ตอนที่ 271 อีกเดี๋ยวก็เป็นของฉันแล้ว / ตอนที่ 272 ฟังคำสั่งฉัน

ลืมรักเลือนใจ

ตอนที่ 271 อีกเดี๋ยวก็เป็นของฉันแล้ว

 

 

“พับผ่าสิ บัดซบเอ๊ย…นี่ต้องเป็นของปลอมแน่! ของเลียนแบบ หมึกของนายยังแห้งไม่หมดเลย!” เว่ยสวีเฟิงพูดพลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

 

 

“เหลวไหล นี่บอสเซ็นให้ฉันกับมือเลยนะ! ใช่แล้วล่ะ ฉันขอบอกความลับเล็กๆ ให้นายอีกเรื่องหนึ่ง…ฉันมีวิธีติดต่อบอส ว่ายังไง โมโหหรือเปล่า ริษยาหรือเปล่า อิจฉาหรือเปล่า?” ฉีเซ่าหยวนหัวเราะเสียงดัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง

 

 

“บอสเซ็นให้นายกับมือ…แถมยังมีวิธีติดต่ออีกด้วย?” ตอนนี้ใบหน้าเว่ยสวีเฟิงมีแต่ความงุนงง

 

 

“เป็นยังไง อย่ามาพูดว่าของปลอมอะไรกันอีก ตัวหนังสือเป็นของจริง ถ้าไม่เชื่อก็ไปหาหน่วยงานที่เชี่ยวชาญมาพิสูจน์ก็ได้ ถ้าเป็นของปลอม ฉันจะยอมเรียกนายว่าพ่อ” ฉีเซ่าหยวนพูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง

 

 

“อะ…ไอ้บัดซบนี่!” ดวงตาเว่ยสวีเฟิงมีแต่ความเดือดดาลระคนริษยา ดูจากท่าทีฉีเซ่าหยวนแล้ว ไม่เหมือนกำลังพูดโกหก

 

 

“ฮ่าๆๆ ไม่มีปัญญาก็ได้แต่โวยวาย!” ฉีเซ่าหยวนกลับไปประจำที่ดังเดิม นั่งไขว่ห้างสั่นเท้ากระดิกไม่หยุด

 

 

“ฉันว่าไอ้บ้าอย่างนาย…ไอ้เวรอย่างนายต้องมีอะไรปิดบังฉันแน่ รีบบอกมา!” เว่ยสวีเฟิงเดินไปหาฉีเซ่าหยวน

 

 

“เอ่อ มีความลับอะไรที่ไหนกัน ไม่มีนะ” ฉีเซ่าหยวนส่ายหน้า

 

 

“อย่างนั้นที่นายบอกว่ามีวิธีติดต่อบอส มันหมายความว่ายังไงกันแน่? นายบอกฉันมาให้ชัดเจนนะ…ไม่ได้ นายบอกวิธีติดต่อมาให้ฉันซะ!” เว่ยสวีเฟิงรีบพูด

 

 

พอได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเว่ยสวีเฟิง ฉีเซ่าหยวนก็หน้าเปลี่ยนสี คราวนี้ถึงนึกออก เมื่อกี้ตัวเองได้ใจเกินไปหน่อย เผลอหลุดพูดออกไป อย่างที่คิดไว้เลย คนปากสว่างอย่างเขาเก็บรักษาความลับอะไรไว้ไม่ได้เลยจริงๆ เลยนะ ไม่ช้าก็เร็วตัวเองต้องพูดออกไปหมดแน่

 

 

“รีบบอกวิธีติดต่อมาให้ฉันสิ!” ขณะนี้เว่ยสวีเฟิงมีสีหน้าพลุ่งพล่านเล็กน้อย

 

 

“มะ…มีที่ไหนกันเล่า เมื่อกี้ฉันก็พูดโม้ไป ฉันจะไปมีวิธีติดต่อบอสได้ยังไงกัน แต่ชุดที่มีลายเซ็นนี่เป็นของจริง” ฉีเซ่าหยวนพูดพึมพำ

 

 

บอสเป็นของเขาเพียงคนเดียว เขาไม่มีทางบอกวิธีติดต่อบอสให้คนอื่นรู้หรอกน่า!

