บทที่ 194 ความสามารถของหลี่หยิน

ไหปีศาจ

บทที่ 194
ความสามารถของหลี่หยิน

“ใช่ ข้ามาผิดทาง” ลั่วอู๋พยักหน้าอย่างจริงจัง “ข้าควรจะเข้าร่วมการทดสอบผู้ใช้พลังวิญญาณ แต่ข้าบังเอิญมาผิดที่เป็นส่วนของการทดสอบคุณสมบัติผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณได้ซะนี่”
ฝูงชนต่างพูดไม่ออกไปตาม ๆ กัน
จะมีคนประมาทเช่นนี้ได้อย่างไร
แม้แต่ในการทดสอบคุณสมบัติอันแสนสำคัญแบบนี้เขาก็ยังพลาดได้

“ไป ไปเถอะ อย่ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่” ชายชราผู้รับผิดชอบการทดสอบคุณสมบัติโบกมืออย่างไม่พอใจ
ลั่วอู๋ยิ้มอย่างเชื่องช้าและหันหน้าหนี
ไม่มีใครให้ความสนใจกับลั่วอู๋มากนัก เพราะเดิมทีลั่วอู๋มีบทบาทโด่งดังในเขตหวงชา ไม่ใช่ในเขตเมืองหมิงหนาน

เว้นแต่หยีเทียนเฉิน
หยีเทียนเฉินจ้องมองไล่หลังของไปลั่วอู๋
เขาได้ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างหรือไม่?
ไม่สิมันเป็นไปไม่ได้ แมลงกินวิญญาณสามารถดูดซับพลังวิญญาณจากอีกฝ่ายและเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติพลังวิญญาณของตัวเองได้ เรียกได้ว่าเป็นสัตว์วิญญาณที่มีการปกปิดตัวตนอันยอดเยี่ยมที่สุด
แต่แล้วทำไมจู่ ๆ เขาถึงล้มเลิกการทดสอบ?

หยีเทียนเฉินไม่สามารถทำความเข้าใจได้
หยีเทียนเฉินไม่คิดว่าอีกฝ่ายมาผิดทางจริง ๆ

มู่เฉิงให้โควตากับตัวเองเพื่อจัดการกับลั่วอู๋ มู่เฉิงจำผิดไปอย่างนั้นเหรอว่าลั่วอู๋เป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณ?
ลั่วอู๋เดินออกจากพื้นที่ทดสอบของผู้ปรับแต่งวิญญาณพร้อมเกาหัวตัวเองอย่างเชื่องช้า
การที่เขาปล่อยให้ตัวเองลืมไปว่าแต้มเซียนได้ถูกใช้จนหมดแล้วเป็นเรื่องที่พลาดไปจริง ๆ และตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้วที่จะแก้ไขได้
ถ้าอย่างนั้นทางเดียวที่เขาจะเข้าสำนักเฉียนหลงได้ก็คือเข้าร่วมการทดสอบในส่วนของผู้ใช้พลังวิญญาณแทนเท่านั้น
“หลี่หยินไปอยู่ที่ไหนกันนะ” ลั่วอู๋มองไปรอบ ๆ “แปลกชะมัด หลี่หยินไม่ใช่คนที่จะเดินเล่นไปไหนมาไหนได้นี่นา”

ลองไปหาฉูจงฉวนดีกว่า บางทีเขาอาจจะรู้อะไรบ้าง
ลั่วอู๋คิดได้ดังนั้นก็เดินเข้าไปในพื้นที่ทดสอบคุณสมบัติของผู้ใช้พลังวิญญาณ
เบื้องหน้าของเขาแสงไฟที่พุ่งออกมาเป็นเสาไฟหลากสีกำลังส่องสว่าง

