น้อยครั้งที่เหลิ่งรั่วปิงจะหน้าแดง ความเขินอายของผู้หญิงอย่างเธอหายากจริงๆ เธอเหมือนดอกโบตั๋นสีแดงที่อยู่ภายใต้แสงแดด หนานกงเยี่ยมองด้วยความอิ่มเอมใจ ไม่ต้องกินอาหารเช้าก็อิ่มแล้ว อาหารตาก็กินได้อิ่มเหมือนกัน
มองดูริมฝีปากบางของหนานกงเยี่ยกระตุกยิ้ม เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ทำไมเธอต้องกินอาหารเช้ากับเขาด้วย พวกเราสนิทกันมากหรือไง ไม่สนิท ไม่สนิทเลยสักนิด! เขาคือหนานกงเยี่ย เธอคือฉู่หนิงซยา เพิ่งรู้จักกันไม่นาน!
ด้วยเหตุนี้ เหลิ่งรั่วปิงจึงรีบจัดการกับความรู้สึกของตนเอง ทำหน้านิ่งแล้วพูดขึ้น ”ฉันคิดว่าหน้าที่ดูแลคุณหนานกงกินยา เป็นงานที่ยากมาก ให้ผู้ช่วยก่วนเป็นคนดูแลเหมือนเดิมดีกว่าค่ะ”
“เฮ้อ ฉู่หนิงซยา นี่มันการทำงานอะไรของคุณ” หนานกงเยี่ยเซ็งเล็กน้อย เขาทำอะไรให้เธอไม่พอใจ ”ผมไม่ได้บอกว่าคุณทำได้ไม่ดีนี่หนิครับ ทำไมคุณถึงพูดว่าจะทิ้งงานก็ทิ้งงานไปดื้อๆ แบบนี้”
เหลิ่งรั่วปิงกระตุกยิ้ม รอยยิ้มของเธอสวยมาก ”จู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าฉันควรรักษาระยะห่างกับคุณหนานกง ไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ฉันคงถูกนินทาว่าเป็นผู้หญิงคนใหม่ของคุณ ขืนเป็นแบบนั้นขึ้นมาคงเป็นเรื่องใหญ่มากแน่ ถึงยังไงฉันก็เป็นผู้หญิงที่มีคู่หมั้นแล้ว ถ้าชื่อเสียงของฉันเสียๆ หายๆ วันข้างหน้าฉันจะอยู่กับครอบครัวสามียังไงคะ”
สีหน้าหนานกงเยี่ยเย็นยะเยือกทันที แววตาของเขาราวกับน้ำแข็ง เขาไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจของเขากลับมีความคิดร้ายกาจ คำพูดของเธอเตือนให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ ทำให้คนในตระกูลไซ่รังเกียจเธอ ไม่ให้แต่งเข้าบ้านตระกูลไซ่ ถือเป็นความคิดที่ดี!
อย่างช้าๆ ใบหน้าของชายหนุ่มมีรอยยิ้มร้ายกาจเผยออกมา เหลิ่งรั่วปิงมองดูจนขนลุรุกชัน ”คุณหนานกง คุณคงไม่ได้วางแผนจะฆ่าฉันใช่ไหมคะ”
หนานกงเยี่ยหัวเราะเสียงดัง ”ผมจะวางแผนฆ่าคุณทำไมครับ คนที่หนานกงเยี่ยอยากฆ่ข้า จำเป็นต้องวางแผนด้วย?”
เหลิ่งรั่วปิงเคี้ยวอาหารในปาก พร้อมทั้งหลบสายตาของเขา จริงด้วย เขาคิดอยากจะฆ่าใครสักคน มีเหตุผลที่สามารถทำได้อย่างโจ่งแจ้งอยู่แล้ว! ผู้ชายไร้ยางอาย!
