บทที่ 168 ปล้นกันหน้าตาเฉย[รีไรท์]
นอกเขตเมืองหยุนหยาง มีแต่ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ไพศาลเขียวขจี Ford Ranger Raptor เพิ่มความเร็วขึ้นเต็มกำลัง วิ่งไล่กวดเหมือนกับกระทิงป่า พุ่งเข้าหารถยนต์ Land Rover ที่นำอยู่ข้างหน้า
โครม!
บริเวณข้างตัวถังรถยนต์ Land Rover ถูกกระแทกจนเกิดรอยยุบ ใบหน้าของชายชราผู้เป็นคนขับปรากฏความวิตกกังวลมากยิ่งขึ้น เขาเหยียบเบรกและพยายามประคองพวงมาลัยไม่ให้รถยนต์พลิกคว่ำ
“รีบออกไปจากรถ เร็วครับ!” ผู้อาวุโสส่งเสียงร้อนใจ เนื่องจากมองเห็นว่า Ford Ranger Raptor กำลังเร่งเครื่องไล่ตามเข้ามาอีกครั้ง
ผู้คนในยุทธภพมีการตอบสนองที่รวดเร็วอยู่แล้ว เมื่อเด็กสาวได้ยินดังนั้น เธอก็เปิดประตูกระโดดลงจากรถทันทีพร้อมกับผู้เป็นพี่ชาย แม้แต่ชายชราก็กระโดดออกมาด้วยเช่นกัน เด็กหนุ่มและเด็กสาวม้วนตัวกลิ้งไปบนพื้นหลายตลบ ใบหน้าของพวกเขาขาวซีด ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบเจอเหตุการณ์ที่ลุ้นระทึกขนาดนี้มาก่อน
หลังจากที่ชายชรากระโจนลงมาจากรถ เขาก็กระโดดลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่มกับเด็กสาวทันที
“ผู้อาวุโสเฟย พวกเราไม่เป็นไร” เด็กหนุ่มและเด็กสาวบอกให้ชายชราไม่ต้องเป็นกังวล
โครม!
Ford Ranger Raptor พุ่งเข้าชนรถยนต์ Land Rover อีกครั้ง คราวนี้รถยนต์ถึงกับพลิกคว่ำตกลงไปข้างทาง ชายชรามีสีหน้าไม่สู้ดี ถือว่าเขาช่วยเหลือคุณชายกับคุณหนูได้อย่างเฉียดฉิวจริง ๆ
ในขณะนี้ Ford Ranger Raptor ขับถอยหลังกลับมาและหยุดจอด ประตูรถเปิดออก นายน้อยของสำนักสวรรค์ฟ้าก้าวลงมาจากรถ ในขณะเดียวกันนี้รถยนต์ที่ขับตามหลังมาก็เคลื่อนเข้ามาจอด มันเป็นรถยนต์สองคัน ที่บรรทุกคนมาคันละสี่คน สี่คนแรกเป็นผู้ติดตามของนายน้อยจากสำนักสวรรค์ฟ้า ส่วนอีกสี่คนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นคนจากสำนักสวรรค์ฟ้าเช่นกัน พวกเขามาที่นี่เพื่อคุ้มครองนายน้อยนั่นเอง
ชายฉกรรจ์ทั้งแปดคนเดินเข้ามาห้อมล้อมผู้อาวุโสกับคุณชายและคุณหนู นายน้อยจากสำนักสวรรค์ฟ้าเดินเข้ามามองคนทั้งสามด้วยสายตาดูถูกแล้วพูดว่า
“ส่งดาบปราบมารมาซะ แล้วฉันจะไว้ชีวิตพวกแก”
“ทำไมฉันต้องให้แกด้วย พวกเราได้ดาบนี้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย” เด็กสาวตอบเสียงแข็ง เธอเสียเงินมากมายประมูลดาบปราบมารมา ก็เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้พี่ชาย
“ทำไมต้องให้งั้นเหรอ? เป็นคำถามที่ไร้เดียงสาดีนะ” นายน้อยฉีกยิ้มอย่างชั่วร้ายและพูดต่อว่า “แต่ฉันจะช่วยตอบให้ฟรี ๆ ก็ได้ว่า มันเป็นเพราะเราแข็งแกร่งกว่าเธอไงล่ะ เข้าใจหรือยัง?”
ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ข้างคุณหนูมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น ส่งผลให้ผู้อาวุโสจากสำนักสวรรค์ฟ้ารีบโคจรพลังลมปราณเพื่อเตรียมรับมือ
เปรียบเทียบสถานการณ์ในตอนนี้มันช่างเหมาะสมกับคำว่า “เอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง” จริง ๆ ผู้อาวุโส คุณชาย และคุณหนู ไม่สามารถต่อสู้กับฝ่ายของสำนักสวรรค์ฟ้าได้เลย
“คุณหนูครับ มอบดาบให้พวกเขาไปเถอะ” ผู้อาวุโสคำนวณดูแล้วว่า คงไม่มีทางออกไหนดีมากกว่าส่งมอบดาบให้อีกฝ่ายอีกแล้ว
“ก็ฉันไม่อยากให้นี่นา” เด็กสาวส่ายหน้าอย่างดื้อรั้น ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะไม่ยอมให้ดาบแน่นอน
“เสี้ยวเสี้ยว ฟังพี่ให้ดีนะ พี่รู้ว่าเธออยากเก็บดาบนี้เอาไว้ให้พี่ แต่มันมีราคาที่แพงเกินกว่าเราจะเก็บเอาไว้ได้แล้ว” เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บใจ แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความใจเย็นอยู่เหมือนเดิม
“น้องสาวจ๊ะ ฟังที่คนอื่นพูดหน่อยเถอะ ส่งดาบมาให้ฉันเดี๋ยวนี้” นายน้อยจากสำนักสวรรค์ฟ้าพูด แล้วก็ขยิบตาอย่างเจ้าเล่ห์ “หรือว่าเธอจะเดินเอามาส่งให้ฉันเองดีล่ะ?”
“นายน้อยครับ ที่นี่มีคนอยู่มากมาย ระวังเรื่องภาพลักษณ์ด้วยครับ” ผู้อาวุโสผู้เป็นปรมาจารย์ระดับที่หก ตักเตือนเขาเบา ๆ
ผู้เป็นนายน้อยพ่นลมผ่านจมูกอย่างไม่ชอบใจ แล้วหันกลับมาออกคำสั่งกับผู้อาวุโสที่เป็นปรมาจารย์ระดับที่สอง “ไปเอาดาบมาให้ฉันเดี๋ยวนี้”
“ได้เลยครับ” ขั้นปรมาจารย์ระดับ 2รับคำและเดินตรงเข้าไปหาเด็กสาว
“ส่งดาบมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่มีทาง!” ใบหน้าของเด็กสาวเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เกิดเสียงดังเช้ง ดาบถูกชักออกมาจากฝักเป็นประกายเย็นเยียบคมกริบ
“คุณหนู ไม่ได้นะครับ”
ผู้อาวุโสและเด็กหนุ่มร้องห้ามด้วยความตื่นกลัว แต่เด็กสาวดื้อรั้นเกินกว่าจะยอมก้มหัวส่งมอบดาบปราบมารให้ฝ่ายตรงข้ามง่าย ๆ
“สาวน้อย ฉันขอชื่นชมเลยนะที่เธอกล้าหาญขนาดนี้ แต่สิ่งที่เธอทำอยู่มันไร้ประโยชน์ เธอจะทำให้ทุกคนต้องตายกันหมด” ขั้นปรมาจารย์ระดับ 2 ส่งเสียงหัวเราะเยาะ
เด็กสาวชะงักไปเล็กน้อย เธอหันกลับไปมองผู้อาวุโสและพี่ชายของตนเองด้วยความเป็นกังวล หลังจากนั้นความเศร้าหมองก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
“เสี้ยวเสี้ยว ส่งดาบให้พวกเขาไปซะ ความปลอดภัยของเธอสำคัญกว่าอะไรทั้งนั้น” เด็กหนุ่มพยายามโน้มน้าวน้องสาว ในขณะที่ระงับความโกรธเอาไว้เต็มที่
“ก็ได้ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว” เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าซึม
เด็กหนุ่มรับดาบมาจากมือเธอ และโยนไปทางขั้นปรมาจารย์ระดับ 2ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม
“อยากได้ก็เอาไปซะ” ดาบปราบมารลอยข้ามอากาศมาแล้ว ขั้นปรมาจารย์ระดับ 2 เอื้อมมือขึ้นไปเตรียมรับมันไว้
เช้ง!
