บทที่ 197 เจ้าป่วยหรือเปล่า

ไหปีศาจ

บทที่ 197
เจ้าป่วยหรือเปล่า

“อาฮ่าฮ่า ตัวสำรอง?”
“หลี่หยินนั้นอยู่ขั้นบน ๆ ของระดับ A แต่เจ้าอยู่เพียงแค่ระดับตัวสำรอง นายน้อยรู้สึกอายบ้างไหม?”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
“ไก่อ่อนจริง ๆ เจ้ามารับการทดสอบผู้ใช้พลังวิญญาณให้ตัวเองอัปยศทำไมเนี่ย น่าอายชะมัด”
ฉูจงฉวนยิ้มเยาะอย่างไร้ความปรานี

ลั่วอู๋กลอกตา “ เจ้าหัวเราะ จนพอใจแล้วหรือยัง?”
ฉูจงฉวนหายใจเข้าลึก ๆ และฝืนยิ้ม การแสดงออกของเขากลับมาดูสง่างาม “พอแล้ว ๆ ตอนนี้พวกเราต้องวางแผนกันแล้วล่ะ ถ้าเจ้ายังเกือบไม่ผ่านรอบแรกแบบนี้ละก็ ข้าควรทำอย่างไรดี การที่ข้าตัดสินใจให้โควตากับเจ้ามันชักดูเหมือนว่าข้าไม่มีวิสัยทัศน์เสียแล้วสิ”
“ไปให้พ้น.”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”
เดิมทีแล้วฉูจงฉวนนั้นไม่ได้สนใจจริง ๆ จังหรอก เพราะแม้ว่าเขาจะให้โควตากับคนที่เหลือในตระกูลฉู แต่พวกเขาก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะเข้าร่วมสำนักเฉียนหลงได้
ในความเป็นจริง มันก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่มากที่ ระดับ B จะสามารถผ่านการทดสอบรอบแรกไปได้ ลั่วอู๋จึงไม่ได้กังวลกับเรื่องนี้เช่นกัน
ถ้าเขาไม่สามารถผ่านการทดสอบไปได้ละก็ เขาก็จะสมัครเป็นคนรับใช้ของหลี่หยิน จากนั้นก็จะให้นางพาเข้าไปที่สำนักเฉียนหลง

ใบหน้าของมู่เฉิงดูดีขึ้นเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าลั่วอู๋จะมีทักษะแค่ในด้านของการปรับแต่งพลังวิญญาณเท่านั้น ในแง่ของผู้ใช้พลังวิญญาณนั้นไม่ได้สูงจนน่ากลัวอะไร ท้ายที่สุดแล้วยังไงโลกนี้ก็ยังคงขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งอยู่ดี
ต่อให้ลั่วอู๋จะมีวิชาการปรับแต่งที่ดีแค่ไหน แต่ถ้าเขาไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอ เขาก็จะถูกกลืนกินหายไปเองในสักวัน

คนส่วนใหญ่ต่างพากันดูถูกลั่วอู๋
ระดับ B นั้นถือได้ว่าเป็นเพียงแค่ชนชั้นกลางเท่านั้น มันไม่ได้เก่งกาจอะไรเลย บุคคลเช่นนี้สมควรที่จะมีสาวใช้แข็งแกร่งระดับ A จริง ๆ เหรอ? เพื่ออะไรกัน?
อย่างที่เคยมีคำกล่าวไว้ในอดีต ถ้าหากเจ้าดีพอก็จะไม่ถูกใครอิจฉา เพราะพวกเขาจะสามารถมองเห็นได้แค่เพียงด้านหลังของเจ้าเท่านั้น
อย่างไรก็ตามพวกเขาในตอนนี้คิดว่าลั่วอู๋นั้นดีไม่พอ เขามีเพียงแค่เงินทุนอันน่าอิจฉา ดังนั้นความอิจฉาริษาเหล่านี้จึงกลายเป็นความหึงหวง

“เดี๋ยวก่อน” ในขณะที่พรรคพวกลั่วอู๋ทั้งสามคนกำลังจะเดินจากไป ก็มีเสียงดังขึ้นมา
เจ้าของเสียงนั้นคือผู้หญิงที่ท่าทีแข็งกร้าวเหมือนกับน้ำแข็ง ดูไร้อารมณ์และตัวตนเหมือนรูปสลักหยก เสียงนั้นเหมือนกับสายน้ำใสที่ไหลลงมาจากภูเขาหิมะ ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวในทันทีที่ได้ยิน
ใบหน้าของนางดูค่อนข้างเหมือนคนใจแคบ
ลั่วอู๋หันศีรษะไปมองนางและเลิกคิ้วเล็กน้อย “มีปัญหาอะไร?”
“นายน้อยเอ๋ย ข้าสงสัยว่าเจ้าจะยกสาวใช้ของเจ้าให้ข้าได้ไหม?” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่ว
ลั่วอู๋ตกตะลึงและโพล่งออกมา “เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ?”
ฉูจงฉวนส่ายหัวครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันทั้งหยาบคายและบ้าบิ่นเกินไป เขาพูดจาน่ารังเกียจกับผู้หญิงที่สวยงามเช่นนี้ได้อย่างไร

ฝั่งหญิงสาวเองก็ไม่คิดว่าลั่วอู๋จะมีปฏิกิริยาแบบนี้เช่นกัน นางจึงตกตะลึงไปชั่วขณะ “ข้ามีชื่อว่า หนานกงหยิงเอ๋อมาจากพระราชวังหยู่หวัง”
พระราชวังหยู่หวังเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้มีอิทธิพล ซึ่งครอบครองเหล่าผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงที่ทรงพลังมากในจักรวรรดิ
บรรพบุรุษตระกูลของพวกเขาคือจักรพรรดิวิญญาณระดับเพชรที่มีฉายาว่า “ราชาขนนก” พวกเขาครอบครองพื้นที่ในส่วนของชายแดนและคอยขยายขอบเขตอิทธิพลให้กับในหลาย ๆ มณฑล
วิชาของคนจากพระราชวังหยู่หวัง จะเน้นไปที่ความคล่องแคล่วและความเร็ว สัตว์วิญญาณทุกตัวที่ถูกฝึกโดยคนจากพระราชวังหยู่หวัง ต่างก็มีชื่อเสียงในด้านความเร็ว ระดับที่ว่าบรรลุขั้นสูงสุดในด้านความเร็ว
“ แล้วมันยังไง ?” ลั่วอู๋ถาม

หนานกงหยิงเอ๋อกล่าวต่อ “สาวใช้ของเจ้ามีคุณสมบัติที่ไม่เลว เหมาะสมที่จะได้รับการฝึกฝนทักษะในพระราชวังหยู่หวังของพวกเรา ตราบใดที่เจ้าเต็มใจที่จะคืนอิสรภาพให้กับนาง ข้าพร้อมจะมอบหินวิญญาณ 500,000 ก้อนเพื่อชดเชยให้เจ้า”

“เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ?” ลั่วอู๋ขมวดคิ้วและพูดอีกครั้ง
ร่องรอยของความโกรธฉายในดวงตาของหนานกงหยิงเอ๋อ
เขาช่างเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจยิ่งนัก
“ถ้ามันน้อยเกินไป ข้ายินดีที่จะเพิ่มอีก 200,000 หินวิญญาณ เจ้าควรรู้ไว้ว่าคุณสมบัติที่สาวใช้ของเจ้ามีนั้นดีมาก ได้โปรดอย่าขัดขวางการพัฒนาในอนาคตของนางเลย” หนานกงหยิงเอ๋อกล่าวด้วยความอดทน
มันเป็นการพูดอย่างชัดเจนมากว่า ลั่วอู๋นั้นไม่คู่ควรกับสาวใช้ของเขา นางหวังว่าเขาจะรู้สึกได้ด้วยตัวเองสักหน่อยและไม่ทำอะไรที่ส่งผลกระทบต่ออนาคตของนางอีก
ลั่วอู๋ครุ่นคิดสักครู่แล้วเขาก็พูดว่า “เจ้าบ้าไปแล้วเหรอ?”
ใบหน้าของหนานกงหยิงเอ๋อเปลี่ยนไปในที่สุด

“อย่าหยิ่งยโสไปหน่อยเลยน่า”
ทันใดนั้นมี “ภูตลม” กระโดดออกมา มันนั้นไม่ได้มีแค่ความงาม แต่เต็มไปด้วยแรงกดดันวิญญาณอันหนาแน่น
ลั่วอู๋เย้ยหยัน “คิดว่ามันเป็นข้อเสนอที่ดีมากรึไง? เจ้าบอกจะชดเชยการสูญเสียของข้าให้ แต่พอมาคิดดี ๆ แล้ว เจ้าก็แค่ต้องการซื้อหลี่หยินให้นางมาเป็นสาวใช้ของเจ้า ในฐานะลูกหลานจากพระราชวังหยู่หวัง เจ้าไม่มีทางปล่อยให้นางที่มีคุณสมบัติยอดเยี่ยม มาแย่งชิงทรัพยากรในพระราชวังหยู่หวังหรอกน่า”
“อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระ ถ้าน้องสาวหลี่หยินต้องการ ข้าก็สามารถแบ่งปันทรัพยากรให้นางได้ โดยไม่มีความแตกต่างระหว่างนายและคนรับใช้” หนานกงหยิงเอ๋อกล่าวอย่างเย็นชา
ลั่วอู๋ตะคอก“ ในเมื่อเจ้าอยากทำเพื่อนาง เอาเป็นว่าเจ้าชดใช้ให้ข้าด้วยหินวิญญาณ 700,000 ชิ้น เพื่อตัดความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายและคนรับใช้ของหลี่หยิน อย่างไรก็ตามนางจะสามารถเข้าร่วมกองกำลังใดก็ได้ แต่นางห้ามเข้าร่วมพระราชวังหยู่หวัง แบบนี้เจ้าตกลงไหมล่ะ? ”
หนานกงหยิงเอ๋อตะลึง
นางไม่มีทางเห็นด้วยกับเงื่อนไขนั้นแน่
การซื้อหลี่หยินนั้นคือการช่วยตัวของนางเอง หาก หลี่หยินไม่สามารถเข้าร่วมพระราชวังหยู่หวังได้ ก็ไม่มีความหมายในการซื้อหลี่หยิน
“อืม ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นแค่คนเห็นแก่ตัว ที่อ้างตนว่าเป็ผู้ชอบธรรมมากกว่านะ” ลั่วอู๋มองอย่างเหยียดหยามจากนั้นก็มองไปที่หลี่หยิน “หลี่หยิน เจ้าต้องการไปจากข้าไหม?”
หลี่หยินส่ายหัวอย่างรวดเร็ว “ไม่เจ้าค่ะ ข้าต้องอยู่เคียงข้างนายน้อยเจ้าค่ะ”
“เจ้าได้ยินนางไหม แม่นางผู้ชอบธรรม” ลั่วอู๋เย้ยหยัน

ใบหน้าของหนานกงหยิงเอ๋อบิดเบี้ยว มีเปลวไฟแห่งความโกรธเพียงปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง นางพยายามสงบสติอารมณ์และฟื้นฟูภาพลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของนางกลับมา นางพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ข้ายอมรับว่า ข้ามีความเห็นแก่ตัว แต่แล้วมันจะยังไงล่ะ ? เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีคุณสมบัติสูงสุด ทั้ง ๆ ที่เป็นเพียงแค่ตัวสำรองรึไง? เจ้าคิดว่าตัวเองคู่ควรกับ หลี่หยินจริง ๆ เหรอ ?”
“ถ้าข้าไม่คู่ควร แล้วเจ้าจะคู่ควรรึยังไง?”
หนานกงหยิงเอ๋อกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ข้าเป็นลูกหลานจากพระราชวังหยู่หวัง และตอนนี้ข้าก็ได้รับการยกระดับเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับสูงแล้วเป็นที่เรียบร้อย นอกจากนี้ข้ายังได้รับนกกระเรียนแห่งการจุติใหม่ สัตว์วิญญาณระดับทองที่ปรับแต่งโดยตระกูลซง ข้าคิดว่าข้าคู่ควรนะ”
ลั่วอู๋หันไปมองฉูจงฉวน
ฉูจงฉวนพยักหน้าและยืนยันว่าหนานกงหยิงเอ๋อพูดถูก ผู้หญิงคนนี้นั้นน่าทึ่งมากจริง ๆ

“น้องหลี่หยินเจ้าไม่ต้องกลัวไป ข้าจะพรากเจ้าไปจากผู้ชายคนนี้เอง” หนานกงหยิงเอ๋อกล่าวกับหลี่หยิน
อย่าปล่อยให้อิสรภาพถูกจำกัดอยู่เลย
“เจ้าถูกปลูกฝังความคิดของคนรับใช้มาตั้งแต่ยังเด็ก ๆ แต่เมื่อเจ้าได้เพลิดเพลินกับรสชาติแห่งอิสรภาพจริง ๆ แล้ว เจ้าก็จะเข้าใจเจตนาของข้า ดังนั้นข้าจะไม่โกรธเจ้าหากเจ้าคิดจะตำหนิข้า แต่ชายคนนี้นั้นไม่คู่ควรที่จะเป็นนายของเจ้า” หนานกงหยิงเอ๋อพูดออกมาอย่างมั่นใจ
แต่ในใจของนางนั้นทั้งสงสารหลี่หยินและโกรธว่าทำไมนางจึงโง่ได้ขนาดนี้

ในที่สุดนางก็ทำให้ลั่วอู๋โกรธจนได้
“เฮ้ ฉูจงฉวน มีคนมาหาเรื่องข้าต่อหน้าเจ้าในเมืองหมิงหนาน เจ้าจะไม่ทำอะไรหน่อยเหรอ ?” ลั่วอู๋ ร้องไห้ในใจ
ฉูจงฉวนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโบกมือของเขา “เจ้าก็รู้ว่า ข้าไม่มีทางลงมือกับผู้หญิงก่อน”
“ได้ ๆ งั้นข้าจะจัดการนางด้วยตัวเอง” ใบหน้าของลั่วอู๋ฉายแววอันชั่วร้ายจ้องมองไปที่หนานกงหยิงเอ๋อ “เจ้าคิดว่าข้ามีคุณสมบัติไม่เพียงพอสินะ งั้นข้าขอทดสอบเจ้าหน่อยดีกว่า ว่าเจ้าดีพอหรือเปล่า?”
หนานกงหยิงเอ๋อมองไปที่ลั่วอู๋ด้วยความรู้สึกไม่พอใจ

นี่มันแปลกเกินไป
เขาเป็นแค่ผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน มิติ 6 จะมาเทียบนางได้อย่างไร
แต่แล้วทำไมนางถึงรู้สึกได้ถึงอันตรายจากเขาคนนี้กัน