ความคิดร้ายกาจนั้นก่อตัวในใจของหนานกงเยี่ย เขาจะจัดการลงมือทำทันที หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จหนานกงเยี่ยกับขับรถส่งเหลิ่งรั่วปิงไปที่บริษัทด้วยตนเอง เขาไม่ได้ใช้ลิฟต์ส่วนตัวประธาน แต่กลับมาใช้ลิฟต์พนักงานตัวเดียวกับที่เหลิ่งรั่วปิงใช้ ซึ่งเวลานี้เป็นเวลาเข้างานพอดี คนในบริษัทตกใจเป็นอย่างมาก การกระทำเงียบๆ แบบนี้ ดูเหมือนเขาจะยังไม่สะใจ เขาพูดต่อหน้าพนักงานมากมาย ด้วยคำพูดที่อ่อนโยน ”ตอนเที่ยงมาห้องทำงานผมเร็วๆ หน่อยนะครับ ผมจะไปกินข้าวกับคุณ”
ภายใต้สายตาตกใจของทุกคน เหลิ่งรั่วปิงกัดฟันกรอด ไม่เข้าใจว่าหนานกงเยี่ยคิดอยากจะทำอะไรกันแน่? ดวงตาคู่สวยมองไปที่เขาด้วยแววตาเย็นยะเยือก แต่เขากลับยิ้มร่า มองเธอด้วยสายตารักใคร่ ภาพนี้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรยังไงก็เหมือนว่าเธอกำลังอ้อนเขา และเขาก็รักและหลงเธอมาก
เหลิ่งรั่วปิงทนกับบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้จริงๆ เมื่อลิฟต์หยุดที่ชั้นห้องทำงานของเธอ เธอก็รีบเดินออกมาทันที
แค่ช่วงเช้า เรื่องนี้ก็แพร่สะพัดไปทั้งบริษัทหนานกง สถาปนิกคนใหม่ฉู่หนิงซยา เป็นคนรักใหม่ของคุณชายเยี่ย เธอมาแทนที่เหลิ่งรั่วปิงซึ่งอยู่ในใจคุณชายเยี่ยไปแล้ว ทั้งยังมีข้อมูลเชิงลึก พูดรายละเอียดออกมาอย่างชัดเจน ฉู่หนิงซยาเป็นคู่หมั้นของไซ่ตี้จวิ้นประธานบริษัทไซ่เหวย ตอนนี้เธอคบกับคุณชายเยี่ยแล้ว งานหมั้นของเธอคงจะเป็นโมฆะไปแล้ว
เหลิ่งรั่วปิงใช้หัวแม่เท้าคิดก็คิดออก ทั้งยังรู้ว่าพนักงานในบริษัทหนานกงจะนินทาอะไรบ้าง เธอโมโหมาก ทำหน้านิ่งแล้วคืนกล่องยาให้ก่วนอวี้ เธอตัดสินใจแล้ว เธอจะตั้งใจออกแบบแลนด์มาร์คเมืองหลง ไม่เจอหนานกงเยี่ยได้ก็จะดีไม่เจอ เขาจะเป็นตายร้ายดีอะไรก็ช่าง!
ตอนที่ก่วนอวี้รายงานเรื่องนี้ให้หนานกงเยี่ย เดิมทีเขาคิดว่าหนานกงเยี่ยจะโมโห แต่ใครจะไปคิดว่าหนานกงเยี่ยกลับยิ้ม ทั้งยังยิ้มอย่างได้ใจ พร้อมทั้งบอกก่วนอวี้ให้กระจายข่าวนี้กับนักข่าวเงียบๆ เปิดเผยความสนิทสนมของเขากับฉู่หนิงซยาออกไป
ข่าวของหนานกงเยี่ย ไม่ต้องจงใจให้ข่าวอะไรมากอยู่แล้ว นักข่าวจะเป็นฝ่ายประโคมข่าวเอง ก่วนอวี้แค่สั่งให้คนปล่อยข่าวออกไปเล็กน้อย เวลาแค่หนึ่งวัน ข่าวบันเทิงไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ล้วนพูดถึงหนานกงเยี่ยกับคนรักใหม่ของเขา ตอนนั้นหนานกงเยี่ยไล่ตามเหลิ่งรั่วปิงจนเป็นข่าวใหญ่ รู้กันไปทั้งเมือง เป็นข่าวบันเทิงที่ถูกพูดถึงอยู่นาน การปรากฏฎตัวของฉู่หนิงซยาในครั้งนี้ ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่ต้องสงสัย นักข่าวต่างคาดเดากันว่า ฉู่หนิงซยามีเสน่ห์ จึงทำให้หนานกงเยี่ยเดินออกมาจากความรักที่เจ็บช้ำได้