 

 

ไม่ ไม่ถูกสิ…สิ่งสำคัญคือต้องรักษาความลับ ถ้าบอกวิธีติดต่อบอสไป จะไม่ใช่ว่าตัวเองขายบอสไปอย่างนั้นเหรอ อืม…เขาคิดอย่างนี้นี่แหละ

 

 

“โธ่เว้ย รู้อยู่แล้วว่านายไม่ได้พูดความจริง นายจะไปมีวิธีติดต่อบอสได้ยังไง” เว่ยสวีเฟิงหัวเราะเย้ยหยัน กลับไปนั่งประจำที่ด้วยเช่นกัน

 

 

ไม่รอให้ฉีเซ่าหยวนเอ่ยปาก เว่ยสวีเฟิงพูดต่อไปว่า “ฉันขอพนันกับนาย ถ้าการแข่งครั้งนี้ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อชนะ ลายเซ็นฉันก็จะเป็นของนาย แต่ถ้าทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อแพ้ ชุดที่มีลายเซ็นบนตัวนายต้องเป็นของฉัน”

 

 

พอได้ฟังฉีเซ่าหยวนก็ผงกศีรษะอย่างต่อเนื่อง “ได้ ได้เลย! นั่นมันช่างวิเศษเหลือเกิน!”

 

 

คราวนี้เขาต้องทำให้เว่ยสวีเฟิงแพ้จนร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่ ตัวของบอสก็อยู่ที่ทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อ ถึงจะเป็นแค่เนวิเกเตอร์ แต่เขาไม่เชื่อแน่นอนว่าทีมรถแข่งตระกูลเฮ่อจะแพ้ เพราะเรซแทร็คส์ กริมรีปเปอร์ เยวาก็อยู่ด้วยนี่นา!

 

 

“นั่งตัวตรง!” เมื่อเว่ยสวีเฟิงเห็นฉีเซ่าหยวนกำลังจะนอนลงไป จึงตวาดเสียงเย็นชาทันที

 

 

ฉีเซ่าหยวนนั่งตัวตรงแทบจะทันที มองเว่ยสวีเฟิงด้วยสีหน้างุนงง

 

 

“ทำอะไรน่ะ?”

 

 

“อย่าทำชุดที่มีลายเซ็นของฉันเลือน” เว่ยสวีเฟิงพูดเสียงเย็นชา

 

 

ฉีเซ่าหยวนถลึงตาใส่เว่ยสวีเฟิงอย่างดุร้าย “ของฉันเว้ย!”

 

 

“อีกเดี๋ยวก็เป็นของฉันแล้ว” เว่ยสวีเฟิงเย้ยหยัน

 

 

“ไอ้หนู นายต้องจ่ายค่าตอบแทนให้กับความจองหองและความโง่ของนายอย่างแสนสาหัสแน่นอน” ฉีเซ่าหยวนพูดพลางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

 

 

“ไร้สาระให้มันน้อยๆ หน่อย ถอดชุดมาให้ฉันแล้วห่อให้ดีๆ อย่าทำสกปรก ของล้ำค่าขนาดนี้ ใครใช้ให้นายสวมอยู่บนตัว?” เว่ยสวีเฟิงขมวดคิ้วมุ่น

 

 

ฉีเซ่าหยวน “…”

 

 

เขาไม่อยากใส่เหมือนกัน แต่การแข่งนี้บอสก็อยู่ด้วยนี่นา นี่เป็นชุดทำศึกของเขาโอเคไหม เขาจะเชียร์บอส ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่อยากสวมเหมือนกัน!

