บทที่ 199
หลินหนานเฟิง
แต่จากท่าทีของเขาที่เปลี่ยนไปนี้ เห็นได้ชัดว่าในเวลานี้ในใจของเหลิงเฟิงนั้นยังคงระแวงพวกเขาอยู่
แต่ทว่าก็ไม่มีใครใส่ใจกับเขามากนัก เชียนอู่ก็ได้ถอยออกมาอย่างเงียบๆและรอให้เหลิงเฟิงเตรียมตัวให้พร้อม หอพันกลนั้นมีข้อมูลข่าวสารมากมาย ย่อมเป็นเรื่องปกติที่จะรู้ว่าที่ไหนปลอดภัยที่สุด
มีตำหนักร้างหลังหนึ่งในเมืองหลวง ซึ่งเป็นอดีตที่พำนักขององค์หญิงของฮ่องเต้องค์ก่อน แต่ทว่าด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ที่แห่งนี้ต้องร้างไป ซึ่งว่ากันว่ามีผีอยู่ที่นั่นด้วย และจะออกมาหลอกหลอนในตอนเที่ยงคืนของทุกวัน
ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเหตุผลนี้ด้วยหรือเปล่าที่ทำให้ผู้คนที่อาศัยอยู่รอบๆเรือนแห่งนี้ต้องย้ายออกไปด้วย และไม่มีใครที่กล้าเข้ามายุ่งกับที่นี่
ถึงแม้ว่ารอบๆเรือนแห่งนี้จะร้างมานาน แต่ก็ยังพออาศัยอยู่ได้หลังจากที่ทำความสะอาดสักนิดหน่อย และบรรยากาศที่นี่ก็เงียบสงบมากด้วย สถานที่เช่นนี้จะทำให้องค์ชายสิบหกนั้นหายป่วยได้ไวขึ้น
หลังจากที่มองส่งเหลิงเฟิงจากไป หลินซีเหยียนก็มีสีหน้ากังวลเล็กน้อย แล้วนางก็ได้มองไปที่เจียงหวายเย่ “ในตอนนี้ก็เหลือแค่ท่านกับข้าในห้องนี้แล้ว”
เจียงหวายเย่ก็ได้ยักคิ้วขึ้นมา ใครก็ตามที่ตายังมองเห็นก็จะรู้ว่าเหลือเพียงเขาสองคนในห้องนั้น เขาจึงไม่เข้าใจว่า เสี่ยวเหยียนเอ๋อนั้นจะพูดเช่นนั้นออกมาทำไม?
เขาที่รู้สึกลังเลก็ได้เปิดปากออกมา “เสี่ยวเหยียนเอ๋อพูดเตือนเราว่าในเวลานี้เหลืออยู่กันแค่สองคนแล้วนั้น หมายความว่าเป็นเวลาที่ดีที่พวกเราจะทำอะไรไม่ดีกันสินะ?”
หลินซีเหยียนก็รู้สึกอึ้งขึ้นมาเมื่อได้ยินที่พูดเช่นนี้ นางมองไปที่ชายที่มีใบหน้าซีดเผือดขนาดนี้แต่สภาพจิตใจกลับยังคงดีอยู่ จึงได้มีแววตาสงสัยปรากฏขึ้นในดวงตาหงส์ไฟของนาง เมื่อสักครู่เขาแกล้งทำเป็นอาการไม่ดีจริงๆหรอกเหรอ?
ในเมื่อเขาไม่ได้ป่วยหนักอะไร นางกับเขาก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่ตามลำพังอีก นางนั้นอยากที่จะพบกับใครสักคน แล้วนางก็นึกถึงคนคนนั้นได้ขึ้นมา แล้วนางก็ได้ยิ้มขึ้นมาแม้แต่ใบหน้าอ่อนโยนลง
ถึงแม้ว่ารอยยิ้มของนางนั้นจะไม่ชัดเจน แต่เจียงหวายเย่ก็พอจะมองออกได้ว่ามันมาจากหัวใจของนาง หลินซีเหยียนที่ยิ้มเช่นนี้แม้แต่เขาเองก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ซึ่งเรื่องนี้ได้ทำให้เขารู้สึกเจ็บอย่างน่าตกใจ
หลินซีเหยียนที่เดินไปที่ประตูก็พบว่าเจียงหวายเย่ไม่ได้ตามมาด้วย นางจึงได้หันกลับมาแล้วถาม “ท่านมัวแต่คิดอะไรอยู่? ทำไมถึงยังไม่รีบตามมาอีก?
เมื่อได้ยินที่พูดเช่นนี้ เจียงหวายเย่นั้นไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี อย่างน้อยๆเขาก็เป็นถึงองค์ชายของประเทศนี้ แต่เขากลับกลายเป็นข้ารับใช้เต็มเวลาในสายตาของเสี่ยวเหยียนเอ๋อไปเสียแล้ว?
