ตอนที่ 60 เจ้าตัวนี้เป็นของข้า

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

หลังจากต่อสู้กับราชาอสรพิษเก้าเศียรมาได้ระยะหนึ่ง ยอดฝีมือฝ่ายมนุษย์ต่างก็เริ่มรู้สึกถึงความอ่อนล้าแล้ว ต้องยอมรับเลยว่าราชาอสรพิษเก้าเศียรเป็นอสูรมายาที่แข็งแกร่งมาก ถึงแม้เจ้าราชางูยักษ์จะตกเป็นรองในตอนต้น แต่ด้วยพละกำลังที่มีอย่างมหาศาลทำให้มันสามารถยื้อเวลาเอาไว้ได้นานและเกือบจะพลิกสถานการณ์ได้หลายครั้ง และถ้าหากไม่ใช่เพราะยอดฝีมือจากทุกตระกูลต่างช่วยกันรับมือ ป่านนี้คงจะพ่ายแพ้และถูกฆ่าตายไปแล้ว

“ฟ่อ~!”

เมื่อหัวหนึ่งของราชาอสรพิษเก้าเศียรสังเกตเห็นโอวหยางชิงเฟิงที่กำลังเร้นกายลักลอบเข้าไปใกล้ไข่ประหลาด มันก็ขู่ฟ่อออกมาดังสนั่น

พวกมนุษย์ที่น่ารังเกียจเหล่านี้กำลังเบี่ยงเบนความสนใจของมันแล้วลอบเข้าไปเอาไข่ แม้ว่าไข่บัดซบใบนี้จะทำเอามันท้องอืดเกือบตาย แต่การจะให้มนุษย์ไร้ค่ามาขโมยสมบัติส่วนตัวไปได้ง่าย ๆ นั้นก็นับเป็นเรื่องที่น่าอับอายสำหรับราชาอสรพิษเทวะราชันอย่างมาก

“พวกมนุษย์น่าขยะแขยง ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้รู้เอาไว้ว่าการล่วงเกินราชาอสรพิษผู้ยิ่งใหญ่จะได้รับผลอย่างไร !”

ดวงตาทั้งสิบแปดดวงของราชาอสรพิษเก้าเศียรเปล่งแสงเรืองรองอย่างน่าขนลุก มันจ้องมองฉินอีเฟิงและจอมยุทธ์คนอื่นๆ ด้วยความอาฆาตแค้น จิตสังหารอันแรงกล้าพุ่งออกมารอบทิศและตรงเข้าปะทะทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า ในเวลานี้แม้แต่หินก้อนเล็กก้อนน้อยในถ้ำก็เริ่มปริแตก !

เป็นตอนนั้นเอง ฉินอีเฟิงและคนอื่น ๆ รู้สึกได้ว่าความแข็งแกร่งของราชาอสรพิษเก้าเศียรเพิ่มมากขึ้นอย่างเท่าทวี  หากพวกเขาไม่พยายามอย่างสุดฝีมือก็คงยากที่จะหยุดยั้งมันได้แน่  สถานการณ์ในตอนนี้ถือว่าอันตรายถึงขีดสุดแล้ว

ทางด้านฉินอวี้โม่นั้นยังไม่ทำการโจมตีราชาอสรพิษเก้าเศียรเลยแม้แต่ครั้งเดียว นางทำเพียงแค่หลบซ้ายหลีกขวา  และถ้าหากราชาอสรพิษเก้าเศียรไม่โจมตีเข้ามา นักฆ่าสาวก็จะไม่โจมตีกลับไป สาวนักฆ่าในร่างอดีตคุณหนูจะทำเพียงรอคอยอย่างเงียบ ๆ โดยไม่เคลื่อนไหว

แต่เมื่อราชาอสรพิษเก้าเศียรเห็นมนุษย์ขอบเขตมายารัตนะตัวน้อย ๆ สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของมันได้อย่างง่ายดาย เจ้างูยักษ์ก็ดูจะโกรธมากขึ้นกว่าเดิม

— ปัง ! —

จอมยุทธ์ขอบเขตมายารัตนะเก้าดาราของตระกูลเหล่ยไม่ทันระวังจึงถูกหางของราชาอสรพิษเก้าเศียรฟาดเข้าใส่จนกระเด็นออกไปไกล