 

 

 

 

ตอนที่ 272 ฟังคำสั่งฉัน

 

 

ฉีเซ่าหยวนลูบจมูก ส่ายหน้าทันทีพร้อมพูดว่า “ทำไมฉันต้องถอด ตอนนี้ยังเป็นของฉันอยู่ ฉันก็ต้องสวมสิ”

 

 

“ฉันขอถามนายอีกรอบ นายจะถอดหรือไม่ถอด” เว่ยสวีเฟิงเหล่มองฉีเซ่าหยวน คิดว่าเสื้อตัวนี้ต้องเป็นของตัวเองแน่นอน

 

 

“ไม่ถอดๆ ไม่ถอดเฟ้ย!” ฉีเซ่าหยวนตอบ

 

 

เมื่อฉีเซ่าหยวนพูดจบ เว่ยสวีเฟิงก็ยืนขึ้นทันที สาวเท้ายาวๆ เดินไปยังฉีเซ่าหยวน พูดด้วยเสียงเย็นชา “เมื่อนายไม่ยอมถอด ได้ ฉันจะช่วยนายถอดเอง!”

 

 

ฉีเซ่าหยวน “เว่ยสวีเฟิง หยุดนะ…ไอ้เวรเอ๊ย!”

 

 

……

 

 

ณ จุดสตาร์ทเวลานี้

 

 

“เตรียมตัว ขึ้นรถ!”

 

 

พอสิ้นคำพูดของผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุน ทุกคนต่างเข้าไปในรถแข่งอย่างรวดเร็ว

 

 

หลินเยียนย่างก้าวเดินไปถึงที่นั่งข้างคนขับ ทำอะไรอยู่นานสองนาน ไม่มีทีท่าว่าจะเปิดประตู

 

 

เมื่อเห็นรูปการณ์ ผู้เฒ่าเฮ่อติ้งคุนก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้แต่ประตูก็ยังเปิดไม่เป็นอีกเหรอ

 

 

เฮ่อสยงแค่นเสียงเย้ยหยัน “น่าขายหน้าซะจริง”

 

 

“พี่เยียน พี่ๆ…”

 

 

ตรงที่นั่งคนขับ เฮ่อเล่อเฟิงมองหลินเยียนด้วยใบหน้างุนงง

 

 

“ช่วยพี่เปิดประตู!” หลินเยียนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

 

 

ประตูรถแข่งเกรดต่ำแบบนี้ เธอเพิ่งเปิดเป็นครั้งแรก …

 

 

เฮ่อเล่อเฟิง “…”

 

 

เฮ่อเล่อเฟิงรีบปลดเข็มขัดนิรภัย ช่วยเปิดประตูให้หลินเยียนจากข้างในรถ

 

 

ไม่นานนักหลินเยียนจึงโน้มเอวเข้าไปในตัวรถ

 

 

เฮ่อเล่อเฟิงคาดเข็มขัดนิรภัยใหม่อีกครั้งหนึ่ง พูดกับหลินเยียนว่า “พี่เยียน คาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อยครับ”

 

 

เมื่อเตรียมการตามขั้นตอนครบถ้วนทุกอย่างแล้ว เฮ่อเล่อเฟิงก็มองพวงมาลัยด้วยความประหม่าเล็กน้อย สายตาจ้องมองธงสัญญาณที่อยู่ข้างหน้าเป็นระยะ

 

 

“อย่าประหม่า” หลินเยียนพูดกับเฮ่อเล่อเฟิง

 

 

“พี่เยียน…ผมไม่ได้ประหม่า!” เฮ่อเล่อเฟิงตอบ

 

 

“หน้าผากมีเหงื่อออกมาแล้ว” หลินเยียนดึงกระดาษทิชชู่ออกมาแผ่นหนึ่ง เช็ดเหงื่อบนใบหน้าเฮ่อเล่อเฟิง

 

 

