ตอนที่ 258 เขายอมรับแล้วจริง ๆ!

อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด

ตอนที่ 258 เขายอมรับแล้วจริง ๆ!

  

เขายอมรับแล้วจริง ๆ!

  

เธอคิดว่าเขาแค่มาแวะมาผ่านๆเท่านั้น ไม่คิดว่าจะมีประโยชน์อยู่ อย่างน้อยก็ในฐานะผู้ช่วย

  

“อันโหรว! เธอไม่ตายดีแน่!” เหลียวเว่ยตาแดงก่ำจ้องมองเธอด้วยความแค้น

  

“วางใจเถอะ เธอได้ตายก่อนแน่” เธอมองมีดในมือ ภายในห้องมีกลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่ว ทำให้เธออดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้

  

กลิ่นรุนแรงเกินไป เหม็นชะมัด!

  

“ตอนนี้เธอพูดได้แล้ว ฉันกำลังฟังอยู่” เธอค่อย ๆ ดึงเก้าอี้มานั่งโดยเว้นระยะห่างออกมาแล้วนั่งลง ก่อนจะมองดูเธออย่างสบายใจ

  

“อันโหรว! ฉันไม่เชื่อเธอ! เธอทำกับฉันแบบนี้ยังต้องการฟังอะไรจากปากของฉันอีก ตอนนี้รีบโทรหาหมอก่อน แล้วฉันจะบอกเธอ” เธอไม่สามารถบอกอะไรในสถานการณ์แบบนี้ได้ มือของเธอจะต้องใช้การได้อยู่

  

“แบบนี้นี่เอง….” เธอเลียนแบบน้ำเสียงของจิ่งเป่ยเฉิน รอยยิ้มเล็กน้อยปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่งดงาม “ฉีเซิงเทียน พวกเราไปกันเถอะ! มันดึกมากแล้ว ควรจะนอนได้แล้ว”

  

เธอยืนขึ้นพร้อมเดินตรงออกไป ถือมีดในมืออย่างสดใส

  

“อย่าไปนะ! อันโหรว เธออย่าทำแบบนี้นะ! ฉันจะพูด! ฉันจะบอกเธอทุกอย่างที่ฉันรู้ เธอปล่อยฉันออกไปนะ!” เธอรีบเอ่ยรั้งไว้ มือทั้งสองข้างตอนนี้เลือดไหลออกมามากเกินไป และเธอก็เริ่มรู้สึกเวียนศีรษะเหมือนจะเป็นลม ถ้าหากเธอไม่รีบทำแผลละก็ เธออาจจะเสียเลือดมากจนตายเลยก็ได้

  

“ขอโทษนะวันนี้พูดเรื่องไร้สาระมามากเกินไป บอกตามตรงเรื่องไร้สาระของเธอเก็บไว้พูดพรุ่งนี้เถอะ!” เธอพูดทิ้งท้ายก่อนจะมองด้วยสายตาที่เย็นชาและเดินออกไป

  

ฉีเซิงเทียนยกนิ้วโป้งขึ้นให้เธอ ก่อนจะเดินตามหลังเธอออกไป “พี่สะใภ้ พี่ทำแบบนี้โคตรเหมือนพี่เฉินเลย!”

  

“ใครอยากจะเป็นอันธพาลเหมือนเขากัน?” เธอส่งมีดปอกผลไม้ในมือของเธอให้กับเขา “หาคนเข้าไปทำแผลให้เธอ ขอแค่ไม่ตายก็พอ! อย่าไปใจดีกับเธอมาก!”

“ไม่ต้องห่วง!” ไม่ทำให้เธอตายเป็นเพราะฟ้าที่เมตตาเธอ ยังต้องดีกับเธออีกเหรอ?

  

ฟ้าฝนไม่ได้สาดฝนเลือดเยอะขนาดนั้นหรอก!

  

เมื่ออันโหรวกลับมาถึงห้องก็เดินย่องเข้ามาอย่างเบา ๆ กลัวว่าจะทำให้จิ่งเป่ยเฉินตื่น โชคดีที่เขากินยาไปเลยหลับสนิท

  

เธอเข้าไปอาบน้ำ ก่อนจะกลับมานอนลงข้างตัวเขาบนเตียง ภายในห้องที่มืดสนิท ไม่ได้เปิดไฟ แต่กลับเหมือนว่าเธอสามารถมองเห็นคิ้วและดวงตาของเขาได้อย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเข้ามาในใจเธอ

  

เรื่องคืนนี้เธอไม่เคยนึกถึงมาก่อนเลยว่าเธอจะเป็นคนที่โหดขนาดนี้ แต่เมื่อเห็นมือที่บาดเจ็บของเขา ภายในใจก็รู้สึกว่าไม่สามารถทนเห็นเธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ เพราะงั้นถึงได้บ้าคลั่งขึ้นมาแบบนั้น เธอที่ถือมีดแบบนั้นครั้งแรกต้องใช้พละกำลังอย่างสุดแรง

  

พรุ่งนี้ถ้าเขารู้จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันนะ?

