บทที่ 173 งานเลี้ยงเปิดคฤหาสน์[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 173 งานเลี้ยงเปิดคฤหาสน์[รีไรท์]

คฤหาสน์ตระกูลฉู่!

ตัวอักษรเหล่านั้น สลักเป็นสีเงินสลับสีทอง ประกายของกระบี่ยังคงแวววาวไม่เสื่อมคลายอยู่บนก้อนหิน

“เล่นง่ายเกินไปหรือเปล่า! ลองเปลี่ยนดูใหม่ดีไหม” หลงอ๋าวบ่นพึมพำว่า ชื่อที่ฉู่ชวิ๋นตั้งออกมายังดูไม่น่าเกรงขามมากพอ

ฉู่ชวิ๋นหัวเราะในลำคอและตอบว่า “เอาไว้ลุงไปสร้างคฤหาสน์ของตัวเองเมื่อไหร่ จะซื้อชื่อตำหนักเซียนของฮั่นหลงไปใช้ก็ได้นะ น่าเกรงขามมากพอไหม?”

หลงอ๋าวพูดไม่ออกได้แต่ยืนฟังเฉินฮั่นหลงกล่าว “ผมไม่ขาย ผมจะเก็บเอาไว้ตั้งชื่อคฤหาสน์ของผมเอง”

ฉู่ชวิ๋นนิ่งไปเล็กน้อยและยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ส่วนหลงอ๋าวกล้ามเนื้อกระตุกไปทั้งใบหน้าแล้ว

หลังจากพูดคุยกันอีกเล็กน้อย หลงอ๋าวก็รู้สึกว่าพื้นถนนในภูเขาเฉียนหลงยังดูไม่ยิ่งใหญ่มากพอ ถนนของสำนักอื่นจะเรียงรายด้วยขั้นบันไดหิน ไม่ได้มีต้นไม้ล้อมรอบแบบนี้ แถมบางที่ยังมีสะพานลอยฟ้า

แขวนตัวอยู่กลางอากาศอีกด้วย เมื่อมองดูถนนในภูเขาเฉียนหลง มันก็ไม่ได้ต่างไปจากถนนลาดยางมะตอยทั่วไปเลยสักนิด

ฉู่ชวิ๋นพูดว่าไม่เป็นไร เขาขึงม่านพลังเอาไว้หลายที่

ซูซ่า!

น้ำตกสายหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ เทสายน้ำสีขาวลงมาเหมือนกับเป็นแม่น้ำเถียนเหอ สายน้ำจากน้ำตกไหลแรงมาก ทำให้ทั้งภูเขาถึงกับสั่นสะเทือนไปเล็กน้อย

บรรดาพวกของเฉินฮั่นหลงที่เห็นวิธีการเสกน้ำตกขึ้นมากลางอากาศของฉู่ชวิ๋น พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว หลงอ๋าวก็เช่นกัน นี่หมายความว่าฉู่ชวิ๋นมีฝีมือที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ สินะ

ถ้าไม่บอกก่อนล่วงหน้า ใครจะไปคิดเลยว่าน้ำตกลอยฟ้าที่เห็นอยู่ตรงหน้านี้เป็นของปลอม?

พั่บ พั่บ พั่บ

นกกระเรียนตีปีกบินมาจากบนฟากฟ้า บินวนอยู่กลางอากาศอวดความสวยงามของธรรมชาติ

โฮก!

บริเวณชายป่าตรงตีนเขา หมีดำตัวหนึ่งที่มีความสูงประมาณห้าถึงหกเมตรทุบหน้าอกเดินออกมาจนพื้นดินสะเทือน กำลังแขนอันมหาศาลของมัน สามารถหักต้นไม้ที่มีขนาดเท่ากับเอวมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย

โครมคราม!

