“อามิตตาพุทธ สีกา บาดแผลบนกายอาตมาเล่าจะทำเช่นไร?” หลี่มู่ชี้ไปยังบาดแผลถี่ยิบบนร่างกายของตนที่เหมือนใช้มีดเล่มเล็กฟัน อีกทั้งบนบาดแผลยังมีชั้นน้ำแข็งสีฟ้าอ่อนปกคลุมอยู่
สตรีชุดขาวร้องอ้อในใจ
นางลืมเรื่องนี้ไปแล้วจริงๆ
หลักๆ ก็เพราะเณรน้อยมีบุคลิกท่าทางแบบที่ทำให้นางสูญเสียการควบคุม นางสาบานได้ว่า ในชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาที่สนทนากับเณรน้อยเมื่อครู่นี้ จำนวนครั้งที่นางเสียการควบคุมมากกว่าช่วงเวลาปกติตลอดเดือนสองเดือนที่ผ่านมามากนัก อีกทั้งเณรน้อยยังเปลือยกายท่อนบนอีก นี่เป็นสิ่งที่ทำให้นางไม่อาจรับได้
“ใช้กำลังภายในขจัดทิ้งก็ได้แล้ว” สตรีชุดขาวเอ่ย
ปกติแล้ว กำลังภายในน้ำค้างแข็งเช่นนี้ สามารถสังหารปลิดวิญญาณพวกอันธพาลได้ แต่สำหรับยอดฝีมือการต่อสู้ระดับหนึ่งขั้นปรมาจารย์ขึ้นไปแล้วไม่ใช่ปัญหาเลย หลังจากต่อสู้เสร็จสิ้น ปรับลมหายใจเล็กน้อยก็กำจัดทิ้งไปได้ แค่อาศัยช่วงเวลาประมือกันประเดี๋ยวเดียวเมื่อครู่ สตรีชุดขาวก็สัมผัสได้ว่ากำลังรบในร่างของหลี่มู่จะต้องเป็นขั้นปรมาจารย์แน่นอน กำจัดไอกระบี่น้ำค้างแข็งไม่น่าจะเป็นปัญหา
หลี่มู่ทำสีหน้าลำบากใจ “อามิตตาพุทธ สีกา อาตมาฝึกกำลังภายในออกมาไม่ได้”
ใบหน้าของสตรีชุดขาวฉายแววตกใจ
แต่ว่าคิดให้ละเอียดแล้ว จากขั้นตอนการต่อสู้เมื่อครู่ ในร่างของเณรน้อยผู้นี้ก็เหมือนจะไม่มีคลื่นกำลังภายในจริงๆ
อาศัยเพียงความแข็งแกร่งของกายเนื้ออย่างเดียว ก็สามารถฝืนรับกระบี่ของนางที่กระตุ้นกำลังภายในสุดกำลังได้?
สตรีชุดขาวคิดให้ละเอียดแล้วก็ตื่นตะลึง อดประเมินวิชาหมัดมวยสำนักสงฆ์และกายเนื้อแข็งแกร่งของเณรน้อยสูงขึ้นอีกขั้นอย่างอดไม่ได้
แต่ว่าตอนนี้มีปัญหาแล้ว เณรน้อยใช้กำลังภายในไม่เป็นจะกำจัดปราณกระบี่น้ำค้างแข็งในกายอย่างไร?
หรือนางจะต้องลงมือรักษาอาการบาดเจ็บให้เณรน้อยด้วยตนเอง?
ถึงแม้จะเป็นนักบวช แต่ก็เป็นชายชาตรีทั้งแท่ง ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิดกัน
“อามิตตาพุทธ สีกา สังเกตว่าวิชากระบี่ของเจ้าเมื่อครู่ราวฝนดาวตกพร่างพราว ดั่งสายธารสวรรค์ไหลริน ดุจพิรุณกระทบใบกล้วย เป็นวิชากระบี่ที่ข้าเพิ่งเคยได้เจอ…ปีก่อน อาจารย์ของอาตมาสวีหมอจื้อสั่งให้ข้าลงเขา ก็บอกให้อาตมาไปพบเจอวีรบุรุษใต้โลกหล้า สังเกตกลยุทธ์การต่อสู้ต่างๆ ด้วยเหตุนี้จึงมีเรื่องอยากจะขอความกรุณา ไม่รู้ว่าสีกาจะถ่ายทอดวิชากระบี่วิชานี้ให้กับอาตมาได้หรือไม่?”
