บทที่ 174 ตัวอักษรจากปลายกระบี่[รีไรท์]
หลังจากมองหน้าพวกของเฉินฮั่นหลงด้วยความดูแคลนแล้ว ยัยตัวร้ายก็เดินตูดบิดกระแทกหัวไหล่เฉินฮั่นหลงไปเหมือนเขาไม่มีตัวตน
เฉินฮั่นหลงเป็นคนร่างกายไม่สูงใหญ่ โดนกระแทกเข้าไปก็เกือบล้ม ยัยตัวร้ายสะบัดผมหนึ่งที ก่อนจะเดินขึ้นภูเขาไป
เฉินฮั่นหลงอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกอยู่อึดใจใหญ่ ก่อนที่จะได้แต่กระซิบออกมาว่า “ทำไมเธอคนนี้หยาบคายจังเลยวะ” มีแต่เพียงโม่ซิงเหอที่ยืนอยู่ข้างตัวเท่านั้นถึงจะได้ยินชัดเจน เขากลอกตามองบนด้วยความเหนื่อยใจ
งานเลี้ยงเปิดตัวคฤหาสน์ของฉู่ชวิ๋นเป็นที่สนใจของคนจากโลกยุทธภพ ทุกคนต่างก็อยากมาใกล้ชิดสนิทสนมกับฉู่ชวิ๋น ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายธรรมะหรืออธรรมก็ตาม
เหตุผลที่สำคัญก็คือ ฉู่ชวิ๋นมีพฤติการณ์ที่กล้าหาญบ้าเลือด ถ้าเกิดพวกเขาได้เป็นสหายกับฉู่ชวิ๋น ก็ไม่ต้องเกรงกลัวเวลามีเรื่องกับใครอีกแล้ว
เมื่อแขกผู้เข้ามาร่วมงานเดินขึ้นสู่ภูเขาเฉียนหลง ทุกคนก็ได้รับทราบว่าดินแดนแห่งเทพนิยายมันเป็นอย่างไร ศิลาวิญญาณมีอานุภาพที่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
“พวกเราดูนั่นสิ…” ระหว่างทางเดินขึ้นภูเขา มีคนร้องตะโกนขึ้นด้วยความตื่นเต้น หลายคนจ้องมองไปที่ข้างทางตกตะลึงจนลืมหายใจ
พวกเขาเห็นงูเหลือมที่มีขนาดตัวยาวมากกว่าสิบเมตรเลื้อยอยู่ข้างทาง ความใหญ่โตของมันทำให้เวลาที่มันสะบัดหางแต่ละครั้ง พื้นดินก็เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นเล็กน้อย
งูเหลือมชูคอขึ้นมาจ้องมองทุกคนด้วยดวงตาเย็นเยียบ ทำให้คนที่ถูกจ้องมองเย็นวาบไปทั้งสันหลัง ในที่สุดงูเหลือมตัวนั้นก็หันหน้าเลื้อยเข้าไปในป่าลึก พวกเขาจึงเห็นเพียงต้นไม้ขนาดใหญ่สั่นไหวไปมาตอนที่มันเลื้อยผ่านไป
หลายคนตื่นกลัวจนตัวสั่น นี่น่าจะเป็นงูเหลือมที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลกไม่ผิดแน่ มันน่ากลัวเกินไปแล้ว
“งูอะไรตัวใหญ่ขนาดนี้ ถ้าเอามาต้มน้ำซุปกินนะ คงกินได้เป็นครึ่งปี” เมื่อได้ยินประโยคนี้เข้าไป หลายคนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง พอหันไปมองหน้าคนพูด พวกเขาจึงได้รู้ว่าคนพูดก็คือ ยัยตัวร้ายจากสำนักภูผาทมิฬนั่นเอง หลังจากนั้น ทุกคนจึงได้ระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นมาด้วยความชอบใจ
โฮก!
บังเกิดเสียงเสือคำรามดังออกมาจากป่าบนภูเขาเฉียนหลง ทุกคนหันไปมองด้วยความสนใจอีกครั้งและแล้วก็ได้เห็นเสือขาวตัวหนึ่งกำลังต่อสู้อยู่กับฝูงหมาป่า
หมาป่าพวกนี้น่ากลัวไม่ใช่เล่น พวกมันมีขนาดตัวใหญ่เท่ากับลูกวัว แต่มีความคล่องแคล่วปราดเปรียว ในปากเต็มไปด้วยเขี้ยวแหลม ดวงตาแดงก่ำเป็นสีเลือด
โครม!
พยัคฆ์ขาวคำรามด้วยความดุร้าย แล้วจึงได้สะบัดหางอย่างรุนแรง หมาป่าตัวหนึ่งถูกหางเสือกระแทกเข้าใส่กระเด็นออกไป เลือดไหลทะลักออกจากลำตัว
โฮก!
เจ้าเสือร้ายส่งเสียงคำรามน่าหวาดกลัว แสดงให้เห็นว่าในตอนนี้มันกำลังเดือดดาลถึงขีดสุด กรงเล็บแหลมขนาดเท่าชามข้าวตะปบเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามด้วยความอำมหิต บรรดาหมาป่ากระโดดหนีแตกฝูงกันทันที ส่วนตัวที่หนีไม่ทัน ก็ถูกกรงเล็บตะปบเข้าใส่หัวจนเลือดสีแดงสดสาดกระจาย
โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!
หัวหน้าฝูงหมาป่าเงยหัวขึ้นส่งเสียงเห่า ลูกฝูงของมันรวมตัวกันอีกครั้งและโจมตีใส่พยัคฆ์ขาวด้วยความดุเดือด
ในขณะนี้ ทั่วผืนป่าก้องกังวานไปด้วยเสียงคำรามของเสือกับหมาป่า
ทุกคนยืนมองด้วยความตกตะลึง ตัวเย็น มือเย็น เท้าเย็น รู้สึกหนาวเย็นลงไปลึกถึงกระดูกดำ
“น้องชาย? ทำไมที่นี่ถึงมีสัตว์อยู่มากมายขนาดนี้?” ใครบางคนถามชายหนุ่มร่างยักษ์ผู้เป็นลูกน้องของเฉินฮั่นหลง
ถึงแม้ว่าชายหนุ่มร่างยักษ์คนนี้ จะไม่มีพลังลมปราณแผ่ออกมาจากตัว แต่ทุกคนก็ให้ความเคารพยำเกรงอยู่ไม่น้อย
“นี่คือการแสดงที่นายท่านจัดเตรียมเอาไว้ให้ทุกคนครับ” ชายหนุ่มร่างยักษ์ตอบ การแสดงอย่างนั้นหรือ?
ทุกคนถึงกับพูดอะไรไม่ออก ล้วนแล้วแต่ทราบดีว่าฉู่ชวิ๋นมีชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน การแสดงที่อลังการเหล่านี้ สมแล้วจริง ๆ ที่เป็นฉู่ชวิ๋นผู้ยิ่งใหญ่
ฟึบ!
พลัน บังเกิดเสียงนกร้องขึ้นบนท้องฟ้า แล้วเงาดำขนาดใหญ่ก็บินโฉบผ่านเหนือหัวของทุกคนไป ปีกขนาดใหญ่ของมันบดบังแสงแดดได้เป็นอย่างดี
ทุกคนพร้อมใจกันเงยหน้ามองนกอินทรียักษ์บนท้องฟ้า มันมีขนาดใหญ่เกินไป ปีกที่กางออกยาวประมาณห้าถึงหกเมตรเลยทีเดียว แถมกรงเล็บก็แหลมคมเหมือนเป็นตะขอเหล็ก เพียงมองด้วยตาเปล่าก็รู้แล้วว่ามันสามารถฉีกกระชากเนื้อเหล็กได้ไม่ยากเย็น
ให้ตายเถอะ ทุกคนหดหัวด้วยความหวาดกลัว กลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ
“ทางเราขอรับประกันครับว่า พวกมันจะไม่ทำอันตรายใครแน่นอน” ชายหนุ่มร่างยักษ์ว่า ทุกคนพยักหน้ารับรู้ แต่ก็รีบเร่งฝีเท้าให้เดินเร็วมากขึ้น
ตลอดทาง แขกผู้เข้าร่วมงานได้ตื่นตาตื่นใจและตื่นกลัวไปกับความมหัศจรรย์ที่อยู่ในภูเขาเฉียนหลง
ระหว่างทางขึ้นเขา ทุกคนได้พบเจอสัตว์ร้ายนานาชนิด นอกจากนี้ยังมีน้ำตกลอยฟ้าที่สวยงาม ต้นไม้ใบหญ้าและดอกไม้ที่มีสีสันตระการตา นี่คือการเปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริง
ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าสิ่งที่พวกเขาพบเจอเป็นอิทธิฤทธิ์ของหินวิญญาณ ซึ่งถูกนำมาใช้เพื่องานนี้โดยเฉพาะ
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นของจริงก็คือ ก้อนหินสีขาวขนาดใหญ่ ที่ฉู่ชวิ๋นใช้กระบี่แกะสลักตัวอักษรเอาไว้ว่าคฤหาสน์ตระกูลฉู่
เมื่อทุกคนเดินมาถึงลานจัตุรัส ทุกสายตาก็จ้องมองไปที่ตัวอักษรเหล่านั้น
“ถ้าพลังฝีมือยังไม่แก่กล้า ห้ามมองตัวอักษรพวกนี้เด็ดขาดครับ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวพวกคุณจะบาดเจ็บเอาได้” ชายหนุ่มร่างยักษ์ตะโกนเตือนเสียงดัง แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใ
“อ๊าก…” ทันใดนั้นเอง ชายวัยกลางคนซึ่งเป็นขั้นนักสู้พลังชีพจรพลันส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา พร้อมกับลงไปนอนชักดิ้นชักงออยู่บนพื้น
เฮือก!
มีบางคนถึงกับกระอักเลือดออกมาจากปากแล้ว
“ตาฉัน…” บางคนส่งเสียงร้องโหยหวนในขณะที่มีเลือดไหลออกมาจากดวงตา
มีคนจำนวนมากเกิดอาการบาดเจ็บแตกต่างกันไป ความสาหัสของอาการของพวกเขา จะขึ้นอยู่กับระดับฝีมือนั่นเอง
ในกลุ่มคนจำนวนนี้ บางคนก็เป็นขั้นปรมาจารย์ระดับ 1 ที่ฝึกฝีมือมานานแล้วแต่มีฝีมืออ่อนด้อย แม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ใบหน้าก็ซีดขาวไม่มีสีเลือด
“สูดหายใจเข้าลึกๆ และอย่าหันไปมองนะครับ” ชายหนุ่มร่างยักษ์ร้องบอก
“นี่มันคืออะไรกัน?” ขั้นปรมาจารย์ระดับ 2 คนหนึ่งถามขึ้น
“ตัวอักษรพวกนี้ถูกแกะสลักจากกระบี่องนายท่านครับ พลังลมปราณจากกระบี่ของนายท่านฝังอยู่ในตัวอักษรพวกนี้ และมันพร้อมสะท้อนพลังเล่นงานทุกคนที่จ้องมอง” ชายหนุ่มร่างยักษ์ตอบ ทุกคนถึงกับตกตะลึง ตัวอักษรเพียงแค่ไม่กี่คำ แต่มีพลังน่ากลัวขนาดนี้ได้อย่างไร
“ไม่ต้องกลัวครับ ทุกคนคือแขกผู้มีเกียรติของพวกเรา เราจะไม่ปล่อยให้แขกต้องบาดเจ็บแน่นอน” ชายหนุ่มร่างยักษ์พูดพร้อมกับปรบมือ
หลังจากนั้น ก็มีเสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นดังขึ้น สาวเสิร์ฟหน้าตาดีหลายคนเดินเรียงแถวออกมา พร้อมกับถือถาดที่วางขวดหยกหน้าตาสวยงามมาด้วย
นี่คือบริการที่เฉินฮั่นหลงสั่งตรงมาจากคลับซื่อจู๋หลิน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานเสิร์ฟหรือพ่อครัวของคลับซื่อจู๋หลิน วันนี้ทุกคนได้มารวมตัวอยู่ที่นี่แล้ว
ไม่มีใครรู้เลยว่าตนเองโชคดีขนาดไหน ทุกคนรู้แต่เพียงว่าการทำอย่างนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อตนเองในอนาคตแน่นอน
ชายหนุ่มร่างยักษ์หยิบขวดหยกสีขาวขึ้นมาและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “นี่คือน้ำยาเทวะที่นายท่านเตรียมเอาไว้ให้ครับ หลังจากดื่มเข้าไปแล้ว อาการบาดเจ็บของคุณจะหายไปทันที ว่ากันว่านอกจากจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บแล้ว ยังช่วยเพิ่มพลังฝีมือได้อีกด้วย”
“น้ำยาเทวะ”
เห็นได้ชัดว่าเกือบทุกคนรู้ว่ามันคืออะไร เพียงแต่ไม่คิดเลยว่า ฉู่ชวิ๋นจะจัดน้ำยาเทวะมาให้พวกเขาฟรี ๆ แบบนี้
“นี่คือน้ำยาเทวะที่ปรุงขึ้นเป็นพิเศษ แตกต่างจากน้ำยาเทวะที่วางขายอยู่ตามท้องตลาดแน่นอนครับ เชิญลองชิมกันได้เลย รับรองว่าเห็นผลเกินคาด”
น้ำยาเทวะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ แต่ไม่มีใครกล้าหยิบมาดื่มเลย
ผ่านไปเป็นครึ่งค่อนวัน จึงได้มีขั้นนักสู้พลังชีพจรคนหนึ่งพูดว่า “ฉันเชื่อมั่นในตัวนายท่านฉู่ชวิ๋น” หลังจากพูดจบ เขาก็ยกขวดน้ำยาเทวะกระดกดื่มรวดเดียวหมด
หลังจากดื่มเข้าไปแล้ว ร่างกายของชายหนุ่มก็เป็นประกายสีขาวสว่างจ้า ดูน่ามหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง ไม่กี่วินาทีต่อมา ประกายลำแสงสีขาวก็จางหายไป ชายหนุ่มพลันลืมตาขึ้นมา ดวงตาเป็นประกายสดใส
เขาดูจะงงงันไปเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจและมีความสุขว่า “พลังของฉันบรรลุขึ้นไปได้อีกระดับแล้ว…”
เมื่อคนอื่นเห็นแบบนี้ ก็พากันหยิบขวดน้ำยาเทวะมากระดกดื่มโดยไม่ลังเลอีก
เป็นเวลาอีกพักใหญ่ ที่ในลานจัตุรัสเต็มไปด้วยแสงประกายเรืองรอง
“อาการบาดเจ็บของฉันที่เป็นมาหลายปีหายแล้ว…” ใครบางคนพูดด้วยความดีใจ
“ฮ่า ๆ ระดับฝีมือของฉันเพิ่มขึ้นจริงด้วย อีกไม่นานฉันจะได้เทียบชั้นขั้นปรมาจารย์ได้แล้ว” ชายชราอีกคนหนึ่งที่อยู่ขั้นนักสู้พลังชีพจรพูดด้วยความตื่นเต้นสุดขีด
“พลังของฉันก็เพิ่มขึ้นเหมือนกัน…”
แขกผู้เข้ามาร่วมงานพร้อมใจกันส่งเสียงด้วยความประหลาดใจ และก็ยังมีส่วนหนึ่งที่ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ทุกคนให้ความสำคัญกับการฝึกยุทธ์มาก แต่น้ำยาเทวะนับเป็นของวิเศษชนิดหนึ่ง พวกเขาเองก็อยากจะดื่มบ้างเหมือนกัน
“ไม่ต้องแย่งกันครับ เรามีน้ำยาเทวะเพียงพอสำหรับทุกคน ถือว่าเป็นของขวัญที่ทุกคนมาร่วมงานในวันนี้” ชายหนุ่มร่างยักษ์ถ่ายทอดคำพูดของฉู่ชวิ๋นแบบคำต่อคำ
กลุ่มแขกผู้เข้าร่วมงานส่งเสียงร้องตะโกนด้วยความดีใจ น้ำยาเทวะมีมูลค่าที่สูงส่งจนแทบประเมินค่าไม่ได้ ฉู่ชวิ๋นช่างเป็นคนดีอะไรเช่นนี้ ในทางกลับกัน ของขวัญที่พวกเขานำมาแต่ละชิ้นดูจะต่ำต้อยลงไปทันที