เขาก็ได้มองไปที่หญิงสาวที่สูงเพียงแค่จมูกของเขาแล้วกล่าว “เปิ่นหวางจำได้ว่ายังมีธุระที่ต้องสะสางอยู่น่ะ เจ้าไปก่อนเลยแล้วเปิ่นหวางจะตามไปทีหลัง”
หลินซีเหยียนก็ไม่ได้นึกสงสัยอะไร จึงได้เดินไปเปิดประตูแล้วจากไป
แล้วทันทีที่ประตูนั้นปิดลง เจียงหวายเย่ก็ได้กระอักเลือดออกมาคำโต และแม้แต่ร่างกายของเขาก็ยังยืนไม่ค่อยติดพื้น ซึ่งไม่ได้เป็นเพราะเขาหลีกเลี่ยงไม่รับการรักษา แต่อาการที่เกิดขึ้นในเวลานี้เป็นเพราะผลข้างเคียงจากยา ซึ่งเขาจะให้ หลินซีเหยียนรู้ไม่ได้โดยเด็ดขาด
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเรื่องที่เขาสัญญา 1 ปีกับ เสี่ยวเหยียนเอ๋อเอาไว้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่อยากที่จะบอกเรื่องนี้กับหลินซีเหยียน
“ดูเหมือนผลข้างเคียงของยาจะสาหัสเกินไปหน่อยแฮะ ดูเหมือนว่าหลังจากนี้ถ้าไม่ใช่คับขันจริงๆก็ไม่ควรที่จะใช้ยานี้อีก
เจียงหวายเย่เอามือจับกับโต๊ะด้วยความรู้สึกอายๆเล็กน้อย แล้วเชียนอี้ก็ได้เข้าไปในห้องจากทางหน้าต่าง “ท่านประมุขหอ ข้าน้อยจะพาท่านไปหาท่านเฉิงนะขอรับ!”
ในเวลานี้ โดยไม่สนเรื่องของความเคารพและนายบ่าว เชียนอี้ก็ได้แบกพาเจียงหวายเย่ออกไป
ส่วนหลินซีเหยียนที่เดินทางมายังไร่นาเล็กๆที่ย่านชานเมือง แล้วนึกถึงป้าเฉินที่อยู่ที่นี่รวมถึงเจ้าบื้อที่เคยปกป้องนางเมื่อก่อนด้วย ทำให้สีหน้าของนางนั้นดีมากขึ้นเรื่อยๆ
พอนางเคาะประตูก็พบว่าไม่มีใครตอบกลับมา ไม่มีแม้แต่เสียงคน
หรือว่าพวกเขาจะอยู่ในอันตราย? สีหน้าของ หลินซีเหยียนก็เปลี่ยนไป ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเยือกเย็น แล้วนางก็ได้เดินไปอย่างระมัดระวังและถือวิสาสะผลักประตูเข้าไป
เดิมทีนางนั้นไม่คิดว่าประตูนั้นจะเปิดได้ แต่ก็ต้องประหลาดใจขึ้นมาเมื่อประตูเปิดออกได้ เจ้าของบ้านเล็กๆหลังนี้จะไม่ได้ล็อคประตูอย่างนั้นเหรอ….
ยืนอยู่ที่เดิม หลินซีเหยียนก็ได้มองไปข้างในแล้วก็พบว่าในบ้านหลังนี้ดูหดหู่มาก มีแม้กระทั่งต้นหญ้าที่สูงถึงสองฉื่อที่ หน้าบ้าน
และเพราะนางกังวลถึงหลินหนานเฟิงและป้าเฉิน หลินซีเหยียนจึงได้กัดฟันและตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปดู แต่นางก็ไม่คิดว่าประตูบ้านนั้นจะปิดลงทันทีที่นางเดินเข้ามาถึงกลางบ้าน
แล้วก็พบว่ามีคนในชุดดำมากมายโผล่มาล้อมนางเอาไว้ และมีคนในชุดดำอีกสองคนยืนอยู่ตรงหน้าหลินหนานเฟิงและป้าเฉิน ก็ได้มายืนอยู่ตรงหน้าหลินซีเหยียน
ในชั่วขณะที่หลินหนานเฟิงมองเห็นหลินซีเหยียนนั้น หลินหนานเฟิงก็ได้ตะโกน “หนีไป!”