หลี่มู่เอ่ยปากขออย่างหน้าด้าน
ในใจของเขาชมชอบวิชากระบี่ที่สตรีชุดขาวสำแดงมากเมื่อครู่นัก
นี่เป็นหนึ่งในกระบี่เร็วที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมาอย่างไม่ต้องสงสัย หากสามารถเปลี่ยนจากกระบี่เป็นดาบได้ จะชดเชยข้อด้อยในหกดาบวายุเมฆาของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
สตรีชุดขาวขบคิดครู่หนึ่ง พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ได้สิ”
นางรับปากแล้วจริงๆ
ประกายแสงสว่างวาบขึ้นกลางฝ่ามือของนาง ตำรากระดาษสีฟ้าเล่มเล็กเล่มหนึ่งลอยจากกลางฝ่ามือไปยังหลี่มู่
หลี่มู่ยกมือขึ้นรับ ตำราสีฟ้าตกอยู่ในมือ บนหน้าปกมีตัวอักษรเขียนไว้ว่า ‘วิชากระบี่ลมกรด’
เขาเปิดอ่านดูเล็กน้อย ปกรองมีเขียนแนะนำว่าเป็นเคล็ดวิชากระบี่ลับขั้นห้าระดับกลาง ความสูงของระดับทำให้หลี่มู่เบิกบานใจยิ่งนัก ‘วิชากระบี่ลมกรด’ เป็นเคล็ดวิชาระดับสูงที่สุดเท่าที่เขาได้มาอย่างไม่ต้องสงสัย ต่อให้เป็นตำราวิชาลับที่ขูดรีดได้มาจากพรรคมังกรฟ้าหรือสำนักเขี้ยวพยัคฆ์ทั้งหลาย ก็ไม่มีเล่มไหนเทียบได้ เป็นรองแค่ ‘สัมผัสจิตดุจธนู’ ที่กัวอวี่ชิงถ่ายทอดให้เท่านั้น
แต่ไม่เหมือนกับเคล็ดวิชาลับ ‘สัมผัสจิตดุจธนู’ ที่ใกล้เคียงกับเต๋า ซึ่งให้ความสำคัญกับความหมายแฝงและการฝึกฝนจิตใจ ‘วิชากระบี่ลมกรด’ เป็นวิชาสังหารระยะประชิดที่แท้จริง สำหรับหลี่มู่ยิ่งมีค่าให้ใช้อ้างอิงประกอบมากนัก
“ขอบคุณสีกามาก” แต่เดิมหลี่มู่ไม่ได้หวังอะไรมาก ถึงอย่างไรตำราลับในยุทธจักรก็ล้ำค่าหายากยิ่งนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเคล็ดวิชาต่อสู้ขั้นห้าระดับกลางเช่นนี้เลย สำนักทั่วไปไม่มีทางมีได้ ดังนั้นที่เขาเอ่ยปากเมื่อครู่ก็แค่ตั้งราคาไว้เผื่อต่อ คิดไม่ถึงว่าสตรีชุดขาวนึกจะให้ก็ให้กันเลย นี่คือความสุขที่นอกเหนือความคาดหมาย เขาจึงพูดขึ้นอย่างจริงใจ “อามิตตาภพุทธ สีกาผู้อ่อนเยาว์จิตใจงดงาม ขอพุทธองค์ทรงคุ้มครองให้เจ้าไร้อุปสรรค ชีวิตคู่สุขสม”
“ตำราลับนี้ชดเชยให้กับบาดแผลของเจ้า”
สตรีชุดขาวเดิมก็ไม่อยากพูดอะไรมากอยู่แล้ว ตอนนี้ได้ยินคำว่า ‘ชีวิตคู่’ จากปากของเขา หน้าตาก็พลันเหยเก ยิ่งไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อไปอีกแม้แต่ชั่วขณะเดียว หมุนตัวจะจากไปทันที
แต่ว่าหลี่มู่จะปล่อยโอกาสหายากที่ได้ขอคำแนะนำจากยอดฝีมือเช่นนี้ไปได้อย่างไร
ฝีมือของสตรีชุดขาวไม่ได้ด้อยไปกว่ากัวอวี่ชิงเท่าใดเลย และเป็นยอดฝีมือที่หาตัวจับยาก เขาฉวยโอกาสตักตวงประโยชน์ไม่ให้เสียโอกาส รีบพูดว่า “อามิตตาพุทธ สีกาโปรดหยุดก่อน ในใจอาตมายังมีข้อสงสัยติดขัดอยากจะขอคำแนะนำจากสีกา”
สตรีชุดขาวปวดหัวนัก ฝืนอดทนพูดขึ้น “เจ้ายังมีเรื่องอะไรอีก?”
