เมื่อได้ยินวาจาของหลินซวง สีหน้าของชวี่เซียวก็มืดมนลงไปถึงสี่ส่วน แต่เมื่อได้ฟังคำตอบของฉินอีเฟิงและโอวหยางหมิง ใบหน้าของผู้อาวุโสแห่งสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรก็เปลี่ยนเป็นดำคล้ำในทันที
เขาไม่คิดเลยว่าอสูรมายาถึงสองตัวจะยั่วยวนเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลใหญ่ที่ควรจะเห็นแก่ประโยชน์ของตระกูลไม่ได้ ไม่คิดว่าคนพวกนี้จะปฏิเสธข้อเสนอของเขาอย่างไม่ไยดี คนพวกนี้ไม่เกรงกลัวบารมีของสมาคมผู้ฝึกสัตว์เลยหรืออย่างไรกัน ?!
ยิ่งเวลาผ่านไป ความโกรธในหัวใจของชวี่เซียวก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ
“ผู้อาวุโสชวี่ หากว่าท่านยังต้องการผลประโยชน์และอยากจะอยู่ต่อก็เชิญท่านตามสะดวก แต่พวกเราจะไม่ช่วยท่านสยบราชาอสรพิษเก้าเศียรแน่ ส่วนเรื่องผู้ใดจะได้ไข่ประหลาดไปครอบครอง เห็นทีคงต้องวัดกันที่ฝีมือของใครของมันแล้ว”
เหล่ยเจิ้นเทียนกล่าวกับชวี่เซียวอย่างเย้ยหยัน
“ผู้อาวุโสชวี่ ผู้อาวุโสโอวหยาง และผู้อาวุโสหลิน แม้ว่าพวกเราจะไม่ได้สมัครสมานสามัคคีกันนักเมื่อครั้งอยู่ในนครไป๋อวิ๋น แต่ในเมื่อเราต่างก็ไม่มั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะเพราะคู่ต่อสู้ตรงหน้าเป็นถึงราชาอสรพิษเก้าเศียร ข้าเสนอให้ส่งตัวแทนเพียงหนึ่งคนไปชิงไข่มา ส่วนคนอื่น ๆ ให้ช่วยกันทำหน้าที่เบี่ยงเบนความสนใจของเจ้าอสรพิษ ตัวแทนจากตระกูลไหนชิงไข่ได้ก็จะได้ไข่ไปครอบครอง เช่นนี้พวกท่านคิดเห็นอย่างไร ?”
เหล่ยเจิ้นเทียนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วเสนอแผนการ เขาคิดว่านี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว ทว่าด้วยทิฐิมานะและความแค้นเคืองที่มีต่อตระกูลฉิน เขาจึงจงใจละนามแห่งตระกูลคู่อรินี้ไว้
แต่ละตระกูลจะส่งคนไปแย่งชิงไข่ตระกูลละหนึ่งคน ส่วนคนอื่น ๆ รับผิดชอบช่วยกันเบนความสนใจของอสรพิษเก้าเศียร ไม่ว่าตัวแทนแห่งตระกูลใดจะได้ไข่มาครอง ตระกูลอื่นก็ต้องยอมรับอย่างไม่มีข้อแม้และห้ามโต้แย้ง
โอวหยางหมิงและฉินอีเฟิงหันมามองหน้ากันก่อนที่จะพยักหน้าอย่างเห็นด้วย พวกเขาเองก็มีแนวคิดคล้าย ๆ กันนี้อยู่
หลินซวงเองก็พยักหน้า พวกเขาแต่ละตระกูลมีกำลังไม่เพียงพอที่จะจัดการกับราชาอสรพิษระดับเทวะราชันและชิงไข่มาพร้อม ๆ กัน เพราะฉะนั้นข้อเสนอในการช่วยกันรับมือกับอสรพิษยักษ์และส่งตัวแทนชิงไข่ของเหล่ยเจิ้นเทียนจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกท่านไม่มีปัญหา งั้นเรามาตกลงกันก่อนว่าแต่ละตระกูลจะส่งผู้ใดไปชิงไข่นั่นมา”
เหล่ยเจิ้นเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหันไปกระซิบสั่งการคนจากตระกูลเหล่ยที่อยู่ด้านหลัง
“ชิงเฟิง เจ้าเข้าไปชิงไข่มา”
