บทที่ 166 ท่านพ่อ ศิษย์พี่ใหญ่จะไม่ไหวแล้ว

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 166 ท่านพ่อ ศิษย์พี่ใหญ่จะไม่ไหวแล้ว

เสิ่นเทียนกำลังคิดอยู่ว่าจะหาข้ออ้างอะไรมาผลัดออกไปดี

ตอนนี้เองก็มีร่างบุรุษยิ่งองอาจห้าวหาญเดินออกมาจากประตูมิติ

เขามองจ้าวเฮ่า สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเกิดคลื่นกระเพื่อมช้าๆ “กายนักรบเก้าตะวันรึ”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ไม่ใช่คนธรรมดาไร้ความรู้ เขาอ่านตำราโบราณมาเยอะมาก เรียกได้ว่าคงแก่เรียน

เขาเองก็เคยอ่านเจอเรื่องราวเกี่ยวกับคุณสมบัติกายนักรบเก้าตะวันในบันทึกตำราโบราณส่วนหนึ่งเช่นกัน กายนักรบเก้าตะวันมีต้นกำเนิดสายเดียวกับกายศักดิ์สิทธิ์สุริยันในตำนาน เป็นคุณสมบัติกายชนิดหนึ่งแปลงมาจากในกายศักดิ์สิทธิ์สุริยัน

แม้คุณสมบัติกายชนิดนี้จะไม่แกร่งเท่ากายศักดิ์สิทธิ์สุริยัน แต่ก็มากพอจะอยู่เหนือกว่ากายวิญญาณส่วนใหญ่ในใต้หล้า กล่าวได้ว่าต่อให้เป็นกายวิญญาณอัสนีคู่ไฟค้ำชูดินของฟางฉางก็อาจจะเทียบไม่ได้!

ถ้าคุณสมบัติกายเช่นนี้เข้าแดนศักดิ์สิทธิ์ นั่นจะเป็นโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคคนหนึ่งแน่นอน!

ในภายภาคหน้าจะต้องเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์ที่แกร่งที่สุดของแดนศักดิ์สิทธิ์!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เอ่ยนิ่งๆ เนิบนาบ “เทียนเอ๋อร์ คนนี้คือใครกัน”

เสิ่นเทียนพูดด้วยความจำใจ “คนนี้คือสหายจ้าวเฮ่า สหายที่ศิษย์รู้จักตอนอยู่เมืองหมอกลับแลขอรับ”

จ้าวเฮ่ารีบพูดเช่นกัน “สหายเสิ่นมีบุญคุณให้ชีวิตใหม่กับแซ่จ้าว หวังว่าจะให้โอกาสข้าตอบแทนบุญคุณด้วย!”

พอได้ฟังคำพูดอันแน่วแน่ของจ้าวเฮ่าแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังแอบอึ้งไป เทียนเอ๋อร์สมกับเป็นบุตรแห่งโชคในตำนานจริงๆ

มาเที่ยวเล่นในเมืองหมอกลับแลสบายๆ ก็เก็บเหมืองแร่ศิลาวิญญาณมาได้เหมืองหนึ่ง สิ่งมหัศจรรย์สองชนิดยังไม่เท่าไร แต่ยังเก็บผู้คลั่งไคล้ที่มีกายนักรบเก้าตะวันมาได้อีก เรียกได้ว่าโอรสสวรรค์ที่สุดแห่งยุคเลย

อีกทั้งฟังจากที่จ้าวเฮ่าอธิบายแล้ว เสิ่นเทียนแค่ชี้ตำแหน่งให้เขาไปตามอำเภอใจ ปรากฏว่าจ้าวเฮ่ากลับได้โชคลิขิตยิ่งใหญ่ได้ฟื้นพลังบำเพ็ญ

ดวงชะตาเช่นนี้ นี่มันบุตรชายแท้ๆ ของสวรรค์ชัดๆ!