  

ซวยแล้ว เธอลืมเตือนฉีเซิงเทียนว่าเขาควรเป็นคนลงมือทำ ไม่ใช่เธอที่ทำ!

  

ผิดแผนจริง ๆ

  

คิดวนไปวนมาแบบนี้จนผล็อยหลับไป เธอหลับจนรุ่งสาง ทันทีที่เธอตื่นขึ้นมาสายตาของคนข้างกายก็กำลังจ้องมองมาที่เธอ

  

“นายทำอะไร?” เธอลูบหน้าตัวเองที่ไม่มีอาการบวมน้ำและไม่มีสิวขึ้นที่ใบหน้า หรือว่าเป็นแค่ฝันไป? ความจริงแล้วตอนนี้ใบหน้าเธอยังคงบวมใหญ่อยู่?

  

“มองเธอไง” มือขวาของเขาที่ได้รับบาดเจ็บนั้นเอื้อมมาโอบเอวเธออย่างแนบชิด “ตื่นขึ้นมาแล้วได้มองหน้าเธอ ช่างดีเหลือเกิน” จุ๊บ!

  

บิ๊กบอส มีใครบอกคุณบอกหรือเปล่าว่าอย่ามาปลุกอารมณ์แบบนี้? โดยเฉพาะในตอนเช้า ๆ!!

  

“เหอะเหอะ เมื่อคืนพวกเราไม่ได้กลับบ้าน หนำซ้ำยังลืมบอกหยางหยางกับหน่วนหน่วนอีก พวกเขาต้องเป็นห่วงแน่ ๆ ตอนนี้นายยังไม่ยอมลุกขึ้นอีกเหรอ?” เมื่อคืนเธอลืมบอกพวกเขาไปเสียสนิท

  

มือของเขายังไม่ยอมปล่อยเธอ ก่อนจะพักพิงไปตรงระหว่างคอของเธอ “ถ้าหากหลินจือเซี๋ยวไม่ได้ทำเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ เธอก็ควรพิมพ์รายงานการลาออกของเธอได้เลย”

  

ทำไมเธอถึงได้ลืมหลินจือเซี๋ยวไปเลยเนี่ย เธอขยับตัวเล็กน้อย ถึงแม้ว่าหลินจือเซี๋ยวจะไม่รู้เรื่องนี้ แต่เมื่อคืนคนก็เยอะมาก ลูกน้องของจิ่งเป่ยเฉินก็ไม่ใช่พวกกินหญ้า อย่างน้อยก็ต้องแจ้งเรื่องนี้ไปให้ทางครอบครัวรับทราบแล้วแน่ ๆ

  

โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉีเซิงเทียนที่อยู่ที่นี่ ดูแล้วเขายังน่าเชื่อถือมากกว่าเสียอีก

  

“มือของนายรู้สึกเป็นยังไงบ้าง? ดีขึ้นบ้างหรือเปล่า?” เธอเปิดผ้าห่มขณะที่กำลังพูด แต่แล้วมือของเขาก็พยายามที่จะเลิกชุดนอนของเธอขึ้น

  

“จิ่งเป่ยเฉิน!” เธอขยับตัวไปด้านข้างอีกครั้ง ก่อนจะเตะเข้าไปที่ต้นขาของเขาและพูดว่า “ดูเหมือนอาการบาดเจ็บของนายจะดีขึ้นเยอะแล้วนี่!”

  

ความเจ็บปวดนี่มันไม่ซื่อสัตย์เอาเสียเลย!

“ที่รักจ๋า เธอทำกับคนป่วยแบบนี้ได้ยังไง?” เขาครวญครางขึ้นมา เพิ่งถอดเสื้อผ้าออกแบบนี้ จำเป็นต้องหลบซ่อนตัวให้ไกลถึงขนาดนั้นเลย?

“ป่วยกับผีนายสิ!” เมื่อเทียบกับตัวเขาแล้ว เธอดูเหมือนคนป่วยมากกว่าเสียอีก

  

ได้รับบาดเจ็บแต่ยังมีแรงเหลือล้นเสียขนาดนั้น เธอแทบอยากจะกระโดดลงจากเตียงทันที “ลุกขึ้นมากินข้าวกินยาแล้วกลับบ้านกันไหม? หรือจะกลับบ้านไปค่อยกินข้าวกินยา?”

  

“ฉันอยากจะนอนต่ออีกสักหน่อย มือก็เจ็บ มึนหัวก็มึน แถมใจสั่นอีก” เขาหลับตาลง ใบหน้าก็พลันแสดงอาการคล้ายกับเจ็บปวดเสียมากมาย

  

“มือเจ็บ ฉันเชื่อ แต่อาการมึนหัวคืออะไร? ใจสั่นที่ว่านั้นมาจากไหน?” เธอยอมรับเขาเลยจริง ๆ ตัวเขานั้นคิดอยากจะลวนลามเธอมากแค่ไหนถึงได้ยอมแกล้งทำเป็นป่วยแบบนี้

  

จิ่งเป่ยเฉินเงียบปาก ไม่เอ่ยคำพูดใด ๆ ก่อนจะนอนอยู่บนเตียงคล้ายกับตุ๊กตาที่เป็นเครื่องประดับ ถ้าหากผู้คนเห็นก็คงอดคิดอยากจะเข้าไปช่วยดูแลไม่ได้

  

อันโหรวยืนอยู่สักพักและมองดูเขาเพียงสองสามนาที เมื่อไม่เห็นว่าเขาจะขยับเขยื้อนไปไหน จึงเดินเข้าไปในห้องน้ำ ผู้ชายนี่ดูไม่คุ้นชินเอาเสียเลย โดยเฉพาะจิ่งเป่ยเฉิน!

