ตอนที่ 192 จอมพลที่หนึ่ง!

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ

“ยันขึ้นไปข้างหน้า สกัดยานอวกาศเอาไว้ อย่าให้พวกเขามีโอกาสยิงปืนใหญ่กระบอกหลักนะ!” พลตรีถังซวี่คำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ในตอนนี้มีเพียงการสู้สุดชีวิตเท่านั้น ถ้าหากไม่ได้จริงๆ ต่อให้ต้องขับยานอวกาศไปขวางปืนใหญ่ก็คุ้มค่าแล้ว หลังจากที่ออกคำสั่งนี้ไป ยานอวกาศทุกลำของสหพันธรัฐก็เริ่มเคลื่อนไหวขึ้นมา แต่น่าเสียดายที่ยานอวกาศใหญ่และหนักมากเกินไป การจะหันตัวยานไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายขนาดนั้น

นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมยานอวกาศที่ถึงแม้จะมีปืนใหญ่กระบอกหลักอันทรงพลัง แต่กลับไม่สามารถกลายเป็นตัวหลักในสงครามอวกาศได้ เมื่อเทียบกับหุ่นรบที่เคลื่อนไหวปราดเปรียวแล้ว ยานอวกาศที่หนักและเชื่องช้าเหล่านี้ไม่เหมาะกับสงครามความเร็วเลย มันจะถูกหุ่นรบเล่นงานเสียเปล่าๆ ถ้าไม่ใช่เพราะการป้องกันของตัวยานอวกาศแข็งแกร่งมากและการโจมตีของหุ่นรบสร้างความเสียหายได้น้อยมากเกินไป ไม่สามารถกำจัดยานอวกาศได้ พวกมันอาจจะต้องถอนตัวออกจากเวทีสนามรบไปแล้ว

“ล็อกเป้าไปยังหลิงเซียว ยิง!” ปืนใหญ่กระบอกหลักของยานอวกาศที่หนึ่งเล็งเป้าไปที่หลิงเซียวในที่สุด ดังนั้นจึงสั่งให้ทหารยิงปืนใหญ่กระบอกหลักของยานอวกาศโจมตีใส่หุ่นรบของหลิงเซียวที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศตรงนั้น

เสียง ‘ตูม!’ ดังสนั่น ปืนใหญ่กระบอกหลักยิงโจมตีใส่ Belief ของหลิงเซียวทันที เปลวไฟควันโขมงกระจายไปทั่วทุกทิศทาง ปกคลุมหุ่นรบ Belief ของหลิงเซียวจนหมด

ทหารยิงปืนใหญ่กระบอกหลักของยานอวกาศกระโดดโลดเต้นขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “ฉันยิงโดนเขาแล้ว ฉันยิงโดนเขาแล้ว” ถ้าหากหลิงเซียวตายในเงื้อมมือเขา เขาก็เป็นวีรบุรุษของจักรวรรดิฮิงูเระแล้ว!

ควันหนากระจัดกระจาย เปลวไฟหายไปแล้ว! เมื่อหุ่นรบ Belief ของหลิงเซียวปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าผู้คนด้วยสภาพสมบูรณ์ไม่มีความเสียหาย ทหารยิงปืนใหญ่กระบอกหลักที่ยังคงตื่นเต้นก็เหมือนกับถูกบีบคอ เสียงตื่นเต้นของเขาหยุดชะงักลงในลำคอทันที ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ เนื่องจากพลังระเบิดที่มีอานุภาพมหาศาลของปืนใหญ่กระบอกหลักไม่สามารถทิ้งร่องรอยความเสียหายให้หุ่นรบ Belief ของหลิงเซียวได้สักนิดเดียว

ทหารสหพันธรัฐก็งุนงงเช่นเดียวกัน ไม่รู้ว่าทำไม Belief ของหลิงเซียวถึงไม่มีความเสียหายท่ามกลางพลังระเบิดมหาศาลแบบนี้ คนที่มีสายตาแหลมคมเห็นบนเกราะด้านนอก Belief ของหลิงเซียวมีรัศมีแสงสีสันหลากหลายก็ตระหนักได้ทันที “โล่เทวะนี่นา ระบบโล่เทวะที่มีเฉพาะในหุ่นรบขั้นเทวะ!”

