ตอนที่ 194 รักษาเสร็จสิ้น

ศิษย์หลานข้า ระวังอย่าหลงผิด

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ชางหยางถึงว่าทำไมแปลงยาถึงพังเสียหายอย่างกะทันหัน แปลงยาทั้งแปลงบุบยุบลงไป เดิมที่เขาคิดว่าเป็นเพราะมังกรดินตื่นขึ้นถึงได้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ แต่น่าแปลกคือมีเพียงแปลงยาบริเวณนั้นที่บุบยุบลงไป ภายในหมู่บ้านและป่าไม้รอบด้านไม่มีร่องรอยการสั่นสะเทือนแม้แต่น้อย

ไม่คิดว่าจะเป็นเพราะความโลภของคนในหมู่บ้าน พวกเขาขุดทรายใต้ท้องแม่น้ำจนหมด แปลงยานั้นตั้งอยู่ริมแม่น้ำ อีกทั้งยังเกิดฝนตกขนาใหญ่หลายวันติดต่อกันทำให้เกิดการไถลของดินทราย ส่งผลให้เกิดแผ่นดินถล่ม ตอนที่ไปกอบกู้ยานั้น น้ำจากแม่น้ำยังไม่หดถอยไป จึงไม่ได้พบความผิดปกติภายในแม่น้ำ

เขานึกย้อนไปถึงปฏิกิริยาของคนเหล่านั้นเมื่อคืนตอนที่พวกเขาปรากฏตัวในหมู่บ้าน สายตาที่มองมายังพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่เป็นธรรมชาติ เดิมทีเขาคิดว่าอีกฝ่ายรู้สึกอับอายที่ใช้คนจำนวนมากรับมือกับเด็กเพียงคนเดียว ตอนนี้ดูแล้วคงเป็นเพราะเรื่องนี้!

“อาจารย์…” ชางผิงครุ่นคิด ก่อนจะพูดขึ้นมา “ข้าคาดว่าคนที่พบทองคำนั้นคงจะเป็นเด็กที่พวกเขาเรียกว่าตัวกาลกิณี” ดังนั้นพวกเขาจึงโทษว่าเป็นความผิดของเขา ส่วนทองคำเหล่านั้น คงจะไม่ได้เป็นของเด็กคนนี้ตั้งนานแล้ว

ชางหยางรู้สึกโกรธเคืองอย่างมาก ชาวบ้านเหล่านี้ช่างมีจิตใจดำ ดินถล่มเกิดจากความโลภของตนเอง นอกจากปิดบังไม่พูดความจริงกับพวกเขาแล้ว ยังโยนความผิดใส่เด็กเพียงไม่กี่ขวบได้

สีหน้าของเขาดำทะมึน รู้สึกว่าอากาศจะเริ่มเย็นแล้ว แปลงนาของหุบเขาหมอสามารถลดลงหลายแปลงแล้ว!

———————

วันที่สอง เด็กชายตื่นขึ้นมา เขายังคงมีทีท่ามึนงง เพียงแต่ดวงตาของเขาจะลุกเป็นประกายเมื่ออวิ๋นเจี่ยวปรากฏตัว เขาเหมือนจะรู้ว่าคนของหุบเขาหมอกำลังช่วยเหลือตนเอง ถึงแม้ยังคงหดตัวอยู่ในมุมเหมือนสัตว์เล็กที่ตื่นตระหนก แต่ยาและอาหารที่ลูกศิษย์นำไปให้ เขาก็กินเข้าไปอย่างว่านอนสอนง่าย ถึงแม้ท่าทางการกินที่เร่งรีบของเขาทำให้คนที่ได้พบเห็นสงสาร

ชางหยางผู้เป็นชายแก่ เมื่ออายุมากแล้วก็ไม่อาจทนดูคนรุ่นหลังลำบากได้ ถึงแม้เขาจะเกรงกลัวพลังปีศาจในตัวของอีกฝ่าย แต่เขาก็อดไม่ได้ที่ว่าวิ่งไปดูเป็นครั้งคราว เมื่อนึกถึงท่าทางที่อีกฝ่ายปกป้องขนมที่อวิ๋นเจี่ยวให้นั้น เขาจึงกำชับให้ลูกศิษย์ไปซื้อขนมมาเป็นจำนวนมากจากตลาด และกองไว้ในห้องของอีกฝ่าย ราวกับอยากจะถมกระโจมฟางที่เพิ่งเก็บกวาดออกมาให้เต็ม

เห็นได้ชัดว่าชางหยางเสพติดการดูแลเด็กไปแล้ว: “ข้าจำได้ว่าในตลาดมีเค้กข้าวเหนียวที่อร่อยอยู่ ตอนนี้เวลายังเช้าอยู่ ชางผิงเจ้าไปซื้อกลับมาเสียหน่อย!

ชางผิงที่วิ่งไปตลาดสิบกว่ารอบ: “…”

ปากของเขากระตุกเล็ดน้อย แต่ก็ยังคงต้องตอบกลับ “รับทราบ อาจารย์!”

มองดูท่าทางราวกับคุณปู่ของชางหยาง อวิ่นเจี่ยวก็นึกถึงคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันในสำนัก แต่กลับทำตัวราวกับลูก เธอถอนหายใจทีหนึ่ง ทั้งที่เป็นชายแก่เหมือนกัน ทำไมช่างแตกต่างขนาดนี้

เอ๊ะ? เดี๋ยว!

อาจารย์ปู่ ท่านจะไปไหน?!

Σ(°△°|||)︴

อย่าได้ยินเพียงคำว่าไปตลาดก็จะไปกับเขาสิ!

อวิ๋นเจี่ยวรีบรั้งอาจารย์ปู่ที่อยากจะไปเดินตลาดด้วยความรวดเร็ว หนึ่งคนสองคน ไม่มีคนไหนวางใจได้เลย

“สหายอวิ๋น เด็กคนนี้…จัดการอย่างไรดี” ชางหยางมองดูกระโจมฟางด้านหลังด้วยความกังวล เด็กคงไม่อาจส่งกลับไปหมู่บ้านหลีเจี่ยวแล้ว ส่งกลับไปเท่ากับไม่รอด อีกทั้งเด็กคนนี้เชื่อฟังว่านอนสอนง่ายไม่ร้องไม่โวยวาย ถึงแม้หลังจากยันต์หมดฤทธิแล้วเขาจะต้องอดทนต่อความเจ็บปวดของการต่อกระดูก เขาก็พยายามอดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ หากเจ็บปวดอย่างมาก เขาก็ทำเพียงหดตัวอยู่ในผ้าห่มพร้อมกัดผ้าห่อมแน่น แม้เหงื่อจะตกลงมามากแค่ไหนก็ไม่ร้องออกมา ราวกับเกรงกลัวว่าจะถูกคนรังเกียจทอดทิ้ง ทุกการกระทำเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ชางหยางเองก็เพิ่งสังเกตเห็นพฤติกรรมของเขาตอนที่ไปเยี่ยมเมื่อคืน ทันใดนั้นหัวใจของชายแก่เกิดความสงสารขึ้นมาจับใจ

ที่จริงแล้วเขาคิดจะให้คนอยู่ต่อในหุบเขาหมอ รอกระทั่งอาการของเขาหายดี ร่างกายแข็งแรงขึ้นมาหน่อย รับเขาเข้ามาเป็นลูกศิษย์ก็ไม่เลว เพียงแต่ภายในหุบเขานี้ไม่มีเด็กที่อายุเท่านี้แม้แต่น้อย เขาไม่รู้ว่าควรจะเลี้ยงดูอย่างไร อีกทั้งพลังปีศาจบนตัวเขาก็เป็นปัญหา ไม่ใช่ว่าเขาถ่อมตัว คนในหุบเขาหมอนั้นต่างมีฝีมือที่ดี แต่หากจะพูดถึงวิชาเสวียน หากพวกเขากล้าบอกว่าตนเองเป็นรองอันดับสุดท้าย คงไม่มีใครกล้าเป็นอันดับสุดท้าย!

-_-|||

เมื่อถึงเวลานั้นหากพลังปีศาจเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา เขา…คงรับมือไม่ได้แม้แต่น้อย

“ไม่อย่างนั้น…ส่งไปสำนักเทียนซือ?” อวิ๋นเจี่ยวเข้าใจถึงความกังวลของเขา อีกทั้งเธอก็ไม่ค่อยไว้ใจความสามารถของจอมรั้งท้าย! สถานการณ์ของเด็กคนนี้ส่งให้คนที่เชี่ยวชาญจะดีกว่า

ชางหยางพยักหน้า คิดเห็นเหมือนอีกฝ่าย ก่อนจะถอนหายใจ “ก็ดีเหมือนกัน เช่นนั้นรอร่างกายของเขาดีขึ้นอีกหน่อย ข้าจะลองถามความคิดของเขา หากยินยอมก็ส่งเขาไปยังสำนักเทียนซือ”

จากนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเด็กคนนั้นราวกับยังพูดไม่เป็น คอของเขาไม่มีปัญหาอะไร และสามารถมองออกว่าแต่ก่อนเขาเคยพูดได้ แต่อาจเป็นเพราะท่าทีของชาวบ้านที่มีต่อเขา ทำให้เขาไม่ได้พูดคุยกับคนมาเป็นเวลานาน จึงลืมวิธีการสนทนากับผู้คน หากต้องการรักษาคงต้องใช้เวลา

อวิ๋นเจี่ยวไม่มีความคิดเห็นอะไร เรื่องของหุบเขาหมอจัดการจนใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของชาวบ้านเหล่านั้น แต่พวกเธอก็ยังคงช่วยรักษาคนที่ต้องพลังปีศาจในหมู่บ้านหลีเจี่ยวนั้น เพียงแต่ต่อไปหุบเขาหมอคงไม่มอบหมายให้พวกเขาปลูกสมุนไพรแล้ว

อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้อยู่ต่อ ลากอาจารย์ปู่ของตนเองขอตัวลาจากไป ระหว่างทางแวะเวียนไปตลาดครั้งหนึ่ง ซื้อวัตถุดิบสำหรับมื้อค่ำและขนมที่แปลกใหม่เล็กน้อยถึงได้กลับไปยังสำนักชิงหยาง

ในขณะที่เธอกำลังจะลงมือทำอาหารค่ำ เมฆก้อนหนึ่งลอยลงมาจากบนท้องฟ้าอย่างกะทันหัน จากนั้นหยวนเจียงที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานปรากฏตัวขึ้น

“ลูกศิษย์ทักทายอาจารย์!” หยวนเจียงทำความเคารพเยี่ยยวน

ฝ่ายหลังไม่สนใจ เพียงแต่ก้มลงจัดการตน ผลประกอบการจากตลาดเมื่อครู่ภายในถุงเก็บของ แม้แต่สายตาก็ไม่ให้อีกฝ่าย

หยวนเจียงราวกับคุ้นชินกับเหตุการณ์นี้ ไม่มีความรู้สึกถูกเมินแม้แต่น้อย เขาหันไปหาอวิ๋นเจี่ยวที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะยิ้มอย่างเป็นมิตร “ศิษย์หลาน สบายดีหรือไม่!”

“อาจารย์อาหยวน” อวิ๋นเจี่ยวทักทาย พลางหยิบขนมในถุงของเธอส่งให้อาจารย์ปู่ พลางพูด “ทำไมท่านกลับมาเร็วเช่นนี้ สืบเรื่องได้แล้ว?”

สีหน้าของหยวนเจียงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเหลือบตามองคนด้านข้างเธออย่างกังวล ก่อนจะพยักหน้า “ถือว่าใช่…”

“อ่อ” อวิ๋นเจี่ยวไม่ได้ถามมาก เธอหยิบวัตถุดิบบนโต๊ะขึ้น “ข้าไปทำมื้อค่ำก่อน อาจารย์อาพักผ่อนก่อนเถอะ!”

พูดจบ ก็หันหลังเดินตรงไปข้างนอก ทันทีที่ก้าวขาออกนอกห้อง เธอก็พูดขึ้น “อ่อ จริงสิ อาจารย์อา ห้องสามของพวกท่านยังเหลืออีกสองคาบ พรุ่งนี้อย่างลืมนะ!” พูดจบถึงได้เดินมุ่งหน้าไปยังห้องครัว

หยวนเจียง: “…”

ศิษย์หลานใช้ประโยชน์จากทุกสิ่งได้ดีเสียจริง!

จนกระทั่งอวิ๋นเจี่ยวเดินจากไปไกล คนที่เอาแต่ล้วงหาขนมถึงหยุดมือลง ก่อนจะเงยหน้ามองลูกศิษย์โง่ด้วยสายตาที่มีนัยยะ

ทันใดนั้นหยวนเจียงรู้สึกเหงื่อผุดออกมาอย่างมาก พร้อมทั้งรู้สึกว่าตนเองไม่ควรมา

“อา…อาจารย์…” เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที ก่อนจะพูดขึ้น “ที่ข้ามาครั้งนี้เป็นเพราะ ท่านมหาเทพ…อยากจะมาคราวะอาจารย์!”

“อ่อ?” สีหน้าของเยี่ยยวนเย็นลงในทันที เขาไม่ได้มองอีกฝ่าย เพียงแต่หมุนลูกอมสีขาวภายในมือไปมา ก่อนจะพูดขึ้น “เขาอยากตายหรือ”

“…”