  

เขาฟังรู้เรื่องด้วย!

  

ทันทีที่เธอเดินไป จิ่งเป่ยเฉินก็ลืมตาขึ้นและก็เห็นแต่เพียงด้านหลังของเธอ ผู้หญิงคนนี้จิตใจช่างโหดร้ายเสียจริง ๆ

  

รอเธอออกมาจากห้องน้ำ หลังจากที่เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วก็ยังพบว่าเขานั้นยังอยู่ในท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง “จิ่งเป่ยเฉิน นี่นายคงวางแผนให้ตัวเองกลายเป็นมัมมี่ใช่ไหม? เอางี้ไหม ให้ฉันเอาอวัยวะภายในของนายออกมาเลยดีหรือเปล่า? หลังจากนี้จะได้เอาผ้าพันแผลมาพันรอบตัวไปเลย”

ขนตาที่เป็นแพรยาวของเขากะพริบไปมาหลายครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ “โหรวโหรว……….”

  

“น้ำเสียงที่ใช้ออดอ้อนไม่ได้ผลหรอกนะ รีบลุกขึ้นนั่งและใส่เสื้อผ้าซะ” เธอยกเสื้อที่อยู่ในมือของเธอขึ้น “นายห้ามขยับ ถ้าขยับ ฉันจะออกไปและให้ฉีเซิงเทียนมาช่วยนายใส่เสื้อแทน คิดดี ๆ เอาละกัน”

  

เขาไม่ได้รังเกียจอะไร อีกอย่างพวกเขาก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชาย อย่างไรก็เป็นพี่น้อง ไม่แน่ว่าเมื่อชาติที่แล้วอาจจะเคยพบเจอกันมาก่อนก็ได้

  

กลายเป็นว่าเขาเล่นกับโหรวโหรวของเขาไม่ได้ ถ้าหากขอให้ฉีเซิงเทียนมาช่วยเขาแต่งตัวป่านนี้ก็คงเสร็จและออกไปนานแล้ว

  

แต่เขาทำแบบนั้นไม่ได้หรอกนะ!

  

เขาลุกขึ้นมานั่งข้างเตียงอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะเพลิดเพลินไปกับนิ้วของเธอที่สัมผัสผ่านไปยังผิวหนังของเขาอย่างเบาสบาย มือเรียวบางค่อย ๆ ติดกระดุมให้เขาทีละเม็ด ทางด้านเขาเองก็เอื้อมมือไปโอบเอวของเธอไว้และพูดว่า “เมื่อคืน……”

  

“อย่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนเลย นายแต่งตัวให้ดี ๆ เถอะ ถ้าถามอีกแค่คำเดียวฉันจะไปเลย!” เธอกังวลเล็กน้อยว่าเขาจะถามเรื่องเหลียวเว่ย

  

“ที่รัก วันนี้คุณดูเผด็จการไปหน่อยนะ” เห็นแบบนี้แล้วดูเหมือนกับอันโหรวก่อนหน้านั้นเลยจริง ๆ

  

“อ่อนโยนก็ว่าเสแสร้ง นายนี่ไม่รู้จักอารมณ์ของฉันบ้างเลย” เธอถือกางเกงบ็อกเซอร์ไว้ในมือ ก่อนจะมองไปที่ใบหน้าของเขาด้วยรอยยิ้ม “มันวุ่นวายจริง ๆ มีแต่นายเท่านั้นที่บาดเจ็บ แต่ดูนี่สิ นี่เหรอวิธีที่นายดูแลฉัน จิ่งเป่ยเฉินนี่นายจงใจอย่างนั้นเหรอ?”

  

“ไม่ได้รับความเป็นธรรม” เขาไม่ได้หมายความแบบนั้นเสียหน่อย

  

เธอเผยรอยยิ้มขึ้น ก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากัน “เร็วหน่อย หิวแล้ว”

  

ทันทีที่คำพูดพวกนี้ถูกเอ่ยออกมา จิ่งเป่ยเฉินก็ยอมให้ความร่วมมือมากขึ้น ไม่ช้าก็รีบสวมใส่เสื้อผ้าและแต่งตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นจิ่งเป่ยเฉินก็พาเธอไปที่ร้านอาหารชั้นล่างเพื่อกินข้าวเช้า

  

ชัดเจนว่าสามารถส่งถึงห้องพักได้ไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงต้องลงไปข้างล่างด้วย?

 

แต่เมื่อเธอเห็นฉีเซิงเทียน ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้ว