ฉินอวี้โม่หันมาพูดกับโอวหยางชิงเฟิง นางรู้ความแข็งแกร่งของโอวหยางชิงเฟิงดี มันเป็นการดีที่สุดแล้วหากให้เขาเป็นตัวแทนเข้าไปเอาไข่
โอวหยางชิงเฟิงพยักหน้าและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อวี้โม่ ไม่ต้องห่วง ข้าจะนำไข่ใบนั้นมาเป็นของฝากให้เจ้าเอง”
ฉินอีเฟิงและโอวหยางหมิงส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขาไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเพื่อคัดค้าน ในเมื่อคนรุ่นเยาว์ต้องการแสดงศักยภาพ ผู้อาวุโสอย่างพวกเขาก็จะให้การสนับสนุน
“เสี่ยวโร่ว เจ้ากับม่อเสียเข้าไปช่วยชิงเฟิงเพื่อให้แน่ใจว่าต้องชิงไข่มาให้ได้”
ฉินอวี้โม่หันสั่งการเสี่ยวโร่วอีกคนหนึ่ง สาวใช้น้อยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง มันเป็นครั้งแรกที่นางได้รับคำสั่งการในเรื่องที่จริงจังมากถึงเพียงนี้จากคุณหนู และนั่นจึงทำให้เด็กสาวรู้สึกกังวลใจอยู่เล็กน้อย
“ท่านลุงสาม ท่านลุงเจ็ด แสดงให้หลานตัวน้อยผู้นี้ได้เห็นทีได้ไหมเจ้าคะว่าพลังอันแสนยิ่งใหญ่นั้นเป็นเช่นไร อวี้โม่ วานท่านลุงทั้งสองช่วยเบนความสนใจของราชาอสรพิษเก้าเศียรด้วย”
โอวหยางหมิงและฉินอีเฟิงรู้ดีว่าฉินอวี้โม่และโอวหยางชิงเฟิงคงจะซ่อนเร้นพลังความสามารถเอาไว้อีกมาก จริงอยู่ว่านี่เป็นเรื่องที่เสี่ยงมากและเป็นภาระที่หนักหนา ทว่าพวกเขาทั้งคู่ก็วางใจในคนรุ่นเยาว์ของตระกูลจึงไม่เอ่ยถามให้มากความ หากเด็กทั้งสองมีพลังที่ซ่อนเร้นอยู่จริง ๆ อีกไม่นานก็คงจะได้รู้เอง ยิ่งกว่านั้นเหล่าผู้อาวุโสในตระกูลทั้งหลาย ไม่ว่าใครก็ย่อมชมชอบที่จะได้เห็นลูกหลานของตัวเองเป็นคนเก่งกาจมากฝีมืออยู่แล้ว
เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่จัดแจงทุกอย่างในภารกิจอันตรายครั้งนี้ด้วยความมั่นใจก็ทำให้ฉินอีเฟิงและโอวหยางหมิงรู้สึกมั่นใจตามนางไปด้วย ที่สำคัญโอวหยางชิงเฟิงเป็นถึงจอมยุทธ์ขอบเขตนภมายาที่มีอสูรมายาที่แข็งแกร่งและทรงพลังเป็นคู่หู เขาย่อมมีศักยภาพเพียงพอที่จะชิงไข่มาได้อย่างแน่นอน
ที่สำคัญอสูรมายาระดับเทวะราชันเจ็ดดาราก็มีความอันตรายเกินไปสำหรับคนรุ่นเยาว์ หากจะปล่อยให้พวกเขารับมือกับอสูรระดับนั้นกันเองก็เกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นได้ อีกทั้งสิ่งที่ฉินอวี้โม่กล่าวก็ตรงกับความคิดของพวกเขาทุกอย่าง
ดังนั้นผู้อาวุโสแห่งตระกูลพันธมิตรทั้งสองจึงพยักหน้าเห็นด้วยกับการตัดสินใจของคุณหนูสี่แห่งตระกูลฉิน
“เหล่ยเซิง เจ้าเป็นผู้เข้าไปชิงไข่”