เทียนเอ๋อร์คือผู้รวยโชคของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จริงๆ!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เอ่ยนิ่งๆ “ช่างเถอะ! จ้าวเฮ่า ข้าเห็นว่าเจ้ามีวาสนากับแดนศักดิ์สิทธิ์ของข้า จะให้เข้าฝ่ายข้าได้ เจ้ายินดีจะคารวะข้าเป็นอาจารย์ เป็นศิษย์สายตรงลำดับห้าของข้าหรือไม่”

พอได้ฟังคำพูดของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ จ้าวเฮ่าชะงักไปเล็กน้อย อดเกิดความลังเลในใจมิได้ ถึงอย่างไรในโลกบำเพ็ญเซียนนั้น เป็นอาจารย์ก็เหมือนเป็นบิดา หากอาจารย์คนก่อนยังไม่เห็นด้วย ก็จะคารวะอาจารย์อีกไม่ได้

ก่อนหน้านี้จ้าวเฮ่าคารวะเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าเป็นอาจารย์แล้ว ตอนนี้จะคารวะอาจารย์อีกไม่ได้จริงๆ

แต่อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก…

ตอนนี้เองมีน้ำเสียงอ่อนแอดังขึ้นในความคิดจ้าวเฮ่า “ตอบตกลงเขา”

ใช่ นั่นคือเสียงของเจ้ากระบี่สุริยะฟ้า เขากำลังตอบจ้าวเฮ่า

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มองจ้าวเฮ่าเหมือนมีความคิดบางอย่าง

เขาเอ่ยเรียบนิ่งว่า “สหายเหลือเพียงเสี้ยววิญญาณเล็กน้อย หากไม่รังเกียจก็เข้าวิหารบำรุงวิญญาณของฝ่ายข้าเพื่อบำรุงดวงวิญญาณได้ รอจนดวงวิญญาณแกร่งขึ้นแล้วก็อาจจะเปลี่ยนไปฝึกบำเพ็ญวิถีภูตผีหรือเสาะหากายหยาบที่เหมาะสมเพื่อมีชีวิตต่อไปได้”

แน่นอน คำพูดพวกนี้ดังในกายจ้าวเฮ่า พูดกับเจ้ากระบี่

ผู้แข็งแกร่งสองคนสื่อสารกันทางจิต บางทีอาจจะกำลังทำการแลกเปลี่ยนพิเศษบางอย่าง สุดท้ายสองคนเหมือนจะตกลงราคาที่เหมาะสมกันได้

จ้าวเฮ่าโดนเจ้ากระบี่สุริยะขาย…แค่กๆ โดนส่งเข้าแดนศักดิ์สิทธิ์

เขาจะคารวะเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เป็นอาจารย์อีกคนนอกเหนือจากเจ้ากระบี่สุริยะฟ้าและฝึกฝนวิชาอัสนี ภายภาคหน้าจะได้อยู่ร่วมฝ่ายเดียวกับเสิ่นเทียน ได้ติดตามสหายเสิ่นทดแทนบุญคุณ

จ้าวเฮ่าตื่นเต้นมาก กระทั่งอดใจไม่ไหวลำพองใจเป็นกิ้งก่าได้ทองต่อหน้าเสวี่ยอู๋เสีย

ฮ่าๆๆๆ สามสิบปีสายน้ำไหลไปทางตะวันออก สามสิบปีให้หลังสายน้ำไหลไปทางตะวันตก เจ้าคนแซ่เสวี่ยก็ยังเทียบกับแซ่จ้าวไม่ได้!

แซ่จ้าวได้ติดตามท่านเซียนไปร่ำเรียนในฝ่ายเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมอาจารย์เดียวกัน อิจฉาล่ะสิ!

ความจริงแล้วเสวี่ยอู๋เสียก็อิจฉามากจริงๆ อิจฉาไปหมดแล้ว!

แน่นอนว่าคนที่อิจฉาไม่ได้มีแค่นางคนเดียว ยังมีนักพรตชราข้างๆ

เห็นเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์รับลูกศิษย์อัจฉริยะอีก เขาก็ปวดร้าว

เขาสงสัยว่าตนเป็นผู้อาวุโสเทพสวรรค์ปลอม

อิจฉาศิษย์น้องที่มีลูกศิษย์มุมานะเช่นนั้นเคารพเชื่อฟัง!

