ตอนที่197 ยอมแพ้

ยอดคุณหมอสกุลเฉิน

ตอนที่197 ยอมแพ้

ดูเหมือนว่าฮั่วหรู่หยานจะมองผ่านอ่านความคิดของเหอจือออกในคราเดียว เธอเดาะลิ้นดังคลิกขึ้นทีหนึ่งและกล่าวว่า

“อันที่จริงแล้ว ในบางแง่มุมผู้ชายก็ฌมักจะตัวโง่ๆ ออกไป แต่สำหรับบางคนกลับเสแสร้งทำเป็นโง่ และไม่ว่าคนพวกนี้จะอยู่ในประเภทไหนก็ตาม สิ่งที่เธอควรทำคือการอดทนอดกลั้นนะ รอจนกว่ากลุ่มเมฆจะเคลื่อนออกจนแสงจันทร์ส่องสว่างลงมา”

เหอจือรู้สึกสับสนไม่น้อยกับคำพูดของเธอ แถมยังไม่ทราบอีกว่าเธอเป็นใครกันแน่ แต่การที่อีกฝ่ายตรงออกมาจัดการในเรื่องข้อขัดแย้งแทนพวกเขา ทั้งที่ไม่เคยพบเจอหน้ากันมาก่อน ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะพอมีความประทับใจต่อตัวเหอจืออยู่บ้าง ฟังจากน้ำเสียงแล้วก็พอรู้ได้ว่าเป็นมิตร

“ไม่ทราบว่าคุณคือ?”

เหอจือเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง

“ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะ ฉัน ฮั่วหรู่หยาน และฉันมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อแขกทุกคนภายในงานปาร์ตี้ของฉัน ยังไงซะก็ขอให้ทุกท่านอยู่ในความสงบ”

ดวงตาคู่สวยของฮั่วหรู่หยานกวาดออกไปทั่วทั้งสถานที่และเอ่ยกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

ฮั่วหรู่หยานเพิ่งพูดจบ ทันใดนั้นสุ้มเสียงสนทนาโดยรอบพลันเงียบสงัดหยุดลงฉับพลัน ท่ามกลางบรรยากาศงานปาร์ตี้รื่นเริง แต่ทั่วทั้งบริเวณกลับเงียบสงัดลงแบบนี้ ก็ให้ความรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อยเช่นกัน

เหล่าผู้ร่วมงานโดยส่วนใหญ่ล้วนเป็นพวกมีหัวคิด ก่อนเข้ามาในวันนี้ย่อมติดตามข่าวสารและข้อมูลของเจ้าภาพก่อนเสมอ พอได้ยินแบบนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสงบจิตสงบใจลงและครุ่นคิดให้รอบคอบ

แต่ข้อมูลจำเพาะที่ได้รับมากลับมีน้อยเกินไปจนไม่มีใครรู้ว่าเจ้าภาพเป็นผู้ใด

แต่ก็ไม่มีใครคิดเช่นกันว่า เจ้าภาพวันนี้กลับเป็นคุณหญิงของตระกูลใหญ่จากทางใต้อย่างสกุลฮั่ว

สกุลฮั่วเคยเป็นอดีตเจ้าอิทธิพลในจีนทางตอนใต้ ปัจจุบันพวกเขาย้ายถิ่นฐานมาตักรกรากอยู่ที่เมืองหลวงแทน ส่วนฮั่วหรู่หยานแต่เดิมเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างมากในทางตอนใต้ ข่าวล่าสุดที่ทุกคนทราบกันคือเธอยังคงอาศัยอยู่ทางตอนใต้ แต่จู่ๆ ก็มาปรากฏตัวอีกครั้ง ณ ใจกลางเมืองปักกิ่งอย่างกะทันหัน นี่หมายความว่ายังไง?