สาเหตุที่หุ่นรบขั้นเทวะสามารถกลายเป็นหุ่นรบขั้นเทวะได้ เป็นเพราะว่าในออปติคัลคอมพิวเตอร์ของหุ่นรบมีระบบหลายอย่างที่ออปติคัลคอมพิวเตอร์ของหุ่นรบทั่วไปไม่สามารถรองรับได้ หนึ่งในนั้นก็คือระบบโล่เทวะ มันสามารถใช้แหล่งพลังงานสร้างโล่แสงเทวะที่แข็งแกร่งทนทานจนเกือบจะสมบูรณ์แบบได้ พูดได้ว่าอาวุธที่มนุษย์คิดค้นวิจัยออกมาในตอนนี้ไม่สามารถทำลายพลังป้องกันของมันได้เลย แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าระบบโล่เทวะไม่มีจุดอ่อนอยู่เลย นั่นก็คือการที่มันบริโภคพลังงานมากเกินไป ต่อให้หุ่นรบขั้นเทวะจะเรียกได้ว่ามีพลังงานไร้ที่สิ้นสุด แต่มันก็คงเอาไว้ได้แค่ช่วงเวลาสามนาทีสั้นๆ เท่านั้น

หุ่นรบ Belief ของหลิงเซียวต้านทานการโจมตีของปืนใหญ่กระบอกหลังในครั้งนี้ แต่มันก็ไม่ได้เลือกหยุดเป็นเป้านิ่งอยู่ที่เดิมต่อ อากาศรอบๆ หุ่นรบพลันบิดเบี้ยวขึ้น วินาทีถัดมาเขาก็ไปโผล่ขึ้นที่ด้านข้างยานอวกาศของฝ่ายตรงข้าม

“ระบบวายุเทพ!” นี่ก็เป็นหนึ่งในระบบเฉพาะของหุ่นรบขั้นเทวะ เมื่อเปิดใช้งานมันก็จะสามารถไปถึงระดับความเร็วสี่เท่าของความเร็วแสง ไปถึงขั้นคลื่อนย้ายในชั่วพริบตาอย่างแท้จริง

ในตอนนี้เอง หลิงเซียวที่ปรากฏตัวตรงด้านข้างยานอวกาศก็ปลดด้ามดาบขนาดยักษ์ลงมาจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว มือขวาของหุ่นรบกุมด้ามดาบเล่มนั้นเอาไว้แน่นๆ ทันใดนั้นเองอยู่ๆ ก็มีดาบเลเซอร์ที่ยาวหนึ่งร้อยเมตรโผล่ขึ้นมาท่ามกลางอวกาศฉับพลัน

หลิงเซียวกุมดาบยักษ์เล่มนี้ไว้ก่อนจะตวัดไปทางยานอวกาศลำนั้นอย่างรุนแรง….

มือชูดาบขึ้นแล้วสะบัดลงไป หลิงเซียวไม่มองยานอวกาศลำนั้นอีก หากแต่ปลดดาบเลเซอร์ทันทีก่อนจะห้อยด้ามดาบไว้ที่ด้านหลังอีกครั้ง

ต่อมาอากาศรอบๆ ตัวหุ่นรบ Belief เกิดการบิดเบี้ยวอีกครั้ง จากนั้นมันก็ปรากฏตัวขึ้นอีกรอบในฝูงหุ่นรบของฝ่ายศัตรู

ในตอนนี้เอง จู่ๆ ยานอวกาศลำนั้นก็แยกออกจากกันเป็นชิ้นๆ คนที่อยู่ด้านในถูกเหวี่ยงเข้าไปในอวกาศเนื่องจากการระเบิดอย่างกะทันหันจนกลายเป็นขยะอวกาศอย่างเป็นทางการและเสียชีวิตไปทันที

การสังหารของหลิงเซียวไม่ได้หยุดลงเพียงเท่านี้ หลิงเซียวบินเข้าไปที่ฝูงหุ่นรบราวกับหมาป่าที่เข้าไปในฝูงแกะ เวลานี้ในมือของเขาปรากฏมีดสั้นสองเล่ม มันเป็นมีดคลื่นแม่เหล็กที่เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่สุดของหุ่นรบ แต่ก็เป็นอาวุธธรรมดาที่สุดสองเล่มนี้แหละที่ฟันหุ่นรบของฝ่ายตรงข้ามง่ายๆ ราวกับหั่นแตงโมก็ไม่ปาน ความเร็วของระบบวายุเทพ การควบคุมระดับเทพ การก้าวย่างของปีศาจทำให้หุ่นรบปรากฏตัวขึ้นอย่างผลุบๆ โผล่ๆ ช่วงเวลาพริบตาเดียว หลิงเซียวได้ทำลายหุ่นรบไปหลายสิบตัว ถึงขนาดที่ภายในนั้นมีหุ่นรบไพ่ราชาอยู่ไม่น้อย

เวลานี้ทุกคนเข้าใจแล้วว่าทำไมโลกมนุษย์ถึงมีคำพูดสืบต่อกันมาว่าผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะสามารถบงการสงครามได้ เนื่องจากไม่มีคนต้านทานการโจมตีของผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะได้เลย และก็ไม่มีอาวุธที่สามารถทำลายการป้องกันของอีกฝ่ายได้ มีแต่ต้องพึ่งพาพลังงานอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติเท่านั้น เช่น หลุมดำ (นี่ก็ต้องเอาออกไปเหมือนกัน) ยกตัวอย่างเช่น การระเบิดของพลังงานแม่เหล็กดึกดำบรรพ์ (นี่ก็ต้องใส่เครื่องหมายคำถามไว้) การระเบิดเป็นลูกโซ่ที่มาจากดวงดาว (แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นเลย) มีดฆ่าหมูของเวลา1 ฯลฯ บางทีอาจจะยังพอมีความเป็นไปได้ในการกำจัดพวกเขา

นายพลของจักรวรรดิฮิงูเระเห็นฉากนี้ก็รู้ว่าวันนี้ไม่มีทางบรรลุเป้าหมายของเขาได้แล้ว ต่อให้สละชีวิตพวกเขาทุกคนก็ไม่สามารถสังหารหลิงเซียวตรงนี้ได้ เมื่อเขาเห็นว่าไม่มีความหวังแล้วก็สั่งถอยทัพอย่างเด็ดขาด เขาจำเป็นต้องรายงานข่าวเรื่องที่หลิงเซียวยังมีชีวิตอยู่ให้กับทางกองทัพของจักรวรรดิทันที

กองยานรบของจักรวรรดิฮิงูเระถอยทัพไปอย่างฉับไวแล้วไม่นานก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามหนีกลับไปยังชายแดนอวกาศของตัวเองอย่างผิดหวัง ทหารสหพันธรัฐทุกคนต่างโห่ร้องยินดีขึ้นมา! พวกเขาเปล่งเสียงร้องเชียร์ต่อชัยชนะในสงครามครั้งนี้ และก็โห่ร้องด้วยความดีใจต่อการกลับมาของผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะหลิงเซียว

“หลิงเซียว รองผู้บัญชาการกองพลที่เจ็ดของสหพันธรัฐ ขอขึ้นยานอวกาศของพันธมิตรชั่วคราว!” หลิงเซียวเชื่อมต่อกับช่องสื่อสารที่ใช้ร่วมกันทั้งกองทัพ ยื่นคำขอขึ้นยานให้กับอีกฝ่าย

ถังซวี่พรูลมหายใจลึกๆ ฝืนข่มกลั้นความตื่นเต้นไว้ก่อนจะกดปุ่มสื่อสารและกล่าวว่า “ถังซวี่ ผู้บัญชาการกองยานรบป้องกันที่หนึ่งของกองทัพรักษาการณ์ชายแดนตะวันตก อนุญาตให้พลตรีหลิงเซียวขึ้นยานของเราได้” หลังจากเสียงนี้บนยานบัญชาการก็ยิงพลุสัญญาณนำทางออกมา

หลิงเซียวบังคับหุ่นรบ Belief ร่อนลงไปที่หอคอยการบินของยานบัญชาการช้าๆ จากนั้นเขาก็ไถลเข้าไปยังด้านในของยานอวกาศตามหอคอยการบิน

 การควบคุมของหลิงเซียวแม่นยำอย่างยิ่ง เขาจอดบนเส้นหยุดอย่างไม่มีข้อผิดพลาด ตอนนี้เอง เสียงนุ่มนวลอ่อนหวานดังขึ้นในช่องสื่อสารของหุ่นรบ “พลตรีหลิงเซียว สวัสดีค่ะ! ดิฉันเป็น JMC นำทางหุ่นรบของคุณเข้าที่แท่นวางหุ่นรบในครั้งนี้ โปรดดำเนินการขั้นต่อไปตามคำบอกของดิฉันด้วยนะคะ ”