หลินหนานเฟิงนั้นไม่สนใจว่าตัวเองนั้นจะเป็นหรือตาย แต่คนในชุดดำเหล่านี้คงจะฆ่าป้าเฉินด้วยหลังจากที่ฆ่าเขาไปแล้วซึ่งทุกอย่างก็จะจบลง แต่ก็ไม่คิดว่าหลินซีเหยียนนั้นจะโผล่มาที่นี่ในเวลานี้
หลินซีเหยียนก็ได้หรี่สายตาของนางลงและมองดูรอบๆแล้วยิ้มอย่างใจเย็น “พวกท่านทั้งหลาย ทั้งสองคนนี้ที่อยู่ในมือของพวกท่านนั้นเป็นคนสำคัญอย่างมากกับข้า ไม่ทราบว่าจะให้ข้าทำอย่างไรพวกท่านถึงจะยอมปล่อยพวกเขา”
ทุกคนในชุดดำกลับนิ่งเงียบ แต่ก็มีคนที่ค่อยๆแอบเข้าไปหาหลินซีเหยียนอย่างเงียบๆ
ดวงตาของหลินซีเหยียนก็ได้มืดดำขึ้นมา คนเหล่านี้คิดที่จะฆ่าหลินซีเหยียนด้วยอย่างนั้นเหรอ?
ป้าเฉินที่สำนึกในบุญคุณที่หลินซีเหยียนได้รักษานางก่อนหน้านี้ ซึ่งหลินหนานเฟิงก็ได้เล่าให้นางฟังเรื่องของตัวตนของหลินซีเหยียน ป้าเฉินจึงได้ตะโกน “คุณหนูรองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วย ได้โปรดปล่อยนางไปเถอะ!”
หลินหนานเฟิงนั้นเลี้ยงดูมาโดยป้าเฉิน หากว่ามีโอกาสแล้วนางก็อยากที่จะให้หลินหนานเฟิงนั้นมีชีวิตรอด แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับหลินซีเหยียนแล้ว นางคงจะรับไม่ได้แน่
จนถึงเดี๋ยวนี้ นางก็ยังรักใคร่เด็กสาวที่น่ารักคนนี้ตั้งแต่ตอนยังเล็กๆ
คำพูดของทั้งสองคนนั้นไม่ได้ทำให้หลินซีเหยียนนั้นลังเลที่จะพูดหรือหวาดกลัว รอยยิ้มที่มุมปากของนางนั้นยังคงแจ่มใสมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าไม่ได้สนใจในอันตรายของคนพวกนั้นเลย
“ไม่ต้องกลัว พวกเราจะไม่เป็นอะไร” หลินซีเหยียนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ แต่ก็ได้ทำให้ป้าเฉินใจเย็นอย่างน่าประหลาด
หลินหนานเฟิงก็ได้จ้องไปที่หลินซีเหยียนด้วยดวงตาที่ลุกไหม้ ดวงตาของเขานั้นแดงไปด้วยเลือด ซึ่งจะเห็นได้ถึงความโกรธของหลินหนานเฟิง
คนเหล่านี้ได้เอาชีวิตของป้าเฉินมาข่มขู่เขา ไม่อย่างนั้นคนอย่างเขาคงไม่ถูกควบคุมโดยคนพวกนี้แน่ แล้วเขาก็ได้แอบตัดสินใจ ถ้าคนพวกนี้ทำร้ายคนที่เขารักสักคนแล้วล่ะก็ เขาจะหักคอคนพวกนี้ให้ตายให้หมดจนกว่าเขาจะตาย
ในขณะที่ชายชุดดำคนหนึ่งกำลังแอบลอบเข้าหา หลินซีเหยียนอยู่นั้นเอง ในขณะที่อีกฝ่ายนั้นไม่ทันตั้งตัว หลินซีเหยียนก็ได้ขว้างยาออกไปเต็มกำมือด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็ได้เล็งไปยังศัตรูคนอื่นๆ และก็ได้ขว้างเข็มเงินที่อยู่เต็มง่ามนิ้วของนางออกไป
บางทีพวกเขาอาจจะตกใจหรือพวกเขาอาจจะไม่ทันได้ระวังตัวเพราะเห็นเป็นเพียงแค่หญิงสาว ทำให้พวกเขาสูญเสียคนไปจำนวนมาก
ในเวลานี้เองจี๋เฟิงที่คอยติดตามหลินซีเหยียนในความมืดนั้นก็ได้โผล่ออกมา ซึ่งจี๋เฟิงก็ได้จัดการกับพวกคนในชุดดำที่คุมตัวป้าเฉินเอาไว้อย่างเรียบร้อย และพานางไปยังที่ปลอดภัย
เมื่อเห็นว่าป้าเฉิงปลอดภัยดีแล้ว หลินหนานเฟิงก็ไม่ได้อดทนอีกต่อไป แขนของเขาก็ได้บิดด้วยมุมที่ประหลาดแล้วจากนั้นก็ได้หลุดจากการถูกมัดออกมาได้เอง
จากนั้นเขาก็ได้เดินไปหาหลินซีเหยียนแล้วถาม “เจ้ามาที่นี่ทำไม?”