เหลิ่งรั่วปิงโมโห หนานกงเยี่ยไม่ได้บีบบังคับอะไรเธอต่อ ตอนเย็นหลังจากเลิกงาน เธอกลับไปที่คอนโดมิเนียมลำพัง แล้วต้มบะหมี่กินเอง หลังจากกินอิ่มเหลิ่งรั่วปิงล้มตัวนอนบนเตียงด้วยความโมโห เธอคิดว่า หนานกงเยี่ยเป็นผู้ชายที่ใจแคบมาก ตอนนั้นไซ่ตี้จวิ้นมีปัญหากับเขาที่เมืองเฟิ่ง เขาจึงอยากใช้วิธีนี้ในการแก้แค้นไซ่ตี้จวิ้น
ก่อนนอน ไซ่ตี้จวิ้นโทรมา เหลิ่งรั่วปิงรู้ เขาต้องเห็นข่าวแล้วแน่ๆ ”คุณไซ่ตี้จวิ้น ถ้าฉันบอกว่าข่าวนั่นไม่ใช่ความจริง คุณเชื่อฉันไหมคะ”
เสียงของไซ่ตี้จวิ้นอ่อนโยนน่าฟัง เขายิ้มแล้วพยักหน้า ”เชื่อครับ ไม่ว่าคุณจะพูดอะไรผมก็เชื่อทั้งนั้น”
เขาไม่อยากบอกเธอ เขาถูกผู้ใหญ่ในบ้านกดดันอย่างหนัก ถึงแม้ชื่อเสียงของฉู่หนิงซยาจะไม่ดีตั้งแต่เมื่อก่อน แต่นั่นล้วนเป็นเพราะอายุยังน้อย จึงเอาแต่ใจตนเองไปหน่อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เขายืนกรานที่จะแต่งงานกับเธอ คนในครอบครัวก็พูดอะไรมากไม่ได้ แต่ตอนนี้เธอหมั้นกับเขาแล้ว แต่กลับมีข่าวเสียหายกับหนานกงเยี่ย ตระกูลไซ่เป็นตระกูลผู้ดีที่สืบทอดกันมากว่าร้อยปี ไม่อาจสามารถยอมรับกับข่าวแบบนี้ได้
เหลิ่งรั่วปิงถอนหายใจ ”ขอโทษด้วยนะคะ คุณไซ่ตี้จวิ้น ฉันทำให้คุณต้องลำบาก”
“ผมรู้ครับ ผมไม่โทษคุณ” ไซ่ตี้จวิ้นไม่โมโหแม้แต่น้อย ”รีบออกแบบแลนด์มาร์คเมืองหลงให้เสร็จ แล้วกลับมาที่ประเทศเอ้าตูนะครับ หื้ม?”
“ค่ะ”
หลังจากวางสาย เหลิ่งรั่วปิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เธอรู้สึกผิดมาก ด้วยความฉลาดของเธอ เป็นไปได้อย่างไรยังไงที่จะไม่รู้ว่าตระกูลไซ่ต้องกดดันไซ่ตี้จวิ้นอย่างแน่นอน เขาเป็นหางเสือของบริษัทไซ่ซื่อ คนรักของเขามีข่าวเสียหายแบบนี้ได้อย่างไรยังไง
วันที่สอง เหลิ่งรั่วปิงตื่นแต่เช้า หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จ เธอก็โบกรถไปทำงาน ไม่คิดที่จะสนใจหนานกงเยี่ยแม้แต่น้อย ทางด้านหนานกงเยี่ยก็ไม่ได้มาตามตอแยเธอ เขารู้ เธอต้องการเวลาในการก้าวผ่านเรื่องนี้ เขาจึงตีตัวออกห่างเธอ
ด้วยเหตุนี้ เหลิ่งรั่วปิงจึงมีชีวิตที่เงียบสงบไปหลายวัน การออกแบบแลนด์มาร์คเมืองหลงของเธอก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ถึงวันหยุดสุดสัปดาห์
เช้าวันเสาร์ เหลิ่งรั่วปิงตื่นเพราะเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ คนที่โทรมาคือไซ่หย่าเซวียน ”หนิงซยา ฉันมาถึงสนามบินเมืองหลงแล้ว เธอมารับฉันหน่อยสิ”
เหลิ่งรั่วปิงตื่นทันที เธอลุกพรวดขึ้นมา ”สนามบินเมืองหลง? เธอมาเมืองหลง?”