ในฐานะที่เป็นนักแข่งรถคนหนึ่ง นี่ยังไม่ทันได้ออกวิ่งเลย ทำไมถึงเหงื่อออกเสียแล้วล่ะ

 

 

“ปรับกระจกมองหลังเก้าสิบองศา” หลินเยียนพูดเตือน

 

 

“อ้อ…ใช่ เกือบลืมไปครับ!” เฮ่อเล่อเฟิงรีบปรับกระจกมองหลัง

 

 

อย่างไรก็ตาม ขณะที่กำลังปรับกระจกมองหลังก็มีเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัด ธงสัญญาณโบกสะบัดตามทันที

 

 

“บรืน”!

 

 

แทบจะภายในชั่วพริบตา รถทุกคันต่างพุ่งออกจากจุดสตาร์ททันที เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

 

 

“บัดซบ!”

 

 

เฮ่อเล่อเฟิงสบถคำหนึ่ง จากนั้นจึงรีบเหยียบคันเร่ง

 

 

……

 

 

เฮ่อเล่อเฟิงนั้นแต่เดิมก็เริ่มต้นช้ากว่าเล็กน้อยอยู่แล้ว บวกกับฝีมือของตัวเองมีจำกัด ตอนนี้จึงรั้งอยู่คันสุดท้ายของสามทีม

 

 

หลินเยียน “…”

 

 

ทักษะแบบนี้ช่างห่วยซะจริง ทนดูไม่ได้

 

 

เส้นทางการแข่งของสนามนี้เป็นเส้นทางบนเขาทั้งหมด เส้นทางซับซ้อนมาก เฮ่อเล่อเฟิงทำได้แค่เหลียวซ้ายแลขวา ไม่กล้าเร่งความเร็วถึงขีดสุด

 

 

“เหยียบคันเร่งให้มิด” หลินเยียนพูดด้วยเสียงเย็นชา

 

 

“หา…พี่เยียน พี่อย่าสั่งซี้ซั้วสิ อันตรายมากนะ!” เฮ่อเล่อเฟิงเอ่ยปากโอยอัตโนมัติ

 

 

“เหยียบคันเร่งให้มิด อย่าให้ฉันพูดเป็นครั้งที่สอง” หลินเยียนตวาด

 

 

“พี่เยียน…” สายตาเฮ่อเล่อเฟิงอยู่บนร่างหลินเยียน

 

 

“อย่ามองฉัน มองข้างหน้า!” หลินเยียนพูดพลางขมวดคิ้ว

 

 

“เฮ้อ…” เฮ่อเล่อเฟิงถอนหายใจ ได้แต่เหยียบคันเร่งอย่างแรงเพื่อเพิ่มความเร็ว

 

 

ผ่านไปครู่ใหญ่ รถที่เฮ่อเล่อเฟิงขับอยู่ก็มาถึงทางโค้งบนเขาที่อยู่ข้างหน้า

 

 

ขณะนี้เอง ข้างหน้ามีรถแข่งของทีมรถแข่งเหล่าทังอยู่คันหนึ่ง พอเห็นทางโค้งก็รีบลดความเร็วลงทันที

 

 

ไม่นานนักเฮ่อเล่อเฟิงก็เห็นทางโค้ง ดังนั้นจึงลดความเร็วโดยอัตโนมัติ

 

 

“เหยียบคันเร่งให้มิด!” หลินเยียนพูดสั่งด้วยเสียงเย็นชา

 

 

“พี่เยียน นั่นมันทางโค้งนะครับ!” เฮ่อเล่อเฟิงรีบพูด

 

 

“อย่าพูดมาก ฟังคำสั่งฉัน นายแค่รับผิดชอบการเหยียบคันเร่งกับควบคุมพวงมาลัยก็พอ” หลินเยียนพูดพลางขมวดคิ้ว

 

 

ออร่าของหลินเยียนในตอนนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ต่างจากตอนปกติราวกับเป็นคนละคน