บทที่ 202
ยังพอช่วยเด็กเอาไว้ได้
จนกระทั่งเจียงหวายเย่ได้กักเก็บเอาความงามของเขาเอาไว้เรียบร้อยแล้วนั้น เขาก็ได้กลายเป็นสมาชิกหอพันกลคนหนึ่งที่แม้แต่เทียนเอ๋อก็ยังต้องตกใจ แล้วเจียงหวายเย่ก็ไม่ได้รอช้าคว้าเอาคอเสื้อของเทียนเอ๋อขึ้นมา และหมายที่จะบินข้ามกำแพงขึ้นไป แต่แล้วเขาก็ได้นึกบางอย่างออก…….
นั่นคือเขาไม่มีกำลังภายในแล้ว!
เขาจึงได้วางเทียนเอ๋อลงแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ เยือกเย็น “อันอี้ไปเอารถม้ามาให้เราที”
แล้วอันอี้ก็ได้จากไป เหลือเพียงเทียนเอ๋อที่มีสีหน้าแปลกๆ และมองไปที่เจียงหวายเย่อย่างต่อเนื่องอย่างช่วยไม่ได้ ทำเอาเขารู้สึกเสียหน้าต่อหน้าลูกศิษย์ขึ้นมา
เมื่อทั้งคู่ได้มาถึงจวนมหาเสนาบดี ก็พบว่าที่จวนนั้นเต็มไปด้วยเสียงเอะอะและวุ่นวาย เทียนเอ๋อดึงคนรับใช้มาคนหนึ่งแล้วซักถาม จึงได้ทราบว่าฮูหยินอินนั้นเกิดแท้งลูกขึ้นมา มหาเสนาบดีหลินจึงได้สั่งให้ออกตามหาหมอที่มีความสามารถทั้งหมดในเมืองหลวง
เพราะว่าหมอก่อนหน้านี้ได้พูดเอาไว้ว่าเด็กในท้องของ ฮูหยินอินนั้นเป็นเด็กผู้ชาย
ในเวลานี้หลินซีเหยียนที่กำลังพยายามช่วยชีวิตของ ฮูหยินอินอย่างต่อเนื่อง แต่เพราะนางเสียเลือดมากเกินไป สติของฮูหยินอินจึงได้เริ่มที่จะเลือนรางลงเรื่อยๆ
แต่ปากของนางก็ยังพร่ำพึมพำออกมา “ช่วยลูกของข้าด้วย”
หลินซีเหยียนก็ได้ถอนหายใจ ทารกของฮูหยินอินนั้นอยู่ในครรภ์ได้ 7 เดือนแล้วจึงยังมีความหวังที่จะรอดอยู่ แต่การที่จะทำคลอดออกมาได้นั้นก็มีอยู่หนทางเดียวนั้นคือต้องเอาตัวทารกออกมาจากท้องของนางด้วยวิธีการผ่าท้อง
แต่ทว่าเรื่องของการคลอดลูกด้วยวิธีผ่าท้องนั้นแค่ฟังดูก็เป็นเรื่องโหดร้ายมาก แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยที่ยอมรับได้ในยุคศักดินาเช่นนี้
หลินซีเหยียนจึงได้ลุกขึ้นยืนแล้วกลับไปที่ห้องของนางแล้วจัดการแปลงโฉม ถ้าเกิดว่าหลินซีเหยียนทำไมไม่ได้ แต่ถ้าเป็นหมอผีล่ะก็อาจจะทำได้ก็ได้
ในเวลานี้มหาเสนาบดีหลินกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงและมองดูหมอที่ไร้ความสามารถมากมายที่พากันคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา เขานั้นรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจะสิ้นลมหายใจ
“พวกเจ้าหมายความว่าเด็กในท้องของอินเอ๋อนั้นจะไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้อย่างนั้นรึ?”
บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขามีกันหลายคน ถึงแม้พวกเขาจะกลัวแต่หมอเหล่านี้ก็ได้พากันตอบ “ท่านมหาเสนาบดีหลิน ด้วยความสามารถอันน้อยนิดของพวกเรา ทารกนั้นไม่อาจที่จะรักษาไว้ได้จริงๆ ถ้าท่านไม่รีบตัดสินใจเสียตอนนี้ ตัวแม่เองก็จะตกอยู่ในอันตรายด้วยขอรับ”
มหาเสนาบดีหลินก็รู้สึกว้าวุ่นใจอย่างมาก เพราะมีเด็กผู้ชายอยู่ในท้องของอินเอ๋อ!
ซึ่งเด็กคนนั้นอาจจะสืบทอดความสามารถจากเขามา และปรารถนาจะให้เป็นผู้ช่วยของเขา!
หรือว่านี่จะเป็นชะตากรรมของเขา ที่จะต้องมีเพียงลูกชายที่ไร้ความสามารถเพียงคนเดียว?