แม้แต่ตัวนางเองก็ยังรู้สึกว่า วันนี้ท่าทีของตนผิดปกติไปบ้าง
“เมื่อครู่อาตมากวาดสายตาอ่าน ‘วิชากระบี่ลมกรด’ คร่าวๆ ไปรอบหนึ่ง พบว่าข้างในไม่ได้บอกว่าจะฝึกฝนปราณกระบี่น้ำค้างแข็งได้อย่างไร ไยกระบวนท่าที่สีกาสำแดงจึงมีปราณกระบี่น้ำค้างแข็งปรากฏออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์?” หลี่มู่เอ่ยถาม
หลี่มู่ฝึกฝนกำลังภายในออกมาไม่ได้ แต่ก็ทุ่มเทศึกษาด้านกำลังภายในไปไม่น้อย
ตามหลักการสายหลักในวิชาลับทั้งหลายที่เขาสะสมไว้ จอมยุทธ์กำลังภายในส่วนใหญ่คิดจะรวบรวมกำลังภายในธาตุน้ำแข็งหรือไฟอะไรประเภทนี้ จำต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ที่มีพลังวิญญาณฟ้าดินธาตุนั้นๆ หล่อหลอมเลี้ยงพลัง ยกตัวอย่างเช่นฝึกฝนธาตุน้ำแข็งก็ต้องไปในพื้นที่ที่มีหิมะ ฝึกฝนธาตุไฟก็ต้องไปที่ที่สภาพแวดล้อมร้อนระอุ
นี่ทำให้หลี่มู่รู้สึกกังขานัก
หรือการฝึกฝนกำลังภายในธาตุดิน จะต้องขุดหลุมฝังแล้วฝึกฝนในดิน?
ฝึกฝนกำลังภายในธาตุไม้ก็ต้องนั่งฝึกบนคาคบไม้?
ปัญหานี้ครั้งที่แล้วเขาไม่ทันได้ถามกัวอวี่ชิง ครั้งนี้พอดีได้สัมผัสกับปราณกระบี่น้ำค้างแข็งของสตรีชุดขาว คำถามนี้ก็ผุดขึ้นในใจของเขาอีกครั้ง ดังนั้นจึงถามไปโดยอาศัยข้ออ้างขอคำชี้แนะเรื่องตำรา
“ปราณกระบี่น้ำค้างแข็งเป็นสิ่งที่ข้านึกนิมิตออกมา ไม่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับ ‘วิชากระบี่ลมกรด’ ” สตรีชุดขาวพูดจบก็ทำท่าจะจากไป
“นึกนิมิต?” หลี่มู่ตะลึงไปนิด
คำพูดนี้เขาเพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
เขาเหมือนจะกุมความสำเร็จอะไรบางอย่างไว้ได้รางๆ แล้ว
“สีกาหยุดก่อน…เอ่อ ขอถามหน่อยเถิดว่านึกนิมิตอย่างไร?” หลี่มู่ทำหน้าด้านไล่ถามต่อไป
สตรีชุดขาวหยุดลงอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ย “อาจารย์ของเจ้าเป็นเจ้าอาวาสวัดต้าหลุนแห่งภูเขาหิมะ ทั้งยังเป็นผู้ทรงปัญญาแห่งยุค ถ่ายทอดวิชาพุทธองค์กายทองให้กับเจ้าได้ แต่ไม่ถ่ายทอดวิชานึกนิมิตให้เจ้าอย่างนั้นรึ?”
