ไซ่หย่าเซวียนแต่งตัวทันสมัย เป็นแบบฉบับของสาวทันสมัยที่แท้จริง
เสื้อกันหนาวขนสัตว์สีกากีตัวใหญ่ ตัดเย็บเป็นทรงหลวม ปกเสื้อกว้าง ด้านในสวมชุดเดรสสีเทาและถุงน่องสีน้ำตาล เข้าชุดกับรองเท้าและกระเป๋าซึ่งเป็นสีเดียวกันเสื้อกันหนาว เธอดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก อบอุ่นและน่ารัก
ไซ่หย่าเซวียนเบียดซ้ายเบียดขวาอยู่ในฝูงชน ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไปเดินเบียดเข้ามาแบบนี้ต้องโดนด่าอย่างแน่นอน แต่เพราะเป็นผู้หญิงหน้าตาดี ทุกคนไม่เพียงแต่ไม่ด่า ในทางตรงกันข้ามกลับเป็นฝ่ายหลีกทางให้เธอ ดังนั้นใช้เวลาไม่นานไซ่หย่าเซวียนก็เบียดมาถึงด้านหน้าสุด
ที่จริงแล้ว อวี้หวาเป็นห้างสรรพสินค้าระดับหรู คนธรรมดาไม่มีกำลังในจับจ่ายใช้สอย ผู้คนที่มาชมก็เพื่อความครึกครื้นเท่านั้น คนที่มีกำลังซื้อของในห้างจริงๆ มีแค่ไม่กี่คน ไซหย่าเซวียนสวมใส่แบรนด์เนมทั้งตัว ยืนอยู่กลางฝูงชนทำให้ดูโดดเด่นมากเป็นพิเศษ
อวี้ไป่หันหยิบกรรไกร เตรียมจะตัดริบบิ้น เขากระตุกรอยยิ้มทรงเสน่ห์กระชากหัวใจ กวาดตามองไปยังฝูงชน วินาทีที่เห็นไซ่หย่าเซวียน ม่านตาของเขาขยายกว้าง ดวงตาสีนิลเป็นประกายแวววับขึ้นมาทันที
ผู้หญิงคนนี้วิเศษมาก!
นี่คือความรู้สึกแรกของอวี้ไป่หัน
เขาเคยเห็นผู้หญิงมาหลายแบบหลายสไตล์ ทั้งสาวสวยพราวเสน่ห์ ผู้หญิงสง่าน่าหลงใหล แต่ผู้หญิงที่ดูมีชีวิตชีวาขี้เล่นแบบนี้ ทั้งยังสะอาดสะอ้านมองสบายตาแบบนี้ เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ภายในใจรู้สึกเหมือนถูกสะกิด
เห็นอวี้ไป่หันจ้องมองมาที่ตน ไซ่หย่าเซวียนไม่ได้เขินอาย เธอโบกมือให้เขาอย่างขี้เล่น เธอไม่เคยกลัวการถูกผู้ชายหน้าตาดีจีบ
เธอโบกมือและยิ้มแบบนี้ เกือบจะกระชากวิญญาณอวี้ไป่หันไปแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างไม่อาจละสายตาไปจากเธอ จ้องมองไปที่ร่างบางนั่น ริมฝีปากกระตุกยิ้มด้วยความอ่อนโยน
“คุณอวี้ เชิญตัดริบบิ้นค่ะ” พิธีกรสาวที่อยู่ด้านข้างพูดเตือนสติ
“ครับ? อ่อครับ” อวี้ไป่หันตื่นจากภวังค์ ดึงสติกลับมา ตัดริบบิ้นด้วยความรวดเร็ว จากนั้นวางกรรไกรลงบนถาด ไม่ยอมละสายตาไปจากไซ่หย่าเซวียน
พิธีกรพูดอีกเล็กน้อย หลังจากนั้นพิธีตัดริบบิ้นก็จบลง ผู้คนแยกย้ายกันไป เพราะไม่มีใครมีกำลังในการซื้อ ทว่าไช่หย่าเซวียนมาเพื่อชอปปิงโดยเฉพาะ เธอเดินเข้าไปในห้าง อวี้ไป่หันยังคงมองไปที่เธอตั้งแต่ต้นจนจบ เขาเดินตามเธอเข้าไปในห้าง “สวัสดีครับ คนสวย”
การจีบแบบนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเธอจะชอบสไตล์นี้หรือเปล่า
แต่เห็นได้ว่าไซ่หย่าเซวียนไม่ได้รังเกียจเขา เธอหมุนตัวหันหลัง “สวัสดีค่ะ คนหล่อ”
ฮวี้ไป่หันรู้สึกสนใจในตัวเธอมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขายิ้มร่า “มาชอปปิงเหรอครับ”
“อื้ม” ไซ่หย่าเซวียนตอบ “เมื่อกี้ฉันได้ยินพิธีกรบอกว่า คุณคือบอสของห้างนี้ใช่ไหมคะ รีบบอกฉันมาเร็วเข้า เสื้อผ้าสไตล์ที่ฉันใส่…” พร้อมกับชี้ไปที่เสื้อผ้าของตนเอง “ครึ่งราคา อยู่ชั้นไหนคะ”
อวี้ไป่หันยังคงยิ้มไม่หุบ แววตาของเขาเป็นประกายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน “ชั้นสามครับ ผมไปเป็นเพื่อนคุณเอง เดี๋ยวเป็นคนนำทางให้ครับ”
ขณะพูด อวี้ไป่หันก็เชิญไซ่หย่าเซวียนขึ้นลิฟต์อย่างสุภาพ ไซ่หย่าเซวียนเองก็ไม่ได้กระมิดกระเมี้ยน เธอสะบัดผม แล้วตามเขาขึ้นไปบนชั้นสาม
“คุณชื่ออะไรครับ” อวี้ไป่หันเดินไปด้วยถามไปด้วย
“ไซ่หย่าเซวียนค่ะ”
“ฟังจากสำเนียงคุณแล้ว ไม่เหมือนคนเมืองหลงนี่ครับ?”
“ฉันเป็นคนเอ้าตูค่ะ”
ประเทศเอ้าตู? ถึงว่าทำไมเธอไม่รู้จักเขา ในเมืองหลงนี้ มีใครไม่รู้จักอวี้ไป่หันบ้าง
“ผมชื่ออวี้ไป่หันครับ ห้างสรรพสินค้านี้เป็นธุรกิจภายใต้ชื่อผม วันนี้เปิดทำการเป็นวันแรก คุณเลือกซื้อได้ตามสบายเลยครับ หลังจากลดครึ่งราคาแล้ว ผมให้ส่วนลดคุณเพิ่มอีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์” อวี้ไป่หันดูภูมิใจในตนเองเป็นอย่างมาก เขาไม่สนเรื่องเงิน เพื่อให้ผู้หญิงสวยๆ มีความสุข การใช้เงินมากมายเป็นเรื่องปกติ แต่เห็นได้ชัดว่าไซ่หย่าเซวียนไม่เหมือนผู้หญิงที่เขาเคยเจอ ถ้าบอกว่าจะให้ของกับเธอกลัวว่าเธอจะรังเกียจ ดังนั้นเขาจึงบอกว่าจะลดราคาให้เธอแทน
“จริงเหรอคะ?” แววตาไซ่หย่าเซวียนเป็นประกาย ยิ้มจนตาหยี “อืม คุณเป็นบอสที่ใจกว้างมากเลยนะคะ โอ๊ะ! ทั้งยังเป็นบอสที่หล่อมากด้วย”
ได้รับคำชมจากผู้หญิงที่ชอบ หัวใจของอวี้ไป่หันราวกับนั่งอยู่บนเรือที่กำลังลอยน้ำ “คุณมาเที่ยวเมืองหลงคนเดียวเหรอครับ?”