ในขณะที่มหาเสนาบดีหลินกำลังกัดฟันและเตรียมที่จะให้คนเหล่านี้ช่วยชีวิตของฮูหยินอินเอาไว้ คนเฝ้าประตูก็ได้รีบวิ่งเข้ามา “นายท่านขอรับ ฮูหยินรอดแล้วขอรับ หมอผีชื่อดังได้เดินทางมาที่นี่ขอรับ”
“หมอผี?” ในตอนแรกมหาเสนาบดีหลินก็รู้สึกประหลาดใจ แต่หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนคนที่ตกลงไปในน้ำแล้วคว้าเอาต้นกกเอาไว้ได้ “รีบไปเชิญเขาเข้ามาเร็วเข้า”
หลินซีเหยียนก็ได้เดินตามคนรับใช้มาหามหาเสนาบดีหลิน
“ท่านมีวิธีที่จะสามารถช่วยลูกชายของข้าได้จริงๆอย่างนั้นรึ?”
หลินซีเหยียนก็ได้ส่ายหัวของนาง “ข้านั้นแค่เสนอหนทางที่เป็นไปได้ก็เท่านั้น”
มหาเสนาบดีที่กำลังจะเปิดปากพูดต่อนั้นก็ได้หุบปากลงทันที ในเวลาเช่นนี้ชีวิตของเด็กนั้นไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องเป็นห่วง เขาควรที่จะเป็นห่วงฮูหยินอินมากกว่า ท่าทีที่เฉยเมยเช่นนี้ช่างทำให้รู้สึกเย็นชายิ่งนัก
โดยเกือบจะไร้ซึ่งความลังเลใดๆ มหาเสนาบดีหลินก็ได้ถามออกมา “ข้าขอถามท่านหมอผีตรงๆ วิธีการที่ท่านว่าคืออะไร?”
“ผ่าท้องเอาเด็กออกมา”
ประโยคนี้กล่าวออกมาเสียงดังราวกับฟ้าผ่าในห้องโถง
แต่ก่อนที่หลินซีเหยียนจะพูดอะไรต่อ เหล่าหมอทั้งหมดก็ได้เริ่มพูดคุยกันเองและเริ่มที่จะคัดค้าน
“ท่านมหาเสนาบดี เด็กในท้องของฮูหยินอินนั้นหมดเรี่ยวแรงไปแล้ว นี่คือพระประสงค์ของสวรรค์อย่าได้ไปขัดขืนเลย ยิ่งไปกว่านั้นการนำเด็กออกมาด้วยวิธีการผ่าท้องนั้นมันขัดกับหลักของสวรรค์ จะให้เชื่อถือได้อย่างไร?”
“ได้โปรดคิดให้รอบคอบด้วย ท่านมหาเสนาบดี”
หลินซีเหยียนก็รอดูคนเหล่านี้พูดออกมา หลังจากที่พูดกันจบ นางก็ได้มองไปรอบๆอย่างติเตียน “พวกเจ้าช่วยชีวิตเด็กในท้องฮูหยินอินกันไม่ได้ ยังคิดจะถ่วงแข้งถ่วงขาข้าอีกงั้นเหรอ?”
“ผู้เป็นหมอที่มีหน้าที่รักษาคนแต่กลับมีวิธีการที่บ้าเลือดเช่นนี้ พวกเราจะเห็นก็แต่หัวใจที่ชั่วร้ายของเจ้าเท่านั้น”
หลินซีเหยียนนั้นไม่อยากที่จะทะเลาะกับพวกเขา และยิ่งไปกว่านั้นทารกในท้องนั้นก็เหลือเวลาไม่มากแล้วด้วย และด้วยเหตุผลนี้ต่อให้มหาเสนาบดีหลินก็น่าจะยินดีที่จะรับความเสี่ยงนี้ แม้ว่าเด็กทารกจะไม่มีโอกาสรอดก็ตาม
นางจึงได้กล่าวด้วยเสียงอันดัง “ท่านมหาเสนาบดีนั้นเป็นขุนนางชั้นสูง ย่อมไม่เหมือนกับคนพวกนี้ที่คิดจะเอาความคิดตื้นเขินของพวกเขามาเทียบกับข้าอย่างแน่นอน ในเวลานี้มีเวลาเหลือไม่มากนักให้ท่านตัดสินใจแล้ว”
หลังจากที่คิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว อย่างไรเสียมหาเสนาบดีหลินเองก็ยังยินดีที่จะเดิมพันเรื่องนี้ เพราะต่อให้แพ้เดิมพัน ก็ยังช่วยชีวิตของฮูหยินเอาไว้ได้อยู่ดี
เขาจึงได้สะบัดมือแล้วเรียกให้คนของเขาพาท่านหมอในห้องโถงออกไปจากจวนมหาเสนาบดี ไม่นานนักก็เหลืออยู่เพียงแค่มหาเสนาบดีหลินกับหมอผีอยู่ในห้องโถงนั้น
“ท่านหมอผี ข้ามีเรื่องอยากจะถาม แต่ไม่รู้ว่าข้าจะถามดีหรือไม่” มหาเสนาบดีหลินนั้นยังไม่ตอบเห็นด้วยกับวิธีการรักษาของหลินซีเหยียนในทันที และมองไปที่หมอผีด้วยสายตาพินิจพิจารณา
ริมฝีปากของหลินซีเหยียนก็ได้กระตุกเล็กน้อย ซึ่งทำให้นางนั้นดูชั่วร้ายมากยิ่งขึ้นไปอีก “ที่ท่านมหาเสนาบดีหลินอยากจะถาม คงจะเป็นเรื่องที่ทำไมเราถึงได้ยอมช่วยลูกของท่านสินะ?”