ร่างของคนผู้นั้นชนเข้ากับถ้ำจนเกิดเสียงดังก้องก่อนจะไถลร่วงลงมา  เมื่อตกลงมาถึงพื้นเลือดจำนวนไม่น้อยก็ไหลออกมาจากปากของเขา

เมื่อจอมยุทธ์ของตระกูลเหล่ยถูกซัดร่วงจนไม่สามารถสู้ต่อได้  คนอื่น ๆ ที่เหลือก็ต้องแบกรับภาระและแรงกดดันที่หนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม

เมื่อศัตรูลดจำนวนลงไปหนึ่ง ราชาอสรพิษเก้าเศียรก็มีหัวหนึ่งที่ว่างงานแล้วในตอนนี้ มันต่อสู้และเคลื่อนไหวได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก

จริงอยู่ที่ฉินอวี้โม่ยังคงสามารถหลบหลีกการโจมตีทั้งหลายของราชาอสรพิษเก้าเศียรได้เช่นเคย  แต่นางก็ต้องยอมรับว่าเมื่อขาดคู่ต่อสู้ไปหนึ่งคนแล้ว  ราชาอสรพิษเก้าเศียรก็ดูจะน่ากลัวมากขึ้นจนคล้ายไม่ใช่ตัวเดียวกันกับก่อนหน้านี้

ฉินอีเฟิงและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกว่าศึกนี้เริ่มตึงมือมากแล้ว พวกเขาต้านทานแรงกดดันของราชาอสรพิษเก้าเศียรได้ยากขึ้นทุกขณะ  ทว่าก็ไม่มีผู้ใดปริปากบ่นและยังไม่มีใครคิดจะเรียกใช้ทักษะนภายุทธ์เพื่อตอบโต้อสูรเทวะราชันกลับไปในระดับสูงสุด

ต้องทราบก่อนว่า จุดอ่อนอย่างหนึ่งของจอมยุทธ์ในขอบเขตนภมายาก็คือช่วงเวลาหลังจากที่ใช้นภายุทธ์ไปแล้วพวกเขาจะอ่อนแอถึงขีดสุด เนื่องจากนภายุทธ์เป็นทักษะที่ต้องอาศัยพลังมายาที่สูงมาก หลังจากใช้ทักษะยุทธ์นี้แล้วเหล่าจอมยุทธ์จะอ่อนกำลังลงจนไม่สามารถใช้พลังมายาได้ชั่วขณะ  ซึ่งนั่นก็จะทำให้เกิดช่องว่างให้เหล่าศัตรูโจมตีโต้กลับและอาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้  ดังนั้นถ้าหากคนในกลุ่มไม่มีความสามัคคีและวางแผนการต่อสู้มาอย่างรัดกุมก็จะไม่มีผู้ใดกล้าเสี่ยงชีวิตงัดเอาวิชายุทธ์ที่ร้ายกาจนี้ออกมาใช้กันโดยง่าย

“ฮ่า ๆ เจ้าพวกมนุษย์อวดดี หากวันนี้ข้ายอมให้พวกเจ้าเอาไข่ใบนั้นไปได้ก็ถือว่าเสียเกียรติแห่งราชา !”

ราชาอสรพิษเก้าเศียรหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย  ในตอนนี้มันกำลังพยายามจะฝ่าเหล่าจอมยุทธ์ที่เป็นหน่วยคุ้มกันในแนวหน้าเพื่อเข้าไปจัดการกับโอวหยางชิงเฟิงและเหล่าตัวแทนตระกูลที่กำลังจะชิงไข่

ในเวลานั้นโอวหยางชิงเฟิงเข้าไปถึงแท่นวางไข่แล้ว ทว่าก่อนที่เขาจะได้สัมผัสมัน มือของบุรุษวัยกลางคนที่มีนามว่าเหล่ยเซิงหนึ่งในผู้อาวุโสตระกูลเหล่ยก็คว้าจับไข่ประหลาดไว้ได้และเตรียมที่จะเอามันไป

เมื่อเหล่ยเจิ้นเทียนมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ณ จุดปล้นไข่ ในสายตาคมก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ผู้อาวุโสอายุน้อยยิ้มออกมาอย่างมีชัย

“ยอดฝีมือผู้เก่งกล้าทุกท่าน หากพวกเราไม่ทุ่มสุดตัวในเวลานี้ ข้าเกรงว่าราชาอสรพิษเก้าเศียรคงจะฝ่าแนวป้องกันของเราไปได้แน่ ดังนั้นข้าแนะนำว่าทุกท่านอย่าได้เก็บออมพลังกันอีกเลย ใครมีไม้เด็ดอะไรก็รีบใช้ออกมาซะ !”