ก้อนหินจำนวนมากกลิ้งตกลงมาจากภูเขา ในขณะที่ตัวกินมดยักษ์วิ่งลงมาจากเนินเขา นอกจากนี้ก็ยังมีความแปลกประหลาดของก้อนหินที่ตั้งอยู่ริมหน้าผา รวมถึงต้นไม้ใบหญ้าที่อยู่บริเวณตีนเขาก็ส่องแสงสะท้อนประกายกับดวงอาทิตย์ กลายเป็นภาพแห่งความสวยงามที่ดูลึกลับประหลาดตา

“เป็นไงล่ะ แบบนี้ดูยิ่งใหญ่อลังการพอหรือยัง” ฉู่ชวิ๋นถามพร้อมกับยิ้มกว้าง

เฉินฮั่นหลงและคนอื่น ๆ ได้แต่พยักหน้า พูดอะไรไม่ออก แม้แต่หลงอ๋าวก็มีดวงตาที่เป็นประกายขึ้นมาแล้ว เมื่อเทียบที่นี่กับบ้านของเขาที่อยู่ในเมืองใหญ่ บ้านของเขามันกลายเป็นห้องส้วมไปเลยทีเดียว ไม่สิ อาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าห้องส้วมด้วยซ้ำ

“ฉันจะอยู่ที่นี่แหละ” หลงอ๋าวประกาศขึ้นทันทีโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

หลงอ๋าวประเมินแล้วว่าไม่น่าจะมีสถานที่เหมือนภูเขาเฉียนหลงอยู่ในแผ่นดินจีนอีกมากมายนัก อยู่ที่นี่เขาสามารถฝึกพลังได้อย่างสบายใจ

“ไม่มีปัญหา” แน่นอนว่าฉู่ชวิ๋นก็ตอบรับด้วยความยินดี ถึงจะเคยเกิดเรื่องบาดหมางกันมาก่อน แต่การมีหลงอ๋าวอยู่ข้างตัวก็เป็นอะไรที่อุ่นใจมาก

อีกหลายวันต่อมา ฉู่ชวิ๋นยุ่งอยู่กับการเตรียมความพร้อมในการปรุงยา

เฉินฮั่นหลงและซุนหยิงรับหน้าที่ควบคุมงานเลี้ยงเปิดตัวคฤหาสน์ พวกเขาจะคอยดูแลเรื่องราวในโลกมนุษย์ ในขณะที่โม่ซิงเหอคอยดูแลเรื่องราวในโลกยุทธภพ

ฉู่ชวิ๋นได้จัดเตรียมการแสดงไว้ให้ความบันเทิงต่อแขกผู้ที่เข้าร่วมงานเรียบร้อยแล้ว

ข่าวงานเลี้ยงเปิดตัวคฤหาสน์ของเขา แพร่สะพัดไปทั่วโลกยุทธภพเหมือนกับพายุหมุน

สำหรับฉู่ชวิ๋น คนจำนวนมากในโลกยุทธภพเคยได้ยินชื่อเขา แต่ไม่เคยพบตัวจริง ก่อนหน้านี้มีคนเคยไปดักรอเขาที่สำนักความหวังใหม่ แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วฉู่ชวิ๋นกลับเลือกเดินทางไปหุบเขาราชาพิษแทน คนเหล่านั้นจึงไม่ได้พบเจอตัวจริงของฉู่ชวิ๋นตามที่ตั้งใจ

บัดนี้พวกเขาย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือ ชาวยุทธภพรีบเดินทางมาที่เมืองกู่เจียงกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

ในเวลาไม่ช้า เมืองกู่เจียงก็เต็มไปด้วยผู้คน

นี่คือสิ่งที่สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้แก่นายกเทศมนตรีเมืองกู่เจียงเป็นอย่างยิ่ง เขาจะรับมือกับคนเถื่อนพวกนี้อย่างไรดี? จะไม่ให้เขาหวาดกลัวได้อย่างไรกัน?

และการหวาดกลัวคนเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด บางคนถูกนำตัวมาที่สถานีตำรวจเพื่อสอบถามบางอย่างเท่านั้น แต่กลับกระแทกฝ่ามือใส่ตำรวจจนลอยกระเด็นไปไกล แถมยังหยิบปืนของตำรวจมาหักทิ้งต่อหน้าต่อตาอีกด้วย

เฉินฮั่นหลงจึงต้องออกมาแจ้งแก่ทุกคนว่า ฉู่ชวิ๋นได้ออกคำสั่งเอาไว้ว่า “ห้ามมีใครก่อเรื่องในเมืองกู่เจียง ไม่อย่างนั้นฉู่ชวิ๋นจะมาจัดการด้วยตัวเอง”