มหาเสนาบดีหลินก็ได้ผงกหัว “ข้าเองก็พอจะได้ยินชื่อเสียงของท่านหมอผีอยู่บ้าง ข้าจึงได้ทราบมาว่าท่านหมอผีนั้นมักจะเรียกร้องค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาเสมอ”
“หรือว่าท่านมหาเสนาบดีหลินกลัวว่าจะไม่มีเงินพอจ่ายให้ข้าอย่างนั้นเหรอ?”
ด้วยเสียงที่ฟังดูไม่เหมือนจริงและไร้ตัวตนเช่นนี้ทำให้หมอผีนั้นดูยากที่จะหยั่งถึงมากขึ้นไปอีก ชั่วขณะหนึ่งมหาเสนาบดีหลินนั้นรู้สึกขนลุกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ แต่เขาก็ยังกัดฟันฝืนทนกล่าวออกไป “เพราะข้าเป็นถึงมหาเสนาบดีจึงจำต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่างไรก็ดีถ้าเกิดท่านหมอผีเรียกร้องจริงๆ ข้าเองก็อาจจะจ่ายไม่ไหวก็ได้?”
“ถ้าเป็นครอบครัวคนอื่นก็คงพยายามทำทุกอย่างเพื่อหาทางรักษาลูกของตัวเองแล้ว แต่ท่านมหาเสนาบดีที่เป็นถึงเสาหลักของประเทศนี้ ในเวลาเช่นนี้ท่านกลับยังจะห่วงเรื่องของผลประโยชน์อีกเหรอ?”
คำพูดที่ประชดประชันเช่นนี้ทำให้มหาเสนาบดีหลินโกรธขึ้นมาทันที แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดคำที่รุนแรงออกมา เขาก็ได้ถูกขัดโดยหมอผีเสียก่อน
“ท่านมหาเสนาบดีหลินวางใจได้ คุณหนูรองนั้นได้จ่ายให้ข้าเรียบร้อยแล้ว” หลังจากที่พูดจบ ท่านหมอผีก็ไม่ได้หันไปมองมหาเสนาบดีหลินอีก แล้วเขาก็ได้ไปหาคนรับใช้ให้นำทางพาไปตำหนักของฮูหยินอิน
หลินซีเหยียนได้ทำการไล่ทุกคนในตำหนักออกไปให้หมด ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการยากที่จะทำทั้งหมดนี้ด้วยตัวคนเดียว แต่ฉากเลือดสาดเช่นนี้คงไม่มีใครที่จะรับได้แน่
ในเวลานั้นหากมีคนสลบเพราะความกลัวขึ้นมา แม้จะแค่คนเดียวก็ทำให้เกิดปัญหาได้
จึงได้ให้ทุกคนเตรียมสิ่งที่นางต้องการเอาไว้ให้พร้อม แล้วหลินซีเหยียนก็ได้ป้อนยาเร่งเลือดและรวมถึงยาสลบ การทำคลอดด้วยการผ่าท้องเช่นนี้จะเป็นการดีกว่าหากทำตอนที่คนไข้สลบ
จากกระเป๋าใบเล็กที่เอวของนาง นางได้หยิบเอาสิ่งที่จำเป็นทั้งหมดออกมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วจากนั้นใบมีดที่แหลมคมเยี่ยงปีกจักจั่นแต่กลับคมจนสามารถตัดเหล็กได้เหมือนดินเหนียวนั้น ก็ได้ตัดลงไปที่ท้องของฮูหยินอิน
ในชั่วขณะนั้นเองเลือดจำนวนมากก็ได้พุ่งออกมาจากปากแผล และในชั่วขณะนั้นเองไม่ว่าสายตาจะมองไปที่ไหน ก็ล้วนแต่ชุ่มไปด้วยเลือดอุ่นๆ
หลินซีเหยียนนั้นไม่กล้าที่จะผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย นางได้เทเอายาห้ามเลือดออกมาทาที่มือและเท้า ยาห้ามเลือดนี้เป็นยาที่ดีที่สุดที่นางพกติดตัว และประสิทธิภาพของมันก็ดูถูกไม่ได้เลย ซึ่งไม่นานนักเลือดก็เริ่มหยุดไหล