“เอ่อ…ในวัดต้าหลุนแห่งภูเขาหิมะ นอกจากวิชาพุทธองค์กายทองก็ไม่มีเคล็ดการต่อสู้อื่นๆ แล้ว” หลี่มู่แสดงท่าทางอย่างจริงใจแต่ภายในไร้ยางอาย
สำนักประหลาด
สตรีชุดขาวคิดๆ ดูก็หยิบตำราเล่มหนาสีแดงเพลิงออกมาจากกำไลข้อมือเก็บของ โยนให้หลี่มู่แล้วเอ่ยว่า “ข้างในมีวิชานึกนิมิตเขียนอยู่บ้าง หากเณรน้อยสนใจก็ค่อยๆ ศึกษาค้นคว้า แต่ว่า เงื่อนไขแรกของวิชานึกนิมิตคือต้องฝึกฝนกำลังภายใน ไม่มีกำลังภายใน พลังจิตวิญญาณไม่พอ เจ้าจะฝึกฝนได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับบุญวาสนาของเจ้าแล้ว”
หลี่มู่ดวงตาเป็นประกาย ยกมือรับเอาไว้
ตำราสีแดงเล่มนี้มีชื่อว่า ‘ปกิณกะนึกนิมิต’ เหมือนจะเป็นตำราลับประเภททฤษฎี ในนั้นมีวิชานึกนิมิตในความหมายทั่วไป ไม่ได้บรรยายแค่วิชานึกนิมิตชนิดใดชนิดหนึ่งล้วนๆ แต่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ จากน้ำเสียงของสตรีชุดขาวหากวิชานึกนิมิตล้ำค่ายิ่งกว่าวิชาฝึกปราณและเคล็ดการต่อสู้แล้วละก็ นางไม่มีทางใจกว้างมอบวิชานึกนิมิตชั้นสูงที่อยู่ในระดับแบบนี้มาให้ทันทีแน่นอน
สตรีชุดขาวหมุนตัวจะจากไป
หลี่มู่ยกมือขึ้นโดยไม่รู้ตัว “เอ่อ สีกาโปรดหยุดก่อน ข้า…”
“หุบปาก” นางอดตวาดขัดจังหวะไม่ได้
นางมองเณรน้อยที่ดูเหมือนทึ่มทื่อโง่งม ทนกับการอ้าปากก็เอ่ย ‘สีกาโปรดหยุดก่อน’ ของเขาไม่ไหวแล้ว เสียงพูดไม่หยุดนั้นช่างเหมือนเสียงปีศาจกรอกหู ไม่รอให้หลี่มู่ได้พูดอะไร สตรีชุดขาวก็แปลงเป็นลำแสงพุ่งไปยังประตูใหญ่ หายไปในที่ไกลโพ้นอย่างรวดเร็วราวดาวตกในท้องฟ้ายามราตรี
หลี่มู่อดหัวเราะออกมาไม่ได้
เป็นสตรีที่น่าสนใจนัก
จะต้องมีชาติกำเนิดอยู่ในตระกูลใหญ่แน่นอน มิฉะนั้นไม่มีทางมอบเคล็ดวิชากระบี่ขั้นห้าระดับกลางมาให้ได้ และยิ่งไม่มีทางทิ้ง ‘ปกิณกะนึกนิมิต’ ไว้อย่างนี้แน่
หลี่มู่คิดไม่ถึงว่าคืนนี้ตนมา ‘โปรด’ หม่าซานจะมีผลเก็บเกี่ยวเช่นนี้
หากผู้แข็งแกร่งวิถียุทธ์บนดาวดวงนี้ล้วนกระตือรือร้น ยินดีต้อนรับขับสู้ จิตใจดีชอบทำบุญเหมือนกับสตรีชุดขาว เช่นนั้นก็คงจะดี
