่แล้วมันต้องดีกว่าโล่คริสตัลทั่วไปแน่นอน
เพราะมันต้องใช้โล่คริสตัลหลายร้อยอันในการสร้างโล่นี้ขึ้นมา
จากนั้นลั่วอู๋ก็หยิบหอกยาวที่ลงตราด้วยแก่นวิญญาณธาตุเหล็กระดับทองขึ้นมา ซึ่งถือเป็นอาวุธลงตราวิญญาณธาตุระดับสูง

“เจ้าลองดูสิ ว่าหอกนี่ทรงพลังขนาดไหน” ลั่วอู๋กล่าว
จี๋กุยหยิบมันขึ้นมาใช้เพียงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็รู้สึกถึงความแข็งแกร่งของหอกและตื่นตกใจ “หอกนี้มีพลังมากกว่าดาบยักษ์ที่ข้าใช้ตอนนี้ซะอีก”
ในฐานะหน่วยสยบมังกรดาบขนาดใหญ่ของราชวงศ์ได้รับการยกย่องว่าเป็นอาวุธชั้นหนึ่ง
“ข้าสามารถผลิตอาวุธเหล่านี้ได้ทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่าสามารถผลิตได้ในจำนวนมากด้วย แต่ข้าไม่ต้องการแสดงมันให้โลกเห็นในขณะนี้ ทีนี้เจ้าคิดยังไงเกี่ยวกับสินค้าในสำนักโล่พิทักษ์ของข้าล่ะ?” ลั่วอู๋ถาม
จี๋กุยเชื่อมั่นและมองไปที่หอกยาวด้วยความตื่นเต้น “มันแข็งแกร่งเกินไป ทรงพลังเกินไป”

ลั่วอู๋นำโล่และหอกกลับออกไป
“การแสดงจบแล้ว เจ้ากลับไปได้แล้ว” ลั่วอู๋กล่าวเบา ๆ

จี๋กุยตะลึง ข้ากลับไปได้แล้วเหรอ แค่นี้เหรอ?
“อาวุธและโล่นี้ดีจริง ๆ ข้าอยากรู้ว่ามันราคาเท่าไหร่” เขาพูดด้วยความลำบากใจ
“โอ้ อาวุธพวกนี้เราไม่ขาย ๆ ข้าแค่เอามันออกมาเพียงเพื่อแสดงความสามารถของสำนักโล่พิทักษ์ของเราให้เจ้าได้เห็น” ลั่วอู๋กล่าว

จี๋กุยแทบจะกลายเป็นบ้าในทันที
ข้าอยากรู้ เจ้าพูดออกมาได้ยังไงเนี่ยว่าแค่เอามาอวด เจ้าจะไม่ขายมันจริง ๆ เหรอ?
เขากำลังกวนประสาทคนอยู่ชัด ๆ