บรรดาผู้คนที่ไม่ทราบเรื่องราวตื้นลึกหนาบางต่างต้องตกใจ พวกเขาไม่คาดคิดเลยว่า คุณหญิงผู้แสนลึกลับและเลื่องชื่อทางตอนใต้ของจีน จะมาปรากฏตัวขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุแถมยังเป็นเจ้าภาพของงานในวันนี้อีก

ดวงตาคู่สวยของฮั่วหรู่หยานส่องสว่าง เหลียวศีรษะหันไปทางฝูงชนที่กำลังสับสนและป่าวประกาศขึ้นว่า

“ยังไงวันนี้ก็ขอให้ทุกคนเห็นแก่หน้าหรู่หยานคนนี้สักหน่อย นี่เป็นงานที่จัดขึ้นต้อนรับฉันที่เดินทางมายังปักกิ่ง จุดประสงค์ของงานก็แค่อยากพบปะเพื่อนใหม่ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันล่ะ? มีใครพอจะอธิบายได้ไหม?”

คังฟานรีบกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มทันทีว่า

“ผมต้องขอโทษแทนพวกเขาด้วยนะครับ ที่แสดงกิริยาหยาบคายออกไปจนเกิดเรื่องขัดแย้งกันกลางงานของคุณ หลังจากนี้เดี๋ยวผมคงต้องลงโทษตัวเองสักหน่อย เป็นการดื่มให้คุณสามแก้วติดว่ายังไงครับ?”

การปรากฏตัวของฮั่วหรู่หยานได้ช่วยชีวิตคังฟานไว้ระดับหนึ่ง

ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เขาไม่อยากโดดเด่นเกินหน้าเกินตาคนภายในงานเท่าไหร่นัก เพราะนี่มันไม่เอื้ออำนวยต่อแผนการของเขาเลย

นอกจากนี้แล้ว เขาไม่สามารถทำอะไรผู้หญิงคนนี้ได้แม้แต่น้อย

ท้ายที่สุดนี้จำต้องเล่นบทตามน้ำเธอไปเท่านั้เน

ฮั่วหรู่หยายเผยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์และกล่าวเสียงนุ่มนวลขึ้นว่า

“ต้องขอบคุณคุณคังฟานที่เข้าใจในตัวดิฉัน ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวดิฉันเองก็ขอดื่มให้คุณทีหลัง”

พูดจบฮั่วหรู่หยานหันมามองฉีเล่ยอีกคราและกล่าวว่า

“ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายคนนี้คิดเห็นยังไง?”

การที่เธอได้มาพานพบกับผู้หญิงที่น่าสนใจอย่างเหอจือ ทั้งหมดเป็นเพราะเขาคนนี้

ดังนั้นแล้ว กุญแจสำคัญสำหรับการแก้ไขข้อขัดแย้งทั้งหมดจึงอยู่กับฉีเล่ยโดยธรรมชาติ

และที่สำคัญที่สุดคือ เหอจือยังอยู่ข้างชายที่ชื่อฉีเล่ยคนนี้อีกด้วย

พอฉีเล่ยเหลือบไปมองเหอจือ อีกฝ่ายก็พยักหน้าให้เล็กน้อยเป็นคำตอบ

นี่แปลได้ว่า ทั้งหมดขึ้นอยู่กับอาจารย์ฉีแล้ว ตัดสินใจได้เองเลยว่า อาจารย์ตัดสินใจที่จะสู้ต่อหรือเลือกสร้างสันติภาพ

ฉีเล่ยพยักหน้าตอบกลับไปเล็กน้อยและยิ้มกล่าวว่า

“วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองของคุณหญิงฮั่ว ในเมื่อเจ้าภาพออกหน้าเองถึงขนาดนี้แล้ว ผมคงไม่กล้ารบกวนอะไรแล้วเช่นกัน”

ฮั่วหรู่หยานพยักหน้าขอบคุณฉีเล่ยสำหรับที่ไว้หน้าเธอ

“แต่…”

ฉีเล่ยหันควับเพ่งสายตาจับจ้องคังฟานเขม็ง และกรนเสียงเย็นกล่าวต่ออย่างเคร่งขรึมว่า

“ไม่ว่ายังไงผมต้องได้ยินคำขอโทษจากปากของอีกฝ่ายก่อน”

รอยยิ้มบนใบหน้าของคังฟานถึงกับแข็งทื่อเป็นหิน ปั้นหน้าลำบากใจขึ้นอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้

เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่า ชายหนุ่มที่ดูท่าจะอ่อนแอตรงหน้าจะกัดไม่ปล่อยถึงขนาดนี้