“นางมีคุณสมบัติ” ผู้ตรวจสอบส่งเสียงร้องต่ำ
ลั่วอู๋จับจ้องไปทางเขาและก็ได้เห็นว่าเด็กผู้หญิงที่เป็นต้นเหตุของเสาไฟหลากสีนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นหลี่หยินนั่นเอง
ทำไมนางถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ?
หลี่หยินพยายามปรับตัวให้เข้ากับแสงจากนั้นนางก็สังเกตเห็นถึงลั่วอู๋ที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนภายนอก ได้อย่างแม่นยำและแสดงรอยยิ้มขึ้นมาในทันที
นางเอามือของนางกลับออกมาจากแท่นจากนั้นแสงก็มาบรรจบกัน

“อย่าเพิ่งไปสิ การทดสอบยังไม่เสร็จสิ้น นี่เป็นเพียงแค่การทดสอบในขั้นแรก” ผู้ตรวจสอบอุทานอย่างเร่งรีบ
นางมีคุณสมบัติ
ในแต่ละมณฑลมีไม่กี่คน ที่จะมีคุณสมบัติแบบนี้
แต่หลี่หยินนั้นไม่ได้สนใจเรื่องการทดสอบหรือผู้คุมสอบเลยแม้แต่น้อย
นางเดินเข้ามาด้านข้างของลั่วอู๋ ด้วยท่าทางที่ผ่อนคลายและยิ้มอย่างง่าย ๆ “นายน้อย”

“ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?” ลั่วอู๋ลูบหัวของหลี่หยิน
หลี่หยินอธิบาย
ทันใดนั้นลั่วอู๋ก็ตระหนักว่าเป็นทูตของเฉียนหลงนี่เองที่ให้นางเข้าทดสอบ
เขาคือเจ้านายของผู้หญิงคนนี้ใช่รึเปล่า? สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่ลั่วอู๋ พวกเขาไม่คิดว่าบุคคลเช่นนี้จะคู่ควรกับสาวใช้ที่มีคุณสมบัติขั้นสูงสุด?

“ เจ้ามาที่นี่ทำไมล่ะเนี่ย เจ้าไม่ได้จะไปรับการสอบในส่วนของผู้ปรับแต่งหรอกเหรอ” ฉูจงฉวนกล่าวอย่างสงสัย
ลั่วอู๋ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและตอบว่า “จู่ๆข้าก็รู้สึกว่าความแข็งแกร่งในการต่อสู้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ดังนั้นข้าอยากจะเข้าร่วมการทดสอบในฐานะผู้ใช้พลังวิญญาณมากกว่า”
ฉูจงฉวนกลอกตาหลังจากฟัง

หากเขาได้เข้าร่วมในการทดสอบรับรองผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณล่ะก็ เขาคงจะผ่านไปได้อย่างง่ายดาย
ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบพลังวิญญาณด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามเนื่องจากลั่วอู๋ได้เลือกทางเลือกนี้แล้ว เขาคงมีเหตุผลของเขา และฉูจงฉวนก็ไม่ได้ขัดหรือพูดอะไรมาก

เมื่อมู่เฉิงเห็นลั่วอู๋ใบหน้าของเขาก็มืดมน
นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? เขาจะเข้ามามีส่วนร่วมในการทดสอบผู้ใช้พลังวิญญาณได้อย่างไรกัน? เขาเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณไม่ใช่เหรอ! แล้วแบบนี้เขาจะขอให้หยีเทียนเฉินย้ายไปทดสอบในฐานะผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณไปทำไมกันล่ะ?
“ผู้หญิงคนนั้นอย่าเสียเวลา รีบไปขึ้นเวทีและเข้าร่วมการทดสอบต่อไปได้แล้ว” ผู้ตรวจสอบรู้สึกกระวนกระวาย
หลี่หยินส่ายหัว “ไม่ ข้าจะไม่เข้าร่วมเจ้าค่ะ”
นางมาตามหานายน้อย และตอนนี้นางได้พบนายน้อยแล้ว นางไม่มีความจำเป็นจะต้องเข้าร่วมการทดสอบแต่อย่างใด
“เจ้าจะปฏิเสธได้อย่างไร” ผู้ตรวจสอบลูบหนวดเคราของเขาและจ้องไปที่ดวงตาของนาง “เจ้ามีคุณสมบัติที่ดีมาก เจ้ากำลังจะได้รับโอกาสเข้าร่วมการทดสอบเฉียนหลงเลยนะ นี่เป็นสิ่งที่ใคร ๆ ต่างก็แย่งชิงกัน”
ลั่วอู๋พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “หลี่หยิน มันไม่เสียหายที่เจ้าจะลองนี่เป็นโอกาสที่ถูกหยิบขึ้นมา ถ้าเจ้าไม่ทำมันคนอื่นจะแย่งไปนะ ขึ้นไปซะ”
“รับทราบเจ้าค่ะ” หลี่หยินกล่าวอย่างชาญฉลาด
คำพูดของลั่วอู๋เท่านั้นที่จะทำให้นางเชื่อฟังได้อย่างไม่มีเงื่อนไข

