บทที่ 167 เปิดฉากสงคราม[รีไรท์]
ชายหนุ่มในห้องหมายเลขห้าสิบถูกหลอกปั่นราคา จนสุดท้ายเขาต้องจ่ายเงินถึงหนึ่งพันล้านหยวน ซึ่งถือว่าไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ แต่สำหรับคนอื่นแล้ว มันก็เป็นเพียงแค่การประมูลของชิ้นหนึ่ง
ในเมื่อเงินที่เสียไปไม่ใช่เงินของพวกเขา ไม่ช้าผู้เข้าร่วมการประมูลก็ลืมเลือนเรื่องนี้ไปและทุ่มเทความสนใจทั้งหมดมายังของประมูลชิ้นที่สิบ กระถางปรุงยาอมตะ
กล่าวได้ว่าคนส่วนใหญ่ที่มาวันนี้ ก็เพื่อหวังประมูลของชิ้นนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนจากยุทธภพ หรือว่าคนจากโลกมนุษย์ กระถางปรุงยาอมตะเป็นของประมูลชิ้นสุดท้าย ถือว่าเป็นของที่มีความสำคัญมากที่สุด เมื่อบัตรเชิญถูกส่งมาหาทุกคน รูปภาพของกระถางปรุงยาอมตะก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ทุกคนมาที่นี่ในวันนี้
บัดนี้ เมื่อกระถางปรุงยาอมตะปรากฏขึ้นบนหน้าจอ อย่างเป็นทางการแล้ว อารมณ์ของทุกคนก็กำลังเดือดด้วยความอยากได้ ของมันต้องมี! ตอนนี้ผู้คนราวกับเป็นปีศาจแห่งความโลภเลยก็ว่าได้
ถึงแม้การประมูลจะยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น แต่ก็มีทีท่าว่าคงเป็นสงครามที่ดุเดือดอย่างแน่นอน
“ผมคงไม่ต้องอธิบายสรรพคุณของกระถางปรุงยาอมตะใช่ไหมครับ? พวกเรามาเริ่มประมูลกันเลยดีกว่า ราคาประมูลเริ่มต้นที่ หนึ่งร้อยล้านหยวน และในการเพิ่มวงเงินแต่ละครั้ง ต้องสู้ราคาอย่างน้อยสิบล้านหยวนขึ้นไปนะครับ” เมื่อสิ้นเสียงพิธีกรชาย การประมูลก็เริ่มต้นขึ้นทันที ราคาพุ่งสูงถึงห้าร้อยล้านหยวน
เมื่อการประมูลดำเนินต่อไป ราคาก็สูงถึง หนึ่งพันล้านหยวนในเวลาเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น!
“เงินถุงเงินถังกันจริง ๆ แฮะ” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเบา ๆ ฮวาชิงหวู่และฮวาเซิ่งก็รู้สึกแบบเดียวกัน ที่นี่เงินตราเหมือนกับไม่มีค่าเลย เม็ดเงินที่ถูกใช้จ่ายในการประมูลวันนี้ เทียบเท่ากับค่าจีดีพีประจำปีของประเทศเล็ก ๆ ตลอดทั้งปีด้วยซ้ำ
ไม่ว่าเป็นใครต่างก็อยากได้กระถางปรุงยาอมตะมาครอบครอง ไม่ช้าราคาก็พุ่งสูงถึง หนึ่งพันห้าร้อยล้านหยวน เมื่อมาถึงตอนนี้ กลุ่มผู้ประมูลรายย่อยก็ถอนทัพกลับไป เพราะรู้ดีว่าตนเองคงแข่งขันด้วยไม่ได้แล้ว
แต่ก็ยังเหลือผู้ประมูลที่เข้าร่วมสงครามอีกยี่สิบกว่าคน ไม่ว่าจะจบลงแบบไหน แต่ราคาสุดท้ายของกระถางปรุงยาอมตะคงทำให้ทั้งโลกต้องตกตะลึงแน่นอน
ขณะนี้ราคาอยู่ที่หนึ่งพันแปดร้อยล้านหยวน และยังคงมีคนสู้ราคาอย่างไม่ยอมแพ้
“สองพันล้าน”
นี่คือราคาจากชายหนุ่มในห้องหมายเลขห้าสิบก่อนหน้านี้ เขาเกือบจะบ้าคลั่งไปแล้วตอนที่ถูกพวกของฉู่ชวิ๋นหลอกปั่นราคา ในขณะนี้ ดวงตาของเขาแดงก่ำ ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้อีกโดยเฉพาะเวลาที่มองไปทางห้องหมายเลขเจ็ดสิบเจ็ด ดวงตาของเขาจะปรากฏความโกรธแค้นขึ้นมาอย่างชัดเจน
สองพันล้านถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก ผู้ประมูลหลายคนถอนตัวไป ในขณะนี้ จึงเหลืออยู่แต่เพียงผู้ประมูลรายใหญ่เท่านั้น และทุกคนก็เป็นคนจากยุทธภพทั้งสิ้น