คนประเภทนี้มันเปรียบเสมือนหมาบ้าไม่มีผิด

เห็นหน้าใสๆ ซื่อๆ ไม่น่าจะสู้คน แต่ใครจะคิดว่าเป็นแบบนี้กันล่ะ? ที่ผ่านมาเขาตาบอดแล้วจรริงๆ

รอยยิ้มที่ประดับประดาบนใบหน้าของฮั่วหรู่หยานค่อยๆ จางหายไป แทนที่ด้วยแววตาสุดเฉียวคมประดุจฟีนิกซ์ที่ทิ่มแทงเข้าใส่ฉีเล่ย ราวกับกำลังแผดเผาร่างอีกฝ่ายทั้งเป็น ก่อนจะปริปากกล่าวน้ำเสียงเย็นสะท้านกระดูกขึ้นว่า

“คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าต้องการแบบนี้?”

“ถูกต้องครับ”

ในเมื่อไม่สามารถเป็นเพื่อนได้ ก็จงเป็นศัตรูที่ต้องถูกกำจัด

และในฐานะที่คังฟานเป็นศัตรูผู้มีคุณสมบัติเพียงพอสำหรับเทียบเคียงตัวเขา ฉีเล่ยยิ่งต้องทำทุกวิถีทางเพื่อกำราบให้อยู่หมัด

“ตอนนี้?”

“ตอนนี้ครับ”

ฮั่วหรู่หยานพยักหน้าและละสายตาออกไป เธอหันกลับมามองคังฟานอีกครั้งและกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวไร้ซึ่งปราณีใดๆ

“คุณคังฟาน ก่อนจะดื่มให้ฉันรบกวนแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างพวกคุณทั้งคู่ก่อนนะคะ ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอม คุณก็ต้องขอโทษเขา”

สีหน้าการแสดงออกของคังฟานดูไม่ค่อยสู้ดีนักอย่างกับว่ากำลังอมแมลงวันเน่าอยู่ในปาก เขาคาดไม่ถึงเลยว่า ฮั่วหรู่หยานจะย้อนกลับมาบีบบังคับตัวเขาเสียเอง ทีแรกทุกอย่างกำลังจะจบลงอย่างสวยงาม เขากับเธอกำลังจะดื่มให้แก่กัน แต่ผ่านไปชั่วพริบตา กลับกลายเป็นตัวเขาที่ถูกแทงข้างหลังใส่เต็มๆ

ใช่ สิ่งที่ฉีเล่ยต้องการมันเป็นแค่ คำขอโทษ

แต่ภายใต้สถานการณ์ที่มีแต่ระดับไฮโซแบบนี้…นี่ไม่รู้เหรอว่า คำขอโทษมันหมายความว่ายังไง?

มันหมายความได้ว่า ตัวคุณเป็นฝ่ายผิดไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไร

แถมยังหมายความได้อีกว่า หลังจากนี้คุณไม่เหลือหน้าไปพบผู้ใดอีกแล้วในกลุ่ม

ผลลัพธ์ดังกล่าว มีใครบ้างที่รับได้?

ฮั่วหรู่หยานหรี่ตาแคบจับจ้องเข้าใส่คังฟานที่ดูว่างเปล่าไร้สติไปแล้ว เธอกรนเสียงเอ่ยขึ้นว่า

“ทำไม? อายงั้นเหรอ?”

ใครจะไปกล้าล้ำเส้นรุกรานผู้หญิงคนนี้กัน? คังฟานจำต้องทนอธิบายตอบกลับไปอย่างขมขื่นไปว่า

“คุณหญิงฮั่วผมว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว ต้องขออภัยอย่างสูงนะครับ แต่ผมต้องบอกไปตามตรงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความผิดของผม”

“แต่อีกฝ่ายคิดว่าคุณผิด”

“อย่าฟังความข้างเดียวจะดีกว่าครับ”

ฮั่วหรู่หยานพยักหน้าด้วยความเคารพและเอ่ยถามต่อว่า

“เข้าใจแล้ว งั้นดิฉันขอถามคุณว่า เกิดเรื่องอะไรกันขึ้น พอจะอธิบายได้ไหม?”