เมื่อเป็นดังนี้…ทุกคนจึงทราบว่าฉู่ชวิ๋นเก็บตัวอยู่ภายในคฤหาสน์ แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเก็บตัวเพื่อทำอะไร? สิ่งเดียวที่ทุกคนทราบก็คือฉู่ชวิ๋นคงไม่ได้พูดล้อเล่นแน่นอน นี่คือคำสั่งที่เรียบง่ายแต่เด็ดขาด ถ้าใครไม่เชื่อฟัง จะต้องโดนฆ่าทิ้ง

ฉู่ชวิ๋นมีชื่อเสียงในเรื่องความอำมหิตอยู่แล้ว หลังได้รับฉายาจอมอำมหิต จอมมาร และอีกหลาย ๆ ฉายาที่แสดงถึงความโหดเหี้ยม ก็ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของเขาอีก

เมื่อคำสั่งนี้ถูกกระจายออกไป ชาวยุทธภพที่มาอาศัยอยู่ในเมืองตลอดหลายวันต่อมา ก็ไม่มีใครกล้าก่อเรื่องมีปัญหาอีกเลย

แม้บางคนจะเป็นพวกใจร้อนตัวพ่อ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนใจเย็นอย่างเห็นได้ชัด และสิ่งเดียวที่พวกเขารอคอย ก็คือการได้เข้าร่วมงานเลี้ยงเปิดตัวคฤหาสน์ของฉู่ชวิ๋น

โรงแรมในตัวเมืองกู่เจียงทั้งหมดถูกเฉินฮั่นหลงจับจองไว้เรียบร้อย เมื่อมีคนเข้ามาแจ้งว่าเดินทางมาเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงเปิดตัวคฤหาสน์ของฉู่ชวิ๋น คนผู้นั้นก็จะได้เข้าพักฟรีพร้อมมีอาหารให้รับประทาน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแม้แต่หยวนเดียว

และแล้ววันนี้ก็มาถึง ดอกไม้ไฟจำนวนมากถูกยิงขึ้นท้องฟ้าจากบริเวณตีนเขาเฉียนหลง ก่อให้เกิดเป็นกลุ่มควันสีดำมากมาย หลังจากยิงดอกไม้ไฟเสร็จแล้ว เฉินฮั่นหลงก็ยกมือขึ้นและพูดว่า “รับแขก!”

โครม!

โม่ซิงเหอทนหมั่นไส้ไม่ไหวจึงเตะตูดเข้าไปหนึ่งป้าบ ปรากฏรอยเท้าของเขาอยู่ที่บั้นท้ายของเฉินฮั่นหลงอย่างชัดเจน

แต่เฉินฮั่นหลงก็ไม่ได้สนใจ ลุกขึ้นมาปัดเศษดินออกไปจากก้นและยิ้มออกมาหน้าตาเฉย โม่ซิงเหอถอนหายใจ เขารู้ว่าทำไมเฉินฮั่นหลงถึงมีความสุขขนาดนี้ พวกนักธุรกิจเวลาได้ยินว่าจะมีชาวยุทธ์มารวมตัวกัน ก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ พวกเขาจะรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกลายเป็นคนสำคัญขึ้นมาในพริบตา แถมเฉินฮั่นหลงยังเป็นพวกหน้าใหญ่ใจโต อาหารและที่พักฟรีในโรงแรมกลางตัวเมืองก็เป็นผลงานของเขาทั้งนั้น

ห่างออกไปหลายสิบเมตร ปรากฏรถบรรทุกคันใหญ่แล่นเข้ามา นี่คือรถบรรทุกที่เฉินฮั่นหลงจัดเตรียมเอาไว้สำหรับขนของขวัญจากแขกผู้เข้ามาร่วมงาน

ในระหว่างที่พวกเขายืนพูดคุยกัน คนอีกกลุ่มใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้น และเมื่อมองไปข้างหลัง ก็ยังเห็นกลุ่มคนอีกมากมายมหาศาลทยอยเดินเข้ามา เฉินฮั่นหลงเห็นแล้วก็ให้รู้สึกหนังหัวชายิบ

“พวกเราสำนักธิดาเทพ ขอมาร่วมแสดงความยินดีต่อการเปิดตัวคฤหาสน์ตระกูลฉู่ครับผม” ชายชราคนหนึ่งเดินนำหน้ากลุ่มคนเข้ามา พร้อมกับส่งมอบกล่องของขวัญที่เต็มไปด้วย อัญมณีมาให้

