บทที่ 167 มังกรสวรรค์เกรียงไกร บุตรพุทธะขู่ตัว

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 167 มังกรสวรรค์เกรียงไกร บุตรพุทธะขู่ตัว

เสิ่นเทียนเกิดความคิดนี้ขึ้นมาในใจ ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล

ถึงอย่างไรถ้าพูดอย่างจริงจังแล้ว ตั้งแต่เสิ่นเทียนทะลุมิติมาก็เคยแย่งโชคลิขิตไปสองครั้ง ครั้งแรกแย่งคัมภีร์มารสู่สิริยันของฉินเกา ปรากฏว่าฉินเกาถูกแขวนทุบตีทันที

ครั้งที่สองเพิ่งแย่งโชคลิขิตของฟางฉาง แย่งของเหลวสีขาวขุ่นที่บีบออกมาจากในกายเถากลืนกินเซียน ปรากฏว่าฟางฉางธาตุไฟเข้าแทรกทันที กระทั่งได้ยินว่าแก่นพลังทองแตก ตอนนี้จะไม่ไหวแล้ว

แย่งโชคลิขิตของผู้มีมหาดวงชะตาสองครั้ง ทั้งสองครั้งอีกฝ่ายพบกับเรื่องซวยทันที

นี่บังเอิญเกินไป อดทำให้เสิ่นเทียนคิดโยงถึงตัวเองไม่ได้

ความจริงแม้องค์ชายสิบสามจะอ่านหนังสือมามากมาย แต่ก็เป็นเพียงหนังสือธรรมดา เขาเลยไม่เข้าใจเกี่ยวกับของเหลวสีขาวขุ่นที่รวมออกมาจากเถากลืนกินเซียนจริงๆ

เดิมทียังคิดว่าได้ของเหลวพวกนี้แล้ว จะเอากลับมาวางไว้ในห้องฟางฉางเงียบๆ เกาะดวงชะตาไป ตอนนี้เอาล่ะ ฟางฉางล้มลง ผ่านไปนานแล้วยังป่วยหนักในห้องไอซียูของยอดเขาบัวขาว

พวกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ผู้อาวุโสบัวมรกตและผู้อาวุโสบัวขาวต่างช่วยกันส่งพลังรักษา แม้จะเป็นเช่นนั้น นานแล้วก็ยังไม่ได้ยินข่าวดี

ความจริง เสิ่นเทียนยังเป็นห่วงฟางฉางนิดๆ

แน่นอน สาเหตุหลักเป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้อง ไม่ใช่เพราะจากนี้จะไม่มีโชคลิขิตให้เขาเกาะ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไปดูที่ยอดเขาบัวขาว! ถึงอย่างไรก็เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกัน

ต่อให้แย่กว่านี้ ข้าก็ต้องไปดูหน้าศิษย์พี่ฟางฉางเป็นครั้งสุดท้าย!

เสิ่นเทียนถอนหายใจ ก่อนจะขี่กระบี่บินไปยังยอดเขาบัวขาว

ตอนนี้มีผู้คนมารวมที่ยอดเขาบัวขาวกันอย่างคับคลั่ง แต่ก็อยู่แค่รอบนอกสุดยอดเขา มีแค่ศิษย์สายตรงเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ขึ้นสุดยอดเขา บนนั้นมีคนอยู่ไม่กี่คน

หลี่อวิ๋นเฟิง ฉินอวิ๋นตี๋ จางอวิ๋นซีและจางอวิ๋นถิงอยู่ครบ ทั้งยังมีจ้าวเฮ่า

แน่นอน จ้าวเฮ่ามาที่นี่ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงฟางฉาง แต่คิดง่ายๆ ว่าตนเพิ่งมาแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องรวมกลุ่มไว้บ้าง

เสิ่นเทียนกดหัวปืนลงบนยอดเขาบัวขาวอย่างมั่นคง “ตอนนี้ศิษย์พี่ฟางฉางเป็นอย่างไรบ้าง”

ใบหน้าหลี่อวิ๋นเฟิงเต็มไปด้วยความเศร้าโศก “เฮ้อ เฮ้อ เฮ้อ ในที่สุดศิษย์พี่ก็มาแล้ว ศิษย์พี่ฟางฉางอาการหนักจริงๆ เขาทนการหยอกเย้าจากดวงชะตาไม่ไหว…”

เสิ่นเทียนมองข้ามหลี่อวิ๋นเฟิงไปด้วยใบหน้าดำมืด ไม่เชื่อเจ้านี่เลย

เขามองฉินอวิ๋นตี๋ “ศิษย์น้องอวิ๋นตี๋ เจ้าเป็นคนซื่อตรง บอกข้ามา”

หลี่อวิ๋นเฟิงชะงักไปก่อนจะหน้าดำมืดขึ้นมาทันที เขารู้สึกว่าฐานะผู้รอบรู้เทพสวรรค์ของตนโดนดูถูกและคุกคาม

ถ้าเป็นคนอื่น หลี่อวิ๋นเฟิงจะต้องให้มันได้เห็นดีกันแน่!