คังฟานที่ได้ยินคำถามนี้ถึงกับพูดไม่ออก

สิ่งหนึ่งที่ควรทราบคือ เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน เพราะคนที่พบเจอกับปัญหาจริงๆ คือซินซินต่างหาก

ซินซินทนดูต่อไปไม่ไหวอีกต่อไป เธอไม่ต้องการจะเห็นคังฟานต้องเสียหน้าแบบนี้จึงรีบโพล่งขึ้นกล่าวทันทีว่า

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่คังฟานเลย! ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง ฉันที่แหละควรจะเป็นคนขอโทษอีกฝ่าย”

หนิงเสี่ยวเซียวรีบตรงไปกุมมือซินซินทันทีด้วยความเป็นห่วง

“ซินซิน…”

เหวินเจียงยิ้มขื่นเอ่ยขึ้นว่า

“แค่ขอโทษ ไม่เป็นอะไรหรอก…”

เธอแบกรับความผิดทั้งหมดไว้บนบ่าของตัวเอง ทั้งหมดก็เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของผู้ชายที่ตัวเองรัก

ในท้ายที่สุดนี้ดูเหมือนว่าคังฟานยังพอมีมุมดีอยู่บ้างเช่นกัน เขายกมือขึ้นมาลูบศีรษะของซินซินอย่างแผ่วเบาและยิ้มกล่าวขึ้นว่า

“ไม่ต้องทำแบบนี้หรอกซินซิน ดูเหมือนว่าครั้งนี้เธอจะเป็นคนผิดจริงๆ นั่นแหละ ให้พี่ขอโทษแทนเธอจะดีกว่านะ”

แน่นอน เมื่อเขากล่าวออกมาแบบนี้ ผลที่ได้กลับออกมาสมบูรณ์แบบ

เหวินเจียนจับจ้องไปที่คังฟานด้วยความรู้สึกขอบคุณ ที่อีกฝ่ายเต็มใจรับผิดแทนน้องสาวตัวเอง

ซินซินได้แต่ยกมือปิดหน้าร้องไห้ แต่นั่นกลับเป็นน้ำตาแห่งความสุข…

และบรรดากลุ่มเพื่อนสาวที่มากับเขา ดูเหมือนว่าพวกเธอทุกคนจะถูกคังฟานพิชิตใจได้ในคราเดียว

สุดท้ายนี้เขายอมทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อปกป้องคนของตนและขอโทษฉีเล่ย นี่คือภาพฉากที่ทุกคนได้เห็น

จงจำเอาไว้ให้ดี คนที่อันตรายที่สุดคือคนที่ยังพยายามไขว้คว้าโอกาสเพื่อสวนกลับยามเจอวิกฤต

คังฟานตรงมาหยุดตรงหน้าฉีเล่ยและกล่าวขอโทษขึ้นว่า

“ผมขอโทษที่เมื่อครู่น้องสาวของผมทำตัวหยาบคายใส่ ยังไงก็ยกโทษให้พวกเราด้วย”

หลังพูดจบเขาก็หันไปพยักหน้าให้ฮั่วหรู่หยาน เขายิ้มและกล่าวทิ้งท้ายแค่เพียงว่า

“ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นครับคุณหญิงฮั่ว คังฟานคนนี้จะจำใส่ใจเอาไว้”

คล้อยหลังจากนั้น ภายใต้ทุกสายตาที่จับจ้อง คังฟานก็พากลุ่มเพื่อนของตัวเองเดินจากออกไปโดยตรง

เมื่อทุกอย่างมันลงเอยแบบนี้ คงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วเช่นกันที่จะอยู่ต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้น การเดินจากไปเช่นนี้ยังเป็นฉากจบที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับเขาแล้วเช่นกัน อย่างน้อยมันก็ได้ทิ้งความประทับใจดีๆ ให้กับผู้คนเหล่านี้ และอาจจะนำประโยชน์มาต่อยอดสำหรับแผนการในอนาคตได้อีกด้วย

หนิงเสี่ยวเซียวเดินจากออกไปเป็นคนสุดท้าย เพราะก่อนที่จะกลับเธอเดินมาพูดอะไรบางอย่างกับฉีเล่ย แต่ในท้ายที่สุดดูเหมือนว่าเธอจะถอนหายใจใส่ไปทีหนึ่งและรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว