บทที่ 171 ไม่อยากจะเชื่อ[รีไรท์]
ฉู่ชวิ๋นเป็นดั่งตัวร้ายสำหรับผู้คนทั้งในโลกมนุษย์และโลกยุทธภพ ข่าวที่สุดแสนประหลาดใจนี้ทำให้ฉู่เทียนเหอและภรรยาไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขาจำได้เพียงแต่ว่าฉู่ชวิ๋นเป็นเด็กชายร่างผอมผิวเข้ม ผู้มีรอยยิ้มเขินอาย ไม่เคยคิดทำร้ายผู้ใดยิ่งคำว่าจอมมารใจอำมหิตยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย!
“เหลือเชื่อใช่ไหมล่ะ?” หลิวเซียงหรูมีใบหน้าที่บิดเบี้ยว ก่อนจะตะโกนออกมาเหมือนคนเสียสติ “ฉันก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่า ไอ้เศษสวะที่ฉันโยนเข้าคุกไปเมื่อสามปีที่แล้ว มันจะยังรอดชีวิตกลับออกมาได้ แถมยังเรืองอำนาจกลายเป็นคนโด่งดังทั่วประเทศอีก ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ…”
หลิวเซียงหรูรับไม่ได้ เขาเกิดมาในตระกูลใหญ่ ได้รับการฝึกปรือโดยผู้อาวุโสจากสำนักที่มีอายุยืนยาวหลายร้อยปี แถมยังได้กลายเป็นลูกศิษย์คนใกล้ชิดแบบที่ไม่มีใครทำได้ สถานะของเขาสูงส่งกว่าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องต้นทุนชีวิตหรือฝีมือ แต่ตอนนี้ เขากลับเทียบอะไรไม่ได้กับฉู่ชวิ๋นเลยแม้แต่น้อย
เขาค่อนข้างประสบความสำเร็จเมื่อเขาอายุน้อยกว่าสามสิบปี เพิ่งจะเริ่มมีชื่อเสียงในยุทธภพ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลิวเซียงหรูเคยภูมิใจมาตลอด
แต่ความภาคภูมิใจของเขาก็พังทลายไม่เหลือชิ้นดีจากการปรากฏตัวของฉู่ชวิ๋น เมื่อเทียบกับความสำเร็จของฉู่ชวิ๋นแล้ว ความสำเร็จที่เขามีอยู่ มันก็น่าหัวเราะเกินไป เปรียบเทียบไม่ต่างจากหิ่งห้อยกับแสงสว่างจากดวงจันทร์
เขาไม่อยากจะยอมรับเลยว่า ฉู่ชวิ๋นใช้เวลาสร้างตัวแค่เพียงสามปีเท่านั้น แต่แล้วฉู่เทียนเหอก็คำรามขึ้นมาด้วยความโกรธแค้นทันทีว่า “เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ จับเข้าคุกอะไรกัน?”
หลิวเซียงหรูระเบิดเสียงหัวเราะ แล้วตวาดว่า “ฉันจะบอกให้ก็ได้ ตอนที่ฉู่ชวิ๋นหายตัวไป เพราะว่าฉันจับมันยัดเข้าไปอยู่ในคุกเองฮ่า ๆ ๆ…”
“แกไอ้สัตว์นรก” ฉู่เทียนเหอกระโจนเข้าไปหาหลิวเซียงหรูด้วยความโมโหสุดขีด
แต่น่าเสียดายที่ฝ่ายตรงข้ามเป็นหลิวเซียงหรู เพียงแค่ออกแรงผลักเล็กน้อย ชายวัยกลางคนก็กระเด็นกลับมาทันที
“เถียนเหอ…” ถึงแม้ว่าหลิวหรานจะมองอะไรไม่เห็น แต่เธอก็ได้ยินเสียงสามีล้มตุบลงมาอยู่ข้างตัว
“หึ ถ้าไม่ติดว่าฉู่ชวิ๋นมันจับตัวนายน้อยเฉินเฉาไปอยู่ล่ะก็ ฉันฆ่าพวกแกทิ้งไปแล้ว” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลิวเซียงหรูก็ตวาดด่าว่าเฉินเฉาที่มีฝีมือไม่เอาไหน ทำให้เขาต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย
ความจริงแล้ว หลิวเซียงหรูอยากจะให้เฉินเฉาตายไปซะยิ่งกว่าใครทั้งหมด เนื่องจากภูเขาเซวียนฉีมีหลิวเซียงหรูแค่เพียงคนเดียวก็พอแล้ว ยังจะต้องการเฉินเฉาไปทำไมอีก เฉินเฉามีอะไรดีกว่าเขาบ้าง ติดเสียที่ว่าเฉินเฉาต้องตายในมือคนอื่นเท่านั้น ห้ามตายในมือของฉู่ชวิ๋นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น หลิวเซียงหรูคนนี้ก็จะต้องตายกลายเป็นศพไปด้วย
หลิวหราน มองอะไรไม่เห็น จึงทำได้เพียงคลำมือไปหาสามีที่ข้างตัว
ฉู่เทียนเหอพยายามลุกขึ้นมาตะกายเข้าไปหาภรรยาและบอกเธอว่าเขาไม่เป็นไร ชายวัยกลางคนหันไปจ้องมองหลิวเซียงหรูด้วยความโกรธแค้น และพูดว่า “แกจะต้องถูกลงโทษ” ดวงตาของหลิวเซียงหรูเป็นประกายดุร้ายตอนที่ตอบกลับไปว่า
“ทำไมปากเก่งจัง….พอได้ยินเรื่องราวของฉู่ชวิ๋นเข้าไปหน่อย ก็คิดว่าเขาเป็นผู้ไร้เทียมทานเลยหรือไง”
หลิวเซียงหรูหัวเราะเยาะและกล่าวต่อไปว่า “ฉันจะบอกความจริงให้นะ ต่อให้มันกล้ามาที่นี่จริงๆ มันก็จะไม่มีวันได้กลับออกไปเด็ดขาด แกคิดว่าภูเขาเซวียนฉีเข้าออกได้ง่าย ๆ หรือไง?ต่อให้คนที่เป็นจักรพรรดิอยากจะมา ก็ยังต้องคิดแล้วคิดอีก ฉันขอรับรองเลยว่า คราวนี้ฉู่ชวิ๋นตายแน่!!!”
ฉู่เทียนเหอและภรรยาหัวใจกระตุกวูบ
“ฉู่ชวิ๋นฆ่าอาของฉัน ทำร้ายพ่อของฉัน ทำให้ปู่ของฉันต้องอับอาย แถมยังใส่ความตระกูลหลิวของเราว่าเป็นคนทรยศต่อประเทศชาติ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ตระกูลหลิวถูกทหารปิดล้อม
ไม่ต่างจากถูกจองจำ ทุกสิ่งที่มันทำจะต้องได้รับการชดใช้แค่ความตายของมันคนเดียวล้างบาปได้ไม่หมดหรอกนะ”
ฉู่เทียนเหอคำรามในลำคอด้วยความเจ็บใจ ตระกูลหลิวกักขังพวกเขามาสามปีแล้ว พวกเขายอมก้มหัวเพื่อหวังให้ลูกชายรอดชีวิต โดยเข้าใจมาตลอดว่าถ้าไม่ขัดขืน ฉู่ชวิ๋นก็จะปลอดภัย
แต่มันเป็นสิ่งที่พวกเขาเข้าใจกันไปเองเท่านั้น ตระกูลหลิวไม่ได้วางแผนที่จะปล่อยฉู่ชวิ๋นไปตั้งแต่แรก เมื่อคิดว่าตลอดสามปีที่ผ่านมา ฉู่ชวิ๋นต้องไปทรมานอยู่ในคุก หัวใจของพวกเขาก็แทบจะหลั่งเลือดออกมาแล้ว
