บทที่ 153 น่ารังเกียจมากอยู่เสมอ

กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ

พักผ่อนอยู่ที่เชิงเขาราวๆ สองเค่อ ท้องฟ้าก็ค่อยๆ สว่างขึ้น ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีส้มอ่อน

แสงอาทิตย์สาดแสงมาจากเทือกเขา ก่อตัวเป็นลำแสงสีทองอ่อนๆ ทันใดนั้นมันก็ระเบิดแสงออกมาและกลืนกินหมอกควันไปอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวท้องฟ้าก็สว่างขึ้นหลายเท่าตัว ทัศนียภาพโดยรอบเริ่มชัดเจน

ทันใดนั้นเสียงเกือกม้าเร่งรีบดังขึ้นบนถนนสายเล็ก ทำเอานกในป่าอกสั่กขวัญแขวนกระพือปีกบิน โลกดูเหมือนกลับมามีชีวิตชีวาขึ้น

มือดาบที่ติดตามมาด้วยระวังตัวทันที ทยอยยกมือขึ้นกดที่ด้ามดาบ

จี้ฮ่วนหันไปทันใด มองเห็นบุคคลหนึ่งกำลังขี่ม้าสีน้ำตาลแดงพุ่งมาทางนี้ บุคคลที่อยู่บนหลังม้ารูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อคลุมผ้าสีน้ำตาล ผมบนศีรษะถูกรวบเป็นมวย หนวดที่ขากรรไกรล่างมีความยาวสามนิ้ว ดวงตาภายใต้คิ้วที่หนาเป็นพวง

คู่นั้นยังคงมีความสงบนิ่งที่เจือปนวิริยภาพดุจเหล็กกล้าเช่นเก่า

“พี่ใหญ่!” จี้ฮ่วนปรีดายิ่ง โบกไม้โบกมือพร้อมตะโกนเสียงสูง ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาในพริบตา ตั้งแต่ที่ซ่งชูอีไม่ให้เขาเรียกว่านายพลจี๋แล้ว จี๋อวี่ก็เรียกเขาเช่นนี้ เพียงแต่เรียกไม่กี่ครั้งก็แยกทางกันเสียก่อน

ครั้นมือดาบเหล่านั้นได้ยินก็รู้ว่าผู้มาเยือนมีความเกี่ยวข้องกับจี้ฮ่วน จึงโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย

“ยู้ด…” ม้าดุจสายลมของจี๋อวี่เข้ามาถึงภายในพริบตาและหยุดลงกะทันหันด้านหน้าจี้ฮ่วน พลิกตัวลงจากม้าอย่างว่องไว ชกหน้าอกของเขาสองสามครั้งด้วยท่าทีผ่อนคลาย

“ดูเหมือนว่าการพักผ่อนนี้ได้ผลดีทีเดียว?” ซ่งชูอีเดินเข้ามา ยิ้มพลางโยนสาโทในมือไปที่จี๋อวี่

จี๋อวี่รับถุงสุรา ประสานมือเอ่ยกับซ่งชูอี “ไม่เจอกันนานท่านเป็นเยี่ยงไรบ้าง?”

“ก็ดี” ซ่งชูอีสำรวจจี๋อวี่โดยละเอียด พบว่าแม้นเสื้อผ้าของเขาจะเก่าทว่ากลับสะอาดสะอ้านเป็นอย่างมาก จึงรู้ว่าหลังจากที่แยกกันแล้วเขาได้ไปพักผ่อนตามหุบเขาลำเนาไพรจริงๆ “ดูเหมือนจะเบิกบานใจไม่น้อย”

“ต้องขอบคุณคำชี้แนะของท่าน” จี๋อวี่กล่าว

ตอนที่ซ่งชูอีพูดเกลี้ยกล่อม เขากลับมิได้ใส่ใจอย่างแท้จริง รู้สึกเพียงว่านั่นเป็นวาจาที่ว่างเปล่า อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานี้เขาได้เห็นความกว้างใหญ่ของหล่งซี ได้ไปยังเซินหนงเจี้ยที่กว้างใหญ่ไพศาล ทุกสิ่งที่มองเห็นดูเหมือนไร้ขอบเขต ผู้คนดูเล็กจ้อยและสิ่งที่ติดอยู่ในใจก็เริ่มไม่มีนัยสำคัญอีกต่อไป ครั้นหวนนึกถึงคำพูดของซ่งชูอีอีกคราจึงรู้สึกว่ามันมีเหตุผลมากทีเดียว

มีเพียงผู้ที่ได้เห็นการเปิดกว้างเช่นนั้นเท่านั้นที่สามารถชื่นชมความหมายที่แท้จริงใน “วาจาว่างเปล่า” ของซ่งชูอีได้

“จากนี้ไปวางแผนไว้เยี่ยงไร?” ซ่งชูอีหวังว่าจี๋อวี่จะสามารถอยู่ในรัฐฉินได้ จี๋อวี่เป็นคนที่นิสัยจริงจังและมั่นคงซึ่งต่างจากนิสัยสบายๆ ของชาวฉิน และเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยกฎเกณฑ์ในชีวิตอันเป็นลักษณะเฉพาะตัว หากเขาอยู่ในรัฐฉินจะต้องมีอนาคตที่สดใสอย่างไม่ต้องสงสัย

นอกเหนือจากนี้ซ่งชูอียังมีผู้ช่วยเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ก่อนหน้านี้ซ่งชูอีก็ได้ทุ่มเทให้จี๋อวี่ไม่น้อย ทว่าจากการได้คลุกคลีกับเขาไม่มากก็น้อย นางรู้ว่ามันเป็นการยากที่จะบังคับคนเช่นจี๋อวี่ ฉะนั้นนางจึงถือทัศนคติที่ว่า “ได้มาถือเป็นวาสนา มิได้ถือเป็นชะตา”

“หากท่านไม่รังเกียจ จี๋อวี่เต็มใจที่จะติดตามท่าน!” จี๋อวี่แสดงความเคารพอย่างเคร่งขรึม

ซ่งชูอีรีบยื่นมือประคองเขา รอยยิ้มผุดขึ้นในแววตา “ได้รับความช่วยเหลือจากผู้ที่ชอบธรรมเช่นท่าน หวยจินไม่เสียใจแล้ว!”

กู่หานรู้ถึงการกระทำของซ่งชูอีก่อนหน้านี้เป็นอย่างดี นางยอมรับความเสี่ยงเพียงผู้เดียวเพื่อรัฐเว่ย์ เอาชีวิตของตนแลกกับจี๋อวี่ น้ำใจและความกรุณานี้ควรค่าแก่การตอบแทนไปตลอดชีวิต หากบัดนี้เขายืนอยู่ในตำแหน่งของจี๋อวี่ก็จะเลือกทำเช่นเดียวกัน

“ท่าน ได้เวลาเดินทางแล้วขอรับ” กู่หานเตือนสติ

“ไปเถิด ไว้เข้ารัฐปาแล้วค่อยเล่าถึงเรื่องราวนับตั้งแต่ที่จากกัน” ซ่งชูอียกหมัดขึ้นชกหน้าอกที่แข็งแกร่งของจี๋อวี่ รับบังเหียนม้าที่กู่หานยื่นมาให้ พลิกตัวขึ้นม้า

จี้ฮ่วนเอื้อมมือคว้าจี๋อวี่ จี๋อวี่รู้ว่าเขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง หลังจากขึ้นม้าแล้ว ทั้งสองจึงขี่ม้าตามหลังขบวนรถห่างออกไปสิบจั้ง

“พี่ใหญ่ ท่านตัดสินใจติดตามท่านหวยจินจริงหรือ?” การที่จี้ฮ่วนติดตามซ่งชูอีมาโดยตลอดก็เพียงเพื่อรอจี๋อวี่กลับมา แม้ว่าเขาจะชื่นชมซ่งชูอีจากส่วนลึกของหัวใจ แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะฝากอนาคตของตนเองไว้ในมือของสตรีนางหนึ่ง

“อืม” จี๋อวี่ตอบรับเสียงหนึ่ง สายตาจับจ้องอยู่ที่ร่างของซ่งชูอีผ่านกลุ่มคนในชุดดำ “บุรุษหลายคนเทียบนางมิได้ นางมีความรับผิดชอบอีกทั้งยังมีพรสวรรค์เช่นบุรุษ ข้าอยากเห็นว่านางจะทำอะไรได้บ้าง”

จี้ฮ่วนและจี๋อวี่สนิทสนมกันมาสิบกว่าปี มีมิตรภาพที่ไม่สามัญ จี้ฮ่วนรู้ว่าซ่งชูอีเป็นสตรี แน่นอนว่าย่อมมิได้ปิดบังจี๋อวี่

ในตอนแรกจี๋อวี่เก็บงำความสงสัยและพินิจพิจารณาอย่างใกล้ชิดขณะที่ติดตามซ่งชูอีไปพูดจาหว่านล้อมรัฐต่างๆ ครั้นเรื่องถูกเปิดโปงและเมื่อเขาถูกมัดติดกับแท่นประหารในฐานะแพะรับบาป มันมิได้อยู่เหนือคาดความหมายของเขาเลย เพราะว่าเขามิได้ฝากความหวังไว้ที่สตรีนางหนึ่งตั้งแต่แรกอยู่แล้ว รู้สึกว่าต่อให้สตรีนางหนึ่งจะแตกต่างจากคนอื่นอย่างไร สุดท้ายก็ยังเป็นเพียงสตรีนางหนึ่งอยู่ดี ดังนั้นขณะที่ซ่งชูอีช่วยเหลือเขาจนแทบเอาชีวิตแลกชีวิตนั้น แม้จะตกใจ ซาบซึ้ง ชื่นชม ทว่าเขาก็ยังไม่เชื่อมั่น