เกิดเสียงกังวานดังออกมาจากตัวดาบ เมื่อมองไปทางต้นเสียง กลับพบว่าในขณะนี้ดาบปราบมารได้ตกไปอยู่ในมือของชายหนุ่มผู้สวมใส่หน้ากากคนหนึ่ง ดาบที่อยู่ในมือเขากำลังส่งเสียงกังวานดังชัดเจน
ในขณะนั้นเอง มีคนจากโลกยุทธภพยืนดูเหตุการณ์อยู่จำนวนมาก ทุกคนต่างก็ประหลาดใจที่ดาบปราบมารกลับตกไปอยู่ในมือของชายหนุ่มปริศนาได้หน้าตาเฉย
“แกเป็นใคร?” ผู้อาวุโสที่ถูกแย่งชิงดาบปราบมารไปต่อหน้าต่อตาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“คุณไม่อยากรู้หรอกว่าเขาเป็นใคร” เสียงที่อ่อนโยนเสียงหนึ่งดังขึ้นมาแล้ว
เจ้าของเสียงสวมใส่ชุดกระโปรงสีดำ คาดหน้ากากเจ้าหญิงบนใบหน้า ชวนให้ผู้คนรู้สึกอยากถอดหน้ากากออกเพื่อรับชมโฉมหน้าที่แท้จริงของเธอ
นายน้อยจากสำนักสวรรค์ฟ้าส่งสัญญาณให้ขั้นปรมาจารย์ระดับ 2 ถอยกลับมา ในขณะที่ตัวเขาเองเดินสวนออกไป พร้อมกับพูดและยิ้มอย่างชั่วร้าย
“แกคงเป็นคนที่คอยปั่นราคาฉันตอนประมูลของสินะ? ฉันกะจะไปตามหาแกอยู่เหมือนกัน ไม่คิดเลยว่าแกจะมาหาฉันเองถึงที่แบบนี้”
“ทำไมสำนักสวรรค์ฟ้าถึงได้วางท่าใหญ่โตขนาดนี้นะ?” ใครบางคนพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะเยาะ คนพูดก็คือยัยตัวร้ายในชุดหนังนั่นเอง เธอเดินคาบบุหรี่เข้ามาสอดส่ายสายตาไปทั่วด้วยความดูแคลน
“พวกเขามาจากสำนักสวรรค์ฟ้า ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมถึงไม่มีมารยาท” ใครอีกคนหนึ่งกระซิบกระซาบ
“สำนักสวรรค์ฟ้าทำตัวร้ายกาจเกินไปแล้ว แบบนี้มันมากเกินไปจริง ๆ” เกิดเสียงซุบซิบนินทาดังขึ้นทั่วบริเวณ
เมื่อถูกเปิดเผยตัวตน คนจากสำนักสวรรค์ฟ้าก็ต้องลงมือด้วยความระมัดระวังมากขึ้น
“นายน้อยครับ คนพวกนี้มาจากสำนักภูผาทมิฬ” ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6จากสำนักสวรรค์ฟ้ายังคงคอยย้ำเตือนให้นายน้อยรักษาภาพลักษณ์ สำนักภูผาทมิฬฝึกฝีมืออย่างลึกลับ ยากจะรับมือได้และมีความร้ายกาจไม่แพ้สำนักสวรรค์ฟ้า
“สำนักภูผาทมิฬ พวกเธอพูดแบบนี้หมายความว่าไง” นายน้อยแห่งสำนักสวรรค์ฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน ถึงแม้ว่าสำนักภูผาทมิฬจะรับมือได้ยาก แต่เขาก็ไม่กลัวสักหน่อย
“ก็ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่อยากจะมาปล้นของเหมือนนายนั่นแหละ” ยัยตัวร้ายพ่นควันออกมาเป็นรูปวงแหวน แต่สายลมก็เป่ามันกระจายหายไป เธอหันไปมองกลุ่มคนของสำนักสวรรค์ฟ้าที่ยืนอยู่ด้านข้าง และพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่งว่า “ส่งกระถางปรุงยาอมตะมาซะ แล้วฉันจะไว้ชีวิตพวกแก”
นี่คือสิ่งที่เธอวางแผนเอาไว้ ก่อนที่นายน้อยสำนักสวรรค์ฟ้าจะทำการปล้นดาบปราบมารเสียอีก
คนของสำนักสวรรค์ฟ้าเดือดดาลขึ้นมาแล้ว พวกเขาเคยเป็นฝ่ายปล้นคนอื่นมาตลอด ไม่เคยมีใครกล้ามาปล้นพวกเขามาก่อน วันนี้พวกเขาปล้นดาบปราบมารมาจากผู้อื่น แต่กลับมีคนอีกกลุ่มหนึ่งเจตนามาปล้นของอีกชิ้นหนึ่งไปจากพวกเขา ทำแบบนี้ไม่ไว้หน้าสำนักสวรรค์ฟ้ากันเลยใช่ไหม?
“อย่าคิดนะว่าพวกเราจะกลัวสำนักภูผาทมิฬ พวกเราคือสำนักสวรรค์ฟ้า ถ้าอยากได้กระถางปรุงยาอมตะจริง ๆ ก็ลองดูสิว่า พวกเธอมีความสามารถหรือเปล่า” ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6ขยับออกไปข้างหน้าพร้อมกับโคจรลมปราณ ยัยตัวร้ายกลอกตามองบน ดีดบุหรี่ในมือกระเด็นไปในอากาศ หลังจากนั้น เธอก็โบกมือออกคำสั่งว่า “ผู้อาวุโสเก๋อ จัดการซะ”
ในพริบตาเดียว บรรยากาศก็ร้อนระอุขึ้นมาแล้ว หลายคนต้องถอยห่างออกไป ไม่ใช่เพราะความกลัวแต่เป็นเพราะความตื่นเต้น สำนักภูผาทมิฬและสำนักสวรรค์ฟ้าถือว่าเป็นสำนักใหญ่ เมื่อเกิดการปะทะกัน จึงเป็นเรื่องที่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง
ทุกคนถอยออกมาเพื่อเว้นพื้นที่ไว้สำหรับการต่อสู้ คนของสำนักสวรรค์ฟ้าไม่คิดเลยว่าสำนักภูผาทมิฬจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ ถึงแม้จะยังมึนงงอยู่ไม่หาย แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของพวกเขาก็ไม่เชื่องช้า ทุกคนพร้อมสำหรับการต่อสู้แล้ว
สงครามการต่อสู้กำลังจะเกิดขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ในจังหวะนั้นเอง พวกเขาก็ได้ยินเสียงดัง “ฟึบ” เมื่อหันไปมอง ทุกคนก็ต้องตกตะลึง
มันเป็นเสียงของชายหนุ่มใส่หน้ากากผู้ถือดาบปราบมาร เขากระโดดไปยังท้ายรถยนต์ Ford Ranger Raptor ซึ่งบรรทุกกระถางปรุงยาอมตะไว้บนกระบะหลังและร่างของชายฉกรรจ์สองคนที่ทำหน้าที่อารักขากระถางปรุงยาอมตะก็ลอยกระเด็นออกมาอย่างรวดเร็ว