หลี่หยินเดินขึ้นเวทีไปอีกครั้ง
มันทำให้หลายคนรู้สึกแย่
นี่มันไม่ยุติธรรมเลยที่สาวใช้จะมีคุณสมบัติระดับสูงที่หลายคนต่างใฝ่ฝัน
เริ่มมีคนพูดอย่างไม่พอใจ “ถึงนางจะเป็นสาวใช้ที่มีคุณสมบัติดีก็เถอะแต่สัตว์วิญญาณและทักษะของมันที่นางมีต้องห่วยมากแน่”
ตอนนี้ทุกคนดูเหมือนจะมีความเห็นตรงกันแล้วพยักหน้า
มันต้องเป็นความจริงแน่
เวลาแบบนี้พวกเขาต่างก็ยังคงเชื่อมั่น

ผู้ตรวจสอบถามว่า “เจ้ามีทักษะวิญญาณอะไรบ้าง ?”
“ไท กู๋ จวน หยง จือเจ้าค่ะ” มันเป็นทักษะระดับทองที่นางได้รับมา หลี่หยินจึงตอบกลับไปแบบนั้น
ผู้ตรวจสอบได้ทดสอบพลังวิญญาณของหลี่หยินและไตร่ตรอง “ไท กู๋ จวน หยง จือ สามารถถือได้ว่าเป็นทักษะระดับทองก็จริง แต่อย่างไรก็ตาม หากเจ้าสามารถเข้าร่วมสำนักเฉียน หลงได้ มันก็ยังมีหลายวิธีที่จะสามารถใช้ทักษะระดับนี้ได้ ในแง่นี้เจ้าได้ระดับ B”
ผู้คนจำนวนมากแสดงท่าทางโล่งใจ

แน่นอนว่าทักษะระดับทองนั้นเป็นอะไรที่ดีมาก แต่มันก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของผู้ตรวจสอบเท่าไหร่ด
ลั่วอู๋เองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน ทักษะที่เหนือกว่าระดับทองนั้น ไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยเงิน หนังสือเรียนรู้ทักษะเล่มนั้นเองเขาก็ได้มาจากการประมูลสินค้าที่คฤหาสน์ชวนเทียน

“แล้วสัตว์วิญญาณของเจ้าล่ะ?” ผู้ตรวจสอบถาม
“แมวผีกับกระต่ายแห่งแดนสาบสูญเจ้าค่ะ” หลี่หยินตอบ
ผู้เข้าสอบต่างก็ขมวดคิ้ว

แมวผีมันก็ดีอยู่หรอก แต่กระต่ายแห่งแดนสาบสูญเนี่ยนะ? ต้องล้อกันเล่นแน่ ๆ? มีคนทำพันธสัญญากับสัตว์วิญญาณแบบนั้นด้วยเหรอ? ไม่ว่าจะลำบากในการหาสัตว์วิญญาณแค่ไหน ก็คงไม่มีใครคิดจะเลือกสัตว์วิญญาณตัวนี้แน่
ผู้คนจำนวนมากแสดงรอยยิ้มเย้ยหยัน