เหล่ยเจิ้นเทียนเอ่ยปากกับบุรุษวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้างกาย ท่ามกลางคนของตระกูลเหล่ยทั้งหมดในที่แห่งนี้ พลังของเหล่ยเซิงนับว่าเป็นรองเพียงตัวเขาเท่านั้น อีกทั้งบุรุษวัยกลางคนผู้นี้ก็เป็นระดับอาวุโสในตระกูลเหล่ยเช่นกัน เหล่ยเจิ้นเทียนจึงมั่นใจอย่างมากว่าเขาต้องชิงไข่ประหลาดมาได้ และเมื่อเห็นว่าทางฝั่งตระกูลฉินและตระกูลโอวหยางส่งเพียงเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเป็นผู้ท้าชิง เหล่ยเจิ้นเทียนก็รู้สึกมั่นใจมากว่าศึกชิงไข่ในครั้งนี้ตระกูลเหล่ยจะต้องเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน
บุรุษวัยกลางผู้ถูกเรียกขานว่าเหล่ยเซิงพยักหน้าและมองที่ไข่ด้วยสายตาที่ลุกเป็นไฟ
“หลินซี เจ้าเป็นผู้เข้าไปชิงไข่มา อย่างไรก็ตามหากตึงมือเกินไปก็ให้คิดถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ถ้าไม่ไหวก็รีบถอย จำไว้ว่าอย่าฝืน”
หลิงซวงเองก็หันไปสั่งการคนในตระกูล ผู้ท้าชิงจากตระกูลหลินผู้นี้มีอายุราว ๆ ยี่สิบ แม้ใบหน้าจะดูอ่อนวัย แต่ทว่ากลับเป็นถึงจอมยุทธ์ในขอบเขตนภมายาแล้ว หากนับเฉพาะคนในรุ่นเดียวกัน ผู้ที่อยู่ในสมาคมทหารรับจ้างที่เหนือกว่าเขาก็มีเพียงแค่สองถึงสามคนเท่านั้น
หนุ่มจากตระกูลหลินนามว่าหลินซีพยักหน้ารับคำอย่างมุ่งมั่น แม้ว่าสมาคมทหารรับจ้างของพวกเขาจะต้องการไข่ประหลาดใบนี้มาก แต่เมื่อผู้อาวุโสบอกให้เขาคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ เขาก็ต้องเชื่อฟัง หากไม่สามารถนำไข่กลับมาได้จริง ๆ เขาก็พร้อมที่จะถอย
ชวี่เซียวมองดูเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายด้วยสายตาแค้นเคืองปนดูถูก ตัวแทนจากสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรเปล่งเสียง ‘ชิ’ ออกมาอย่างดูหมิ่น แม้จะมีตัวคนเดียวทว่าเขาก็ยังไม่คิดที่จะถอยง่ายๆ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะพยายามช่วงชิงจังหวะหาทางสยบราชาอสรพิษเก้าเศียรให้จงได้
หลังจากปรึกษาหารือกันอยู่พักหนึ่ง ทุกตระกูลก็ได้ตัวแทนที่จะเข้าไปชิงไข่ประหลาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อไล่สายตามองดูสองเด็กหนุ่มซึ่งเป็นผู้ท้าชิงไข่จากตระกูลหลินและตระกูลโอวหยางแล้ว เหล่ยเจิ้นเทียนก็ยกยิ้มอย่างมั่นใจ และยิ่งเมื่อเห็นตัวแทนของตระกูลฉินที่เป็นเพียงสาวน้อยธรรมดา ๆ เขาก็ส่งสายตาเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบัง
แม้ว่าตัวแทนของตระกูลอื่นจะแข็งแกร่งอยู่บ้างแต่ทุกคนก็ล้วนเป็นคนรุ่นเยาว์ และยังห่างไกลจากเหล่ยเซิงตัวแทนของพวกเขาที่ซึ่งเป็นระดับอาวุโส คนรุ่นเยาว์มีข้อเสียเปรียบเรื่องของความอ่อนด้อยประสบการณ์ ดูอย่างไรในวันนี้ไข่ก็ต้องเป็นของตระกูลเหล่ยแน่นอน
อดีตสาวนักฆ่าในร่างคุณหนูผู้งดงามจ้องมองรอยยิ้มแสนมั่นใจและแววตาดูถูกของเหล่ยเจิ้นเทียนแล้วยกยิ้มมุมปาก… ‘อยากจะยิ้มหรือหัวเราะก็รีบ ๆ ทำให้เต็มที่ซะตอนนี้ เพราะอีกไม่นานเจ้าก็จะหัวเราะไม่ออกแล้ว !’
