บทที่ 196 อยากจะหัวเราะก็เชิญเลย

ไหปีศาจ

บทที่ 196
อยากจะหัวเราะก็เชิญเลย

แม้ก้าวพริบตาจะเป็นทักษะระดับ A แต่มันก็ยังเป็นทักษะที่ค่อนข้างหายาก
มันจึงเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่งที่สุนัขสีเหลืองจะเรียนรู้ทักษะนี้ได้ นอกเสียจากจะมีผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณที่ยอดเยี่ยมช่วยให้มันได้เรียนรู้ทักษะนี้
แต่ค่าใช้จ่ายก็ไม่ใช่น้อย ๆ แน่

“มันใช้ทักษะก้าวพริบตาได้ก็จริง แต่ … ” ผู้ตรวจสอบถอนหายใจอย่างผิดหวัง
เขาคงเสียค่าใช้จ่ายไปมากในการช่วยให้สุนัขสีเหลืองตัวนี้ได้เรียนรู้ทักษะก้าวพริบตา
นั้นไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาดเลยสักนิด
มันไม่มีประโยชน์เป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าใด ๆ

แน่นอนว่าลั่วอู๋รู้ดีว่าสิ่งนี้เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ ที่จะพิสูจน์ความสามารถของต้าหวงได้ แต่แค่นี้มันยังไม่จบ
ชั่วอึดใจต่อจากนั้นต้าหวงก็ใช้ก้าวพริบตาอย่างต่อเนื่อง
ร่างลวงตาสิบร่างปรากฏขึ้นบนลานทดสอบ เสียงของลมแรงกรรโชกเริ่มดังขึ้น ระหว่างพวกมัน ราวกับว่ามันกำลังใช้ทักษะในสังหารอยู่
“นี่มัน ทักษะพิธีศพกางเขนคลั่งสินะ” ผู้ตรวจสอบสังเกตเห็นได้อย่างดี

มันแปลกมาก
ทักษะประเภทนี้นั้น สามารถเรียนรู้ได้โดยสัตว์วิญญาณที่มีคุณลักษณะของธาตุลมเท่านั้น
การผสมผสานระหว่างการโจมตีและการป้องกันของทักษะนี้นั้นค่อนข้างแข็งแกร่ง
เงาเสมือนจริงสิบเงาพุ่งออกไปในพริบตา ร่างของต้าหวงในอากาศหายไป ทันใดนั้นพลังอันแข็งแกร่งได้ปกคลุมพื้นที่ทั้งหมด
แรงกดดันที่ไม่สามารถอธิบายแผ่ไปทั่ว
ผู้ตรวจสอบยืนอยู่ตรงกลางแท่นทดสอบได้รู้สึกว่าการเคลื่อนไหวของเขาช้าลงมาก ราวกับว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยตะกั่วเกาะติดร่างของเขาไม่ให้ขยับไปไหนได้
ซึ่งเมื่อเขาหันกลับไป ก็พบว่าต้าหวงมาได้มาอยู่ข้างหลังเขาเสียแล้ว
แน่นอนว่าเป็นเพียงการแสดงทักษะเท่านั้น ต้าหวงจะไม่กัดเขาอย่างแน่นอน แต่ด้วยแรงกดดันจากทักษะนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่กลัวต้าหวง
“ทักษะพิชิตโค่นล้มงั้นสินะ เป็นไปได้ยังไงกัน ?” สายตาของผู้ตรวจสอบดูประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ “นี่มันเป็นทักษะระดับ S และข้าจำได้ว่ามีเพียงสัตว์วิญญาณที่มีสายเลือดของปีศาจเท่านั้นที่จะมีทักษะนี้ได้ สัตว์ประเภทนี้ไม่มีทางที่จะเรียนรู้มันได้นี่นา”
ลั่วอู๋หัวเราะและไม่ได้พูดอะไร

วินาทีนั้นผู้ตรวจสอบก็พบทักษะของต้าหวงนั้นน่าสนใจมาก “ใช้ได้ ๆ ไหนลองใช้ทักษะอื่น ๆ ทั้งหมดดูสิ”
ต้าหวงมองไปที่ลั่วอู๋ด้วยความสับสนและลั่วอู๋ก็ส่ายหัวกลับไป
หากมันใช้ลมหายใจมังกร เพื่อให้คนอื่นตกตะลึงมันก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีอยู่หรอก แต่แบบนั้นคงจะทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังมากมายแน่
เพราะมันเป็นทักษะที่สัตว์วิญญาณระดับเงินไม่น่าจะมีได้
และต้าหวงในตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานมากเพียงพอที่จะทำให้มันสมเหตุสมผล เลือกแสดงทักษะอื่นน่าจะดีกว่า

