การหย่าร้างของเวสตินและชานาเนสในชาติก่อนเป็นข่าวอื้อฉาวที่กลายเป็นที่ฮือฮาเป็นอย่างมาก
การหย่าร้างในหมู่ชนชั้นสูงไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยนัก แต่เรื่องภายในตระกูลโดยเฉพาะลอมบาร์เดียก็มักจะเป็นข่าวที่น่าสนใจอยู่เสมอนั่นแหละ
แต่ถึงแม้จะกลายเป็นประเด็นร้อนแรงขนาดนั้น สาเหตุที่ทั้งสองคนเลิกรากันกลับไม่เคยถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน
แน่นอนว่ามีข่าวลือหนาหูทีเดียว
ตั้งแต่ข่าวลือที่ว่า เวสตินมีผู้หญิงคนอื่น แต่ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร อาศัยอยู่ที่ไหนกันนะ พอชานาเนสได้รู้ความจริงเข้าถึงได้ขับไล่เวสตินออกไป
หลังจากนั้นก็ยังมีข่าวลือต่างๆ นานาพูดแต่งเติมเสริมต่อไปมากมาย
“หรือจะเป็นปัญหาเรื่องผู้หญิงจริงๆ …”
ที่จริงเธอคิดว่ามันไม่น่าจะใช่เรื่องแค่นั้นหรอก
เวสติน ชูลส์ อาจจะเป็นคนที่มีหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ชื่นชอบก็จริง แต่ก็มีดีเพียงแค่นั้น
ระหว่างชนชั้นสูงด้วยกัน ตระกูลชูลส์ไม่ใช่ตระกูลที่ได้รับการปฏิบัติตัวด้วยอย่างดีเท่าไหร่นัก
ไม่สิ เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีตัวตนเลยดีกว่า
ตระกูลชูลส์เพิ่งจะลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้ในกลุ่มชนชั้นสูงของภาคกลางก็หลังจากที่เวสตินแต่งงานกับชานาเนส
แต่ชานาเนสกับเวสตินเองก็แต่งงานกันด้วยความรัก ซึ่งหาได้ยากในการแต่งงานของชนชั้นสูง
ในเมื่อเป็นผู้ชายที่ชานาเนสผู้แสนชาญฉลาดเลือกที่จะแต่งงานด้วย เธอเลยเผลอคิดไปว่าบางทีเขาอาจจะเป็นคนดีก็ได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น
เทียบกับเจ้านั่นแล้ว ชานาเนสเป็นคนแบบไหน
งดงาม สวยสง่า จิตใจดีเป็นมิตร
ทั้งยังเป็นถึงบุตรสาวคนโตของตระกูลลอมบาร์เดียอีกต่างหาก
ก่อนที่จะแต่งงานชานาเนสรับหน้าที่ดูแลงานสำคัญทั้งหมดของตระกูลถึงขนาดพูดกันไปว่า ผู้หญิงคนนี้จะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลลอมบาร์เดียคนถัดไปหรือเปล่า
แต่ไม่รู้ว่าทำไมหลังจากแต่งงาน ชานาเนสก็เริ่มวางมือจากงานสำคัญพวกนั้นทีละอย่าง ตอนนี้ก็ทำเพียงแค่งานจิปาถะเท่านั้นจริงๆ
ทำตัวราวกับคนที่ตั้งใจทำให้ตัวเองไม่เป็นที่สนใจ ให้ตัวตนของตนหดเล็กลงมากที่สุด
น่าเสียดายความสามารถมากจริงๆ
“ใช่แล้ว มันมีอะไรบางอย่างไม่สมเหตุสมผล”
หากลองมองย้อนกลับไปคิดดู การหย่าร้างของเวสตินกับชานาเนสมันมีอะไรบางอย่างขัดแย้งกันชอบกล
“ทำไมไม่เคยทะเลาะกันเลยล่ะ”
ไม่ว่าสามีภรรยาจะมีปัญหาอะไรกันถึงได้หย่าร้าง ยังไงปกติแล้วก็จะต้องทะเลาะกันเพื่อแย่งชิงสิทธิ์ในการเลี้ยงดูบุตรชายไม่ใช่หรือ
แต่ชานาเนสกลับไม่ยอมต่อสู้เพื่อแย่งชิงสิทธิ์นั้นมา
ทำตัวราวกับว่า เป็นความผิดของตัวเองที่ทำให้เกิดการหย่าร้างขึ้น
หลังจากมอบเงินค่าเลี้ยงดูจำนวนมากพอสมควรและส่งสองแฝดให้เวสติน นางก็ออกเดินทางไปยังบ้านพักตากอากาศทางใต้ทันที
มันอาจจะเป็นบ้านพักตากอากาศของลอมบาร์เดีย แต่ที่แห่งนั้นต้องนั่งรถม้าไปกว่าสามสัปดาห์ถึงจะเดินทางไปถึง มันเป็นสถานที่ที่อยู่ห่างไกลเป็นอย่างมาก
ชานาเนสเดินทางหนีหน้าหายไปอยู่ที่นั่น
เพราะฉะนั้นในสังคมชั้นสูงจึงได้ลือกันไปว่า ต้นเหตุของการหย่าร้างจะต้องเกิดขึ้นเพราะตัวชานาเนสอย่างแน่นอน