ฉินอวี้โม่ได้บอกเล่าแผนการทั้งหมดของนางกับโอวหยางชิงเฟิงไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเมื่อคุณชายหน้าใสได้ฟังแผนการนี้จบก็เกิดความคิดที่เด่นชัดอย่างหนึ่งขึ้น*…เขาจะไม่มีวันหาเรื่องบาดหมางกับสตรีผู้นี้อย่างเด็ดขาด และในตอนนี้เขาก็เริ่มรู้สึกเสียใจแทนผู้ที่คิดจะเป็นศัตรูกับสตรีงดงามผู้นี้ขึ้นมาบ้างแล้ว*
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกอย่างลงตัวแล้ว งั้นก็เริ่มบุกเข้าไปเบนความสนใจของอสรพิษเก้าเศียรได้เลย !”
เหล่ยเจิ้นเทียนยิ้มและก้าวออกไปเป็นคนแรก ผู้อาวุโสแห่งตระกูลเหล่ยปลดปล่อยสภาวะพลังของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่
แม้ว่าจะหลับลึกอยู่ แต่เมื่อราชาอสรพิษเก้าเศียรสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมนุษย์ที่มันรังเกียจเป็นหนักหนาตรงเข้ามาใกล้ ราชางูยักษ์ก็ลืมตาตื่นขึ้นในทันที !
เมื่อเห็นมนุษย์หลายคนอยู่ตรงหน้าในรังอันแสนสุขของมันเอง ดวงตาขนาดใหญ่ของราชาอสรพิษเก้าเศียรก็เบิกกว้าง มันจ้องมาไปที่ยอดฝีมือนักล่าไข่อย่างคั่งแค้น
“เจ้าพวกเผ่าพันธุ์มนุษย์น่าขยะแขยง กำแหงนัก บังอาจรบกวนเวลาฝันกลางวันของราชาอสรพิษอย่างข้า พวกเจ้าอยากตายพร้อมกันอย่างนั้นรึ?”
“ราชาอสรพิษเก้าเศียร ส่งไข่ที่อยู่ด้านหลังของเจ้ามา แล้วพวกเราจะไว้ชีวิตเจ้า !”
เหล่ยเจิ้นเทียนจ้องมองราชาอสรพิษเก้าเศียรและเสนอข้อต่อรองอย่างโอหัง
พวกเขามาก็เพื่อไข่ ไม่ได้สนใจในตัวงูยักษ์เก้าหัวตัวนี้ หากอีกฝ่ายยินยอมส่งไข่มาแต่โดยดี มันก็ถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา
“ไข่ ? พวกเจ้ามาเพื่อไข่สินะ !”
หนึ่งในหัวทั้งเก้าของราชาอสรพิษเก้าเศียรหันกลับไปมองไข่ที่อยู่ด้านหลัง เมื่อยังเห็นไข่วางอยู่อย่างเรียบร้อยและยังคงส่องแสงเรืองรองอย่างเป็นสุข ราชางูยักษ์ก็แอบยิ้มด้วยความโล่งใจ
“ถึงไข่นั่นมันจะไม่มีประโยชน์ก็เถอะ แต่พวกเจ้ากล้าดียังไงมารบกวนการนอนหลับของข้าผู้ยิ่งใหญ่ แถมยังขวัญกล้าคิดที่จะชิงไข่ของข้าไป ?!”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องไข่ใบนั้น ราชาอสรพิษเก้าเศียรก็แทบอยากจะกลอกตามองบนอย่างหมดคำพูด แต่ทว่าเพื่อรักษาความน่าเกรงขามของตัวเองมันจำเป็นต้องยับยั้งใจ เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้มันเพิ่งจะลองเขมือบกินไข่ใบนี้เข้าไป ทว่าใครจะรู้ว่าไอ้ไข่บัดซบใบนั้นเมื่อเข้าไปอยู่ในท้องของมันแล้วกลับยังไม่ถูกย่อย มันไม่เสื่อมสลายไปเลยราวกับเป็นไข่อมตะ ราชางูยักษ์ผู้ยิ่งใหญ่นอนท้องอืดแทบตายอยู่หลายวัน
ยิ่งไปกว่านั้น ไอ้ไข่บรรลัยใบนี้ยังแปลกประหลาดจนน่าขนลุก เพราะนอกจากจะไม่ย่อยสลายแล้ว ในตอนที่ไข่อยู่ในท้องของมัน เจ้าไข่ชั่วช้ายังกลับดูดกลืนพลังมายาแห่งอสรพิษระดับเทวะราชันอย่างมันไปจนเหือดแห้ง และทำให้ราชาอสรพิษผู้นอนอืดไข่อยู่ต้องทุรนทุรายอย่างหวาดหวั่น
ราชาอสรพิษเก้าเศียรคิดว่ามันจะต้องตายเสียแล้ว จึงต้องเค้นเอาพลังงานเฮือกสุดท้ายออกมาอย่างมหาศาลกว่าที่จะเบ่งเอาไข่เจ้าปัญหาให้หลุดผลุงออกมาจากร่างได้ โชคยังดีที่เจ้างูเก้าหัวยังมีพลังเหลือมากพอ หากมันไม่คิดเบ่งไข่ออกมาหรือคิดช้ากว่านี้อีกสักวันสองวันพลังของมันคงจะถูกไข่ประหลาดเลวทรามนั่นดูดไปหมดแน่ !
งูยักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เพิ่งจะท้องอืดไข่จนเกือบตายคิดอย่างมีน้ำโห แต่มันก็ยังต้องเก๊กท่าทำหน้าหล่อให้ดูสมกับเป็นราชาอสรพิษผู้ดุร้ายและโหดเหี้ยมต่อหน้ามนุษย์ต่ำต้อยกระจ้อยร่อยพวกนี้
“ไข่เจ้าหรือ ? เจ้าเป็นคนออกไข่ใบนี้อย่างนั้นรึ ?”
เมื่อเหล่ยเจิ้นเทียนได้ยินคำพูดของราชาอสรพิษเก้าเศียรเขาก็ผงะไปด้วยอาการตกตะลึง หากว่าไข่ใบนี้เป็นของราชาอสรพิษเก้าเศียรจริง เช่นนั้นหลังจากที่มันฟักออกมาและถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่มันก็จะกลายเป็นเสมือนราชาอสรพิษเก้าเศียรตัวนี้ หรือบางทีมันอาจจะแข็งแกร่งและทรงพลังอย่างเหนือชั้นกว่านี้ก็เป็นได้
“เพ่ย ! ชื่อของข้าก็บอกอยู่ว่าข้าคือราชา นั่นก็แปลว่าเป็นตัวผู้ แล้วข้าจะไปออกไข่ได้ยังไงเล่าไอ้มนุษย์โง่ ! มีหัวเดียวแล้วยังจะไม่มีสมองอีกเรอะ !”
เมื่อได้ยินคำถามของเหล่ยเจิ้นเทียน ราชาอสรพิษเก้าเศียรก็กลอกตาอย่างเหลืออดก่อนจะสบถด่าทออย่างดูถูก*… ‘หึ่ยยย* ! มนุษย์น่าขยะแขยงนี่มันโง่เกินไป หรือมันขวัญกล้าจงใจพูดจาเหยียดหยามข้ากันแน่ฟระ ?’
เมื่อฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ได้ฟังคำพูดของราชาอสรพิษเก้าเศียรและเหล่ยเจิ้นเทียน พวกเขาก็อดหัวเราะไม่ได้
ราชาอสรพิษเก้าเศียรตัวนี้น่าสนใจจริง ๆ และสติปัญญามันก็มีไม่น้อยเลยด้วย
ราชาอสรพิษเก้าเศียรเป็นสัตว์เพศผู้ แล้วมันจะออกไข่ได้อย่างไร ต่อให้เป็นโลกมายานี้ก็เถอะ แต่ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตเพศผู้ตัวไหนที่จะให้กำเนิดทายาทได้
“กรอด~…”
เหล่ยเจิ้นเทียนหมดคำพูดไป ใบหน้าของผู้อาวุโสตระกูลเหล่ยถมึงทึงอย่างน่ากลัว เขาได้แต่กัดฟันเอาไว้ … ‘ก็เมื่อครู่เจ้างูยักษ์นี่มันเพิ่งจะบอกเองไม่ใช่หรือว่านั่นเป็นไข่ของมัน ?’
“ไข่นั้นจะเป็นของเจ้าหรือไม่ข้าไม่สนใจ ส่งมันมาซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า !”
เหล่ยเจิ้นเทียนปัดความรู้สึกงุนงงปนเสียหน้าทิ้งไปแล้วข่มขู่งูใหญ่ไปอีกครั้ง
“เหอะ ! ข้าไม่ให้ ถ้าอยากได้ก็เข้ามา จองหองดีนัก วันนี้แหละจะเป็นวันตายของพวกเจ้า”
ราชาอสรพิษเก้าเศียรแสยะยิ้มอย่างไม่กลัวเกรง อีกฝ่ายแค่มนุษย์ตัวจ้อยไม่กี่คน ไม่ได้ทำให้มันรู้สึกยำเกรงเลยสักนิด
“เหอะ ! เช่นนั้นก็อย่ามาหาว่าพวกเราทำรุนแรงก็แล้วกัน”
เหล่ยเจิ้นเทียนเปล่งเสียงออกมาเสียงดังลั่นก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปโจมตีราชาอสรพิษเก้าเศียรในพริบตา
ผู้อาวุโสตระกูลอื่น ๆ และเหล่ายอดฝีมือฝ่ายเบี่ยงเบนความสนใจทั้งหลายหันมามองหน้ากันก่อนจะบุกเข้าโจมตีราชาอสรพิษเก้าเศียรด้วยเช่นกัน
เพียงชั่วอึดใจ ยอดฝีมือฝ่ายมนุษย์ทั้งหลายก็ตรงเข้าล้อมราชาอสรพิษเก้าเศียรไว้ทุกทิศ พวกเขาผลัดกันจู่โจมผลัดกันตั้งรับอย่างแข็งขัน ทว่าราชางูยักษ์ก็ใช้ความได้เปรียบจากการมีเศียรทั้งเก้าคอยปัดป้องและสวนกลับการโจมตีของอีกฝ่ายได้อย่างแข็งแกร่ง ในเวลานี้ดูไม่ออกเลยว่าเป็นฝ่ายใดที่กำลังเป็นต่อ
ในระหว่างนั้นเอง โอวหยางชิงเฟิง เสี่ยวโร่ว และตัวแทนตระกูลหน่วยเก็บกู้ไข่ประหลาดคนอื่น ๆ ต่างก็พยายามหาช่องว่างและแอบลอบเข้าไปใกล้ไข่อย่างลับ ๆ
ฉินอวี้โม่มองดูยอดฝีมือคนอื่น ๆ ที่พุ่งเข้าไปจู่โจมและสกัดหัวแต่ละหัวของราชาอสรพิษเก้าเศียรด้วยความตื่นตาตื่นใจ กระบวนท่าและพลังยุทธ์ของพวกเขาไม่ธรรมดาเลย
ดูเหมือนว่าจอมยุทธ์ในขอบเขตนภมายาจะสามารถเหาะหรือบินบนอากาศได้ ในตอนนี้ฉินอีเฟิงและคนอื่น ๆ ต่างก็กำลังลอยตัวอยู่ใกล้ ๆ หัวของราชาอสรพิษเก้าเศียรและซัดพลังเข้าใส่มันอย่างดุเดือดเพื่อหลอกล่อและดึงความสนใจของเจ้างูยักษ์
ฉินอวี้โม่ใช้วิชาอสนีบาตผสานกับวิชาตัวเบาเพื่อกระโดดขึ้นไปลอยค้างอยู่บนอากาศ แม้ว่าจะไม่สามารถเหาะเหินได้อย่างถาวรแต่ก็สามารถลอยตัวได้นานพอสมควร
“ฮ่า ๆ น่าสนใจมากแม่หนูน้อย ไม่คิดเลยว่าแม้จะไม่ใช่มนุษย์ระดับนภมายาแต่ก็ยังเหาะได้ !”
เมื่อราชาอสรพิษเก้าเศียรมองดูระดับพลังของฉินอวี้โม่และเห็นว่านางสามารถลอยบนอากาศได้มันก็แสยะยิ้ม มันคิดว่าสาวน้อยผู้นี้น่าสนใจ
ฉินอีเฟิงและคนอื่น ๆ ก็สังเกตเห็นฉินอวี้โม่เช่นกัน เมื่อเห็นนางลอยอยู่บนอากาศพวกเขาก็อดประหลาดใจไม่ได้
ขอบเขตมายารัตนะเก้าดารานั้น แม้ว่าจะเป็นระดับขั้นที่เข้าใกล้ขอบเขตนภมายามากที่สุดแล้ว แต่ยอดฝีมือในขอบเขตนี้ก็ไม่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้อย่างแน่นอน ทว่าฉินอวี้โม่กลับลอยอยู่บนท้องฟ้าได้และดูเหมือนจะมิใช่เรื่องยากลำบากสำหรับนางแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้นยังคล้ายกับว่าคุณหนูผู้งดงามแห่งตระกูลฉินจะไม่จำเป็นต้องรีดเค้นเอาพลังมายาออกมาใช้อย่างหนักหน่วงเลยด้วยซ้ำ และนั่นทำให้พวกเขาคิดว่าฉินอวี้โม่จะต้องมีวิชาลับบางอย่างที่พิเศษมากเป็นแน่
ภายในใจของฉินอีเฟิงเต็มไปด้วยความโล่งอกและปลื้มใจ หลายปีมานี้เขารู้ดีว่าผู้นำตระกูลเป็นห่วงฉินอวี้โม่มาก ถ้าเขารู้ว่าฉินอวี้โม่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เขาคงจะมีความสุขมาก
“ราชาอสรพิษเก้าเศียร แม้ว่าเจ้าจะเป็นอสูรเทวะราชัน แต่ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะเอาชนะพวกเราที่มีจำนวนมากได้”
เหล่ยเจิ้นเทียนกล่าวเสียงดังอย่างโอหัง เขาชักดาบออกมาและฟันเข้าใส่เศียรหนึ่งของราชาอสรพิษเก้าเศียร
คนอื่น ๆ เห็นเช่นนั้นก็พากันชักอาวุธคู่ใจของตัวเองออกมา ทุกคนเริ่มเปิดฉากโจมตีราชาอสรพิษเก้าเศียรอย่างเต็มกำลังแล้ว !
ฉินอวี้โม่ยังคงยืนดูอยู่นิ่ง ๆ โดยไม่ทำอะไร นางเพียงแต่ยืนประจันหน้ากับราชาอสรพิษเก้าเศียรเท่านั้น
แน่นอนว่าระดับพลังของฉินอวี้โม่ยังไม่มากพอที่จะทะลวงการป้องกันของราชาอสรพิษเก้าเศียรได้
คุณหนูผู้งดงามมองดูจอมยุทธ์ขอบเขตนภมายาคนอื่น ๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย หากนางไปถึงระดับนั้นบ้างนางก็จะสามารถใช้พลังได้อย่างเหนือชั้น อีกทั้งยังสามารถใช้ทักษะยุทธ์ของขอบเขตนภมายาที่เรียกว่า *‘นภายุทธ์’*ได้
ไม่ว่าจะเป็นฉินอีเฟิง โอวหยางหมิง เหล่ยเจิ้นเทียน และหลินซวงต่างก็สามารถใช้อาวุธกันได้อย่างคล่องแคล่วและมีประสิทธิภาพ ถึงแม้เวลานี้พวกเขาจะยังไม่ได้ปลดปล่อยนภายุทธ์ออกมาเลยสักครั้งแต่ก็สามารถสร้างความเสียหายให้เจ้าอสรพิษเก้าหัวได้บ้างแล้ว ถ้าหากว่าเหล่ายอดฝีมือในขอบเขตนภมายาเลือกใช้ทักษะนภายุทธ์อันยอดเยี่ยมนั้นก็เกรงว่าแม้แต่อสูรมายาที่แข็งแกร่งอย่างราชาอสรพิษเก้าเศียรนี้จะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สูสี
อดีตนักฆ่าสาวชมการต่อสู้ของเหล่าจอมยุทธ์นภมายาอย่างชื่นชมเพื่อรอคอยจังหวะเวลา… สิ่งที่นางต้องทำตอนนี้คือถ่วงเวลาเอาไว้เพื่อให้โอวหยางชิงเฟิงและเสี่ยวโร่วเข้าไปเอาไข่ และนอกจากนั้น… เพื่อสั่งสอนใครบางคน… นางต้องหาโอกาสสยบราชาอสรพิษเก้าเศียรมาเป็นของตัวเองให้ได้ !
แน่นอนว่าเหล่ยเจิ้นเทียนและคนอื่น ๆ ไม่ล่วงรู้ถึงความคิดนี้ของสตรีหนึ่งเดียวในกลุ่ม และถ้าหากพวกเขารู้ก็คงไม่ยินยอมเป็นแน่