หลังจากกล่าวจบ เหล่ยเจิ้นเทียนก็เป็นคนเรียกที่ใช้ไพ่ตายของตัวเอง

“อสูรเสริมร่าง !”

ผู้อาวุโสแห่งตระกูลเหล่ยเปล่งเสียงออกมาดังลั่น ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่อสูรมายาทรงพลังตัวหนึ่งออกมาจากมิติเชื่อมอสูรของเขา  อสูรมายาตัวนั้นเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเกราะหลายชิ้นก่อนจะประกอบร่างเข้ากับร่างกายของเหล่ยเจิ้นเทียน

เมื่อใดก็ตามที่จอมยุทธ์บรรลุถึงขอบเขตนภมายา คนผู้นั้นจะสามารถใช้ทักษะเสริมพิเศษของอสูรมายาได้ และจะสามารถใช้อสูรมายาของตนในรูปของอุปกรณ์เสริมต่างๆ ได้ ซึ่งทักษะพิเศษนี้ถูกเรียกขานว่า*‘ทักษะอสูรเสริมร่าง’*

หากได้รับการเสริมพลังจากอสูรมายา นอกเหนือจากพลังป้องกันได้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลแล้ว ความแข็งแกร่งของร่างกายโดยรวมก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ที่สำคัญการจะเรียกใช้ทักษะนภายุทธ์ออกมาได้ ยอดฝีมือทั้งหลายจะต้องใช้งานทักษะเสริมเกราะอสูรนี้เสียก่อน

“เพื่อเป็นการให้เกียรติราชาอย่างเจ้า งั้นข้าขอเริ่มเป็นคนแรก !”

เหล่ยเจิ้นเทียนจ้องมองอสรพิษเก้าเศียรและระเบิดสภาวะพลังที่แข็งแกร่งออกมาในชั่วพริบตา เมื่อเห็นว่าเหล่ยเซิงกำลังจะชิงไข่ไปได้ เหล่ยเจิ้นเทียนก็งัดเอาไพ่ตายออกมาใช้  ผู้อาวุโสแห่งตระกูลเหล่ยจู่โจมราชาอสรพิษเก้าเศียรอย่างหนักหน่วง  เหตุผลหนึ่งก็เพื่อดึงความสนใจของราชางูยักษ์ป้องกันไม่ให้มันขัดขวางคนของเขา อีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อกระตุ้นให้ยอดฝีมือคนอื่น ๆ ทำตาม

ที่เหล่ยเจิ้นเทียนกล้าเปิดฉากโจมตีก่อนเป็นเพราะเขาไม่กลัว เขารู้ดีว่าทั้งโอวหยางหมิงและฉินอีเฟิงต่างก็เป็นสุภาพบุรุษที่ซื่อตรง สองคนนั้นไม่มีทางทำร้ายผู้ใดลับหลังแน่ ตอนนี้ทุกคนต่างก็ตกลงกันแล้วเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจของราชาอสรพิษเก้าเศียร  ฉะนั้นแม้ว่าคนของเหล่ยเจิ้นเทียนจะเป็นฝ่ายที่ได้มันไป อย่างไรเสียสุภาพบุรุษทั้งสองก็คงไม่ละทิ้งหน้าที่อย่างแน่นอน

— ปัง ! —

เหล่ยเจิ้นเทียนตรงเข้าไปจู่โจมที่กลางลำตัวของราชาอสรพิษเก้าเศียรจนร่างกายใหญ่โตของมันสั่นไหวและส่งผลให้หัวทั้งเก้าของเจ้างูยักษ์สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงตามไปด้วย …ซึ่งภาพงูยักษ์ที่กำลังหัวโยกหัวคลอนจนตากลับก็ดูน่าขำอยู่ไม่น้อย

“เจ้ามนุษย์น่าขยะแขยงแงงงงงงงง~ วันนี้เจ้าจะต้องยอมจำนนต่อหน้าข้าง่าาาาาา~ ราชาผู้ยิ่งใหญ่ไหง่ง่ง่ง่ง่ง่ง่ง่ง่~ !”