ถึงแม้ชานาเนสจะได้ยินข่าวลือพวกนั้น แต่นางก็ไม่ได้ออกมาแก้ตัวอธิบายหรือเปิดเผยสาเหตุที่แท้จริงของการหย่าร้างแต่อย่างใด นางเอาแต่ปิดปากเงียบเท่านั้น
ส่วนทางด้านเวสติน ผ่านไปไม่นานเจ้านั่นก็แต่งงานกับหญิงสาวจากตระกูลหนึ่งในเขตแดนชูลส์
“ราวกับรอจังหวะอยู่แล้ว”
น่าสงสัยชะมัด
ถ้าเป็นคนจากบ้านเดียวกัน ก็ต้องเป็นคนที่รู้จักและสนิทสนมกันมาตั้งนานแล้ว เรื่องนี้มีกลิ่นตุๆ เกินกว่าจะเข้าใจได้
“อืม…”
ในตอนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิด เครย์ลีบันก็เปิดประตูสำนักงานแล้วเดินเข้ามา
“มาแล้วเหรอคะ เครย์ลีบัน”
“ขออภัยที่ทำให้ต้องรอครับ”
“ช่วงนี้ยุ่งจนหัวหมุนเลยไม่ใช่เหรอคะ คนว่างงานอย่างข้าก็ต้องเป็นฝ่ายรอก็ถูกแล้วค่ะ”
ในขณะที่เพชรกลายเป็นสิ่งยอดฮิตทั่วอาณาจักร เครย์ลีบันก็ต้องวิ่งวุ่นไปทั่วจนพื้นแทบจะติดไฟเลยจริงๆ
โดยเฉพาะคำสั่งซื้อของเหล่าชนชั้นสูงที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
อันที่จริงแค่รับออร์เดอร์ตามลำดับก็พอแล้ว แต่ถ้าทำแบบนั้นก็ถือว่าโง่มาก
พวกชนชั้นสูงที่โลภอยากได้เพชรก่อนคนอื่น ก็ไม่ต่างอะไรจากหมูในอวยนั่นแหละแต่เธอสั่งเครย์ลีบันเอาไว้ ห้ามไม่ให้เขารับเงินค่าตอบแทนจากชนชั้นสูงที่อยู่ในระดับแนวหน้าเด็ดขาด
รับเงินไม่กี่เหรียญเพื่อแลกกับการย่นระยะเวลาการรอแค่นั้น มันไม่เท่าเทียมเสียเท่าไหร่
การทำให้พวกนั้นติดหนี้บุญคุณย่อมได้ประโยชน์มากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
แน่นอนว่าเครย์ลีบันเองก็กำลังจัดการเรื่องทุกอย่างได้อย่างยอดเยี่ยม
“วันนี้ใครบ้างคะ”
“ตระกูลเพนเตอร์วู้ด ตระกูลเวลเลน และก็แวะไปที่คฤหาสน์ลอมบาร์เดียมาครับ”
“หรือว่าท่านปู่?”
“ครับ พูดคุยเรื่องสร้อยคอของท่านชานาเนส…”
มีสร้อยคออยู่เส้นหนึ่งที่ชานาเนสหวงแหนเป็นอย่างมาก
มันเป็นของดูต่างหน้าของนาตาเลียท่านย่าของเธอ หรือก็คือมารดาของชานาเนส
“สร้อยคอไพลินเรียบๆ น่าจะเข้ากันได้ดีกับเพชรนะคะ แจ้งกลับไปว่าจะทำให้เสร็จภายในหนึ่งถึงสองเดือนทีค่ะ”
“ครับ ท่านฟีเรนเทีย”
เธอเขยิบเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้าของเครย์ลีบันที่พยักหน้าตอบรับ
“ทำไมหรือครับ”
“นึกว่างานยุ่งแล้วหน้าตาจะแย่ลงเสียอีก แต่นี่กลับดูดีขึ้นกว่าเดิมอีกนะคะเนี่ย”
“คงเพราะงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตข้าน่ะครับกิจการไปได้สวยเลยยิ่งมีเรี่ยวมีแรงเหลือเฟือเลยละครับ”
เครย์ลีบันโชว์ให้เธอดูว่าแม้แต่ผิวของเขาก็ดูเนียนลื่นมากขึ้นกว่าเดิมด้วย มันดูนิ่มเด้งขาวเนียนเหมือนไข่ไก่จริงๆ
น่าทึ่งชะมัด
“อ๊ะ แล้วเรื่องงานเลี้ยงเตรียมตัวไปถึงไหนแล้วคะ”
“กำลังเตรียมการได้อย่างราบรื่นครับ คนที่ส่งบัตรเชิญไปส่วนใหญ่ก็ตอบกลับมาว่าจะมาเข้าร่วมงานกัน”
“รายชื่อแขกน่ะค่ะ…”
ถึงแม้จะเป็นแค่การคาดเดา แต่ยังไงลองเสียหน่อยก็ไม่เสียหายอะไรอยู่แล้วนี่นะ
ตรวจสอบให้แน่ใจอีกสักครั้งก็ไม่เลวนัก
“ยังเพิ่มได้ใช่หรือเปล่า”
“ครับ ถ้าหากคำนึงถึงเจ้าชายลำดับที่สอง จะเพิ่มจำนวนทหารรักษาเวรยามก็…”
“ไม่ค่ะ ไม่ใช่เฟเรส”
“ถ้าอย่างนั้น…”
“ช่วยส่งบัตรเชิญไปที่ตระกูลแพทโทรนที่อยู่ในเขตแดนชูลส์ทีนะคะ จ่าหน้าถึงผู้หญิงที่ชื่อมาเรีย”
มาเรีย แพทโทรน
หญิงสาวที่เวสตินแต่งงานใหม่ด้วย