ทว่าคนที่ยืนตรงหน้าคือเสิ่นเทียน เป็นชายที่เคยทารุณศิษย์พี่ใหญ่

หลี่อวิ๋นเฟิงคิดว่าอย่าไปล่วงเกินเขาจะดีกว่า ถึงอย่างไรก็ไปหาเรื่องศิษย์พี่คนนี้ไม่ได้ อีกทั้งหลี่อวิ๋นเฟิงยังมีลางสังหรณ์อยู่ในใจว่าถ้าตนล่วงเกินเสิ่นเทียนก็อาจจะถูกทุบตีได้

ฉินอวิ๋นตี๋ได้ยินเสิ่นเทียนถามก็รีบตอบ “เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์กับอาจารย์ลุงบัวมรกตเข้าไปหนึ่งชั่วยามแล้ว ในหนึ่งชั่วยามนี้ไม่มีข่าวใดออกมาเลย ดูท่าคงยังรักษาศิษย์พี่ใหญ่ไม่ได้”

จางอวิ๋นถิงข้างๆ เอ่ยเช่นกัน “เฮ้อ ศิษย์พี่ใหญ่หัวดื้อเกินไปจริงๆ! เขามีความมั่นใจในตัวเองสูงมาก ไม่ยอมฝึกฝนคัมภีร์ต้องห้ามที่ศิษย์น้องให้ แต่ฝืนทะลวงแก่นพลังทองรอบที่เก้าไปเลย

ปรากฏว่าระหว่างทะลวงแก่นพลังทองรอบที่เก้ากลับร้อนใจอยากให้สำเร็จในทันที จึงธาตุไฟเข้าแทรกจนบาดเจ็บจากมหามรรค”

เอ่ยถึงตรงนี้แล้ว จางอวิ๋นถิงก็ถอนหายใจหนักๆ

จะเห็นได้ว่าจางอวิ๋นถิงกับฟางฉางมีความรักกันแบบพี่น้องอย่างแท้จริง

เสิ่นเทียนเองก็จนปัญญา ถึงเมื่อก่อนเขาจะธาตุไฟเข้าแทรกค่อนข้างบ่อย มีประสบการณ์สูง แต่เขาธาตุไฟเข้าแทรกเพียงแค่พลังวิญญาณผิดเพี้ยน บาดเจ็บตันเถียนเบาๆ เท่านั้น ยังไม่หนักเท่ากับฟางฉางเลย

ควรรู้ไว้ว่าระดับหลอมปราณไม่ถือว่าเป็นการฝึกบำเพ็ญเซียนอย่างแท้จริง ระดับสร้างฐานก็เป็นเพียงการสร้างรากฐานวิถีเซียนเท่านั้น

มีเพียงรวมต้นกำเนิดแก่นพลังทองจากฐานรากมรรคและแกะสลักลวดลายเทพกฎเกณฑ์วิถีฟ้าบนแก่นพลังทองเท่านั้นถึงจะได้ฝึกเซียนอย่างแท้จริง

สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญแล้ว ความสำคัญของแก่นพลังคงไม่ต้องบอกก็รู้แล้ว นั่นคือแกนกลางที่สำคัญยิ่งกว่าหัวใจและสมอง

ฟางฉางแก่นพลังทองแตก อาการบาดเจ็บไม่ด้อยไปกว่าหัวใจคนธรรมดาแตก กระทั่งอันตรายยิ่งกว่า!

ต่อให้เสิ่นเทียนมีใจจะช่วย แต่เขาไม่ใช่เทพเซียน จะรู้ได้อย่างไรว่าควรทำอย่างไร

………..

ตอนนี้เอง มีประกายแสงพุทธส่องลงบนยอดเขาบัวขาว

ประกายแสงพุทธสีทองนั้นส่องสะท้อนสว่างไปครึ่งฟ้า ท่ามกลางแสงพุทธส่องสะท้อนยังเห็นพระอรหันต์แปดร้อยรูปกับมังกรสวรรค์ทรงอานุภาพทอดตัวยาว

เสียงสวดดังขึ้นจากความว่างเปล่า เหมือนมีพระพุทธองค์นั่งขัดสมาธิสวดมนต์ จะพาปุถุชนข้ามฟาก และยังมีเสียงมู่อวี๋ดังมาดั่งน้ำหลาก แฝงไว้ด้วยท่วงทำนองพุทธะแห่งการโปรดสรรพสิ่ง ลี้ลับอย่างยิ่ง

ปรากฏนักบวชจีวรขาวหนุ่มท่านหนึ่งบนฟ้าตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ เขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ ข้างหลังเขาเห็นเป็นปรากฏการณ์ต้นโพธิ์มหึมารางๆ ดูยิ่งใหญ่มาก

