บทที่ 169 ความน่าหวาดกลัว[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 169 ความน่าหวาดกลัว[รีไรท์]

ขวับ!

เกิดเสียงเหมือนคมดาบตัดใบไม้ ดึงทุกคนให้หลุดออกจากภวังค์ ที่จริงแล้วมันเป็นเสียงของดาบปราบมารที่ฟันลงไปบนกระบะหลังรถ Ford Ranger Rapto หลังจากนั้นกระบะหลังรถก็แบแยกออกเป็นสองซีก เผยให้เห็นกระถางปรุงยาอมตะที่ตั้งตรงกลางกระบะหลังรถใต้หลังคาที่ครอบคลุมอยู่

เมื่อชายหนุ่มผู้นั้นยื่นมือเข้าไป กระถางปรุงยาอมตะก็หายวับไปในพริบตา

ทุกคนถึงกับตกตะลึงอีกครั้ง บางคนถึงกับต้องยกมือขยี้ดวงตาและมองใหม่อีกหน กระถางปรุงยาอมตะหายไปแล้วจริง ๆ มันหายไปไหนกัน? ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่เข้าใจ

“ส่งกระถางปรุงยาคืนมาเดี๋ยวนี้นะ” ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6ของสำนักสวรรค์ฟ้าพูดด้วยความเกรี้ยวกราด กระถางปรุงยาอมตะหายไปต่อหน้าต่อตาของเขา จะไม่ให้มีโทสะได้อย่างไร?

“อยากได้คืนก็มาเอาเอง” เมื่อชายหนุ่มผู้นั้นสะบัดมือทีหนึ่ง กระถางปรุงยาอมตะก็กลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้ง โดยตั้งอยู่บนพื้นดินข้างตัวเขาทุกคนอ้าปากเหวอ นี่คือมายากลหรืออย่างไร?

“ทุกคนฆ่ามันเดี๋ยวนี้” ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 ออกคำสั่งต่อขั้นปรมาจารย์ระดับ 2

ฟึบ!

ขั้นปรมาจารย์ระดับ 2 ดีดตัวขึ้นจากพื้น ชายหนุ่มก็กระโดดขึ้นกลางอากาศเช่นกัน เขาสะบัดฝ่ามือส่งพลังลมปราณออกมาอย่างรุนแรง

ในขณะนี้ เกิดประกายแวววาวสีทองคำพุ่งออกมาจากตัวดาบปราบมาร

ขวับ!

เลือดสาดกระจายในอากาศ พร่างพรมลงมาเหมือนกับสายฝน ขั้นปรมาจารย์ระดับ 2ส่งเสียงร้องโหยหวน ในขณะที่ร่างถูกฟันขาดเป็นสองท่อนร่วงตกกระทบพื้นดิน

ทุกคนถึงกับหวาดกลัวขนหัวลุกไปแล้ว ชายหนุ่มผู้นี้ต้องมีฝีมือน่ากลัวขนาดไหน ถึงสังหารขั้นปรมาจารย์ระดับ 2 ได้ภายในเพลงดาบเดียว?

“แกเป็นใครกันแน่” ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 ถามด้วยความตื่นตระหนก ทุกคนหันไปมองชายหนุ่มด้วยความสงสัยใคร่รู้

ชายหนุ่มยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนที่จะถอดหน้ากากออก เผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลา แต่มีดวงตาที่เรียบเฉยน่าหวาดกลัว

“ทำไมหน้าตามันคุ้น ๆ จังเลยแฮะ” ใครบางคนกระซิบออกมา

“ฉัน….ฉันจำได้แล้ว เขาคือฉู่ชวิ๋น” ใครอีกคนหนึ่งอุทานเสียงดัง เกิดเสียงอื้ออึงดังมาจากผู้คนทั่วบริเวณทันที

ฉู่ชวิ๋น ฉู่ชวิ๋นจอมอำมหิต จอมมารฉู่ชวิ๋น ฉู่ชวิ๋นมีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่ว่าจะเป็นในโลกยุทธภพหรือว่าโลกมนุษย์ก่อนหน้านี้ หลายคนแอบไปซุ่มอยู่ที่สำนักความหวังใหม่ เพื่อหวังว่าจะได้พบฉู่ชวิ๋น แต่โชคไม่ดีที่ชายหนุ่มกลับเดินทางไปที่หุบเขาราชาพิษแทน พวกเขาจึงไม่ได้เห็นฝีมือของฉู่ชวิ๋นตามที่หวังเอาไว้แต่ไม่มีใครคิดเลยว่าจะได้มาเจอกับฉู่ชวิ๋นที่นี่มันช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ

“ไหนมีข่าวลือว่าจอมมารฉู่ชวิ๋นเสียชีวิตไปแล้วไงล่ะ? แล้วทำไมเขาถึงยังเด็กอยู่แบบนี้ เห็นว่า ตัวจริงมีอายุเจ็ดสิบถึงแปดสิบปีแล้วไม่ใช่เหรอ”

“ไปฟังที่ไหนมา นี่แหละฉู่ชวิ๋นตัวจริงเสียงจริง”

“ชู่ว์…เงียบหน่อยสิวะ แกอยากตายหรือไง” ทุกคนได้แต่ส่งเสียงกระซิบกระซาบ กลุ่มคนของสำนักสวรรค์ฟ้าที่เคยชินกับการรังแกผู้อื่นไม่รู้จะรับมือกับเขาอย่างไรดี

แม้แต่สำนักภูผาทมิฬเองก็เช่นกัน ทุกคนต่างก็ทำอะไรไม่ถูกเมื่อฉู่ชวิ๋นปรากฏกายขึ้นมาตรงหน้า

ตอนนี้ ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 ของสำนักสวรรค์ฟ้าดึงนายน้อยให้ไปข้างหลัง พร้อมกับส่งเสียงตะโกนว่า “นายน้อยครับ หนีไป!”

“คนที่เหลืออยู่ช่วยฉันถ่วงเวลาให้นายน้อยหนีไป…” ออกคำสั่งแล้ว ตัวเขาเองก็ไปไหนไม่ได้อีก

ขวับ!

หัวของชายฉกรรจ์สี่คนพลันลอยคว้างในอากาศ เลือดพรมลงมาเหมือนสายฝน ชายฉกรรจ์ที่เป็นจอมยุทธ์ทั้งสี่ คนถูกตัดหัวทิ้งไปด้วยการตวัดดาบเพียงครั้งเดียว

“ไม่นะ…” ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 ส่งเสียงร้องโหยหวน ชายฉกรรจ์

ทั้งสี่คนที่เพิ่งเสียชีวิตไป เป็นลูกศิษย์ของเขาทั้งหมด ฉู่ชวิ๋นมีแววตาเย็นชา ยกมือหนึ่งหมุนวนในอากาศ

ครืน!

มวลอากาศสั่นไหวระเบิดตัวออก ฝ่ามือขนาดยักษ์พุ่งลงมาจากท้องฟ้า เป้าหมายของฝ่ามือขนาดยักษ์ ก็คือบรรดากลุ่มคนของสำนักสวรรค์ฟ้าที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้น

ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 รู้ตัวว่าจะมัวเสียใจต่อไปไม่ได้อีก ใบหน้าที่แก่ชราของเขาซีดขาวปราศจากสีเลือด เขาโคจรพลังลมปราณเต็มกำลัง ระหว่างนิ้วมือของเขาปรากฏมวลพลังเป็นประกายระยิบระยับ

“ทุกคนรวมกำลังกัน!” ชายชราร้องตะโกน

ชายฉกรรจ์อีกสามคนที่เก่งที่สุดอยู่ขั้นปรมาจารย์ระดับ 4 ทุกคนเคลื่อนกายเข้ามาพร้อมกับโคจรพลังเต็มสูบ

คนของสำนักสวรรค์ฟ้าทราบดีว่าตนเองไม่มีเวลาแล้ว ถ้าไม่ร่วมมือกันมีหวังได้ตายไม่เหลือแม้แต่ศพแน่ ๆ ในตอนนี้เองพวกเขาจึงร่วมแรงร่วมใจโคจรพลังขึ้นไป เพื่อต้านฝ่ามือขนาดยักษ์ที่กำลังหล่นลงมาจากท้องฟ้า

พลังลมปราณของพวกเขาปะทะเข้ากับฝ่ามือยักษ์ เกิดเสียงดังโครมคราม คลื่นอากาศระเบิดตัวออกไปรอบบริเวณ กรวดหินดินทรายปลิวว่อนในอากาศ แม้แต่ต้นไม้ก็ถูกถอนรากถอนโคน เป็นภาพที่น่าตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากพายุผ่านพ้นไป ทุกคนจึงได้พักหายใจและเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ได้ยินเสียงลมหวีดหวิวในอากาศ ทุกคนเย็นวาบไปถึงสันหลังอย่างขนหัวลุก ร่างของขั้นปรมาจารย์ระดับ 6ของสำนักสวรรค์ฟ้าจมหายลงไปใต้ดินครึ่งหนึ่ง ทั่วกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด

ในขณะที่ชายฉกรรจ์อีกสามคนถูกฝ่ามือขนาดยักษ์บดขยี้จนบี้แบน มีสภาพศพน่าอนาถใจเป็นอย่างยิ่ง

ฉู่ชวิ๋นตวัดดาบออกไปอีกครั้ง ดาบในมือเขาเต็มไปด้วยพลังลมปราณ

ฉับ!

หัวคนกลิ้งกระเด็นไปหลายเมตร เลือดไหลทะลักออกมาจากลำคอของศพ ย้อมพื้นดินเป็นสีแดง ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6ของสำนักสวรรค์ฟ้าถูกตัดหัวไปแล้ว!!!

ทุกคนต่างหวาดกลัวสุดหัวใจ นี่คือจอมมารฉู่ชวิ๋นตัวจริงเสียงจริง ลงมือด้วยความเรียบง่าย แต่โหดร้ายอำมหิต ในที่สุดพวกเขาก็ได้เห็นฝีมือของฉู่ชวิ๋นกับตาของตัวเองแล้ว

นายน้อยของสำนักสวรรค์ฟ้าใส่เกียร์หมาโกยอ้าวไม่เหลียวหลัง นึกเสียดายที่ตัวเองมีแค่เพียงสองขาเท่านั้น

เขาเกิดมามีพลังยุทธ์ต่ำต้อย ความเร็วจึงเทียบไม่ได้เลยกับฉู่ชวิ๋น เพียงแค่ไม่กี่วินาที ฉู่ชวิ๋นก็ตามมาทันและกระโดดเตะแผ่นหลังเขาอย่างแรง

“ชะ…ฉู่ชวิ๋น อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันคือเฉินเฉา เป็นทายาทสำนักสวรรค์ฟ้า นายจะฆ่าฉันไม่ได้นะ…” ฉู่ชวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้าไปส่งสัญญาณให้ฮวาเซิ่งเข้ามาควบคุมตัวเฉินเฉาเอาไว้

ฉู่ชวิ๋นเดินกลับไปยกกระถางปรุงยาอมตะ และหันมองไปทางกลุ่มคนของสำนักภูผาทมิฬ

“สวัสดีครับ นายท่านฉู่ชวิ๋น” ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6ของสำนักภูผาทมิฬรีบยกมือทำความเคารพเขาด้วยความหวาดกลัว

“ฉันมาที่นี่เพื่อเอากระถางปรุงยาใบนี้” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ผู้อาวุโสคนนั้นรีบตอบกลับไปทันทีว่า “มันเป็นของนายท่านแน่นอนครับ” ดวงตาของยัยตัวร้ายในชุดหนังมองฉู่ชวิ๋น ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ฉู่ชวิ๋น นายมีแฟนหรือยัง?” อยู่ดี ๆ เธอก็ถามขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แม้แต่ฉู่ชวิ๋นเองยังทำยังไม่ถูกเมื่อเจอคำถามแบบนี้ขั้นปรมาจารย์ระดับ 6รีบขอโทษขอโพยทันที“ ได้โปรดให้อภัย

พวกเราด้วยเถอะครับนายท่าน คุณหนูของเราแค่ถูกตามใจมากเกินไปเท่านั้น”

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าเล็กหน่อย เขาไม่สนใจเรื่องยิบย่อยแบบนี้อยู่แล้ว

“ฉันจีบนายได้ป่ะ” ยัยตัวร้ายยังคงพูดต่อไป

คราวนี้ฉู่ชวิ๋นไม่ทันได้ตอบอะไร ฮวาชิงหวู่เดินออกมาข้างหน้าและพูดออกมาว่าอย่างเย็นชา “น้องสาว เธอโตเป็นผู้ใหญ่แล้วเหรอ?”

ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่ฮวาชิงหวู่เป็นตาเดียวกัน ไม่ว่าเป็นใครต่างก็อยากรู้ว่าใบหน้าที่อยู่ใต้หน้ากากจะงดงามมากแค่ไหนกันนะ ฮวาชิงหวู่ไม่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง เธอค่อย ๆ ถอดหน้ากากออก หลายคนถึงกับหยุดหายใจไปด้วยความตกตะลึง

ไม่ใช่แค่หน้าตาของฮวาชิงหวู่ที่งดงาม แม้แต่ทรวดทรงองค์เอวของเธอก็เป็นที่อิจฉาของผู้หญิงทั้งโลก

ยัยตัวร้ายมองหญิงสาวด้วยสายตาเหลือเชื่อ เมื่อเทียบความงดงามระหว่างเธอกับฮวาชิงหวู่แล้ว เธอไม่มีทางสู้ได้เลยจริง ๆ

ยัยตัวร้ายก้มหน้าลงแล้วพึมพำอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะหมุนตัวเดินจากไปพร้อมกับพรรคพวกของเธอ

ฮวาชิงหวู่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เมื่อคิดดูดี ๆ แล้ว เธอก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ผู้คนรอบตัวเธอยังคงตกตะลึงอยู่ไม่หาย

เมื่อกวาดตามองรอบกายแล้ว ฉู่ชวิ๋นก็พูดเสียงดังว่า

“ฝากไปบอกสำนักสวรรค์ฟ้าด้วยนะว่า เฉินเฉาจะเป็นแขกไปอยู่ที่บ้านฉันประมาณหนึ่งเดือน หลังจากนั้น ฉันจะพา เฉินเฉาไปส่งที่สำนักสวรรค์ฟ้าด้วยตัวเอง” ทุกคนพากันอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง

ในอีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้ ฉู่ชวิ๋นจะเดินทางไปที่สำนักสวรรค์ฟ้า นี่คือเหตุการณ์ใหญ่ ที่สุดในรอบเดือนนี้เลยก็ว่าได้ เรื่องนี้จะต้องแพร่สะพัดไปทั่วโลกยุทธภพแน่นอน ฉู่ชวิ๋นเดินจากไปพร้อมกับเฉินเฉา

“พวกเราก็ไปกันเถอะครับ” ชายชราที่เด็กสาวเรียกว่าผู้อาวุโสเฟยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เด็กสาวทำหน้างอ สุดท้ายดาบปราบมารของเธอก็ถูกปล้นไปจริง ๆ

ฟุบ!

ประกายดาบเปล่งประกายผ่านท้องฟ้า ก่อนที่ตัวดาบจะปักลงมาที่ตรงหน้าเด็กสาว ชายชรา เด็กหนุ่มและเด็กสาวตื่นตกใจจนผงะถอยหลังไปไม่รู้ตัว

ดวงตาของพวกเขาจ้องมองไปที่ดาบปราบมารด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“ขอโทษที เมื่อกี้ฉันลืมให้คืน!” เสียงของฉู่ชวิ๋นดังออกมาจากที่ห่างไกลเหมือนกับเสียงฟ้าคำรามที่ดังผ่านท้องนภา

ทุกคนที่ยังอยู่ในบริเวณนั้นเหงื่อออกท่วมตัว แม้แต่ฝ่ายที่อยู่สำนักยัยตัวร้ายก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา

นี่คือดาบที่ฉู่ชวิ๋นส่งคืนมาเองกับมือ จะมีใครกล้าปล้นมันไปอีก? ชายชราก้มศีรษะให้กับทิศทางที่ฉู่ชวิ๋นเดินจากไป

“ถ้าฉันเป็นผู้ใหญ่เมื่อไหร่ ฉันจะแต่งงานกับเขา” เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

เด็กหนุ่มหัวเราะในลำคอและพูดออกมา “เขาแค่เอาของของเรามาคืน เธอจะไปแต่งงานกับเขาทำไม? พูดออกมาอายปากบ้างไหมเนี่ย?” แต่เด็กสาวก็ไม่สนใจ เธอเชิดหน้าขึ้นแล้วตอบว่า “นี่แหละสุภาพบุรุษตัวจริง ทำทุกอย่างด้วยหัวใจ มีความแข็งแกร่งและเป็นลูกผู้ชาย พี่ไม่เข้าใจเขาหรอก”

เด็กหนุ่มกลอกตามองบนและส่ายหัวด้วยความระอา ไม่ได้คิดจริงจังอะไรกับคำพูดของน้องสาวนัก