“เปล่าค่ะ ฉันมาหาพี่สะใภ้ของฉัน” ไซ่หย่าเซวียนดูสินค้าไปด้วยพร้อมกับตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนัก “เมื่อไม่นานมานี้ พี่สะใภ้ของฉันมาทำงานเป็นสถาปนิกของบริษัทหนานกงค่ะ”
หนานกง? อวี้ไป่หันมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีผุดขึ้นมากะทันหัน สถาปนิกที่เพิ่งมาทำงานบริษัทหนานกง มาจากประเทศเอ้าตู คือเหลิ่งรั่วปิงไม่ใช่หรือไง? ไม่ ตอนนี้เธอชื่อฉู่หนิงซยา ถ้าอย่างนั้น สาวสวยตรงหน้าคือน้องสาวของไซ่ตี้จวิ้น?
แย่แล้ว จากความรังเกียจที่เหลิ่งรั่วปิงมีต่อเขา ต้องไม่ยอมให้ไซ่หย่าเซวียนคบกับเขาแน่
“พี่สะใภ้คุณชื่ออะไรครับ” อวี้ไป่หันถาม “ผมรู้จักคนในบริษัทหนานกงหลายคน ไม่แน่ว่าอาจจะรู้จักพี่สะใภ้คุณก็ได้”
“พี่สะใภ้ของฉันเหรอคะ…” ไซ่หย่าเซวียนหยิบชุดเดรสขึ้นมาทาบตัว “เธอชื่อฉู่หนิงซยาค่ะ”
ฉู่หนิงซยา!
คำพูดสามคำนี้เหมือนเข็มตอกเข้ามาในใจของอวี้ไป่หัน ทำให้เขารู้สึกเหมือนล้มลงในทะเลสาบน้ำแข็งพันปี โลกมันแคบจริงๆ ทำไมบนโลกใบนี้ถึงมีเรื่องบังเอิญมากมาย เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ผู้หญิงคนนี้กลับเกี่ยวข้องกับเหลิ่งรั่วปิง ถ้ารู้แบบนี้ตั้งแต่แรก ตอนนั้นเขาคงไม่กล้าคิดวางแผนหลอกเธอ
มนุษย์เราก็แบบนี้ ตอนที่ดวงความรักยังไม่มาถึง แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางผู้หญิงสวยๆ มากมาย แต่กลับไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย แต่เมื่อดวงด้านความรักมาถึง เพียงแค่หนึ่งวินาที ก็ทุ่มความสนใจทั้งหมดไปที่เธอ
สำหรับอวี้ไป่หันแล้ว ไซ่หย่าเซวียนคือโชคชะตาของเขา
ถึงแม้ภายในใจกำลังพร่ำบ่น แต่อวี้ไป่หันยังคงยิ้มแล้วมองดูไซ่หย่าเซวียนซื้อของ เสื้อผ้าและรองเท้าที่เธอเลือก เขาช่วยเธอหิ้วทั้งหมด เพราะราคาถูก ไซ่หย่าเซวียนจึงเลือกซื้อได้จำนวนมาก สุดท้ายอวี้ไป่หันหิ้วคนเดียวไม่ไหวแล้ว เขาจึงให้พนักงานช่วยหิ้ว
เดินชอปปิงตลอดทั้งช่วงเช้า ไซ่หย่าเซวียนทั้งหิวทั้งเหนื่อย พูดอย่างไร้เรี่ยวแรง “คุณอวี้ ขอบคุณมากนะคะ ฉันไปกินข้าวก่อน รบกวนพนักงานในห้างของคุณช่วยส่งเสื้อผ้าและรองเท้าที่ฉันซื้อไปที่บ้านฉันทีนะคะ”
อวี้ไป่หันไม่อยากจบกับเธอแค่นี้ “ห้างสรรพสินค้าของผมเพิ่งเปิดวันนี้เป็นวันแรก คุณซื้อของไปตั้งมากมาย ถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ของผม ให้ผมเลี้ยงข้าวคุณนะครับ”
“คะ?” ไซ่หย่าเซวียนมองอวี้ไป่หันด้วยความตกใจ ยิ้มร่า “คุณพูดแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกเกรงใจเลยค่ะ คุณลดราคาให้ฉันมากขนาดนี้ ดูเหมือนว่าฉันเป็นคนเอาเปรียบคุณมากกว่านะคะ”
