ถึงทั้งสองโรนินจะเป็นคนของซ่งเทียน แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะเห็นด้วยกับซ่งซาน เพราะพวกเขาเองก็นับถือตระกูลอู่อยู่พอสมควร หากแต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ต่อหน้าเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกไป

บางทีซ่งซานตัวปลอมอาจจะสมจริงเกินไป ไม่ว่าจะด้วยรูปร่างท่าทางหรือแม้แต่นิสัยก็ยังเหมือนกันราวกับแกะ ทำให้พวกทหารเลวที่ไม่มีพลังปราณไม่สามารถสัมผัสถึงความผิดปกติได้เลย แต่หากเป็นพวกทหารที่มีพลังปราณเก่งกาจล่ะก็ ไม่แน่ว่าอาจจะความแตกไปแล้วก็ได้

นอกจากเรื่องของอู่เหมย ทุกอย่างก็ดูจะดำเนินการไปอย่างราบรื่น หลังจากที่ซ่งซานจัดการพาทุกคนออกมาแล้ว เขาก็ได้เดินต่อไปยังกรงของพวกเหลียง

ไม่ว่าเหลียงซิงจะเย่อหยิ่งเพียงใด เขาก็ไม่ใช่คนที่จิตใจคับแคบเสียทีเดียวอันที่จริงต้องบอกว่าเขาคือคนที่เก่งกาจที่สุดในบรรดาทั้ง 4 ตระกูลเลยก็ว่าได้ แถมลูก ๆ ของเขาเองก็ยังมีความสามารถที่ไม่ต่างกันเลย หนึ่งในนั้นคือเหลียงฉีที่ได้รับการขนานนามว่าแม่ทัพไร้เงา

ตัวเขาก่อนหน้านี้เองก็ถูกเหลียงซิงสั่งย้ายไปยังปิงหยวน แต่จะบอกว่านั่นเป็นเรื่องร้ายก็ไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะถ้าถังหยินไม่ถูกย้ายไปที่ปิงหยวนในวันนั้น มันก็คงจะไม่มีเขาในวันนี้

สายตามองไปยังเหลียงซิงที่นั่งอยู่ในกรง ถังหยินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขากำลังคิดยังไงกับพวกเหลียงในตอนนี้อยู่

“เสนาบดีเหลียง ลุกขึ้นมา ถึงตาของเจ้าแล้ว” ซ่งซานร่างปลอมพูดขึ้น

เหลียงซิงตะลึง กลอกตามองมาด้วยความไม่เข้าใจ

หลังจากที่ประตูถูกเปิดออก เขาก็เดินเข้ามาถาม “ซ่ง… แม่ทัพซ่ง ? ลุงของเจ้าคิดประหารพวกเราหมดเลยหรือ ?”

ซ่งซานกลอกตาไปมา หากแต่ไม่ได้พูดอะไร

เหลียงซิงตัวสั่นเทา ด้วยเขาเริ่มรู้แล้วว่ากำลังจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น “แม่ทัพซ่ง เจ้าไปบอกลุงของเจ้าได้ไหมว่าข้ายอมรับเขาเป็นอ๋องแล้ว ดังนั้นได้โปรดปล่อยครอบครัวของข้าไปเถอะ” ระหว่างที่พูดเขาก็มองซ้ายขวา ด้วยกลัวว่าจะมีคนได้ยิน

เจ้าจิ้งจอกแก่นี่มัน ! ถ้าเขาเป็นซ่งซานตัวจริงคงหลงคำนี้ไปแล้ว และจากนิสัยของเหลียงซิงแล้ว การที่คำพูดคำนี้ออกมามันก็นับว่าแปลกมาก หรือเขาจะวางแผนอะไรเอาไว้กัน ?

แม้ว่าจะคิดอย่างนั้นในใจ แต่ก็ไม่อาจพูดออกมาได้ ชายหนุ่มจึงได้แต่พยักหน้าให้ “ท่านเหลียงพูดได้ดีนี่นา ข้าจะนำสารนี้ไปให้เอง”

“ขอบคุณแม่ทัพซ่งจริง ๆ” เหลียงซิงหน้าซีด รีบพูดขอบคุณรัว ๆ

“อย่าชักช้า รีบเดินไป !” ว่าแล้วซ่งซานตัวปลอมก็เตะเขาไป 2 ครั้งเพื่อเร่ง

ตระกูลเหลียง ตระกูลอู่ และตระกูลจี้หยาง นับรวมแล้วทั้งหมด 600 ชีวิตถูกพาตัวขึ้นรถม้าด้านนอกไปหมดแล้ว อีกทั้งพวกเขายังได้รับการคุ้มครองจากพวกทหารเป็นอย่างดีอีกด้วย