“ยินดีต้อนรับครับผมเฉินฮั่นหลงเป็นพ่อบ้านประจำคฤหาสน์ตระกูลฉู่” ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเฉินฮั่นหลงจะกระตือรือร้นขนาดไหน เพียงแค่มองดูห่อของขวัญ ก็ล่วงรู้แล้วว่าของที่อยู่ในนั้นย่อมไม่ธรรมดา

ชายชราหันไปมองหน้าเฉินฮั่นหลงที่ยืนขวางทางหลานสาวของเขาอยู่โดยไม่รู้ตัว ดวงตาของชายชราปรากฏความไม่พอใจขึ้นมาแล้ว

เฉินฮั่นหลงไม่รู้ตัวว่าชายชรากำลังไม่พอใจ โม่ซิงเหอเห็นดังนั้นก็ได้แต่เศร้าใจ ทำไมเขาต้องมาทำงานกับคนโง่แบบนี้ด้วยนะ? ระดับสติปัญญาของเฉินฮั่นหลง ฉลาดพอที่จะทำงานในห้องครัวเท่านั้น

เฉินฮั่นหลงส่งมอบห่อของขวัญให้กับชายหนุ่มร่างยักษ์ และหยิบศิลาวิญญาณที่มีตัวอักขระแกะสลักไว้อยู่ด้านบนออกมา นี่คือกุญแจสำหรับเปิดม่านพลัง

เฉินฮั่นหลงยกมือขึ้นหมุนวนในอากาศ บรรยากาศเงียบสงัด

 ชาวยุทธ์จำนวนมากถึงกับตกตะลึง มวลอากาศข้างหน้าพวกเขาแหวกตัวออกเหมือนกับถูกรูดซิป ภาพที่เห็นภายในเหมือนกับได้อยู่อีกโลกหนึ่ง มันช่างสวยงามราวกับดินแดนในเทพนิยาย

พอได้เห็นกลุ่มคนจำนวนมากตกตะลึงไปแบบนั้น เฉินฮั่นหลงก็ยืดอกด้วยความภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง

แต่อันที่จริงแล้ว หน้าที่นี้ไม่ว่าเป็นใครก็สามารถทำได้ แต่โอกาสแบบนี้ใช่ว่าจะเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ เฉินฮั่นหลงคิดว่าไม่จำเป็นที่เขาจะต้องถ่อมตัวอีกต่อไปแล้ว

เฉินฮั่นหลงรู้สึกหัวใจพองโต แต่ก็ยังไม่ลืมเลือนเจตนาดั้งเดิม

เขาคิดว่าสิ่งที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตที่ตนเองเคยทำ ก็คือการตัดสินใจติดตามฉู่ชวิ๋นนี่เอง

“เชิญเข้ามาเลยครับ!” เฉินฮั่นหลงเชิญพวกของชายชราจากสำนักธิดาเทพให้เดินเข้ามาด้านใน

“พวกเราสำนักประตูสูญ มาร่วมแสดงความยินดีต่อการเปิดตัวคฤหาสน์ของคุณฉู่ชวิ๋นครับ” ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเหมือนลิง

คนหนึ่งเดินออกมาข้างหน้าพร้อมกับยื่นห่อของขวัญมาด้วย ดวงตาของเขาเป็นประกายสดใส

สำนักประตูสูญ ไม่เพียงแต่โม่ซิงเหอเท่านั้นที่เมื่อได้ยินชื่อนี้

ก็ทำหน้าประหลาด แต่ทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นก็แสดงสีหน้ารังเกียจออกมาเช่นกัน

“มีอะไรเหรอ?” เฉินฮั่นหลงสังเกตเห็นว่ามีสิ่งผิดปกติ

“นายรู้หรือเปล่าว่า สำนักประตูสูญเป็นคนแบบไหน?” โม่ซิงเหอกระซิบถาม เฉินฮั่นหลงส่ายหน้า

“ทุกคนที่อยู่ในสำนักนี้เป็นหัวขโมย มีฝีมือในการขโมยหาตัวจับยากตอนนี้ต่อให้พวกเขาขโมยกางเกงในของนายไป นายก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ” โม่ซิงเหอพูดด้วยความปวดหัว

เฉินฮั่นหลงกะพริบตาปริบๆและพูดเสียงดังว่า “เหมือนกับตัวละครที่อยู่ในนิยายกำลังภายในเรื่องเล็กเซียวหงใช่ไหม?”

ชายหน้าลิงมีสีหน้าไม่พอใจเมื่อได้ยินคำพูดของโม่ซิงเหอ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินฮั่นหลง เขาก็ยิ้มกว้างออกมาทันทีเพราะคิดว่าไอ้โง่นี้เข้าใจแล้ว

“นั่นละ ๆ เพราะงั้นนายจะให้เขาเข้างานไม่ได้” โม่ซิงเหอว่า

“นายนี่มันอคติเกินไปแล้วนะ เป็นหัวขโมยแล้วทำไมล่ะ? เคยได้ยินเรื่องโรบินฮู้ดไหม เขาขโมยของไปช่วยคนอื่นทั้งนั้น หัวขโมยดี ๆ ก็มีเยอะแยะไป” เฉินฮั่นหลงพูดอย่างไม่สนใจ

โม่ซิงเหอเริ่มโมโหขึ้นมาแล้วจึงขึ้นเสียงขึ้นมาบ้าง “จะให้เขาเข้างานไม่ได้เด็ดขาด”

เฉินฮั่นหลงเห็นว่าอีกฝ่ายมีอาการผิดสังเกต จึงลองถามหยั่งเชิงดูว่า “หรือว่านายเคยมีเรื่องกับสำนักประตูสูญมาก่อน?”

โม่ซิงเหอหน้าแดงก่ำ ตอบอย่างโกรธแค้นว่า “เหลวไหล”เฉินฮั่นหลงหัวเราะเสียงดัง ปฏิกิริยาตอบรับจากโม่ซิงเหออธิบายทุกอย่างหมดแล้ว เขาอดยิ้มออกมาไม่ได้ว่า “หรือว่าเขาเคยขโมยกางเกงในของนายไป?”

“นายอยากโดนดีใช่ไหม?” โม่ซิงเหอพูดด้วยความเดือดดาล “เฉินฮั่นหลงไม่สนใจอีกแล้ว ก่อนที่จะยิ้มอย่างปลอบโยนว่า “โดนขโมยกางเกงในก็ไม่เห็นเป็นอะไร พวกเขาไม่ได้ขโมยไข่นายไปสักหน่อยนี่นา”

“ปากดีนักนะ” โม่ซิงเหอกัดฟันกรอด

“เราอย่าพูดเรื่องนี้กันอีกเลย…” เฉินฮั่นหลงยิงฟันยิ้ม หันกลับไปทางคนของสำนักประตูสูญและพูดว่า “เชิญครับ”

“ขอบคุณมากครับ ผมชื่อเขอกง มีโอกาสผมจะกลับมาหาคุณอีก” พูดจบแล้ว เขาก็เคลื่อนกายผ่านข้างตัวเฉินฮั่นหลงไปเหมือนกับสายลมวูบหนึ่ง

ให้ตายเถอะ…โม่ซิงเหอไม่อยากจะอยู่ตรงนี้แล้วจริง ๆ ทำไมเฉินฮั่นหลงถึงเห็นกงจักรเป็นดอกบัวไปได้นะ?

“ขอแสดงความยินดีจากสำนักศาลาชมจันทร์…”

“สำนักใบดาบขอร่วมแสดงความยินดีกับนายท่านฉู่ชวิ๋น…”

“สำนักภูผาทมิฬก็ขอร่วมแสดงความยินดีด้วยคนสิ…”

เสียงที่มีเสน่ห์ของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น กลุ่มคนแหวกตัวออกเป็นทางทันที หญิงสาวที่แต่งหน้าจัด คลุมผ้าขนสัตว์และสวมใส่กางเกงขาสั้นคนหนึ่งเดินเข้ามา ด้านหลังของเธอติดตามด้วยผู้อาวุโสอีกสองคน ความงามของเธอทำให้ใครหลายคนต้องหยุดหายใจ

เธอก็คือยัยตัวร้ายที่เคยพบกับฉู่ชวิ๋นตอนไปประมูลของในเมืองหยุนหยานนั่นเอง

หญิงสาวเป็นคนตัวสูงยาว กางเกงขาสั้นสั้นจนแทบถึงสะโพก อวดขาเรียวยาวขาวผ่อง แต่กลุ่มคนที่ยืนอยู่ในตอนนี้เพียงแค่มองได้แป๊บเดียวก็ต้องหันหน้าหนี เพราะไม่กล้าจ้องมองนานเกินไป พวกเขาไม่อยากมีเรื่องกับสำนักภูผาทมิฬ ผู้อาวุโสทั้งสองคนที่หญิงสาวพามาด้วยล้วนเป็นขั้นปรมาจารย์ระดับ 6 มีฝีมือร้ายกาจ เป็นไปได้อยู่ห่าง ๆ ไว้จะดีกว่า

โม่ซิงเหอรีบเดินเข้าไปยืนขวางหน้าเฉินฮั่นหลง เพราะกลัวว่าเฉินฮั่นหลงจะพูดอะไรที่ไม่สมควรพูดออกมา

เฉินฮั่นหลงก็ไม่ใช่คนโง่เกินไปนัก เมื่อเห็นปฏิกิริยาของผู้คนรอบตัว เขาก็รู้เลยว่าหญิงสาวคนนี้มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา

ยัยตัวร้ายเดินเข้ามามองหน้าโม่ซิงเหอ ก่อนที่จะพ่นควันบุหรี่เป็นรูปวงแหวน หญิงสาวติดขนตาปลอมที่งอนยาว เฉินฮั่นหลงคิดในใจว่าดีนะที่เธอไม่ได้ใส่หมวก ไม่งั้นเวลากะพริบตา ขนตาของเธอได้ตีกับปีกหมวกแน่ ๆ

“แฟนฉันอยู่ที่ไหน?” ยัยตัวร้ายถาม

หืม?

โม่ซิงเหอไม่เข้าใจ ผู้หญิงคนนี้น่าจะประสาทไม่ดี ไม่รู้หรือไงว่าแฟนตัวเองอยู่ที่ไหน มาถามเขาแล้วเขาจะไปถามใคร?

“แฟนเธอสงสัยจะอยู่ในตลาดสดมั้ง” เฉินฮั่นหลงพึมพำออกมาแผ่วเบา

ชาวยุทธภพส่วนใหญ่เป็นคนค่อนข้างจะฉลาด เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินฮั่นหลง ก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปและแค่นหัวเราะออกมาทันที ผู้อาวุโสทั้งสองคนมองหน้าเฉินฮั่นหลงอย่างไม่พอใจ และแอบโคจรพลังลมปราณขึ้นมาแล้ว

เฉินฮั่นหลงเย็นวาบไปทั้งตัว เหงื่อเม็ดโป้งปรากฏบนหน้าผาก

“ใจเย็นก่อนครับผู้อาวุโสทั้งสอง เจ้าหมอนี่มันก็ปากหมาแบบนี้แหละครับ…” โม่ซิงเหอพยายามเข้ามาไกล่เกลี่ย ยัยตัวร้ายโบกมือทีหนึ่ง ผู้อาวุโสทั้งสองคนก็ถอยกลับไปยืนอยู่ข้างหลัง

เฮือก!

เฉินฮั่นหลงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ใบหน้าของเขาซีดขาวไม่มีสีเลือด แผ่นหลังเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

“เห็นแก่หน้าแฟนฉัน วันนี้ฉันจะไม่ถือสาหาความนายก็แล้วกัน” ยัยตัวร้ายเหยียดยิ้มด้วยความดูถูก

“ว่าแต่แฟนของคุณผู้หญิงเป็นใครหรือครับ?” โม่ซิงเหอ ถามด้วยความสงสัย

“เจ้าของที่นี่ไง ฉู่ชวิ๋น” ยัยตัวร้ายตอบ

โม่ซิงเหอเบิกตาโต ตกตะลึงจนหยุดหายใจ เฉินฮั่นหลงก็อ้าปากค้าง แต่แล้วก็สำลักน้ำลายจนไอแค่ก ๆ

ซุนหยิงและชายหนุ่มร่างยักษ์ก็พูดอะไรไม่ออก ทุกคนคิดเป็นอย่างเดียวกันโดยไม่ได้นัดหมายว่า มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?