“ใช่ รีบมารับฉันเร็ว หนาวมากเลย”
“ได้ๆ รอฉันเดี๋ยวปปนึงนะ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย”
เหลิ่งรั่วปิงรีบล้างหน้าแปรงฟัน โบกรถไปสนามบินเมืองหลง หลังจากเจอไซ่หย่าเซวียน พวกเธอก็นั่งรถแท็กซี่ กลับไปที่คอนโดด้วยกัน
ตอนนี้คือเดือนธันวาคม อากาศหนาวมาก ไซ่หย่าเซวียนถูมือไปด้วยแล้วพูด ”หนิงซยา คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเมืองหลงจะหนาวขนาดนี้”
“ใช่หนาวมาก แต่ว่าอุ่นกว่าประเทศเอ้าตูนะ”
“ใช่ ก็เพราะประเทศเอ้าตูอยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือนี่นา” ไซ่หย่าเซวียนมองไปนอกหน้าต่างด้วยความสนใจ ”สมแล้วที่เมืองหลงเป็นเมืองอันดับหนึ่งของต้าย่า ฉันให้สองคำ หรูหรา!”
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มบางๆ ”บอกมาซิสิ ทำไมจู่ๆ เธอถึงมาเมืองหลง”
ไซ่หย่าเซวียนเบ้ปาก ”หึ ตั้งแต่เธอมาที่นี่ พี่เทียนรุ่ยก็ไม่เคยทำสีหน้าดีๆ ให้ฉันเลย ฉันทำตัวเย็นชามาตั้งนาน ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะตามตอแยเขาเหมือนเมื่อก่อน ฉันก็เลยอยากเปิดหูเปิดตาออกมาผ่อนคลายบ้าง พี่ชายฉันก็กลัวว่าเธออยู่เมืองหลงคนเดียวแล้วจะเหงา ก็เลยให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนเธอที่เมืองหลง”
เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร เธอเข้าใจในความหมายของไซ่ตี้จวิ้น เขาส่งไซ่หย่าเซวียนมา เพื่อต้องการทำลายข่าวลือ อีกทั้งมีไซ่หย่าเซวียนคั่นกลาง หนานกงเยี่ยก็ไม่สามารถเข้าหาเธอไม่ได้ง่ายๆ
ความเป็นจริง บางครั้งผู้ชายก็ชอบใช้เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เหมือนกัน
การมาของไซ่หย่าเซวียน สร้างความเดือดร้อนให้กับหนานกงเยี่ยจริงๆ ด้วย เดิมทีเขาย้ายมาอยู่ข้างห้องเหลิ่งรั่วปิง เพราะอยากพูดคุยกับเธอให้มากขึ้น พอมีไซ่หย่าเซวียนโผล่มาแบบนี้ เขาจะไปหาเธอได้อย่างไรยังไง
ไซ่หย่าเซวียนเป็นคนชอบเที่ยวอยู่แล้ว เมื่อมาถึงเมืองหลงเธอก็ให้เหลิ่งรั่วปิงไปเดินช้อปปิ้งเป็นเพื่อนเธอ เธอแทบจะเที่ยวทั่วเมืองหลง ตั้งแต่มีข่าวของฉู่หนิงซยาและหนานกงเยี่ย เวลาเหลิ่งรั่วปิงออกมาข้างด้านนอก มีนักข่าวคอยตามถ่ายรูปเธอตลอดเวลา จึงมีรูปที่เธอเดินเที่ยวกับไซ่หย่าเซวียน อีกทั้งยังมีนักข่าวขุดข้อมูลของไซ่หย่าเซวียนออกมา
ที่แท้ ฉู่หนิงซยาพักอยู่กับน้องสาวของแฟน ความสัมพันธ์ของเธอกับคู่หมั้นยังคงชื่นมื่น ข่าวของเธอกับหนานกงเยี่ยก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆ ลดลง
แผนของไซ่ตี้จวิ้นในครั้งนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ
หนานกงเยี่ยโมโหจนกัดฟันกรอด แต่กลับทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงย้ายกลับไปอยู่ที่วิลล่าหย่าเก๋อ
เหลิ่งรั่วปิงดีใจที่มีไซ่หย่าเซวียนอยู่ใกล้ๆ หนึ่งเป็นเพราะพวกเธอเข้ากันได้ดีอยู่แล้ว มีเพื่อนคอยพูดคุยด้วยทำให้เธอไม่เหงา สองไซ่หย่าเซวียนช่วยเธอกำจัดหนานกงเยี่ยออกไปได้พอดิบพอดี เพราะเธอเองก็ไม่เคยคิดจะกลับไปคบกับเขาอีก
*****
วันเวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละวัน
วันที่ยี่สิบสามเดือนธันวาคม ห้างสรรพสินค้าใหม่ของอวี้ไป่หันเปิดทำการ ห้างนี้มีชื่อว่าอวี้หวา ซึ่งเป็นห้างระดับเดียวกับห้างสรรพสินค้าเสิ้งหวาที่ถูกไฟไหม้
ธุรกิจบริษัทอวี้ซื่อเปิดทำการ ทำการโฆษณามากมาย ประกาศให้รู้ทั่วทั้งเมืองก่อนเปิดทำการถึงหนึ่งเดือน
เหลิ่งรั่วปิงไปทำงาน ไซ่หย่าเซวียนอยู่บ้านคนเดียวรู้สึกเบื่อมาก เธอจึงนั่งอ่านโปสเตอร์ของห้างสรรพสินค้าอวี้หวา ตัวหนังสือโปรโมทขนาดใหญ่ดึงดูดสายตาเธอ ’วันเปิดห้างสรรพสินค้า ลดครึ่งราคาทั้งห้าง’
ถึงแม้เธอจะเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ มีเงินมากมาย แต่ด้วยความเป็นผู้หญิง ของลดราคาพลาดไม่ได้ ไซ่หย่าเซวียนเป็นผู้หญิงธรรมดาทั่วไป เธอตัดสินไปกวาดของในห้างกลับมา
พิธีตัดริบบิ้นจัดขึ้นที่ลานตรงหน้าห้างสรรพสินค้าอวี้หวา อวี้ไป่หันมาด้วยตนเอง ปกติแล้วคนในเมืองหลงจะเห็นเขาแค่ในข่าวบันเทิง อีกทั้งยังมีข่าวลือว่าเขาเป็นผู้ชายเจ้าชู้ เปลี่ยนผู้หญิงเหมือนเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่คนที่เคยเจอเขาจริงๆ นั้นมีน้อยมาก วันนี้เขาออกสื่อ ทำให้ดึงดูดสายตามากมาย ไม่มีใครที่ไม่ชื่นชมในความหล่อของเขา
ปกติอวี้ไป่หันแต่งตัวสบลายๆ ไม่เรียบร้อย แต่วันนี้เป็นงานเปิดตัว เขาจึงต้องแต่งตัวทางการ อวี้ไป่หันสวมสูทสีดำทำมือ เสื้อเชิ้ตสีขาว เนคไทสีดำ ด้านนอกสวมทับด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวใหญ่สีดำ เซทผมมาอย่างดี เขาดูภูมิฐานขึ้นมาทันที ทั้งยังหล่อมาก ถ้าจะบอกว่าความหล่อของเขาทำให้สาวๆ ครึ่งเมืองหลงใหลก็ไม่เกินจริงแม้แต่น้อย
ไซ่หย่าเซวียนยืนอยู่นอกฝูงชน เขย่งเท้ามอง เธอเป็นคนชอบความครึกครื้นอยู่แล้ว งานนี้ไม่ว่าอย่างไรยังไงเธอก็จะต้องเบียดไปอยู่ด้านหน้าสุดเพื่อดูให้ได้ถึงจะพอใจฟิน