ดังนั้นเมื่อออกมาทางหลังจวนเรียบร้อย เขาก็พลันขึ้นม้าแล้วบอกกับพวกทหาร “ไปซะ แล้วอย่าประมาทล่ะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นล่ะก็ข้าตัดหัวเจ้าแน่”

“ขอรับนายท่าน ว่าแต่ท่านต้องการให้ข้าแบ่งพวกทหารไปกับท่านด้วยหรือไม่ ?” อู่กวนรีบถาม

ซ่งซานเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดอย่างเย็นชา “คิดว่าข้าต้องการหรือ ? ไปซะ !”

ม้าของอู่กวนหยุดลงแล้วเชิดม้าวกกลับไป ในขณะที่ถังหยินควบม้าของตัวเองให้มุ่งไปข้างหน้า

รถม้าเคลื่อนตัวผ่านไปอย่างช้า ๆ ซึ่งหลังจากออกมาได้ ทั้งขบวนก็มุ่งหน้าไปยังถนนหลักก่อนเร่งความเร็วสูงสุดไปยังบ้านของจีเจีย

ด้วยการมีซ่งซานอยู่ จึงทำให้พวกเขาไม่ถูกเรียกตรวจค้นหรืออะไรทั้งนั้น

เมื่อมาถึงประตู ทุกคนก็รีบลงมาเปิดประตูรถม้าแล้วไล่ให้คนบนรถลงมาอย่างรวดเร็ว

ทั้ง 3 ตระกูลคิดว่าตัวเองตายแน่แล้ว แต่ทว่าเมื่อพวกเขาดูดี ๆ ก็พบว่าที่แห่งนี้มันก็แค่บ้านธรรมดา ๆ ไม่ใช่ลานประหารแต่อย่างใด

ฮ่าวชุนที่เห็นดังนั้นจึงหยิบเอาผ้าในปากออกแล้วตะโกนลั่น “ซ่งซาน เจ้าพาพวกเรามาที่นี่ทำไมกัน ? ถ้าจะฆ่าข้าล่ะก็รีบทำเข้าสิ จะมัวมาเล่นอะไรอีก”

ในตอนนี้ร่างของซ่งซานก็ได้เดินมาแล้วโค้งคำนับให้กับฮ่าวชุน สีหน้าของเขากลับมาเป็นนอบน้อมแทนความเย่อหยิ่งที่เคยมี “ท่านแม่ทัพจี้หยาง ข้าน้อยต้องขออภัยที่ทำให้ท่านต้องเจ็บตัว”

การพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้ทำให้ฮ่าวชุนตะลึงงัน ด้วยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาเล่นลูกไม้อะไรกับเขาอีก ได้แต่จ้องอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ “เจ้าคิดจะทำอะไร ?”

ซ่งซานไม่ได้ตอบ หากแต่หมุนตัวกลับไปแล้วหัวเราะออกมา “ท่านแม่ทัพรู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นใคร ?”

ได้ยินแบบนั้นฮ่าวชุนก็ยิ่งไม่เข้าใจหนักกว่าเดิม แต่ทันใดนั้นซ่งซานที่อยู่ข้างหน้าเขาก็หันกลับมา พร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนไป “เจ้าคือ… ถังหยิน ?”

“ถูกต้อง ! เมื่อครู่ที่ข้าได้กระทำการหมิ่นท่านไปต้องขออภัยด้วย มิเช่นนั้นแล้วพวกมันจะจับทางข้าได้ หวังว่าท่านจะให้อภัย” ถังหยินพยักหน้าให้

การเปลี่ยนแปลงทันทีทันใดแบบนี้มันทำเอาฮ่าวชุนตะลึงหนักกว่าเดิมจนพูดอะไรไม่ออก

ทว่าถังหยินไม่อาจรอช้าได้อีก เขาเรียกหยวนยู่ออกมาตัดโซ่ที่มัดลำตัวของฮ่าวชุนเอาไว้ ก่อนที่พวกหน่วยลับของถังหยินจะชักดาบออกมาช่วยปลดโซ่ของพวกนักโทษทั้งหมด

ไม่ใช่แค่ฮ่าวชุนที่งงเป็นไก่ตาแตก แต่ทุกคนเองก็เช่นกัน

ร่างปลอมของถังหยินหายเข้าไปในฝูงชน ก่อนที่เสียงของเขาจะดังขึ้น “ข้าคือผู้ปกครองมณฑลเทียนหยวน ครานี้ข้าได้ปลอมตัวเป็นซ่งซานเพื่อเข้ามาช่วยพวกท่านทุกคน และได้โปรดอย่าพูดมาก มิฉะนั้นพวกเราตายกันหมดแน่”

คำพูดนั้นทำเอาทุกคนสะดุ้งกันหมด ผิดกับคนจากตระกูลอู่ที่รู้จักเขาอยู่แล้วจึงไม่ค่อยมีอาการอะไรมาก กระทั่งอู่หยูก็ยังเดินเข้ามาจับมือเขาไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่น “เจ้าหนุ่มถัง เจ้าจริง ๆ ด้วย !”

สถานการณ์ต่างออกไปแล้ว ถังหยินในตอนนี้เป็นถึงเจ้าผู้ปกครองมณฑลที่มีทหารมากมายในมือ เขาเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยเหลือทุกคนได้ในตอนนี้

“ท่านเสนาบดีอู่ !” ถังหยินโค้งคำนับให้ทันที “เราจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้ เฉิงจิน เจ้าเอายาให้ทุกคนกินซะแล้วพาพวกเขาหนีไปก่อนเลย”

“แล้วท่านล่ะ ?” เฉิงจินถามขึ้น

“ข้ามีคนต้องไปช่วยอีก” ถังหยินกล่าวออกมา ด้วยยังเหลืออู่เหมยอีกหนึ่งคนที่ยังอยู่ในกำมือของซ่งเทียน

เมื่อเห็นว่าอู่หยูกำลังจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่าง ถังหยินก็พลันชิงพูดขึ้นก่อน “ข้ารู้แล้วท่านอู่ ไม่ต้องกังวลไป ข้าจะช่วยนางออกมาให้ได้”

ชายแก่พยักหน้าให้ เขารู้ดีว่ากังวลไปก็ไร้ประโยชน์ มีแต่ต้องเชื่อใจถังหยินเท่านั้น

“นายท่าน พวกเราก็จะอยู่ช่วยท่านด้วย !” เฉิงจินกับพรรคพวกกล่าว

ถังหยินอยากจะปฏิเสธ แต่แล้วเขาก็เปลี่ยนใจ “งั้นปล่อยร่างแยกไว้ที่นี่ก็แล้วกัน”

เฉิงจินส่ายหัว ร่างแยกของพวกเขาไม่ได้แกร่งแบบถังหยิน ทันทีที่มันออกจากระยะสายตาก็จะสลายหายไปในพลัน “นายท่าน ข้าว่าพวกเราไม่…”

ชายหนุ่มโบกมือ “ไม่เป็นไร ทำให้ดีที่สุดก็พอ”

“ถ้างั้นร่างต้นของท่านล่ะ ?”

“ก็จะอยู่กับพวกเจ้าด้านนอกนั่นแหละ”

เฉิงจิน พวกฉางกวง และคนอื่น ๆ พากันพยักหน้าเห็นด้วย ตราบใดที่ร่างต้นไม่อยู่ในเมือง ทุกอย่างก็จะปลอดภัยขึ้นเยอะ

จากนั้นอู่อิงก็เดินมาถามเขาด้วยความสงสัย “เจ้าคือถังหยินจริง ๆ หรือ ?”

“แล้วข้าจะเป็นใครไปได้อีกเล่า ?”

“ถ้างั้นแล้วที่เจ้าทำกับข้าในคุกนั่นล่ะ ?”

เมื่อรู้ว่านางกำลังจะพูดอะไรต่อ เขาจึงพูดขัดคอขึ้น “เพื่อสมบทบาทไม่ให้ความแตกเท่านั้น อย่าได้โกรธไปเลย”

อู่อิงพยักหน้าให้แล้วขบริมฝีปาก “ถ้างั้นก็ไปช่วยพี่สาวของข้าซะ !”

“ข้าจะทำให้ดีที่สุด !”

เขามองอู่อิงกับทุกคนที่เดินทางผ่านอุโมงค์ใต้ดินไป จากนั้นก็รีบกระจายตัวออกไปพร้อมกับร่างแยกของหน่วยลับ เพื่อมุ่งหน้าไปยังวังหลวง !