ถึงแม้ว่าหลิวหรานจะมองไม่เห็น แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงความโกรธแค้นของสามี
“อีกหนึ่งเดือนข้างหน้า พวกแกจะได้เจอฉู่ชวิ๋น และได้เห็นมันตายอยู่ในภูเขาเซวียนฉีนี่แหละ” หลิวเซียงหรูหัวเราะด้วยความบ้าคลั่ง แล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้ฉู่เทียนเหอและภรรยาวิตกกังวล และแอบภาวนาขอให้บุตรชายอย่าเดินทางมาที่นี่เลย
ฉู่ชวิ๋นและฮวาชิงหวู่เดินทางกลับมาที่เมืองกู่เจียงแล้ว ทันทีที่เดินทางกลับมาถึง ชายหนุ่มก็ได้รับข่าวดี ที่พักบนภูเขาเฉียนหลงสร้างเสร็จแล้ว
ในขณะนี้ ที่พักบนภูเขาเฉียนหลงไม่ได้เป็นบ้านพักธรรมดา แต่สร้างขึ้นเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่สุดหรูหรา และมีเจ้าของเป็นเพียงฉู่ชวิ๋นคนเดียวเท่านั้น หลงอ๋าวยื่นข้อเสนอขอให้จัดพิธีเปิดตัวคฤหาสน์
“ลืมไปซะเถอะตาแก่” ฉู่ชวิ๋นปฏิเสธ ตอนนี้เขาไม่มีเวลาที่จะเสียให้กับเรื่องไร้สาระพวกนี้แล้ว
“เอ็งไม่ต้องเป็นคนดูแลเองก็ได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเฉินฮั่นหลงไปสิ เอ็งมีแค่หน้าที่เดินออกมาเสนอหน้าก็พอแล้ว” หลงอ๋าวพูดแบบอยากให้คิดตาม ฉู่ชวิ๋นคิดดูเล็กน้อย ก็พยักหน้าเห็นด้วย
วันนี้ ฉู่ชวิ๋นตั้งใจจะวางตำแหน่งม่านพลังใหม่ ตอนที่สู้กันครั้งที่แล้ว เขาทำลายม่านพลังเก่าไปหมดสิ้น ทุกสิ่งจึงต้องถูกจัดเตรียมขึ้นมาใหม่ทั้งหมด แต่ที่สำคัญก็คือม่านพลังเก่าจะครอบคลุมแต่เพียงตัวคฤหาสน์ แต่ม่านพลังใหม่จะครอบคลุมทั้งภูเขาเฉียนหลง ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ธรรมดาหรือจอมยุทธ์ ก็ไม่อาจฝ่าเข้ามาได้ทั้งสิ้น
บัดนี้ฉู่ชวิ๋นมีความเร็วที่น่าเหลือเชื่อมาก เมื่อก่อนกว่าที่จะวิ่งวนไปทั่วภูเขาเฉียนหลงได้ ชายหนุ่มต้องเสียเวลาถึงสองชั่วโมง แต่ตอนนี้เขาใช้เวลาเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น
ม่านพลังลับที่เคยถูกวางเอาไว้ยังใช้งานได้อยู่ แต่ม่านพลังเดิมที่เคยครอบคลุมภูเขาเฉียนหลงอ๋าวไว้ถูกทำลายไปแล้ว คลื่นพลังที่เคยคุ้มครองบริเวณนี้แตกสลายกระจายขึ้นไปในอากาศ
ฉู่ชวิ๋นเคลื่อนย้ายม่านพลังเก่าออกไปและสำรวจหลุมขนาดใหญ่บนพื้นดิน ก่อนหน้านี้ เขาก็ค้นพบกำไลข้อมือที่นี่แหละ
ฉู่ชวิ๋นชำเลืองมองกำไลข้อมือของตัวเอง จิ่วโยวยังคงหลับใหลอยู่ เธอจะตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่กันนะ?
ฉู่ชวิ๋นหยิบหยกโบราณที่เตรียมการเอาไว้นานแล้วออกมา และเริ่มสร้างม่านพลังทันที แต่แล้วในทันใดนั้นเอง ฉู่ชวิ๋นก็หยุดชะงัก และจ้องมองละอองดวงดาวที่ลอยขึ้นมาจากหลุมบนพื้นดินในภูเขาทละอองดาวพวกนี้มีขนาดเท่ากับเม็ดงา มีสีสันสดใสเหมือนกับแก้ว ส่องแสงเป็นประกายสีขาวระยิบระยับ
ฉู่ชวิ๋นยื่นมือออกไปคว้าจับพวกมันเอาไว้ รู้สึกได้ถึงละอองดวงดาวที่อยู่ในกำมือ แต่แล้วพวกมันก็เปลี่ยนไป กลายเป็นผงและหายวับไปกับตา
ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าประหลาดใจไม่น้อย ตัดสินใจกระโดดลงไปในหลุมบนพื้นดินทันที ยิ่งลงไปลึกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีละอองดาวมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากที่ไถลตัวดิ่งลงไปในหลุมประมาณหนึ่งร้อยเมตร ฉู่ชวิ๋นก็หยุดอยู่กับที่นี่คือครั้งที่สองที่เขาได้ลงมาที่นี่ ชายหนุ่มเริ่มคุ้นชินกับสภาพแวดล้อมขึ้นมาบ้างแล้ว
บริเวณก้นหลุมยังมีปากถ้ำอีกแห่งหนึ่ง ทางด้านทิศใต้จากตำแหน่งที่เขาค้นพบกำไลข้อมือ ทางขวามือจะมีผนังหินที่เป็นทางตัน แต่ตอนนี้บนผนังปรากฏรูโหว่ขนาดเท่ากับชามข้าว มีละอองดวงดาวลอยออกมาจากรูบนผนังอย่างต่อเนื่อง
ฉู่ชวิ๋นคำนวณอยู่เล็กน้อย ก่อนที่จะต่อยหมัดใส่รูบนผนัง ผนังหินระเบิดตัวออก เศษหินปลิวกระจัดกระจาย ผนังหินถล่มลงมาเผยให้เห็นความมืดมิดที่อยู่ด้านหลัง
ฉู่ชวิ๋นกวาดสายตามองเข้าไปด้วยความตกตะลึง สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาคือเหมืองธรรมชาติ เต็มไปด้วยหินวิญญาณอันบริสุทธิ์ ละอองดวงดาวจำนวนมากลอยออกมา เหมืองใต้ดินแห่งนี้เป็นเหมือนกับเหมืองที่ผลิตแก้วคริสตัลไม่มีผิด
ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปหยิบคริสตัลที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นขึ้นมาชิ้นหนึ่งด้วยความตื่นเต้น หลังจากตรวจสอบดูแล้ว เขาก็หัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว
หินวิญญาณสิ่งที่เคยพบได้ทั่วไปในทวีปเซียนมีอยู่บนโลกมนุษย์จริงๆ ด้วย
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ถ้าเขาปิดที่นี่ลงสักสิบปี อีกหน่อยมันต้องกลายเป็นขุมสมบัติแน่นอน
เมื่อโคจรพลังลมปราณแล้ว ลำแสงสีขาวก็เรืองรองออกมาจาก
ฝ่ามือของฉู่ชวิ๋น พลังจากศิลาวิญญาณถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย คริสตัลขนาดเท่ากำปั้นมือหดตัวลง หลังจากนั้นสิบนาที ก็ได้ยินเสียงดัง “ฟู่” แล้วหินก้อนนั้นก็สลายตัวกลายเป็นผงไปทันที
ลำตัวของฉู่ชวิ๋นเปล่งแสงเรืองรอง เลือดลมสูบฉีดไปตามแขนขา หัวใจเต้นเหมือนรัวกลอง พลังวิญญาณจากก้อนหินดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นพลังงานที่โคจรไปกระแทกจุดตันในร่างกาย
ฉู่ชวิ๋นยิ้มออกมาเล็กน้อย ก้มหยิบก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นมาอีกก้อน และเริ่มต้นดูดซับพลังงานอีกครั้ง
ฟึบ!
ฉู่ชวิ๋นเพิ่งจะโคจรพลังเท่านั้น ก้อนหินในมือเขาก็กลายเป็นผงไปเสียแล้ว ฉู่ชวิ๋นนิ่งอึ้งไปหลายวินาที และหยิบก้อนหินก้อนใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง
ฟึบ!
เพียงพริบตาเดียว หินวิญญาณก็กลายเป็นผุยผง ไหลหล่นลงไปจากง่ามนิ้วมือของเขา ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าผิดหวังขึ้นมาแล้ว เขาอยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตา ทำไมสวรรค์ต้องกลั่นแกล้งเขาแบบนี้ด้วย? เขาเผลอดีใจเก้อที่แท้หินวิญญาณพวกนี้ก็เป็นของปลอม!!!