อย่างไรก็ตามช่วงเวลาที่เขาจากไป เขาต้องการจะเข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง ตัวอย่างเช่นซ่งชูอีที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงความจงรักภักดีชั่วครู่ แต่แท้จริงแล้วก็เพื่อไขว่คว้ากุญแจสำคัญและโอกาสชนะมาอยู่ในมือ

แม้ว่าหลังจากได้เห็นสาระสำคัญของเรื่องนี้แล้ว เขาก็รู้สึกว่าความภักดีของซ่งชูอีนั้นผิดเพี้ยนไปเล็กน้อย แต่มันกลับทำลายการรับรู้ที่เขามีต่อสตรีเพศอีกครั้ง

สตรีบนโลกใบนี้ที่ชื่อว่า หวยจินว่ออวี๋

จี๋อวี่รู้สึกว่ามันคุ้มค่าสำหรับชายอกสามศอกเช่นเขาที่จะอยู่ใต้การบังคับบัญชาของนาง อย่างน้อยเขาก็เทียบความกล้าหาญและความสติปัญญาอันยิ่งใหญ่ที่นางมีมิได้

“แต่ว่า…” จี้ฮ่วนลังเล ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “การได้อยู่กับท่าน แม้บ่อยครั้งข้าจะลืมไปว่านางเป็นสตรี ทว่าบางคราวที่นึกขึ้นมาได้ก็รู้สึกไม่สบายใจ”

จี๋อวี่หัวเราะ “ก็มิได้บังคับให้เจ้าขายชีวิตให้นางเสียหน่อย หากเจ้าไม่ยินยอมก็ไม่มีผู้ใดบังคับเจ้า”

“จะไม่มีได้เยี่ยงไร!” คิ้วหนาเตอะของจี้ฮ่วนขมวดกัน คราวก่อนเข้าไปที่ชมรมป๋ออี้กับซ่งชูอี ผู้ที่รับประกันการขายข่าวก็คือเขา! บัดนั้นทุกที่ล้วนตามหาซ่งชูอี เขารู้สึกว่าเขาควรจะทำเช่นนั้นเพื่อปิดบังสถานะ ทว่าชมรมป๋ออี้รู้ตัวแล้ว บัดนี้เขาจึงถูกตามล่าไปทุกหนทุกแห่ง

จี้ฮ่วนเล่าเรื่องนี้ให้จี๋อวี่ฟังคร่าวๆ อีกรอบ บ่นพึมพำ “แม้การที่ข้ากล่าวเช่นนี้จะไม่เหมาะสมเท่าไร ทว่า…ข้าก็ยังสงสัยว่าท่านหวยจินตั้งใจตีกรอบข้า มิให้ข้ามีหนทางอื่น”

“จำเป็นต้องสงสัยอีกหรือ?” จี๋อวี่เหลือบมองจี้ฮ่วน เอ่ยเสียงเบา “นางก็น่ารังเกียจเช่นนี้อยู่เสมอ”

จี้ฮ่วนพยักหน้าด้วยความมั่นใจ อารมณ์โกรธปรากฏบนใบหน้าที่หมองคล้ำ ทว่าแม้จะโกรธแต่กลับเกลียดไม่ลง

“ข้าไม่อยากติดตามนาง พี่ใหญ่ ท่านมีวิธีดีๆ หรือไม่?” จี้ฮ่วนเปี่ยมไปด้วยความทรมานใจ

“ไปชมรมป๋ออี้” จี๋อวี่เอ่ยอย่างเด็ดขาด

“ไปก็ไม่เท่ากับเป็นเนื้อบนเขียงหรอกหรือ!” จี้ฮ่วนคำราม

มีคนจากขบวนด้านหน้าหันมามอง จี้ฮ่วนเก็บอาการโทสะ ประสาทสัมผัสทั้งห้าบนใบหน้าหยาบกร้านย่นกันจนเป็นวง

ป่านนี้เป็นไปได้แปดส่วนว่าชมรมป๋ออี้เดาออกแล้วว่าซ่งชูอีเป็นผู้ขายข่าว เพียงแต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัด ดังนั้นจึงต่อกรกับจี้ฮ่วน ส่วนพวกเขาจะทำอะไรนั้นไม่มีผู้ใดคาดเดาได้

เหตุใดลางร้ายที่ยังมิถูกทำนายถึงวิ่งมาเลือกผู้เคราะห์ร้ายเสียเล่า