จากนี้ชราแล้ว เหนื่อยแล้ว ฝ่าด่านเคราะห์ล้มเหลวก็ยังมีลูกศิษย์ดูแล

ไม่เหมือนข้าที่ยากจนยิ่งสิ้นไร้ไม้ตอก นอกจากบรรลุเซียนแล้วก็ไม่มีทางเลือกอื่น อนาถเกินไปแล้ว!

…..

ทางด้านจ้าวเฮ่า หลังมอบของขวัญคารวะอาจารย์ให้เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ด้วยความเคารพแล้วก็ตามอยู่หลังเสิ่นเทียน

ส่วนประมุขแห่งอาณาจักรอู้อิ่นเดินมาหน้าเสิ่นเทียนด้วยความกังวล อยากจะขอความยินยอมจากเสิ่นเทียนให้สร้างรูปปั้นทองคำให้เขา

ตรงนี้เสิ่นเทียนปฏิเสธแน่นอน ตลก ตอนนี้ข้าเพิ่งอยู่ระดับสร้างฐานเท่านั้น จะสร้างรูปปั้นทองคำรึ

เขามักจะรู้สึกว่ากดดวงชะตาไว้ไม่อยู่ เกิดไปทำให้เทพบนฟ้าโมโหคิดว่าข้ามาแย่งแสงธูปล่ะจะทำอย่างไร

เสิ่นเทียนกำลังจะปฏิเสธ แต่เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กลับพูดนิ่งๆ “เทียนเอ๋อร์ ตกลงเถอะ! ตามบันทึกโบราณแล้ว ถ้าได้รับแสงธูปร้อยตระกูลจะได้รับผลประโยชน์ยิ่งใหญ่”

ในมุมมองของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นั้น เสิ่นเทียนคือบุตรแห่งโชค สร้างรูปปั้นทองคำจะไม่มีแรงกดดันใดๆ เลย

เสิ่นเทียนได้แต่จำใจกับตรงนี้ “ช่างเถอะ บอกไว้ก่อนว่าต้องแกะสลักหน้ากากด้วย พยายามจัดการให้เงียบที่สุด”

ประมุขอาณาจักรอู้อิ่นมองเสิ่นเทียนหยิบหน้ากากขนหงส์มาไว้ในมือพลางพยักหน้า

“ขอรับ ท่านเซียนไม่ต้องห่วง ข้าจะให้ช่างแกะสลักที่เก่งที่สุดแกะสลัก”

อืม จะต้องเผยราศี ท่าทางและหน้าตาของท่านเซียนให้ออกมาดีที่สุด และยังมีหน้ากากขนหงส์ ถือไว้ในมือเช่นนี้ แสดงนิสัยอยู่เหนือข้อพิพาทใดๆ ที่ไม่หวังชื่อเสียงและผลประโยชน์ของท่านเซียนออกมาอย่างชัดเจน

หลังจากรู้ฐานะของเสิ่นเทียนกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แล้ว ประมุขอาณาจักรอู้อิ่นก็เฝ้าหวังจะสร้างรูปปั้นทองคำให้เสิ่นเทียนหลายๆ ร้อยรูปใจจะขาด

น่าขำ ทองคำในโลกบำเพ็ญเซียนมีค่าไม่เท่าไรจริงๆ กลับกันการได้แดนศักดิ์สิทธิ์หนุนหลัง ต่อให้มีหมื่นตำลึงทองก็ยากจะได้มา

ถ้ามีโอกาสประจบท่านเซียน ได้ท่านเซียนปกป้องเพราะเหตุนี้ เรื่องเงินจะเท่าไรกันเชียว

…….