ราชางูยักษ์หัวคลอนพ่นวาจาข่มขู่ศัตรู ทว่าเพราะหัวที่โยกคลอนทำให้เสียงที่ออกมาแหลมเล็กและสั่นเสียจนชวนหัวเราะมากกว่าน่ากลัว

ราชาอสรพิษเก้าเศียรถูกเหล่ยเจิ้นเทียนจู่โจมด้วยนภายุทธ์ แม้ว่าจะไม่ได้บาดเจ็บหนัก ทว่ามันก็รู้สึกอับอายไม่น้อย แต่เรื่องที่ทำให้อสรพิษผู้ยิ่งใหญ่ขุ่นเคืองมากที่สุดก็คืออสูรเทวะราชันเจ็ดดาราที่แม้แต่อสูรเทวะราชันเก้าดารายังไม่กล้ามองข้ามอย่างมันกลับต้องมาถูกมนุษย์จองหองผู้หนึ่งเล่นงานจนหัวโยก เรื่องนี้ถือว่าน่าอับอายสำหรับมันมาก และนั่นก็ทำให้ราชาอสรพิษเทวะราชันเริ่มจะคลั่งขึ้นมาแล้ว !

“ลงมือ !”

ฉินอีเฟิงและโอวหยางหมิงหันมามองหน้ากัน พวกเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ราชาอสรพิษเก้าเศียรมีโอกาสได้อาละวาด

หลินซวงเห็นผู้อาวุโสตระกูลฉินและตระกูลโอวหยางเคลื่อนไหว เขาก็ไม่ลังเลอีก ผู้อาวุโสตัวแทนแห่งสมาคมทหารรับจ้างปลดปล่อยนภายุทธ์ของตัวเองในทันที

ภายในชั่วอึดใจ การโจมตีขั้นสุดยอดสามสายก็ฟาดเข้าใส่ร่างของราชาอสรพิษเก้าเศียร แม้ว่ามันจะเป็นอสูรเทวะราชันเจ็ดดารา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับกระบวนท่าที่รุนแรงถึงเพียงนี้พร้อม ๆ กัน เจ้างูยักษ์ก็ทรุดลงไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากปลดปล่อยนภายุทธ์ เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายก็ร่วงลงไปกองกับพื้นเช่นกัน พลังมายาของพวกเขาเหือดแห้งหายไปเกือบหมดสิ้น  เห็นได้ชัดว่าการใช้นภายุทธ์เป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองพลังอย่างมหาศาล  ครั้งนี้หากว่าไม่สบโอกาสทองอย่างแท้จริง พวกเขาทั้งหมดคงจะไม่กล้าปลดปล่อยนภายุทธ์ออกมาโดยง่ายแน่

ราชาอสรพิษเก้าเศียรนอนเผละอยู่บนพื้นด้วยร่างกายที่อ่อนยวบราวกับก้อนโคลนก็มิปาน ลมหายใจของเจ้างูผู้ยิ่งใหญ่โรยริน สภาพดูน่าเวทนายิ่งนัก

ดูเหมือนว่าในตอนนี้ราชาอสรพิษเก้าเศียรจะสูญเสียพลังที่จะต่อสู้ไปจนหมดสิ้นแล้ว ฉินอีเฟิงและนักรบแนวหน้าคนอื่น ๆ โล่งใจได้เล็กน้อยจึงหันไปมองยังกลุ่มนักปล้นไข่ทั้งหลาย

ทว่าขณะนั้นเอง ชวี่เซียวผู้ล้มเหลวในการหว่านล้อมผู้คนก็ปรากฏตัวขึ้นข้าง ๆ ร่างอ่อนปวกเปียกของราชาอสรพิษเก้าเศียร  ผู้อาวุโสแห่งสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูร วางมือข้างหนึ่งบนหัวของราชาอสรพิษเก้าเศียรและทำท่าทางราวกับว่ากำลังต้องการจะสยบมัน

“ชวี่เซียว เจ้าคนไร้ยางอาย !”