[ความมืดมิดกลืนกิน] ถูกใช้งาน
ต้าหวงอ้าปาก
แรงดูดพลังวิญญาณเริ่มค่อย ๆ ควบแน่น
มีจุดดำเล็ก ๆ ในอากาศ จากนั้นจุดดำเล็ก ๆ นั้นก็ขยายออกอย่างรวดเร็ว กลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่แสงก็ยังถูกกลืนเข้าไปราวกับว่ามันเป็นหลุมดำอันน่ากลัว
“นี่มันทักษะแบบไหนกัน?” ผู้ตรวจสอบไม่สามารถนึกถึงทักษะนี้ได้ชั่วขณะ
ความมืดมิดกลืนกิน นั้นเป็นทักษะที่มีเพียงสัตว์วิญญาณ ประเภทสัตว์มนตราเท่านั้นที่จะสามารถเชี่ยวชาญได้

“ จงหยุด!” ผู้ตรวจสอบรวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดและเทใส่ลงไปในหลุมดำอย่างรวดเร็ว ทำให้หลุมดำที่สร้างโดยต้าหวงก็พังทลายลงในพริบตา
หลุมดำนี้มีความสามารถในการกลืนกิน แต่ความสามารถในการกลืนกินนั้นก็มีจำกัด ตราบใดที่พลังวิญญาณหลั่งไหลเข้ามามากเพียงพอหลุมดำก็จะยุบลงหายไป
ต้าหวงเลียริมฝีปากอย่างพึงพอใจ
เห็นได้ชัดว่าพลังวิญญาณของอีกฝ่าย ถูกสูบลงไปในร่างกายของมันทั้งหมด
“เป็นทักษะที่ดีทีเดียว” ผู้ตรวจสอบกล่าว “มันกลืนกินพลังวิญญาณ มากกว่าหนึ่งในสิบของข้าไปด้วยซ้ำ หากไม่ใช้ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงละก็ ไม่มีทางทนการโจมตีด้วยทักษะนี้ได้แน่”

ระดับของผู้ตรวจสอบนั้นอยู่ที่ระดับทอง มิติ 7
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือหากต้าหวงเปลี่ยนเป็นสถานะการต่อสู้ พลังของทักษะทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นอีกราว ๆ 30%
ลั่วอู๋ยิ้ม “ได้โปรดประเมินมันอีกครั้งเถอะ”
“แม้ว่ามันจะเป็นสัตว์วิญญาณผลิตเอง แต่ทักษะเหล่านี้ก็มีมูลค่าสูงมาก นอกจากนี้ผีเสื้อปีกมายาตัวนั้นเองก็ยังเป็นสัตว์วิญญาณกลายพันธุ์ ข้ายินดีให้สัตว์วิญญาณของเจ้าเป็นระดับ B” ผู้ตรวจสอบกล่าว.

เกิดความโกลาหลขึ้น
เดิมทีมันเป็นเพียงระดับ C แต่หลังจากใช้ทักษะแล้วได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในระดับ B
เห็นได้ชัดว่าสถานะของสุนัขตัวนั้นที่เป็นสัตว์วิญญาณผลิตเอง เพิ่มขึ้นมาอย่างมากในความคิดของผู้ตรวจสอบ
และพวกเขาก็ไม่สามารถโต้แย้งใด ๆ ได้
มันเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ยิ่งทักษะดีขึ้นเท่าไหร่คุณค่าของสัตว์วิญญาณ ก็จะสูงขึ้นเท่านั้น
คุณสมบัติของสัตว์วิญญาณนั้นเป็นเพียงของเสริมเท่านั้น หากเทียบกับทักษะที่สัตว์วิญญาณเหล่านั้นครอบครองแล้วละก็
สัตว์วิญญาณที่มีคุณสมบัติที่ดีนั้นจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงได้
อย่างไรก็ตาม หากทักษะของสัตว์วิญญาณนั้นมีประสิทธิภาพด้วย ความสามารถในการต่อสู้ของผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงคนนั้นเองก็จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ผู้คนจ้องมองลั่วอู๋ด้วยสายตาแปลก ๆ
ชายคนนี้ทำให้สัตว์วิญญาณของเขามีทักษะมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร?

ฉูจงฉวนเองก็ไม่คาดคิดเช่นกัน
ต่างจากที่คนอื่น ๆ ฉูจงฉวนนั้นรู้ว่าต้าหวงนั้นเป็นสัตว์วิญญาณที่ยอดเยี่ยมและมันได้วิวัฒนาการจนเสร็จสิ้น
ดังนั้นมันจึงไม่อยู่ในประเภทของสัตว์ธรรมดามาตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้มันนั้นไม่ได้อยู่ในสถานะการต่อสู้ที่เป็นร่างสมบูรณ์ของต้าหวง เขาจึงไม่คิดว่ามันจะมีทักษะที่ทรงพลังมากมายถึงขนาดนี้
ลั่วอู๋
ความสามารถในการปรับแต่งของเขานั้นแข็งแกร่งมาก แล้วทำไมเขาถึงไม่เลือกเข้าร่วมการทดสอบของผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณกันล่ะ

ผู้ตรวจสอบกล่าว “ต่อไปเจ้าก็ต้องทดสอบความเร็วในการฝึกฝน ตราบใดที่มันไม่แย่เกินไป เจ้าก็จะผ่านการทดสอบในรอบแรก”

ลั่วอู๋มั่นใจมาก
ความเร็วของการฝึกฝนด้วยตนเองของเขานั้นไม่ต้องพูดถึงเลย
เขาใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งปีครึ่ง ในการฝึกฝนพลังวิญญาณมาจนถึงสถานะในปัจจุบันนี้
ลั่วอู๋วางแผ่นหินแห่งความทรงจำบนหน้าผากของเขาจากนั้นเส้นวิญญาณลึกลับก็ปรากฏขึ้นบนแผ่นหยก ผู้ตรวจสอบเริ่มแยกแยะความหมายของเส้นเหล่านี้
“ระดับเงิน มิติ 6 ใช้เวลา 5 ปีครึ่ง เป็นความเร็วในการฝึกฝนนี้ค่อนข้างปานกลาง ระดับ B” ผู้ตรวจสอบกล่าวโดยไตร่ตรองสักครู่
ดวงตาของลั่วอู๋เบิกกว้าง “ว่ายังไงนะ ?”
หลี่หยินตกอยู่ในความงุนงง
เป็นไปได้อย่างไรกัน เมื่อ 5 ปีก่อนนายน้อยยังเป็นคนธรรมดาอยู่เลย เขาเพิ่งกลายเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณเมื่อหนึ่งปีครึ่งที่แล้วเอง
“ผู้ตรวจสอบ มีสถานการณ์ที่แผ่นหินแห่งความทรงจำจะสามารถเข้าใจผิดได้หรือไม่?” ลั่วอู๋ถามอย่างระมัดระวัง
ผู้ตรวจสอบส่ายหัว “มันไม่มีทางเข้าใจผิดหรอกน่า นี่ก็ใช้มาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว โดยไม่มีข้อผิดพลาด”
ลั่วอู๋เอามือก่ายหน้าผากของเขาอย่างช่วยไม่ได้

ไม่จริงน่า
มันจะเป็น 5 ปีครึ่งไปได้ยังไงกัน
เดี๋ยวก่อนนะ ไม่สิ ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้จริง ๆ คงเป็นเพราะการไหลของเวลาภายในและภายนอกไหปีศาจนั้นแตกต่างกัน และเขานั้นมักจะทำการฝึกฝนด้วยตนเองในมิติไห
ด้วยวิธีนี้เวลาในการฝึกของเขาจึงถูกขยายเวลาออกไป
แต่มันก็ไม่ใช่ 5 ปีครึ่งแน่
บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาเคยฝึกในหอคอยสีขาว มันจึงมีผลต่อการตรวจสอบของแผ่นหินแห่งความทรงจำรึเปล่า? ลั่วอู๋ทำได้แต่คาดเดา
ผู้ตรวจสอบครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะมองไปที่ลั่วอู๋ แล้วจึงมองไปที่ต้าหวงและผีเสื้อปีกมายาเพลิงอมตะ “สัตว์วิญญาณกลายพันธุ์” ที่อยู่ข้างหลังเขาพร้อมถอนหายใจ
“ทำใจซะ ความเร็วในการฝึกฝนของเจ้าสามารถประเมินได้แค่ระดับ B เท่านั้น แต่ข้าก็จะให้คะแนนรวมเจ้าเป็นระดับ B และเป็นตัวสำรองในการสอบรอบแรกไปก่อน ข้าหวังว่าเจ้าจะขยันหมั่นเพียรในการฝึกฝนและไม่ทำตัวขี้เกียจอีก” ผู้ตรวจสอบกล่าว
ลั่วอู๋พยักหน้าทั้งน้ำตาและส่งเสียงหัวเราะ
ข้าพยายามมามากและขยันฝึกฝนจริง ๆ นะ

เขาได้ถูกนับเป็นตัวสำรองในการสอบรอบแรก
กล่าวอีกนัยหนึ่งลั่วอู๋นั้นเป็นเพียงแค่คนที่มีโอกาสอาจจะได้ผ่านรอบแรกเท่านั้น
หากมีคนได้ระดับ A หลายคน ลั่วอู๋ก็จะถูกตัดทิ้งไป

ลั่วอู๋ก้าวลงจากเวทีทดสอบแล้วมองไปที่สีหน้าของ ฉูจงฉวนที่ดูอยากจะหัวเราะสุดใจและพยายามกลั้นขำไว้ เขารู้สึกหดหู่และพูดออกไปว่า “ถ้าเจ้าอยากจะหัวเราะก็เชิญเลย”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” เมื่อนสหายอนุญาตแล้วฉูจงฉวน ก็หัวเราะออกมาอย่างเต็มที่