กระต่ายแห่งแดนสาบสูญ?
ฮ่าฮ่า สมกับที่เป็นเพียงแค่สาวใช้
“เอามันออกมาให้ข้าดูสิ” ผู้ตรวจสอบถอนหายใจ ในใจเขาคิดว่าอีกฝ่ายคงเลือกสัตว์วิญญาณเลือกผิด และมันจะส่งผลอย่างมากต่ออนาคตของนาง
แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ใช้พลังวิญญาณที่มีสัตว์วิญญาณเช่นนี้จะได้เข้าร่วมสำนักเฉียนหลง
แต่กระบวนการทดสอบก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป

หลี่หยินพยักหน้าแล้วเรียกให้แมวผีในอ้อมแขนของนางกระโดดออกมา มันทำตัวขี้เกียจและหยิ่งผยอง
จากนั้นหลี่หยินหลี่หยินก็ยกแหวนสัตว์วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในมือของนางขึ้นมา “เสี่ยวไป่, จงออกมา”
แสงสีขาวสว่างวาบไปทั่ว
กระต่ายแห่งแดนสาบสูญที่น่ารักปรากฏตัวขึ้นบนลานทดสอบ มันมีขนสีขาวและมีดวงตาสีแดงขนาดใหญ่ ลมหายใจของมันแผ่วเบาดูไม่มีอันตราย
ดูจากลักษณะแล้วมันเป็นกระต่ายแห่งแดนสาบสูญที่พบได้ทั่วไป หากไม่มีลักษณะที่ตัวใหญ่เหมือนกระท่อม
“พระเจ้า!” ผู้ตรวจสอบนั้นไม่ได้เตรียมตัวว่าจะต้องเจอกับตัวอะไรแบบนี้ เขาจึงก้าวถอยหลังไป

สัตว์วิญาณตัวนี้มันคืออะไร
กระต่ายแห่งแดนสาบสูญงั้นเหรอ ?
จะว่าไปแล้วพอเขาลองมองดูดี ๆ มันก็ดูเหมือนว่าสัตว์วิญญาณตัวนี้และกระต่ายแห่งแดนสาบสูญนั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกัน
ผู้คนต่างประหลาดใจ
จะเรียกเจ้านี่ว่ากระต่ายแห่งแดนสาบสูญได้จริง ๆ เหรอ? เกรงว่านางจะมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกระต่ายแห่งแดนสาบสูญเสียแล้ว
“ดีมาก เสี่ยวไป่ดีมาก” หลี่หยินค่อย ๆ ลูบร่างของกระต่ายแห่งแดนสาบสูญระดับราชา
ผู้ตรวจสอบนั้นเริ่มสงบลงแล้ว
อย่างไรก็ตามแม้เขาจะได้เห็นสัตว์วิญญาณที่หายากมามาก ในฐานะผู้ตรวจสอบการคัดเลือกเฉียนหลง แต่ครั้งนี้เป็นอะไรที่เขาไม่ได้เตรียมใจมาก่อนว่าจะเจอตัวอะไรแบบนี้

“มาแสดงให้ข้าเห็นสิว่าพวกมันมีทักษะอะไรบ้าง” ผู้ตรวจสอบกล่าว

หลี่หยินพยักหน้า
ความสามารถและทักษะต่าง ๆของแมวผี มันเป็นทักษะที่ทุกคนคุ้นเคยอยู่แล้ว ยกเว้นทักษะก้าวพริบตาที่เสริมเข้ามา
อย่างไรก็ตามความสามารถของเสี่ยวไป่ ทำให้สายตาของต้องตกตะลึง
เนื่องจากหลี่หยินที่นั่งอยู่บนร่างกายของเสี่ยวไป่ได้ทำสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิด เสี่ยวไป่ไม่เพียงแต่บินขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถไปปรากฏจากที่ปลายทางอีกด้านหนึ่งของลานทดสอบได้ในพริบตา

“นี่มันทักษะก้าวพริบตาทางไกลอย่างนั้นเหรอ ?!” ผู้ตรวจสอบอุทาน