เล่มที่ 7 บทที่ 209 ไสหัวออกจากหมู่บ้านสกุลเซียวให้หมด

ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต

เซียวจินได้ยินว่าเซี่ยยวี่หลัวจะออกจากหมู่บ้านสกุลเซียว จึงกล่าวทันที “ได้ เซียวยวี่ เจ้าก็ได้ยินแล้ว เซี่ยยวี่หลัวบอกว่าขอเพียงมีคนมาบอกว่านางทำผิดศีลธรรม นางก็จะยอมหย่าเอง และออกจากหมู่บ้านสกุลเซียวทันที ถึงเวลาเจ้าอย่าเสียดายภรรยาผู้เลอโฉมของเจ้าเชียว!”

เซียวยวี่ขมวดคิ้ว หันมองเซี่ยยวี่หลัว เม้มริมฝีปากบางจนเป็นเส้นตรง ดวงหน้าฉายประกายคุกรุ่น

เขากำลังจะกล่าวอะไร เสียงร่ำไห้ที่คุ้นเคยก็ดังมาจากด้านนอก

“โฮ พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าไม่ให้ท่านไป ข้าไม่ให้ท่านไป…”

พอได้ยินเสียงนั้น เซียวยวี่รู้สึกว่าความโมโหที่อัดอั้นอยู่ในใจ ในที่สุดก็ได้ระบายออกมาแล้ว

เซียวซานกลับบ้านไปหาเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่ง เมื่อได้ฟังว่าพี่สะใภ้ใหญ่ถูกคนกล่าวหาที่ศาลบรรพชน เด็กสองคนก็นั่งไม่ติดอีก สาวเท้าวิ่งตรงมาทางศาลบรรพชนทันที เพิ่งวิ่งถึงข้างนอก ก็ได้ยินเซี่ยยวี่หลัวบอกว่านางจะไปจากหมู่บ้านสกุลเซียว ไม่กลับมาอีก

เซียวจื่อเซวียนจูงมือเซียวจื่อเมิ่งเบียดเข้าไปในกลุ่มคน โผเข้าหาตัวเซี่ยยวี่หลัว โอบเอวเซี่ยยวี่หลัวไว้แน่น ร้องไห้พร้อมตะโกน “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าไม่ให้ท่านไป ข้าไม่ให้ท่านไป…”

เด็กสองคนร่ำไห้จนน้ำตาและน้ำมูกไหลเต็มใบหน้า โอบเอวเซี่ยยวี่หลัวไว้ไม่ยอมปล่อย!

เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกหัวใจอ่อนยวบ อยู่กับเด็กสองคนมาสามเดือนกว่า เด็กๆ ว่าง่ายรู้ความจนนางไม่อาจตัดใจได้ วาจาที่นางกล่าวได้อย่างไม่สะทกสะท้านเมื่อครู่ หากเป็นตอนนี้ นางคงกล่าวไม่ออกอีก

“จื่อเซวียนเด็กดี จื่อเมิ่งเด็กดี พวกเจ้าอย่าร้อง อย่าร้อง…” เซี่ยยวี่หลัวย่อตัวลง ใช้มือเช็ดหยาดน้ำตาของเด็กสองคนไม่หยุด นางเองก็เหมือนเด็กคนหนึ่ง เริ่มสะอื้นไห้ออกมา

ดวงตาของนางงดงามมาก ประหนึ่งหมู่มวลดาราทอประกายแสง ยามหยาดน้ำตาคลอเบ้า ดุจดังหมู่มวลดารากำลังกะพริบแสง ฉายประกายแสงสะดุดตา

เซียวยวี่ยืนอยู่ข้างๆ พอเห็นเซี่ยยวี่หลัวร่ำไห้ เขาก็รู้สึกบีบคั้นหัวใจเล็กน้อย

เบามาก และเร็วมาก เซียวยวี่กลับสัมผัสได้อย่างฉับไว นั่นคือความรู้สึกปวดใจ

“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าไม่ให้ท่านไป ท่านรังเกียจที่ข้าไม่เป็นเด็กดีไม่เชื่อฟังใช่หรือไม่เจ้าคะ พี่สะใภ้ใหญ่ ต่อไปข้าจะเชื่อฟังจะรู้ความ ข้าจะเป็นเด็กดี ไม่ร้องไห้ไม่โวยวาย ขอร้องล่ะ ท่านอย่าไป อย่าไปเลยเจ้าค่ะ! ” เซียวจื่อเมิ่งร่ำไห้อย่างหนัก มือคู่โอบคอเซี่ยยวี่หลัวไว้แน่น ร้องไห้ราวกับคนเสียสติ ตะโกนจนแทบขาดใจ

เซี่ยยวี่หลัวโอบกอดเด็กสองคนไว้ คิดหงุดหงิดตัวเองที่พูดอะไรไม่คิด รีบปลอบประโลมเด็กสองคน “เมื่อครู่พี่สะใภ้ใหญ่เพียงล้อเล่น จื่อเซวียนและจื่อเมิ่งเป็นเด็กดีถึงเพียงนั้น ข้าจะตัดใจไปจากพวกเจ้าได้อย่างไร? ข้าเพียงล้อเล่นกับพวกเจ้าเท่านั้น! ”

น้ำเสียงของนางอ่อนโยนประหนึ่งปุยฝ้าย ผ่านเข้าไปยังเบื้องลึกจิตใจ แม้แต่หัวใจยังอ่อนระทวย

เสียงร่ำไห้ของเซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งเบาลงเล็กน้อย “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านพูดจริงหรือ? ”