ทันทีที่เห็นชวี่เซียว เหล่ยเจิ้นเทียนก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันกรอด ยอดฝีมือผู้เพิ่งทุ่มพลังจนสุดตัวเพื่อสกัดกั้นราชาอสรพิษเก้าเศียรทำได้แต่เพียงมองอย่างเคียดแค้นและตวาดด่าเสียงดังลั่น

“เหอะ ในเมื่อพวกเจ้าไม่คิดจะช่วยข้าสยบราชาอสรพิษเก้าเศียร ข้าก็ต้องหาโอกาสของข้าเอง เหตุการณ์วันนี้ ข้าชวี่เซียวจะเป็นผู้เขียนหน้าประวัติศาสตร์ เมื่อข้าสยบราชาอสรพิษเก้าเศียรได้แล้ว ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้เห็นว่าการลบหลู่ข้าจะได้รับผลเช่นไร !”

ชวี่เซียวเพิกเฉยต่อสายตาสาปแช่งของทุกผู้คนและเริ่มการสยบราชาอสรพิษเก้าเศียรในทันที

“ต่ำช้านัก !”

เหล่ยเจิ้นเทียนทำได้เพียงแค่แช่งชักหักกระดูกอีกฝ่ายในใจ ทว่าก็ไม่สามารถทำสิ่งอื่นใดได้ นี่เป็นผลข้างเคียงจากการใช้นภายุทธ์

ส่วนคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้นภายุทธ์ก็ถูกอสูรมายาระดับสูงสองตัวที่ชวี่เซียวเรียกมาคอยสกัดกั้นไว้ทำให้พวกเขาไม่สามารถเข้าไปขัดขวางการกระทำเลวทรามของอีกฝ่ายได้ !

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หลังจากสยบราชาอสรพิษเก้าเศียรเสร็จเรียบร้อย บุรุษน่ารังเกียจชวี่เซียวก็คงไม่หยุดเพียงเท่านั้นแน่ และเมื่อถึงตอนนั้นทุกคนก็จะตกอยู่ในอันตรายอย่างไม่อาจต้าน

ฉินอีเฟิงและโอวหยางหมิงขมวดคิ้วแน่น หากชวี่เซียวได้ราชาอสรพิษเก้าเศียรไปจริง ๆ พวกเขาเกรงว่าวันนี้คงไม่ได้กลับออกไปอย่างปลอดภัยเสียแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ทุกคนกำลังจ้องมองการกระทำของตัวแทนจากสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรอย่างสิ้นหวังปนแค้นเคืองกันอยู่นั้น  ฉินอีเฟิงก็นึกถึงฉินอวี้โม่ขึ้นมา

ทันทีที่นึกได้ ผู้อาวุโสหกแห่งตระกูลฉินก็รีบกวาดสายตาเพื่อหาตัวหลานสาว ทว่ากลับไม่พบแม้แต่เงาของนาง

โอวหยางหมิงเองก็นึกถึงเรื่องนี้ได้ ตั้งแต่พวกเขาปลดปล่อยนภายุทธ์ก็ไม่เห็นตัวคุณหนูตระกูลฉินอีกเลย และแม้จะพยายามมองหาจนทั่ว เขาก็ไม่พบร่างบางของนางเช่นกัน

“เสี่ยวอวี้โม่ไปอยู่ที่ไหน ? เมื่อครู่จำได้ว่านางกำลังต่อสู้พัวพันอยู่กับหนึ่งในหัวของราชาอสรพิษนี่ ?”

ฉินอีเฟิงเริ่มเป็นกังวล หรือว่าฉินอวี้โม่จะถูกลูกหลงจากนภายุทธ์จนเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น ?

“ไม่ต้องห่วง แม่นางอวี้โม่เป็นสตรีที่ฉลาด ข้าคิดว่าคงจะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับนางได้แน่”

แม้ว่าโอวหยางหมิงจะมีความกังวลอยู่เช่นกันแต่ก็ไม่มากเท่าฉินอีเฟิง ตั้งแต่แรกเห็นเขาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่ธรรมดาในตัวของสตรีน้อยผู้นี้  และเขาก็เชื่อว่านางไม่มีทางเป็นอะไรไปเพียงเพราะถูกพลังสะท้อนจากการโจมตีที่รุนแรงเป็นแน่

‘และถ้าหากว่าฉินอวี้โม่ไม่เป็นอะไร การที่นางไม่ยอมปรากฏตัวออกมา นั่นก็หมายความว่านางอาจจะกำลังเตรียมการอะไรบางอย่างอยู่ !’