ราชาปีศาจคิดอย่างหน้าไม่อาย
จากนั้นเขาก็เริ่มประเมินภาพที่เกิดเหตุในโถงใหญ่
อันธพาลสิบกว่าคนที่ถือธนูเจาะเกราะแช่แข็งยืนตายอยู่กับที่จากปราณกระบี่น้ำค้างแข็ง แม้แต่ธนูดอกเดียวก็ไม่ได้ยิงออกมา ส่วนหม่าซานตัวต้นเหตุนั่งแข็งตายอยู่บนเก้าอี้สูง มีรอยกระบี่แทงทะลุหน้าอก แน่นิ่งตายสนิท
อันธพาลในคฤหาสน์ทั้งหมดโดนสังหารสิ้น
“สตรีชุดขาวคนนั้นก็เป็นบุคคลชั้นยอดเหมือนกันนะเนี่ย ชั่วอึดใจเดียวฆ่าคนมากมายอย่างกับฆ่าหมู” หลี่มู่รำพึงรำพันเช่นนี้ ที่จริงแล้วต่อให้ไม่มีสตรีชุดขาว หากเขาลงมือเองก็จะทำอย่างนี้เช่นกัน อันธพาลพวกนี้ล้วนเป็นเศษเดน ปล่อยทิ้งเอาไว้จะเป็นเคราะห์ภัยของตำบลแน่นอน
หลี่มู่สำรวจต่อไป
เขานึกประหลาดใจ ตามหลักแล้วชาวบ้านในตำบลสุขสงบรวมทั้งหมดแล้วจะมีสักกี่คนกันเชียว เทียบกับอำเภอขาวพิสุทธิ์แล้วย่อมสู้ไม่ได้แน่นอน แต่กลับมีอันธพาลรวมตัวมากมาย จำนวนนี้ผิดปกติ ตำบลที่ตัวเลขประชากรน้อย ทำไมถึงได้มีคนหนุ่มไม่ทำการทำงานมากถึงเพียงนี้ได้?
พูดไปแล้วหม่าซานก็เป็นแค่หัวหน้าอันธพาลเท่านั้น แต่รวบรวมคนได้มากมาย ซ้ำยอมตายเพื่อเขา อีกทั้งในมือยังมีอาวุธสงครามมากมายถึงขนาดนี้ได้อย่างไร
ระหว่างในใจของหลี่มู่คิดแบบนี้ ก็เริ่มค้นไปในโถงใหญ่ตามความเคยชิน ดูว่าจะหาของประเภทตำราลับวิทยายุทธ์อะไรพวกนี้เจอหรือไม่ อย่างไรเสียของพวกนี้ก็มีประโยชน์มากมาย
ฝีมือการตรวจค้นของหลี่มู่ไม่ได้ดีเยี่ยม แต่ละครโทรทัศน์ต่างๆ ที่ได้ดูบนโลกก็ไม่ได้ดูไปโดยไร้ประโยชน์ หลังค้นไปรอบหนึ่ง เขาพบอะไรเข้าจริงๆ หลี่มู่หาที่ที่กลไกห้องลับตั้งอยู่เจอ
กึก แคร่ก แคร่ก แคร่ก!
เสียงกลไกดังขึ้นมา
เมื่อหลี่มู่หมุนกระบอกพู่กันทรงกลมที่อยู่บนโต๊ะ เก้าอี้ที่อยู่ใต้ศพของหม่าซานเคลื่อนออกไปข้างๆ ข้างใต้เผยให้เห็นประตูลับที่พอให้คนหนึ่งคนเดินผ่านได้ นำลงไปยังใต้ดินลึก และไม่รู้ว่าในที่ลึกนั้นมีอะไรกันแน่
……………………………………………………