ตอนนี้เหลือผู้ร่วมประมูลอยู่ห้าคน ทุกครั้งที่มีการสู้ราคา คนอื่นจะเพิ่มเงินแค่สิบล้านหยวน แต่ชายหนุ่มในห้องหมายเลขห้าสิบ จะเพิ่มเงินทีละหนึ่งร้อยล้านหยวน
ราคาพุ่งสูงถึง สองพันสามร้อยล้านหยวนแล้ว ในขณะนี้เหลือผู้เข้าร่วมการประมูลอีกแค่เพียงสองคน
“สองพันสามร้อยห้าสิบล้าน” อีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นคนจากในยุทธภพเช่นกัน
“สองพันสี่ร้อยล้าน” นายน้อยกัดฟันกรอด
“นายน้อยครับ เราเหลือเงินไม่มากแล้วนะครับ” ผู้อาวุโสเอ่ยปากเตือน
วันนี้พวกเขานำเงินติดตัวมาเพียงแค่สามพันห้าร้อยล้านหยวน ก่อนหน้านี้เสียเงินไปแล้ว หนึ่งพันล้านหยวน เพื่อซื้อหญ้าทองคำ เท่ากับว่าในขณะนี้ พวกเขาเหลือเงินให้ใช้แค่เพียง หนึ่งร้อยล้านหยวนเท่านั้น
ผู้เป็นนายน้อยนิ่งใช้ความคิดเล็กน้อยและพูดออกมา “ในเมืองหยุนหยานเรามีธุรกิจอยู่บ้างหรือเปล่า?”
ชายชรามีใบหน้าเศร้าหมองตอนที่ตอบออกมา “เราเคยมีครับ แต่ถูกฉู่ชวิ๋นทำลายไปหมดสิ้นแล้ว”
ชายหนุ่มทำหน้าเคียดแค้น แล้วกล่าวว่า “ฉู่ชวิ๋น ไม่ช้าก็เร็ว ฉันจะทำให้มันตายโดยไม่มีหลุมฝังศพ”
“หืม?” แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจเล็กน้อย เมื่อไม่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหนึ่งสู้ราคา
“หรือว่าพวกมันจะหมดเงินแล้ว?” ชายหนุ่มพูดกับตัวเอง ช่างมันเถอะ ตราบใดที่ได้กระถางปรุงยาอมตะมาครอบครองเขาก็พอใจแล้ว
ฉู่ชวิ๋นเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เมื่อดูแนวโน้มของราคาการประมูลในขณะนี้ เขาก็แน่ใจว่ามันไม่น่าสูงเกินกว่าสองพันสี่ร้อยล้านหยวนอีกแล้ว
เขาเห็นสถานการณ์ภายในห้องหมายเลขหกสิบหก อย่างชัดเจน
ในห้องนั้นมีคนอยู่หกคน เป็นผู้หญิงหนึ่ง ผู้ชายห้า หญิงสาวมีอายุยี่สิบกว่าปี รูปร่างผอมเพรียว ใบหน้าสวยงาม
แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวแต่งกายด้วยชุดหนังรัดรูป ขับเน้นทรวดทรงองค์เอวเด่นชัด เส้นผมของเธอย้อมเป็นสีม่วงเล็กน้อย แต่งหน้าจัดไม่ใช่เล่น ในขณะนี้นิ้วมือที่เรียวยาวของเธอกำลังคีบบุหรี่ กล่าวโดยรวมแล้ว เธอก็คือยัยตัวร้ายที่งดงามเหลือเกิน
ส่วนผู้ชายอีก ห้าคน หนึ่งในนั้นเป็นผู้อาวุโสที่เป็นปรมาจารย์ระดับหก ส่วนอีก สี่คนที่เหลืออยู่เป็นแค่บริวารติดตามทั่วไป ดูแล้วมีความคล้ายคลึงกับห้องหมายเลขห้าสิบ อยู่ไม่น้อย
“ทำไมคุณหนูไม่ประมูลต่อล่ะครับ?” ชายชราถาม ยัยตัวร้ายพ่นควันเป็นรูปวงแหวนในอากาศ ถ้ามีสิงห์อมควันผ่านมาพบเห็นเข้า ก็จะรู้ว่าเธอเป็นสิงห์อมควันตัวฉกาจ หญิงสาวผู้ทาขอบตาสีดำตอบกลับไปว่า
“ไม่จำเป็นต้องเสียเงิน เดี๋ยวเราค่อยไปแย่งมาทีหลังก็ได้”ผู้อาวุโสเก๋อ ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 เบิกตาโตเมื่อลองคิดถึงเรื่องนี้ดูแล้วเขาก็พยักหน้า ฉู่ชวิ๋นมองเห็นเหตุการณ์นี้อย่างชัดเจน ผู้อาวุโสเก๋อมองคุณหนูของเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ คนพวกนี้เป็นใครกันนะ? เอะอะก็วางแผนจะปล้นกันท่าเดียว
ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ของรัฐถึงไม่ชอบคนในโลกยุทธภพ นั่นก็เป็นเพราะว่า คนพวกนี้ชอบทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย นึกอยากจะปล้นก็ปล้น ป่าเถื่อนเป็นที่สุด
ทุกคนที่อยู่ในห้องหมายเลขห้าสิบ กำลังยิ้มอย่างมีความสุข เพราะว่าค้อนประมูลถูกเคาะลงมาสองครั้งแล้ว
“สองพันสี่ร้อยห้าสิบล้าน”
ฮวาเซิ่งประกาศราคาออกไป ทำให้ค้อนประมูลที่กำลังจะเคาะลงเป็นครั้งที่สาม ต้องหยุดชะงักอยู่กลางอากาศ ในขณะที่รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของคนสำนักสวรรค์ฟ้า ผู้เข้าร่วมประมูลคนอื่น ๆ กลับตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
ห้องหมายเลขเจ็ดสิบเจ็ดอีกแล้ว ทุกคนพากันอุทานออกมาด้วยความชอบใจ คราวนี้
ไม่ถือว่าเป็นการเสียเวลาเลยจริง ๆ ต่อให้พวกเขาไม่ได้กระถางปรุงยาอมตะมาครอบครอง แต่ได้เห็นสองฝ่ายทำสงครามการประมูลอย่างดุเดือดแบบนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องบันเทิงที่หาดูได้ไม่ง่ายนัก
คนของสำนักสวรรค์ฟ้าโกรธแค้น รู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าขยะแขยงที่สุด ไม่ว่าพวกเขาจะประมูลอะไร ฝ่ายนั้นก็ต้องเข้ามาปั่นราคาทุกทีสิน่า ใบหน้าของนายน้อยบิดเบี้ยวด้วยความเดือดดาล
“สองพันห้าร้อยล้าน” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด นี่คือวงเงินสูงสุดที่พวกเขาจะประมูลได้แล้ว
“ยอมแพ้แล้ว ผมยกให้คุณก็ได้” ฮวาเซิ่งพูดเหมือนเป็นคนใจกว้าง เอ่อ… ทุกคนพากันตกตะลึง มันจบลงแล้วหรือ? ทำไมคราวนี้ปั่นราคากันน้อยจัง
แต่นั่นก็เป็นเพราะว่า ฉู่ชวิ๋นทราบดีว่าอีกฝ่ายหนึ่งถึงขีดจำกัดแล้ว ถ้าเขาเพิ่มราคาขึ้นไปอีก ก็เท่ากับเป็นการขุดหลุมฝังศพตัวเองเท่านั้น
นายน้อยจากสำนักสวรรค์ฟ้ากัดริมฝีปากของตัวเองด้วยความลุ้นระทึก จนเลือดแทบไหลออกมาแล้ว หลังจากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า
“ผู้อาวุโสเหลียง ผมอยากให้คุณทรมานพวกมัน ผมจะทำให้พวกมันรู้ว่าเมื่อมันมีเรื่องกับผม มันจะเลวร้ายยิ่งกว่าความตายเสียอีก”
“ได้เลยครับ” น้ำเสียงของผู้อาวุโสเหลียงเต็มไปด้วยความอำมหิต เขาเองก็โกรธแค้นอีกฝ่ายไม่น้อยอยู่แล้ว
ในที่สุด กระถางปรุงยาอมตะก็ตกมาอยู่ในการครอบครองของสำนักสวรรค์ฟ้า แม้ว่าจะแค่ชั่วคราวก็ตาม
เมื่อการประมูลจบลง ทุกคนก็ทยอยกลับบ้าน หลายคนจากโลกยุทธภพได้กลิ่นความผิดปกติ ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นแน่นอน พวกเขาจึงอยู่รอเป็นสักขีพยาน
“คุณหนูครับ รีบไปกันก่อนดีกว่า” ขั้นปรมาจารย์ระดับ 2 ในห้องหมายเลขสี่สิบสอง พูดอย่างไม่สบายใจ ทั้งสามคนรีบออกไปทันที แต่ฉู่ชวิ๋นก็แอบติดตามไปด้วย
“เหมือนพวกมันจะกลับทางเดียวกับเราด้วยแฮะ แบบนี้งานสบายเลย” นายน้อยจากสำนักสวรรค์ฟ้าว่า พวกเขาติดตามคนจากห้องหมายเลขสี่สิบสอง ไปติดเช่นเดียวกับฉู่ชวิ๋น
“น่าสนใจดีนี่” เมื่อเห็นแบบนี้ ยัยตัวร้ายก็คิดว่าจะปล่อยผ่านไปไม่ได้ จึงติดตามพวกเขาไปด้วยอีกคน นี่คือสงครามระหว่างนักล่ากับผู้ถูกล่า แต่ทว่าในครั้งนี้ความน่ากลัวระหว่างผู้ถูกล่ากับนักล่าแทบไม่แตกต่างกันเลย ไม่มีใครรู้เลยว่าสุดท้ายแล้วใครจะเป็นฝ่ายถูกล่ากันแน่?