เมื่อสายลมเบาพัดผ่านปรากฏการณ์ ใบไม้ทุกใบแกว่งไกวโปรยปรายใต้ประกายแสงพุทธ

เมื่อนักบวชท่านนี้ปรากฏกาย ยังเหมือนว่าความทุกข์ทั้งหมดมลายหายไป

นักบวชหนุ่มท่านนี้เหนือธรรมดายิ่งนัก ดึงดูดสายตาของทุกคนไป

จางอวิ๋นซีแนะนำให้เสิ่นเทียนฟัง “ท่านนี้คือบุตรพุทธะขู่ตัว สหายสนิทของศิษย์พี่ใหญ่ เขาคือบุตรพุทธะรุ่นนี้ของแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนี และยังเป็นผู้สืบทอดที่แกร่งที่สุดในรุ่นนี้ของแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนี

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีถ่ายทอดมหาคัมภีร์เสียงอัสนีกับคัมภีร์กุศลกรรมมหาปราชญ์ให้เขา เป็นวิชาพุทธะสูงสุด แต่บุตรพุทธะขู่ตัวไม่ชอบนั่งท่องมนต์ แต่ชอบเดินทางไปปราบมารทั่วหล้ามากกว่า

คัมภีร์กุศลกรรมมหาปราชญ์ของเขามีอานุภาพสูงยิ่ง เหนือกว่ารุ่นเดียวกันได้เลย ในรายนามแก่นพลังทองแดนบูรพาเขาอยู่อันดับสอง สูงกว่าศิษย์พี่ใหญ่อีก”

จางอวิ๋นซีอธิบายได้ง่ายมาก แต่กลับเข้าตรงประเด็น

สรุป เสิ่นเทียนรู้ว่าบุตรพุทธะคนนี้ค่อนข้างบ้าอำนาจบาตรใหญ่

ถึงอย่างไรผู้ฝึกบำเพ็ญระดับแก่นพลังทองทั้งแดนบูรพาก็เหมือนปลาคาร์ฟข้ามแม่น้ำ จะไปมีแค่พันๆ หมื่นๆ คนหรือ

อยู่อันดับสองในรายนามผู้ฝึกบำเพ็ญระดับแก่นพลังทองที่มีเยอะขนาดนี้ได้ แค่คิดก็รู้ถึงกำลังรบของบุตรพุทธะคนนี้แล้ว

เสิ่นเทียนถาม “ศิษย์พี่หญิง ศิษย์พี่บอกว่าเขาฝึกคัมภีร์มมังกรสวรรค์เกรียงไกรเป็นหลักรึ เช่นนั้นปรากฏการณ์ข้างหลังเขาล่ะ”

จางอวิ๋นซีมองบุตรพุทธะขู่ตัวด้วยความจนปัญญา “ปรากฏการณ์นี้ อีกไม่นานศิษย์น้องจะรู้เอง”

ก่อนจะเห็นบุตรพุทธะขู่ตัวที่นั่งขัดสมาธิบนอากาศค่อยๆ ลดระดับลงมาบนยอดเขาบัวขาว ดูคล่องแคล่วเหนือธรรมดา

เอกลักษณ์ของเขาไม่ธรรมดา เหมือนกับดอกบัวกลียุคดอกหนึ่ง บรรจงสวยสดงดงาม จากนั้นเห็นบุตรพุทธะขู่ตัวคีบดอกไม้ด้วยนิ้วมือพลางยิ้ม ก่อนจะขยับลูกประคำเบาๆ

ทันใดนั้นปรากฏการณ์พุทธะเหนือฟ้านั้นหายไป ราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

บุตรพุทธะชุดขาวหอบหายใจเหมือนข่มใจไว้จนเป็นทุกข์ยิ่ง “อมิตาพุทธ ทำอาตมาอึดอัดใจเกือบตาย โดนอาจารย์ลงโทษให้หันหน้าเข้ากำแพงคัดคัมภีร์พุทธ อาตมาตคัดจนหนังมือแทบหลุด!

ดีนะที่ครั้งนี้สหายฟางฉางธาตุไฟเข้าแทรก ทำให้อาตมาหาข้ออ้างออกมาได้ สหายฟางมีคุณธรรมยิ่งใหญ่!

น้องสาวอวิ๋นซี ไม่ได้เจอเจ้าครึ่งปีแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว เดี๋ยวเรามาประมือกันหน่อยดีหรือไม่

หืม สหายท่านนี้แปลกหน้านิดๆ หน้าตาไม่ด้อยไปกว่าอาตมาเลย ไม่ทราบว่าชื่ออะไร ยินดีมาประมือกับอาตมาหน่อยหรือไม่”

เมื่อเห็นบุตรพุทธะขู่ตัวเปลี่ยนจากนักบวชสูงส่งกลายเป็นหลวงจีนไม่เอาไหนแล้ว เสิ่นเทียนถึงกับเหม่อไป

เขาเหม่อมองลูกประคำในมือบุตรพุทธะขู่ตัว “เมื่อปรากฏการณ์เมื่อครู่ล่ะ”

บุตรพุทธะขู่ตัวแสยะปาก “นั่นคือสมบัติพุทธะที่อาจารย์อาตมาหลอมขึ้น เป็นภาพมายา พวกนั้นคือภาพมายา ไม่ใช่ของจริง”

…………………..