ทุกอย่างกำหนดไว้เรียบร้อย ทันใดนั้นเองป้ายคำสั่งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง

เสียงของจางอวิ๋นถิงดังมาจากในป้ายคำสั่ง “ท่านพ่อๆ ข้าอวิ๋นถิงเอง ท่านพ่อได้ยินหรือไม่”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยนิ่งๆ “มีเรื่องอะไร ไม่ใช่ว่าให้เจ้าพาฟางฉางไปหาศิษย์น้องหญิงบัวขาวแล้วรึ”

จางอวิ๋นถิงพูดด้วยความกังวล “ส่งไปแล้วขอรับ แต่อาจารย์อาบัวขาวบอกว่าศิษย์พี่บาดเจ็บหนักเกินไป นางทำสุดความสามารถกว่าจะยับยั้งไม่ให้อาการบาดเจ็บรุนแรงไปมากกว่านี้ได้ แต่ก็รักษาที่ต้นเหตุไม่ได้

ท่านพ่อจะกลับมาเมื่อไร ตอนนี้ศิษย์พี่กำลังกระอักเลือด สภาพแย่มากๆ ใกล้จะไม่ไหวแล้ว”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ตอบนิ่งๆ “ไม่ต้องรีบ ร้อนใจจะแก้ไขสิ่งใดไม่ได้ จำใส่ใจไว้ว่าให้สงบนิ่งไว้ ข้ากำลังเดินทางกลับแล้ว จะไปถึงยอดเขาบัวขาวเดี๋ยวนี้ ยื้อเอาไว้ให้ได้!”

กล่าวจบแล้ว เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เก็บป้ายคำสั่งแล้วมองประมุขอาณาจักรอู้อิ่นอย่างเฉยชา

“ข้าต้องไปแล้ว เรื่องรูปปั้นทองคำของเทียนเอ๋อร์ให้พวกเจ้าจัดการแล้วกัน”

ประมุขอาณาจักรอู้อิ่นตกใจเพราะได้รับความเมตตาอย่างคาดไม่ถึง เขารีบรับปากว่าจะทำให้สำเร็จอย่างสุดความสามารถแน่นอน

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ถึงได้ใช้วิชาเปิดทางเชื่อมมิติอีกครั้งก่อนส่งทุกคนกลับแดนศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกลับถึงแดนศักดิ์สิทธิ์ เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ปลูกเหมืองแร่ศิลาวิญญาณที่ยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้วก็รีบจากไป

ถึงเจ็ดอารมณ์หกความปรารถนาของเขาจะเจือจางแล้ว แต่กลับเป็นห่วงฟางฉางมาก รีบไปช่วยรักษาให้ทันที

…..

เวลานี้ ศิษย์สายตรงจำนวนมากล้อมรอบยอดเขาบัวขาว

ถึงอย่างไรแม้ฟางฉางจะโอหังยิ่ง มีมนุษยสัมพันธ์ธรรมดาในแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่แก่นพลังทองรอบเก้าล้มเหลวและธาตุไฟเข้าแทรกเช่นนี้ก็เป็นข่าวใหญ่ที่หาได้ยากมาก

ลูกศิษย์ในแดนศักดิ์สิทธิ์ต่างสนใจ อยากรู้ว่าข่าวใหม่ล่าสุด ทว่าตอนนี้เสิ่นเทียนกลับกำลังว้าวุ่นใจอยู่บนหินตระหนักรู้บนยอดเขาบุตรศักดิ์สิทธิ์

มือเขาถือดอกเบญจมาศดอกหนึ่ง กำลังนับกลีบดอกไม้

“เกี่ยวกับข้า ไม่เกี่ยวกับข้า เกี่ยวกับข้า ไม่เกี่ยวกับข้า”

ใช่ เสิ่นเทียนกำลังตรึกตรองเรื่องหนึ่ง นั่นคือเรื่องที่จู่ๆ ฟางฉางก็ธาตุไฟเข้าแทรก นี่เกี่ยวกับที่เขาแย่งโชคลิขิตของฟางฉางหรือไม่

ซี้ด จู่ๆ ก็ใจฝ่อขึ้นมานิดๆ~

……………………….