รถยนต์จำนวนหลายสิบคันแล่นออกมาจากลานจอดรถใต้ดินของอาคารที่ทำการจัดงานประมูล
“ผู้อาวุโสเฟย เราถูกตาม” เด็กสาวจากห้องหมายเลขสี่สิบสองพูดพร้อมกับมองกระจกส่องหลังและเห็นรถยนต์ Rolls-Royce สีดำคันหนึ่งแล่นตามมาไม่ห่าง
“เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วยมีคนอยากจะปล้นดาบปราบมารไปจากพวกเรา” ชายชราตอบรับด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด
“ขับต้อนพวกมันออกไปนอกเมือง” นายน้อยจากสำนักสวรรค์ฟ้าพูดพร้อมกับยิ้มอย่างชั่วร้าย พวกเขาขับรถกระบะสีดำบรรทุกกระถางปรุงยาอมตะมาด้วย นี่คือรถยนต์นำเข้าจากอเมริกายี่ห้อ Ford Ranger Raptor มีแรงม้าและความแข็งแกร่งทนทานหาตัวจับยาก
รถกระบะหุ้มหลังคาของพวกเขาเร่งความเร็วแซงรถ Rolls-Royce ของฉู่ชวิ๋น และขับขึ้นไปเทียบข้างรถยนต์ Land Rover ของคนจากห้องหมายเลขสี่สิบสอง
โครม!
ประตูของรถ Land Rover บุบยุบเข้ามา และรถยนต์แทบจะกระเด็นตกถนนเมื่อถูก รถ Ford Ranger Raptor กระแทกเข้าใส่อย่างแรง
“จับแน่น ๆ นะครับคุณชาย คุณหนู!” ชายชราพูดด้วยน้ำเสียงหวาดวิตก เขาเร่งความเร็วขึ้น นำพารถยนต์เข้าสู่ถนนลูกรังและมุ่งหน้าไปยังทิศใต้ แต่นั่นคือสิ่งที่สำนักสวรรค์ฟ้าต้องการ Ford Ranger Raptor ขับตามติดเข้ามาอีกครั้ง
“เพิ่มความเร็วขึ้นหน่อย” ฉู่ชวิ๋นเห็นดังนั้นก็รีบออกคำสั่ง
ฮวาเซิ่งตื่นเต้นมาก ในที่สุดเขาก็จะได้เห็นการปะทะกันระหว่างจอมยุทธ์จากโลกยุทธภพแล้ว และเขาจะได้เห็นฝีมือของนายท่านฉู่ชวิ๋นด้วยตาของตัวเอง
รถยนต์ของยัยตัวร้ายในชุดหนังก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน ยังมีรถยนต์อีกหลายคันขับตามติดมาด้านหลัง ล้วนแล้วแต่เป็นรถยนต์ของคนจากยุทธภพทั้งสิ้น ไม่ว่าเป็นใครต่างก็อยากเห็นเรื่องสนุก สงครามนี้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
บนถนนดินลูกรัง รถยนต์หลายสิบคันแล่นตามกันไป ล้อรถที่หมุนวนส่งฝุ่นดินบนพื้นฟุ้งกระจายไปเต็มท้องฟ้า เหมือนกับว่ากำลังจะมีมังกรมุดดินขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น