“ฮ่าๆๆ…” อวี้ไป่หันยิ้ม ผู้หญิงคนนี้น่ารักสุดๆ ไปเลย “ถ้าอย่างนั้นคุณเลี้ยงข้าวผมแทนแล้วกันนะครับ”
แฮ่ก! ไซ่หย่าเซวียนยิ่งรู้สึกประหม่า เหมือนกำลังจะให้เธอเสียเงินอย่างไรอย่างนั้น “คุณเลี้ยงฉันดีกว่าค่ะ”
“ฮ่าๆๆ…” อวี้ไป่หันอ่านความคิดและแววตาของเธอ รู้สึกอารมณ์ดีมาก “ครับ ผมเลี้ยงคุณ”
ทั้งสองหัวเราะแล้วไปยังภัตตาคารซงเฮ่อ อวี้ไปหันสั่งอาหารขึ้นชื่อของเมืองหลงด้วยความใจกว้าง
ไซ่หย่าเซวียนไม่คิดเล็กคิดน้อยแต่อย่างใด ความเป็นจริงเธอเป็นผู้หญิงสบายๆ อยู่แล้ว เพียงแต่ตอนอยู่ต่อหน้าฉู่เทียนรุ่ยแกล้งทำเป็นเขินอายก็เท่านั้น แต่เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น เธอเป็นคนใจกล้าและขี้เล่น
“คุณอวี้ เมื่อกี้คุณบอกว่าคุณรู้จักพี่สะใภ้ของฉัน?”
“ครับ ผมเป็นเพื่อนกับหนานกง ดังนั้นก็เลยรู้จักกับคุณฉู่หนิงซยา”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลยค่ะ” ไซ่หย่าเซวียนเคี้ยวอาหารในปาก พรางโทรศัพท์ไปหาเหลิ่งรั่วปิง “ฮัลโหล หนิงซยา”
“ไซ่หย่าเซวียน ฉันกำลังทำงานอยู่ ถ้าไม่มีธุระอะไรไม่ต้องโทรมาหาฉันตลอดเวลาแบบนี้”
“ตอนนี้เป็นตอนพักเที่ยง เธอยังทำงานอยู่เหรอ”
“ตอนนี้ไม่ได้ทำ แต่วันนี้เธอโทรมาหาฉันกี่รอบแล้ว”
ไซ่หย่าเซวียนไม่สนใจท่าทีของเหลิ่งรั่วปิงแม้แต่น้อย เธอยิ้มแล้วพูด “หนิงซยา วันนี้ฉันรู้จักผู้ชายหล่อๆ คนหนึ่ง เป็นผู้ชายที่หล่อมากๆ”
อวี้ไป่หันที่กำลังก้มหน้ากินอาหารอยู่นั้น ริมปากอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นมา
“เหรอ หล่อกว่าพี่ชายฉันอีก?” เหลิ่งรั่วปิงถามหยอกล้อ เธออยากที่จะจินตนาการได้จริงๆ ในสายตาของไซ่หย่าเซวียน นอกจากฉู่เทียนรุ่ยแล้วยังจะมีผู้ชายคนไหนเล็ดรอดเข้าไป
“แน่นอนว่าหล่อสู้พี่เทียนรุ่ยไม่ได้ แต่ว่าเขาก็หล่อมาก” ในใจของไซ่หย่าเซวียน แน่นอนว่าฉู่เทียนรุ่ยหล่อที่สุด เขาอยู่ในใจเธอมานานกว่าสิบปีแล้ว อยู่สูงสุดในใจของเธอ
คนพูดไม่ได้คิดอะไร คนฟังกลับคิดมาก รอยยิ้มบนใบหน้าของอวี้ไป่หันชะงัก ไม่ต้องเดาก็รู้ พี่เทียนรุ่ยที่เธอพูดถึงคือหมอศัลยกรรมที่มีชื่อเสียง ฉู่เทียนรุ่ย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ลิ้มรสความอิจฉา
ตอนนี้ให้เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า ผ่านผู้หญิงมานับร้อยได้โดยไม่ต้องมีความรู้สึก ไม่ว่าอย่างไรเขาก็พูดไม่ออกจริงๆ
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มพร้อมกับถอนหายใจ “ถ้าอย่างนั้นเธอบอกมาสิ เธอรู้จักกับใคร ถึงได้ประเมินเขาสูงแบบนี้?”
ไซ่หย่าเซวียนพูดอย่างมีลับลมคมใน “เขาบอกว่าเขารู้จักเธอ ทั้งยังเป็นเพื่อนสนิทของคุณหนานกง”
“?” เหลิ่งรั่วปิงกำลังกินอาหาร ตะเกียบค้างอยู่ที่ปาก แสงแวววับเลื่อนผ่านดวงตาคู่สวย คิดวิเคราะห์อย่างรวดเร็วว่าเป็นใครกันแน่ คิดไปคิดมาก็มีเพียงอวี้ไป่หัน
เพื่อนของหนานกงเยี่ยมีแค่คุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงเท่านั้น ถังเฮ่าเอาแต่สนใจยาของเขาและตามหาหลินมั่นหรู ส่วนมู่เฉิงซีสวีทหวานกับเวินอี๋และสู้กับคนร้าย เช่นนั้นก็เหลือแค่อวี้ไป่หันผีเสื้อตัวนี้ตัวเดียวเท่านั้น และมีแค่เขาคนเดียวที่ชอบจีบผู้หญิง
เหลิ่งรั่วปิงสีหน้าเย็นยะเยือกทันที “เขาชื่ออวี้ไป่หันใช่ไหม”
ไซ่หย่าเซวียนตกใจเป็นอย่างมาก “หนิงซยา เธอเป็นหมอดูเหรอ”
เหลิ่งรั่วปิงพรวดพราดลุกขึ้น “ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน” เธอกลัวความไร้เดียงสาของไซ่หย่าเซวียน จะถูกอวี้ไป่หันพาขึ้นห้อง
“ฉัน…ฉันกำลังกินข้าวที่ภัตตาคารซงเฮ่อ” ไซ่หย่าเซวีนไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เหลิ่งรั่วปิงถึงโมโห “อยู่…อยู่กับคุณอวี้”
เหลิ่งรั่วปิงโยนตะเกียบในมือทิ้ง คว้าเสื้อกันหนาวขึ้นมาแล้วเดินออกไป “อยู่ตรงนั้น ห้ามไปไหน ฉันไปหาเธอ ได้ยินไหม”
“อื้ม” แม้ไซ่หย่าเซวียนจะไม่รู้ว่าทำไมเหลิ่งรั่วปิงถึงโมโห แต่คำพูดของเหลิ่งรั่วปิงเธอยินดีที่จะเชื่อฟัง
ทว่าหัวใจของอวี้ไป่หันกลับดิ่งลงเหว เหมือนเป็นเหวลึกที่ไม่สิ้นสุด ไม่อาจหยุดนิ่งลง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหลิ่งรั่วปิงมาถึงภัตตาคารซงเฮ่อราวกับเทพีที่กำลังเกรี้ยวโกรธ “อวี้ไป่หัน ฉันขอเตือนคุณ อยู่ให้ห่างจากน้องสาวฉัน”
เขาเป็นผู้ชายสกปรกที่เคยผ่านผู้หญิงมามากมาย แต่ไซ่หย่าเซวียนเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ที่ไม่เคยผ่านเรื่องอย่างว่า เหลิ่งรั่วปิงไม่มีวันยอมให้เขาเล่นกับความรู้สึกของเธอ
อวี้ไป่หันอยากจะพูดออกไปจริงๆ ว่าเขาจริงใจ แต่เพียงแค่กระตุกยิ้มเล็กน้อย สุดท้ายไม่ได้พูดอะไรออกไป ชื่อเสียงของเขาไม่ดี เมื่อก่อนเขาปล่อยตัวปล่อยใจเกินไปจริงๆ ตอนนี้อยู่ดีๆ จะมาบอกว่าตนเองจริงใจกับผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักกันแค่ครึ่งวัน มีแต่ผีเท่านั้นที่เชื่อ