“เข้าใจแล้ว!” เสียงอ่อนหวานที่ฟังดูคุ้นหูอยู่บ้างทำให้หลิงเซียวอึ้งไปก่อนจะกลับมาเยือกเย็นตามเดิม เสียงเมื่อสักครู่นี้ทำให้เขานึกถึงหลานลั่วเฟิ่ง ตอนนั้นเธอก็เป็น JMC ส่วนตัวของเขา เกือบสิบเจ็ดปีแล้วสินะที่เขาไม่ได้เจอเธอเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง? ยังมีหลิงหลานลูกของพวกเขาอีก…ในใจหลิงเซียวเกิดความรู้สึกที่เรียกว่ายิ่งใกล้บ้านเกิดยิ่งรู้สึกประหม่า ในใจเกิดความกังวลขึ้นมา

หลิงเซียวนำหุ่นรบของตัวเองเข้าไปในแท่นวางภายใต้การชี้นำของ JMC หุ่นรบถูกส่งเข้าไปในห้องหุ่นรบตามการดำเนินการของระบบยานอวกาศ

หลิงเซียวปิดสวิตช์หุ่นรบแล้วเปิดประตูห้องของหุ่นรบออก เวลานี้ทหารในยานบัญชาการยืนอยู่กันเต็มห้องหุ่นรบ มีทั้งผู้ชายและผู้หญิง พวกเขาต่างฉวยโอกาสนี้มองพลตรีหลิงเซียวที่ตัวเป็นๆ สักครั้ง นี่ก็คือวีรบุรุษในตำนานที่พลีชีพไปสิบเจ็ดปี

หลิงเซียวชินกับสายตาแบบนี้มานานแล้ว เขาเป็นลูกรักของสวรรค์ อัจฉริยะปีศาจแห่งยุคที่ถูกคนเคารพบูชาเสมอมา ถึงแม้ว่าเขาจะจากสหพันธรัฐไปสิบเจ็ดปีแล้ว แต่เขาไม่ได้รู้สึกแปลกกับสายตาแบบนี้เลย

หลิงเซียวเหยียบแท่นยกมาที่พื้น ชุดเครื่องแบบหุ่นรบแต่เดิมของเขาเก่าชำรุดอย่างสุดจะเหลือรับไหว ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ มันก็ยังลดความสง่างามสะดุดตาของเขาไม่ได้เลย รอยยิ้มงดงามอ่อนโยนรวมไปถึงดวงหน้าที่หล่อเหลาอย่างหาใดเปรียบทำให้ทหารหญิงทุกคนใจเต้นหน้าแดง อยากจะพุ่งเข้าไปกอดเขาไว้ มอบความทรงจำที่สวยงามให้ตัวเอง

 แต่นี่ก็เป็นแค่ความคิดเท่านั้น พวกเธอไม่กล้าทำตัวบุ่มบ่ามนะ ถึงแม้ว่าพลตรีหลิงเซียวจะดูอ่อนโยนสง่างามราวกับสุภาพบุรุษที่ถ่อมตน แต่ก็มีพลังมหัศจรรย์บางอย่างที่ควบคุมการกระทำไม่ดูตาม้าตาเรือของพวกเธอไว้ ทำให้พวกเธอไม่กล้ากระทำอะไรเกินเลย

“พลตรีหลิงเซียว ยินดีต้อนรับกลับมา!” ถังซวี่ที่รีบมายังห้องหุ่นรบเห็นหลิงเซียวลงมาที่พื้นก็พุ่งเข้าไปคว้ามือของของหลิงเซียวไว้ เอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ทั้งสองคนเจอหน้ากันไม่กี่ครั้งเมื่อสิบเจ็ดปีก่อน และก็เคยพูดคุยกันสั้นๆ แต่น่าเสียดายที่ ‘การพลีชีพ’ ของหลิงเซียวหลังจากนั้นทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาถูกตัดขาดลง ตอนนั้นเขาเสียใจอย่างสุดซึ้ง คิดว่าสูญเสียเพื่อนร่วมรบที่มีอุดมการณ์เดียวกันไปหนึ่งคน

“พลตรีถังซวี  ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!” หลิงเซียวมองปราดไปที่อิทรธนูของถังซวี่ก่อนจะทักทายแล้วก็รู้ยศทหารของอีกฝ่ายในตอนนี้ สิบเจ็ดปีเพียงพอที่ทำให้เพื่อนมากมายเปลี่ยนยศตำแหน่งแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกศัตรูของเขาจะเป็นแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า? จิตสังหารฉายวูบขึ้นในแววตาของหลิงเซียวอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้ว่าถังซวี่อยากกล่าวอะไรบางอย่างกับหลิงเซียวมาก แต่เขากลับพูดอะไรไม่ออกเลย เขาได้แต่เขย่ามือหลิงเซียวหนักๆ ถึงแม้เขาจะรู้ว่าความจริงแล้วพวกเขาสมควรใช้มารยาททางการทหารมาพูดคุยกันเสียมากกว่า

หลิงเซียวกวาดตามองผู้คนรอบๆ แวบหนึ่งก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ดูเจื่อนๆ ออกมาว่า “ถ้าเป็นไปได้ รบกวนช่วยเตรียมที่พักให้ฉันที ฉันใช้ชีวิตอยู่ในหลุมดำบัดซบนั่นมานานมาก ร่างกายและจิตใจรู้สึกอ่อนล้าแล้ว”

ถังซวี่ถูกเตือนสติก็รีบพยักหน้าติดๆ กันและกล่าวว่า “ได้เลย ฉันจะเตรียมให้ทันที!” จิตใจที่เหนื่อยล้าของหลิงเซียวยืนยันว่าเขาคลานออกมาจากในหลุมดำ นี่ย่อมไม่ได้เรียบง่ายและง่ายดายอย่างที่พวกเขาคิดเอาไว้ เขาต้องจ่ายด้วยค่าตอบแทนที่แสนสาหัสแน่นอน

หลิงเซียวจึงอยู่ปรับสภาพพักฟื้นร่างกายในกองยานรบป้องกันที่หนึ่งของกองทัพรักษาการณ์ชายแดนตะวันตกชั่วคราวเช่นนี้เอง ส่วนหุ่นรบ Belief ไม่สามารถทำการซ่อมแซมได้เนื่องจากปัญหาเรื่องเทคนิคและวัตถุดิบ ทำได้เพียงรอคอยให้หลิงเซียวกลับไปที่โดฮาแล้วถึงจะได้รับการบำรุงรักษาและซ่อมแซม

ในขณะเดียวกัน หลิงหลานที่รู้ว่าพวกฉีหลงทั้งห้าคนสอบเข้าโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งได้ไม่รู้เลยว่าผู้ชายที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงเส้นทางข้างหน้าของเธอกำลังอยู่ระหว่างทางกลับบ้าน….

…………

หนึ่งอาทิตย์ให้หลัง จอมพลที่หนึ่งของสหพันธรัฐได้มาถึงกองบัญชาการใหญ่ของกองพลที่หนึ่งอย่างเงียบเชียบ เจ้าหน้าที่ฝ่ายเสนาธิการที่อยู่ข้างๆ บอกเขาว่าแขกกำลังรอเขาอยู่ในห้องรับรอง

เมื่อจอมพลเข้าไปในห้องรับรอง สิ่งที่ปรากฏขึ้นในสายตาเขาคือชายหนุ่มที่กำลังนั่งตัวตรงอยู่บนโซฟา เขาดูอายุประมาณยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด หรือบางทีอาจจะประมาณสามสิบ บนดวงหน้ามีรอยยิ้มคลุมเครือ ทำให้คนเกิดความรู้สึกดีๆ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากชุดเครื่องแบบทหารที่ใหม่เอี่ยม ชุดเครื่องแบบนายพลที่รีดจนเรียบกริบแทบจะไม่มีรอยทำให้เขาเปลี่ยนเป็นมีกลิ่นอายองอาจคุกคามผู้คน ลดกลิ่นอายอ่อนโยนแต่เดิมของเขาไปบ้าง และเพิ่มความน่าเกรงขามที่หาได้ยากมากขึ้น

“หลิงเซียว เธอยังมีชีวิตอยู่ ช่างดีเหลือเกิน!” เมื่อจอมพลเห็นอีกฝ่ายก็เอ่ยด้วยความตื่นเต้น ฝีเท้ารวดเร็วมากขึ้น

หลิงเซียวเห็นจอมพลมาก็รีบยืนขึ้นทันที เขาทำท่าวันทยหัตถ์ให้อีกฝ่ายอย่างเรียบร้อย “ท่านจอมพล ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะครับ!”

………………………………………….

[1] หมายถึง เวลาผ่านไป คนก็แก่ลงไปตามสภาพ