ต้องกล่าวเลยว่าความคิดของโอวหยางหมิงนั้นถูกต้อง เพราะในเวลานี้ฉินอวี้โม่กำลังซ่อนตัวอยู่อีกด้านหนึ่งของร่างเจ้างูยักษ์  นักฆ่าสาวในร่างคุณหนูใช้ประโยชน์จากร่างกายขนาดมหึมาของราชาอสรพิษเก้าเศียรบดบังตัวเองไว้ …และแน่นอนว่านางก็กำลังสยบมันอยู่เช่นกัน !

ทันทีที่เห็นฉินอีเฟิงและคนอื่น ๆ ใช้นภายุทธ์ ดรุณีน้อยร้อยเล่ห์ก็รีบหลีกเร้นกายบางเข้าไปอยู่ในมุมอับสายตา เมื่อถึงตอนที่ราชาอสรพิษเก้าเศียรล้มลงนอนแน่นิ่ง นางก็รีบเข้ามาหลบอยู่ข้างร่างใหญ่ยักษ์และทำการสยบอสูรมายาระดับเทวะราชันเจ็ดดาราตัวนี้ทันที

แต่ไม่คิดเลยว่า ถึงแม้ราชาอสรพิษเก้าเศียรจะบาดเจ็บสาหัสจนมีสภาพปางตาย แต่จิตใจของมันก็ยังเข้มแข็งอยู่มาก ฉินอวี้โม่พยายามรีดเค้นพลังมายาเพื่อสั่นคลอนจิตใจของเจ้างูผู้อ่อนแรงอย่างเต็มที่ ทว่าไม่ว่านางจะพยายามเท่าใดก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ

ในเวลาเดียวกัน ด้วยคำพูดของเหล่ยเจิ้นเทียน ฉินอวี้โม่จึงรู้ว่าผู้อาวุโสจากสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรก็กำลังพยายามสยบมันอยู่เช่นกัน และนั่นก็ทำให้นักฆ่าสาวเริ่มกังวลใจขึ้นมาแล้ว

‘ราชาอสรพิษเก้าเศียร ข้ารู้ว่าเจ้ายังมีสติอยู่ ข้าอยากให้เจ้ามาเป็นผู้ติดตามข้า พวกเราจะพัฒนาไปด้วยกัน หรือเจ้าอยากจะกลายเป็นทาสของชายจิตใจย่ำแย่ผู้นั้น ?’

เมื่อเวลาบีบคั้น ฉินอวี้โม่จึงพยายามสื่อสารกับราชาอสรพิษเก้าเศียรด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณ

‘เจ้าพวกมนุษย์ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเจ้า ราชาผู้ยิ่งใหญ่อย่างข้าจะบาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้ได้หรือ อยากจะให้ข้ากลายเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าน่ะรึ ฝันไปเถอะ !’

ราชาอสรพิษเก้าเศียรปฏิเสธอย่างไม่ไยดี จิตใจของมันแข็งแกร่งมาก มันไม่ยอมโอนอ่อนตามคำหว่านล้อมของมนุษย์สตรีผู้นี้แน่

‘แต่ช้านานแล้วที่มนุษย์และอสูรมายาต่อสู้ห้ำหั่นกันมาโดยตลอด เรื่องนี้ยากจะแก้ไขอะไรได้ แต่ข้าขอรับประกันว่าหากเจ้ายอมเป็นอสูรมายาของข้า ข้าจะปฏิบัติกับเจ้าไม่ต่างจากสหาย  ข้าจะไม่บังคับจิตใจเจ้า สิ่งใดก็ตามที่เจ้าไม่ชอบข้าจะไม่มีวันร้องขอให้เจ้าทำ’

ฉินอวี้โม่ยังคงพยายามหว่านล้อมเจ้างูยักษ์ตัวนี้ผ่านกระแสแห่งจิตวิญญาณ ตอนนี้นางสัมผัสได้ว่าพลังมายาของชวี่เซียวเริ่มรุกล้ำเข้ามาภายในร่างของเจ้าอสรพิษเก้าหัวแล้ว

‘มนุษย์น้อย เจ้าไม่ต้องพูดมาก ข้ายอมระเบิดเป็นจุณดีกว่ายอมเป็นอสูรมายาของเจ้า’

ในตอนนั้นเอง จิตของฉินอวี้โม่ก็สัมผัสได้ว่า จู่ ๆ ราชาอสรพิษเก้าเศียรก็ปลดปล่อยสภาวะพลังที่รุนแรงออกมา

แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ไม่อยากให้อสูรเทวะราชันระเบิดตัวเอง หากว่าเจ้างูขนาดยักษ์ระเบิดตัวเองในที่แห่งนี้ ทุกคนก็จะตกอยู่ในอันตราย และพวกเขาอาจจะไม่แม้แต่จะสามารถปกป้องตัวเองได้   อีกทั้งในตอนนี้พลังของชวี่เซียวก็แทรกซึมเข้ามาในร่างราชาอสรพิษมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย  ซึ่งเรื่องนี้ก็ยิ่งทำให้งูผู้ถือดีโกรธจนไม่อาจยั้งสติได้แล้ว

‘นายหญิงไม่ต้องไปเกลี้ยกล่อมมันให้เสียเวลา ในเมื่อมันไม่ยอม ข้าก็จะทำให้มันยอมเพื่อท่านเอง !’

ทันใดนั้นเสียงของซิวก็ดังขึ้นในจิตของฉินอวี้โม่

‘ฮ้า ! ในที่สุดเจ้าก็ตื่น’

เมื่อได้ยินเสียงของซิว ฉินอวี้โม่ก็ทั้งประหลาดใจและโล่งอก ต้องบอกเลยว่ามันตื่นขึ้นมาในจังหวะเวลาที่พอดีจริง ๆ

‘ใช่แล้ว ข้าเพิ่งจะสิ้นสุดการวิวัฒนาการ’

ซิวตอบรับ ฉินอวี้โม่รู้สึกได้ทันทีว่าพลังของซิวแทรกซึมเข้าไปในหัวของราชาอสรพิษเก้าเศียรที่อยู่ตรงหน้านางอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้น ราชาอสรพิษเก้าเศียรผู้ยิ่งใหญ่ก็ขยับหัวที่แสนอ่อนแรงของมันในท่าทางที่คล้ายกำลังก้มหัวอย่างจำนน

ภายใต้แรงกดดันที่เหนือชั้นของซิว ราชาอสรพิษเก้าเศียรก็ไม่หลงเหลือความดื้อด้านใด ๆ อีก มันไม่มีแม้แต่ความกล้าหาญที่จะต่อต้านแรงกดดันนั้นได้เลย ต้องบอกเลยว่าพลังจิตวิญญาณของซิวแข็งแกร่งกว่าอสรพิษเทวะราชันเจ็ดดาราตัวนี้มาก พลังจิตอันทรงอำนาจทำให้แรงใจของมันสูญสลายหายไปในทันที ตอนนี้ทั้งร่างกายและจิตใจของเจ้างูยักษ์ผู้เคยยิ่งใหญ่ต่างก็สั่งให้ตัวมันยินยอมพ่ายแพ้

ฉินอวี้โม่ยกยิ้มและเริ่มทำพันธสัญญากับราชาอสรพิษเก้าเศียร แน่นอนว่าซิวช่วยกางเขตอาคมเอาไว้เพื่อไม่ให้มีผู้ใดมองเห็นแสงจากการเลื่อนระดับพลังของฉินอวี้โม่และราชาอสรพิษเก้าเศียรได้

อีกทางด้านหนึ่ง ชวี่เซียวก็กำลังพยายามสยบราชาอสรพิษเก้าเศียรอยู่ ทว่าทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกว่าอาการบาดเจ็บทั้งหมดของอสูรมายาเทวะราชันที่เขาคิดว่าจะต้องได้ครอบครองอย่างแน่นอนก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง ผู้อาวุโสใจคดแห่งสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรตกตะลึงปนงุนงงจนทำสิ่งใดไม่ถูก

“เฮ้ ! เจ้านี่เป็นของข้าแล้ว นั่นเจ้ากำลังคิดจะทำอะไร ?”

ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น สีหน้าของชวี่เซียวก็แปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง !