บทที่ 170 บอกเล่าเรื่องราว พ่อแม่ของฉู่ชวิ๋น[รีไรท์]
ภูเขาเซวียนฉี สำนักสวรรค์ฟ้า
สำนักที่ยิ่งใหญ่สืบทอดอำนาจหลายร้อยปี มีสถานที่ตั้งอยู่ในที่แห่งนี้
ภูเขาเซวียนฉีรายล้อมไปด้วยเทือกเขาเขียวขจี มีม่านหมอกขาวปกคลุมตลอดทั้งปี ภายใต้แสงอาทิตย์เกิดเป็นประกายสวยงามระยิบระยับ เหมือนกับเป็นดินแดนในเทพนิยาย
หอคอยเก็บดาราตั้งอยู่บนยอดเขาเซวียนฉี มันเป็นที่พักของเจ้าสำนักและมีแต่เพียงผู้อาวุโสระดับสูงเท่านั้นถึงจะได้รับอนุญาตให้เข้ามา ถ้าใครฝ่าฝืนเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาต
ก็จะถูกนำตัวไปประหารสถานเดียว แม้จะเป็นลูกศิษย์ของสำนักสวรรค์ฟ้าเองก็ตาม
ในขณะนั้นเองผู้ที่นั่งอยู่ในหอคอยเก็บดาราก็คือ เฉินหวูฮุยผู้เป็นเจ้าสำนักสวรรค์ฟ้า สีหน้าของเขาเคร่งเครียด ในดวงตาเต็มไปด้วยประกายแห่งโทสะ คิ้วทั้งสองข้างของเขาเลิกขึ้นสูง ริมฝีปากของเขาเม้มสนิทแน่น ทั่วร่างกายเปล่งรังสีอำมหิตออกมาอย่างชัดเจน
ด้านล่างบัลลังก์ที่เขากำลังนั่งอยู่ ชายหนุ่มหน้าตาดีในวัยสามสิบปีกำลังนั่งคุกเข่า มีเหงื่อกาฬไหลซึมเต็มหน้าผาก
เพี๊ยะ!
เฉินหวูฮุยตบใบหน้าของชายหนุ่มอย่างแรง ส่งผลให้ใบหน้าของเขาบวมแดงขึ้นมาในทันตา
“หลิวเซียงหรู ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าแกมีความแค้นอะไรกับฉู่ชวิ๋น แต่ถ้าลูกชายฉัน เฉินเฉาเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียว ฉันจะเลาะกระดูกแกแน่” เฉินหวูฮุยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพราะเพิ่งได้รับข่าวด่วนมาว่าเฉินเฉาถูกฉู่ชวิ๋นจับตัวไปแล้ว
“ท่านผู้เฒ่าได้โปรดใจเย็นก่อน ฉู่ชวิ๋นมันไม่กล้าทำอะไรหรอกครับ พ่อแม่ของมันยังอยู่ในมือพวกเรา รับรองว่านายน้อยจะต้องไม่ได้รับอันตรายแน่นอน หากนายน้อยผมหลุดสักเส้นหนึ่ง ผมจะไปเอาคืนกับพ่อแม่มันให้สาสม” หลิวเซียงหรูเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับปาดเลือดออกไปจากริมฝีปาก
“เหลวไหล! ฉันขอสั่งแกเลยนะ นับจากนี้ไปห้ามทำร้ายพ่อแม่ของเขาอีก ถ้าฉันรู้ว่าแกยังทำอะไรพวกเขาอีกล่ะก็ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน แม้แต่พวกผู้อาวุโสก็คุ้มครองแกไม่ได้อีกแล้ว” เฉินหวูฮุยตวาด เขาเข้าใจดีว่าตราบใดที่พ่อแม่ของฉู่ชวิ๋นยังปลอดภัย ลูกชายของเขาก็จะต้องปลอดภัยเช่นกัน
“รับทราบแล้วครับ” หลิวเซียงหรูยกมือคำนับและก้มศีรษะลงเพื่อปิดบังแววตาโกรธแค้น
“จำที่ฉันพูดเอาไว้ให้ดีละ ออกไปได้แล้ว” เฉินหวูฮุยพูดด้วยความเดือดดาล ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะผู้อาวุโสขอไว้ มีหวังเขาได้ตบหลิวเซียงหรูจนตายแล้วจริง ๆ
หลิวเซียงหรูก้มหน้าเดินออกมาจากหอคอยเก็บดารา เมื่อเดินพ้นออกมาแล้ว เขาจึงได้เงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นถึงสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นอำมหิต
สำนักสวรรค์ฟ้ามีอยู่ด้วยกันสามระดับ
ระดับล่างสุด จะเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของบรรดาลูกศิษย์ในสำนัก
ระดับที่สอง จะเป็นที่อยู่อาศัยของบรรดาผู้อาวุโส
และระดับที่สาม ก็คือหอคอยเก็บดารา
หลิวเซียงหรูเดินออกมาจากหอคอยเก็บดารา ลงเนินเขาตรงไปยังพื้นที่อยู่อาศัยของผู้อาวุโส และเดินไปตลอดทางด้วยความมุ่งมั่น
ทั่วพื้นที่ระดับที่สอง นี้ปกครองด้วยผู้อาวุโส แต่หลิวเซียงหรู เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดของผู้อาวุโส เรียกว่าเป็นศิษย์รักในดวงใจ ผู้อาวุโสจึงอนุญาตให้เขาเข้ามาอยู่อาศัยในพื้นที่นี้ได้
ณ สุดขอบเขตของพื้นที่ผู้อาวุโส มีกระท่อมไม้สองหลังตั้งอยู่กลางสนามหญ้า
โครม!
ประตูของกระท่อมไม้ถูกเตะเปิดเข้าไป ชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งนั่งอยู่ภายในกระท่อม เมื่อเห็นว่าหลิวเซียงหรูเดินเข้ามาแล้ว พวกเขาก็ทำสีหน้าขยะแขยง
“แกมาทำอะไรที่นี่ พวกเราไม่อยากเจอแก” ชายวัยกลางคนมีร่างใหญ่ ผมบนศีรษะเป็นสีเทา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยตีนกา ถึงแม้จะมีอายุแค่สี่สิบกว่า แต่ก็ดูเหมือนคนอายุห้าสิบกว่าไม่มีผิด ชายคนนี้ยืนขวางหญิงคนรักไว้ด้วยความกล้าหาญ
หญิงผู้นั้นสวมใส่เพียงเสื้อผ้าธรรมดา แต่เห็นได้ชัดว่า สมัยยังสาวเธอคงสวยไม่ใช่น้อย น่าเสียดายที่กาลเวลาพรากความสวยงามไปหมดสิ้น ในตอนนี้ เธอจึงกลายเป็นเพียงแค่หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่ง และที่น่าเศร้าใจที่สุดก็คือ ในดวงตาที่เคยสวยงามที่สุดของเธอปรากฏแต่เพียงความว่างเปล่าเท่านั้น เธอตาบอดไปแล้ว!!!
หลิวเซียงหรูไม่สนใจน้ำเสียงขับไล่ของชายวัยกลางคน เขาพยายามระงับโทสะในใจและนั่งลงบนเก้าอี้หวายในกระท่อมก่อนที่จะพูดอย่างเชื่องช้าว่า
“ถ้าไล่ฉันไป แล้วใครจะเล่าเรื่องฉู่ชวิ๋นให้พวกคุณฟังล่ะ?”
คู่สามีภรรยาได้ยินคำว่าฉู่ชวิ๋นก็ถึงกับตกตะลึงไปทันที ทั้งสองคนตัวสั่นเทา แทบลืมหายใจด้วยความตื่นเต้น
“แกทำอะไรลูกชายฉัน?” ชายวัยกลางคนพูดด้วยความหวาดกลัว
“ฉันขอร้องล่ะ อย่าทำอะไรเขาเลย เสี่ยวชวิ๋นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย ถ้าจะทำอะไร มาทำพวกเราแทนดีกว่านะ…” หญิงวัยกลางคนพูดพร้อมกับคุกเข่าลง ดวงตาที่มืดบอดของเธอมีน้ำตาไหลออกมาทั้งสองข้าง ทั้งสองคนนี้คือพ่อแม่ของฉู่ชวิ๋น ฉู่เทียนเหอและหลิวหราน
หลิวหรานกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น ฉู่เทียนเหอโอบกอดเธอไว้ ดวงตาพยัคฆ์ของเขามีน้ำตาคลอเต็มเบ้า ชายวัยกลางคนกัดฟันกรอด
“ฉันจะไปทำอะไรเขาได้” เมื่อได้ยินคำขอร้องนั้นหลิวเซียงหรูก็พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่งเลยทีเดียว ก่อนที่เขาจะรวบรวมสติและระเบิดเสียงหัวเราะออกมา พูดว่า “ฉันจะไปทำอะไรนายท่านฉู่ชวิ๋นคนดังแบบนั้นได้ล่ะ?”
“หมายความว่ายังไง?” ฉู่เทียนเหอมองหน้าหลิวเซียงหรูด้วยความไม่เข้าใจระคนหวาดกลัวสีหน้าเหมือนคนวิกลจริตของอีกฝ่ายหนึ่ง
เขาเอาตัวกำบังหลิวหรานไว้ เพราะเกรงว่าหลิวเซียงหรู อาจจะคลุ้มคลั่งทำร้ายคนขึ้นมาได้ทุกเมื่อ
“พูดถึงขนาดนี้ ยังไม่เข้าใจหรือไง” หลิวเซียงหรูหยุดหัวเราะ สีหน้าซึมเศร้าลงทันตา “ฉันเกือบลืมไปเลยว่า พวกคุณมีแค่หนังสือพิมพ์เก่าเก็บหลายปีไว้อ่านแก้เซ็งเท่านั้น”
ตลอดสามปีที่ฉู่เทียนเหอและหลิวหรานถูกควบคุมตัวอยู่ที่นี่ พวกเขาโดนตัดขาดจากโลกภายนอก แม้แต่วิทยุก็ไม่ได้รับฟัง สิ่งเดียวที่เชื่อมต่อกับโลกภายนอกก็คือหนังสือพิมพ์เก่าเก็บหลายปี ที่ฉู่เทียนเหอเก็บติดตัวไว้เท่านั้น
“พวกคุณอยากรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉู่ชวิ๋นบ้าง…” หลิวเซียงหรูยกมือชี้นิ้วไปที่ฉู่เทียนเหอ “รินน้ำชาให้ฉันสักถ้วยหนึ่งสิ” ดวงตาของฉู่เทียนเหอเป็นประกายเดือดดาล แต่เขาก็กัดฟันกรอดและเดินมารินน้ำชาให้หลิวเซียงหรูตามคำสั่ง
น้ำชานี้ทำขึ้นมาจากใบชาป่าที่ขึ้นอยู่ข้างกระท่อม น่าสงสารที่มันเป็นเครื่องดื่มเดียวที่ฉู่เทียนเหอมีโอกาสดื่มตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ถาดน้ำชาถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะไม้อย่างเรียบง่าย น้ำชากระเด็นหกออกจากถ้วยเล็กน้อย หลิวเซียงหรูมีดวงตาขุ่นมัวไม่ชอบใจ ยกน้ำชาขึ้นจิบเล็กน้อย ก็บ้วนทิ้งลงบนพื้นทันที
“ฉันเริ่มเล่าเรื่องให้พวกคุณฟังเลยดีกว่าไหม?” หลิวเซียงหรูพูด แล้วยิ้มอย่างแปลกประหลาด
“เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว เราแค่อยากรู้ว่าฉู่ชวิ๋นเป็นยังไงบ้าง?” ฉู่เทียนเหอพูดด้วยความโกรธแค้น
“ถ้ากล้าพูดแทรกฉันอีกแม้แต่คำเดียว พวกแกจะไม่ได้ยินเรื่องของฉู่ชวิ๋นอีกต่อไป” หลิวเซียงหรูมีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปแล้ว ฉู่เทียนเหอและหลิวหรานต้องทนอดกลั้นความเจ็บใจ และรับฟังหลิวเซียงหรูต่อไปแต่โดยดี
“พวกคุณเคยได้ยินชื่อกองกำลังหมาป่าทองคำหรือเปล่า?”หลังจากถามออกมาแล้ว หลิวเซียงหรูก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย
“แต่พวกคุณจะไปรู้ได้ยังไง อยู่แบบปิดหูปิดตามาตั้งนานขนาดนี้”
“กองกำลังหมาป่าทองคำเป็นชื่อองค์กรที่โด่งดังระดับโลก แม้แต่รัฐบาลก็ไม่กล้ามีปัญหาด้วย ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา พวกเขาทำการปล้นเครื่องบินที่กำลังจะบินไปเวียดนาม มันเป็นการปล้นเครื่องบินที่สมบูรณ์แบบมาก…” เมื่อพูดถึงตรงนี้ หลิวเซียงหรูก็มีสีหน้าตื่นเต้นมากขึ้น
“แต่ก็มีวีรบุรุษคนหนึ่งแอบเข้าไปจัดการกองกำลังหมาป่าทองคำด้วยตัวเพียงคนเดียว และเขาช่วยตัวประกันทุกคนกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย”
ฉู่เทียนเหอและหลิวหรานตกตะลึงทันทีฝีมือของพลเมืองดีคนนั้นช่างร้ายกาจจริง ๆ “ฉันลืมบอกเลยว่าพลเมืองดีคนนั้นมีอายุแค่ยี่สิบปี แต่ก็ได้รับการติดยศพลตรี คุณว่าเขาต้องเก่งกล้าขนาดไหนล่ะ?” หลิวเซียงหรูพูดด้วยสีหน้าเคียดแค้น
ฉู่เทียนเหอและหลิวหรานไม่ตอบคำใด เพราะพวกเขากำลังประหลาดใจ ชายหนุ่มอายุยี่สิบปี น่าจะอยู่ในวัยที่เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยไม่ใช่หรือ อายุเพียงเท่านี้ น่าจะเป็นนายพลที่อายุน้อยที่สุดในประเทศจีนเป็นแน่แท้ ช่างมหัศจรรย์เหลือเกิน
แต่ในเวลาเดียวกัน ทั้งสองคนก็อดนึกถึงบุตรชายของตนเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าป่านนี้ฉู่ชวิ๋นจะเรียนจบและมีงานทำแล้วหรือยัง?
พวกเขาไม่กล้าคิดเลยว่าลูกชายของตนเองจะเป็นพลตรีหนุ่มคนนั้น ทั้งสองคนเพียงแค่อยากได้ยินว่าฉู่ชวิ๋นมีชีวิตที่ปกติสุขดีก็พอใจแล้ว
หลิวเซียงหรูทำหน้าไม่พอใจอยู่หลายนาที ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่า
“ฝีมือของเขาเก่งกล้ามากกว่านั้นอีกนะ ไม่กี่เดือนก่อน มีสำนักใหญ่ในยุทธภพไปจับตัวคนสนิทของพลตรีหนุ่มคนนั้น โดยไม่ได้ตั้งใจ สำนักใหญ่แห่งนั้นมีชื่อว่าสำนักราชาปีศาจ พลตรีหนุ่มคนนั้นรีบเดินทางไปที่สำนักราชาปีศาจด้วยตัวเพียงคนเดียวและเขาก็ฆ่าตัดหัวคนที่ขวางหน้าอย่างบ้าเลือด
ในที่สุดสำนักราชาปีศาจก็ถูกทำลาย ชาวยุทธภพหลายร้อยคนที่รอดชีวิตมาได้จากวันนั้น ต่างก็ให้ฉายาเขาว่า “จอมอำมหิต” บ้าง “จอมมาร” บ้าง” ฉู่เทียนเหอและหลิวหรานรับฟังด้วยความหวาดกลัว คนเพียงคนเดียวฆ่าคนได้หลายร้อยคน ถือว่ามีความอำมหิตไม่ใช่เล่น
แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ทั้งสองคนกลับไม่ได้นึกกล่าวโทษพลตรีหนุ่มคนนั้นเลย
สำนักราชาปีศาจ แค่ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ตัวดีแน่ ๆ ยิ่งไปกว่านั้น สำนักปีศาจก็เป็นฝ่ายไปจับตัวคนสนิทของพลตรีหนุ่มคนนั้นมาก่อนไม่ใช่หรือ?
ว่าแต่ว่าวีรบุรุษหนุ่มคนนั้นบุกเข้าไปในดินแดนของศัตรูและช่วยตัวประกันผู้บริสุทธิ์ออกมาได้สำเร็จได้ยังไงกันนะ?
“ตกใจเลยใช่ไหมล่ะ?” หลิวเซียงหรูมีสีหน้าที่บิดเบี้ยวไปด้วยทั้งความหวาดกลัวและความอิจฉาริษยา
“หลังจากเสร็จสิ้นการต่อสู้ที่สำนักราชาปีศาจ เขาก็หายตัวไปอย่างลึกลับ เกิดข่าวลือว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว หลายคนอยากได้ตำราเคล็ดวิชาที่เขาใช้ฝึกฝีมือ จึงเดินทางไปปิดล้อมที่พักคนรักและบริวารของพลตรีหนุ่มคนนั้น แต่ในระหว่างที่เหตุการณ์กำลังคับขันนั้นเอง เขาก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และฆ่าทุกคนที่ไปปิดล้อมหมดสิ้น ไม่มีใครรอดชีวิตกลับออกมาได้สักคน”
ฉู่เทียนเหอและหลิวหรานเป็นแค่เพียงคนธรรมดา ถึงแม้จะรู้สึกว่าวายร้ายเหล่านั้นสมควรตายแล้ว แต่ก็ยังอดรู้สึกขนลุกไม่ได้กับการสังหารหมู่ที่อำมหิตแบบนั้น
หลิวเซียงหรูเฝ้าดูปฏิกิริยาของคู่สามีภรรยาด้วยความสนใจ ก่อนที่จะพูดต่อไปว่า “เหตุการณ์ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ไม่กี่วันต่อมา เขาสังหารผู้อาวุโสระดับสูงทุกคนของสำนักกระบี่ทองคำ ซึ่งเป็นหนึ่งในสำนักที่ขึ้นไปปิดล้อมที่พักของเขาในวันนั้นจนหมดสิ้น”
“ต่อมา เขาก็เดินทางไปที่สำนักความหวังใหม่ จนทำให้สำนักความหวังใหม่ต้องยอมเข้าร่วมกับสำนักสวรรค์ฟ้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ที่น่าตลกก็คือ มีหลายคนแอบไปซุ่มรออยู่ที่สำนักความหวังใหม่เพื่ออยากจะเห็นฝีมือที่แท้จริงของชายหนุ่มคนนี้ แต่แล้วเขากลับเดินทางไปยังหุบเขาราชาพิษแทนและสังหารผู้อาวุโสระดับสูงทุกคนจนหมดสิ้น ส่งผลให้ทุกสำนักที่เคยไปปิดล้อมที่พักของเขา ในขณะนี้ต่างก็เข้าร่วมกับสำนักสวรรค์ฟ้าของเราด้วยความหวาดกลัวกันหมดแล้ว”
“และที่สำคัญก็คือ เมื่อวานนี้เขาฆ่าผู้อาวุโสและลูกศิษย์ของสำนักสวรรค์ฟ้าที่เดินทางไปทำธุระในเมืองใหญ่ แถมยังจับตัวนายน้อยเฉินเฉาของพวกเราไปอีกด้วย” ฉู่เทียนเหอและหลิวหรานหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ พลตรีหนุ่มคนนั้นเสียสติไปแล้วหรือไง? แต่ในขณะเดียวกัน ทั้งสองคนก็อดเป็นห่วงพลตรีหนุ่มไม่ได้ เนื่องจากทราบดีว่าสำนักสวรรค์ฟ้ามีกองกำลังที่ร้ายกาจไม่ใช่เล่น คนพวกนี้สามารถเดินบนผิวน้ำ ไต่กำแพง เพียงแค่เด็ดดอกไม้มาดอกหนึ่งก็สามารถทำร้ายผู้คนได้แล้ว
ฉู่เทียนเหอและหลิวหรานเคยเห็นมากับตาว่าคนพวกนี้สามารถทุบก้อนหินที่ใหญ่ขนาดเท่ากับโต๊ะกินข้าวได้อย่างง่ายดาย ในสายตาของทั้งสองคนแล้วจอมยุทธ์พวกนี้มีอิทธิฤทธิ์ไม่ต่างไปจากเทพเจ้า
หลิวเซียงหรูยังคงพูดอย่างต่อเนื่อง เหมือนคนเก็บกดต้องการที่ระบาย
“นี่เป็นเพียงแค่ความสำเร็จของเขาในโลกยุทธภพเท่านั้นนะ ในโลกมนุษย์เขามีอำนาจยิ่งกว่านั้นอีก เขาได้ครอบครองสถาบันทางการเงินยักษ์ใหญ่ แถมผู้บังคับบัญชาทหารสูงสุดก็คอยหนุนหลังอยู่อีกด้วย” ฉู่เทียนเหอและหลิวหรานตกตะลึงจนเริ่มสับสนไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาไม่ได้อยากรู้เรื่องความสำเร็จของนายพลหนุ่มคนนั้นเลย ทั้งสองคนอยากทราบถึงชีวิตของฉู่ชวิ๋นผู้เป็นบุตรชายของตนเองมากกว่า
“เห็นรอยแดงบนใบหน้าฉันไหมล่ะ? คงรู้สึกดีใจกันล่ะสิ?” หลิวเซียงหรูฉีกยิ้มด้วยความโรคจิต
“ฉันไม่อายหรอกนะที่จะบอกว่าฉันโดนท่านเจ้าสำนักตบมาก็เพราะไอ้พลตรีหนุ่มคนนั้น ในอีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้ มันจะเดินทางมาที่ภูเขาเซวียนฉี และจะต้องเกิดการต่อสู้นองเลือดขึ้นแน่นอน” นี่มันเป็นเรื่องที่เกินกว่าจะจินตนาการได้ฉู่เทียนเหอและหลิวหรานจะตกใจมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ มีคนกำลังจะเดินทางมายังภูเขาเซวียนฉีตัวคนเดียว!!!
“รู้ไหมว่าทำไมเขาถึงต้องมาที่ภูเขาเซวียนฉี?” หลิวเซียงหรูยังคงยิ้มด้วยความชั่วร้าย
“ทำไมล่ะ?” ฉู่เทียนเหอถามด้วยความสงสัย
“มาหาพวกคุณไง” หลิวเซียงหรูตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ฉู่เทียนเหอและหลิวหรานตกตะลึงจนไม่รู้จะตอบรับอย่างไรดี
“แปลกใจล่ะสิ?” หลิวเซียงหรูพูดพร้อมกับหัวเราะในลำคอ “รู้ไหมว่านายพลที่อายุน้อยที่สุดในโลกมนุษย์และผู้ที่เป็นจอมมารร้ายในโลกยุทธภพเป็นใคร? เขาก็คือ..ฉู่ชวิ๋น ลูกชายของพวกคุณ!!!”
“ว่าไงนะ?”
ฉู่เทียนเหอและหลิวหรานสมองขาวโพลนทันทีที่ได้ยินเรื่องนี้ทั้งสองคนตกใจจนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน