บทที่ 176

อย่างที่อู่กวนบอกไว้ ซ่งอู่ได้มาที่แห่งนี้ก่อนหน้า และพาอู่เหมยออกไปแล้ว ดังนั้นการที่ซ่งซานมา มันก็ทำให้ทั้ง 2 โรนินแปลกใจไม่น้อย

พวกเขาถาม “ท่านแม่ทัพต้องการใครหรือ ?”

“พวกเหลียง พวกอู่ พวกจี้หยางไงเล่า พาพวกมันมาให้หมดเลย” ซ่งซานตัวปลอมตอบกลับไป และด้วยเขากลัวว่าจะทำให้ตัวเองน่าสงสัย จึงได้พยายามลอกเลียนแบบให้เหมือนที่สุด

ทั้งสองโรนินมองหน้ากันก่อนถามกลับ “นี่เป็นคำสั่งจากท่านอ๋องหรือ ?”

ซ่งซานกลอกตาแล้วรีบตอบกลับไป “พวกเจ้าถามพี่ของข้าแบบนี้ด้วยหรือเปล่า ?”

“เอ่อ…” พวกโรนินถึงกับหน้าซีด พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่าได้ถามอะไรที่มันไม่ควรออกไปเสียแล้ว

โดยไม่รอให้พวกเขาตอบกลับมา ซ่งซานร่างปลอมก็พลันชี้ไปที่หน้าอีกฝ่าย “เจ้าอยากได้คำสั่งสินะ ? ถ้างั้นเจ้าก็ไปถามลุงของข้าเองเลยสิ” ว่าแล้วเขาก็เดินไปที่ประตู ก่อนจะทำการเปิดมันออก จนเผยให้เห็นทางเดินที่ทอดยาวลงไปด้านล่าง

หนึ่งในโรนินพยายามจะห้ามเขา แต่สหายข้างๆ ก็ได้พูดขึ้นก่อน “อย่าเลย เดี๋ยวได้หัวหลุดกันหมดหรอก”

สีหน้าของทั้งสองดูสิ้นหวัง และไม่กล้าทำอะไรอื่นเพิ่มเติม เพราะต้องอย่าลืมว่าซ่งซานนั้นเป็นหลานของอ๋อง ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงพวกเขาก็ไม่ควรหาเรื่องใส่ตัว

ทั้งสองจึงได้แต่เดินตามซ่งซานและคณะลงไปในคุก

ข้างล่างนี้ลึกลงไปถึง 2 จั้ง ซึ่งมันก็ช่างแคบเสียเหลือเกิน และเมื่อเข้าไปภายในนั้น ทุกคนก็ต้องตะลึงกับห้องโล่งตรงหน้าที่มีบรรดาขุนนางต่างตระกูลอยู่ข้างในนี้แน่นขนัดไปหมด

ซ่งซานตัวจริงเคยผ่านที่นี่มาหลายรอบแล้วจึงทำให้ถังหยินที่ได้รับความทรงจำมาคุ้นชินกับมัน ด้วยที่นี่คือสถานที่ที่กักขังพวกนักโทษทางการเมืองในราชสำนักเอาไว้แบบแยกชาย—หญิง ที่ล้อมเอาไว้ด้วยรั้วไม้ ทำให้ดูไม่ต่างอะไรจากโรงเชือด

การมาถึงของซ่งซานทำให้พวกเขาหันมาสนใจกันหมด โดยเฉพาะพวกเหลียง อู่ และจี้หยางที่ลุกขึ้นจับรั้วไม้แล้วมองมา

ท่าทีดังกล่าวทำให้ร่างแยกในคราบซ่งซานแอบหัวเราะในใจ เพราะทั้ง 3 ตระกูลนี้ต่างก็เคยมีฐานะและอำนาจมากมายในแคว้นเฟิง แต่ตอนนี้พวกเขากลับอยู่ในสภาพย่ำแย่ ถูกคุมขังเยี่ยงนักโทษ !

ไม่ไกลออกไปนัก จี้หยางฮ่าวชุนได้ใช้สองมือกำรั้วไม้แน่น ส่วนสายตาก็จ้องมองซ่งซานที่เดินเข้ามาใกล้ พร้อมทั้งกัดฟันแน่นอย่างโกรธเกรี้ยว ด้วยถูกบังคับให้กินยาสลายปราณจนอ่อนแอเช่นที่เห็น

เมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่งซานตัวปลอมก็พลันหันไปพูดว่า “ท่านจี้หยางคุ้นชินกับที่นี่บ้างหรือยัง ?”

“เจ้า ! ไอ้หนุ่ม ! อย่าได้ใจให้มันมากนัก ลองมาเจอกับข้าตัวต่อตัวหน่อยเป็นไง !” ฮ่าวชุนกัดฟันพูด

ซ่งซานตัวปลอมที่ได้ยินเช่นนั้น ก็พลันหัวเราะออกมาแล้วกระดิกนิ้วใส่หน้าอีกฝ่าย

พวกทหารในห้องต่างก็รู้ถึงความหมาย พวกเขารีบเอาแส้มามอบให้ในทันที

ซ่งซานตัวปลอมไม่รอช้า หยิบแส้ขึ้นมา ก่อนจะเหวี่ยงใส่อกของฮ่าวชุนจนอีกฝ่ายกระเด็นถอยออกไป

ผู้ฝึกยุทธ์ที่ไร้ซึ่งพลังปราณก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของเขาก็ยังอ่อนแอลงด้วย นี่จึงทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถต้านทานแรงของซ่งซานได้เลย ได้แต่ต้องคุกเข่าลง และใช้เพียงนัยน์ตาจดจ้องไปยังศัตรูด้วยความอาฆาต

พวกจี้หยางคนอื่น ๆ ที่เห็นดังนั้นก็เข้ามาพยุงตัวเขาไว้ ก่อนหันมองมายังซ่งซานด้วยความโกรธ

ร่างแยกในคราบซ่งซานเมินพวกเขา แล้วจึงชี้แส้ไปยังฮ่าวชุน “ท่านจี้หยาง ท่านคิดว่ายังเก่งกาจเหมือนเดิมอีกหรือ ? ในตอนนี้ท่านมันก็ไม่ต่างอะไรจากหมาข้างถนนเลย รู้ตัวบ้างไหม ?”

ฮ่าวชุนที่ได้ยินเช่นนั้นพลันโกรธจัดจนกระอักเลือดออกมา ด้วยทั้งชีวิตเขาไม่เคยโดนใครเหยียดหยามมากขนาดนี้มาก่อน

พวกขุนนางโดยรอบที่เห็นเช่นนั้นต่างก็ถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม เพราะสิ่งที่ซ่งซานทำนั้นมันไม่ใช่แค่การเฆี่ยนตีธรรมดาอย่างที่ตาเห็น

นักรบนั้นฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ ! คิดจะหมิ่นเกียรติพวกเขางั้นหรือ ? ไม่ยอมหรอก ต่อให้จะต้องตายสักกี่ชาติก็จะไม่มีวันยอมโดนกระทำเช่นนี้ ! ทั้งที่เมื่อก่อนเขาเป็นถึงอาจารย์ผู้เคยฝึกสอนคนในตระกูลซ่ง แต่มาในวันนี้เขากลับถูกตอบแทนเยี่ยงนี้งั้นหรือ แบบนี้มันไม่ถูกต้องสักนิด !

ทว่า ซ่งซานก็เป็นถึงหลานชายของท่านอ๋อง ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้น

แม่ทัพหนุ่มไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาบอกกับคนอื่น “เปิดประตูแล้วให้ทุกคนออกมา !”

พวกทหารรีบวิ่งเข้ามาทำตามคำสั่งกันอย่างร้อนรน ต่างช่วยกันเปิดประตูห้องขังแล้วพาทุกคนออกมา

“ซ่งซาน เจ้าจะพาข้าไปไหน ?” ฮ่าวชุนพูดอย่างเจ็บแค้น

“ข้า ไม่ บอก” ซ่งซานพูดอย่างกวนประสาท

ทุกคนที่ได้ยินก็ไม่ได้คิดจะถามอะไรเพิ่มเติม แต่พวกผู้หญิงกลับร้องไห้ออกมาเสียงดัง ส่วนฮ่าวชุนก็ได้แต่สบถออกมา “ตาแก่ซ่งเอ๋ย เจ้าทำการหยายช้าสังหารท่านอ๋องแบบนี้ สักวันเจ้าจะต้องถูกลงทัณฑ์ !”

ซ่งซานตัวปลอมไม่สนใจและหันไปพูดกับทหารแถวนั้น “บอกให้มันเงียบซิ !”

ผู้คุมคนหนึ่งพลันวิ่งเข้าไป ก่อนจะกล่าวกับฮ่าวชุนว่า “ท่านแม่ทัพ ข้าขอโทษ” จากนั้นก็เอาโซ่มาพันแขนแล้วใช้เศษผ้าอุดปากไว้

ก่อนที่ซ่งซานจะชี้ไปยังกรงขังของพวกผู้หญิง “พาพวกนางไปขึ้นรถม้า !”

เมื่อได้รับคำสั่ง พวกทหารยามทั้งหลายต่างก็พากันลากเอาผู้หญิงตระกูลจี้หยางออกไปทันที ซึ่งพวกนางก็เอาแต่ร้องไห้กันตลอดทางจนซ่งซานขี้เกียจมองแล้วเดินตรงไปยังกรงของตระกูลอู่ต่อ ที่นั่น เขาเห็นอู่หยูที่กำลังนั่งอยู่อย่างเศร้าสร้อย

แม้ว่าตระกูลอู่จะเป็นดูอ่อนแอ แต่ในเวลาคับขันแบบนี้พวกเขากลับดูมีสติมากที่สุด นี่แหละคือต้นแบบของชนชั้นสูงที่ดี ซึ่งเมื่อมองผ่านอู่หยูไป ก็จะเห็นเข้ากับอู่อิงที่อยู่ในกรงฝั่งหญิงที่ไม่ไกลออกไปมากนัก

นางยังคงสวยและงดงามเหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม

ร่างปลอมมองอู่อิงแล้วมองคนอื่น ๆ ทว่าเขากลับไม่เห็นอู่เหมยอยู่ด้วยเลย ทั้งที่แผนหลักของเขาคือมาช่วยอู่เหมยแท้ ๆ แต่กลับไม่สามารถทำได้ !

ทว่า ไม่ว่าจะยังไงเขาก็ต้องช่วยอู่เหมยไว้ให้ได้ ! ต่อให้จะต้องเข้าไปในวังหลวงเขาก็ยอม !!!

ระหว่างที่เขากำลังคิดถึงแผนขั้นต่อไปอยู่นั้น เจ้าร่างปลอมก็ได้แสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย ก่อนจะเดินเข้าไปหาอู่อิง “เปิดกรงซิ !”

ในคุกนี้มีนักโทษชายหญิงประมาณ 200 คนโดยประมาณ ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวดูวุ่นวายมากทีเดียว

ซ่งซานเมินทุกคน และเมื่อถึงคราวของอู่อิงที่เดินมา เขาก็พลันเข้าคว้าจับข้อมือนางเอาไว้ “ข้ารอวันเวลานี้มานานแล้ว หวังว่าจะเจ้ายังไม่บุบสลายนะ”

อู่อิงที่ได้ยินดังนั้น นางก็พลันเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยความโกรธ ถึงนางจะเป็นนักโทษแต่นางก็เคยเป็นถึงแม่ทัพเลยทีเดียว ดังนั้นจึงมีความกล้าไม่ใช่น้อย ! ว่าแล้วหญิงสาวก็สะบัดมือออกก่อนตะโกนว่า “อย่ามาแตะข้า !”

ซ่งซานตัวปลอมที่เห็นเช่นนั้นกลับไม่ยอมแพ้ เขาคว้าจับข้อมือของนางอีกครั้งแล้วดึงนางเข้ามากอด “ยอมตกเป็นของข้าเสียเถอะ แล้วข้าจะขอร้องให้ท่านลุงไว้ชีวิตเจ้าและตระกูลของเจ้า”

ก่อนที่จะทันได้พูดจบ อู่อิงก็ได้ถ่มน้ำลายใส่หน้าของเขาด้วยความโกรธ “เจ้าสารเลว !” นางด่าเขาทุกคำที่คิดและสรรหาจากหัวสมองได้ในตอนนี้

ทุกคนที่อยู่ในคุกนี้อยากจะหัวเราะกับฉากเมื่อครู่มาก หากแต่ก็ไม่กล้าพอที่จะทำ