“จริงสิ จริง พี่สะใภ้ใหญ่ไม่ไปจากพวกเจ้าแน่! ” เซี่ยยวี่หลัวกล่าวจากใจจริง

นางจะหลอกเด็กสองคนได้อย่างไร

เซียวหมิงจูได้ฟังดังนั้น โมโหจนเส้นเลือดปูดขึ้น

ทั้งที่พวกเขาต่างหากที่เป็นครอบครัวเดียวกัน เดิมทีเซี่ยยวี่หลัวไม่ควรปรากฏตัว ตอนนี้นางทำเรื่องหน้าไม่อายเช่นนี้ เซี่ยยวี่หลัวหน้าใหญ่แค่ไหนเชียว ล่อลวงบุรุษอยู่ข้างนอก นางคิดว่านางยังมีหน้าอยู่ในครอบครัวนี้ต่อได้อีกหรือ?

เซียวหมิงจูเกิดความวู่วาม

ท่านป้าสี่ที่อยู่ข้างๆ จับนางไว้แน่น คิดจะลากนางออกไปข้างนอก เรื่องภายในครอบครัวคนอื่น หญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนจะเข้าไปยุ่งอะไรด้วย กลัวว่าคนอื่นจะดูไม่ออกว่าเจ้ามีใจให้เซียวยวี่หรืออย่างไร?

“เซียวหมิงจู หากเจ้ายังเห็นข้าเป็นแม่ ก็ไปกับข้าเดี๋ยวนี้! ” ท่านป้าสี่ตะคอกเสียงเบา

เซียวหมิงจูดิ้นรนสุดชีวิตจนหลุดจากพันธนาการของท่านป้าสี่มาได้ แทบจะกล่าวด้วยท่าทางดุร้าย “ท่านแม่ นี่เป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวของข้า! ”

ไล่เซี่ยยวี่หลัวไป นางก็สามารถแต่งงานกับพี่อายวี่ได้แล้ว

“เซียวหมิงจู! ” ท่านป้าสี่ยื่นมือไปจะจับนาง เซียวหมิงจูเบี่ยงกายราวกับปลาหนีชิว*ที่ลื่นไหลก็มิปาน หันขวับวิ่งไปไกลแล้ว

เมื่อเห็นเซียวหมิงจูวิ่งไปทางเซียวยวี่ ท่านป้าสี่โมโหจนแทบคลั่ง กระทุ้งเท้าจนเกิดอาการชาก็ไม่อาจแก้ไขอะไรได้แล้ว

จบกัน จบกัน!

“อาเซวียน อาเมิ่ง พวกเจ้ายังจะเกาะติดสตรีที่หน้าไม่อายคนนี้อีก พวกเจ้ารู้หรือไม่ สตรีที่พวกเจ้าเรียกว่าพี่สะใภ้ใหญ่ผู้นี้ ทำเรื่องบัดสีลับหลังพี่ชายของพวกเจ้า! ” เซียวหมิงจูพุ่งพรวดไปถึงตรงกลางศาลบรรพชน ตะคอกเสียงดัง “พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าล่อลวงชายชู้ลับหลังพี่ใหญ่ของเจ้า นางสกปรกโสมม ไม่คู่ควรกับพี่ใหญ่ของพวกเจ้านานแล้ว”

เซียวยวี่โมโหถึงขีดสุด เอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “เซียวหมิงจู นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวข้า”

เซียวหมิงจูสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ตกตะลึงเสียยิ่งกว่าอะไร “พี่อายวี่ นี่ท่านดุข้าหรือเจ้าคะ? ”

เซียวยวี่เย็นเยียบดุจหมอกน้ำค้างในฤดูหนาว แฝงเร้นด้วยความเย็นชาที่เหินห่าง “นางเป็นภรรยาของข้า ข้าย่อมเชื่อนาง นางไม่มีทางทำเรื่องที่ผิดต่อข้า! ”

“พี่อายวี่ นางสวมเขาให้ท่านแล้ว ท่านยังจะเชื่อนางอีก? หรือว่าท่านก็โดนนางล่อลวงจนเลอะเลือน? ” เซียวหมิงจูตะคอกด้วยความเกรี้ยวกราดอย่างไม่ยอมจำนน

เซียวยวี่ไม่เคยว่ากล่าวเสียงดังใส่นางมาก่อน ปกติเขาเอื้อนเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ไม่เคยเคร่งขรึมขึงขังเช่นนี้มาก่อน

แต่ตอนนี้เขากลับทำเช่นนี้กับนางเพื่อเซี่ยยวี่หลัว

เซียวจื่อเซวียนลุกขึ้น ก่อนกล่าวเสียงดัง “พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าไม่เคยทำเรื่องอะไรเลย ท่านห้ามใส่ความพี่สะใภ้ใหญ่ของข้า”

“ใส่ความ? อีกเดี๋ยวก็จะมีคนมาหาถึงที่แล้ว ยังจะเรียกว่าใส่ความอีก? ” เซียวหมิงจูหัวเราะ “อาเซวียน เจ้ากล้ายืนยันหรือไม่ว่านางไม่เคยทำเรื่องบัดสี? เจ้าอยู่กับนางทั้งสิบสองชั่วยามในหนึ่งวันหรืออย่างไร? หากไม่ใช่ เจ้าจะยืนยันได้อย่างไรว่านางไม่อาศัยจังหวะที่เจ้าไม่อยู่พาชายชู้เข้าบ้าน! ”

เซียวยวี่ “พอแล้ว! ”

เซี่ยยวี่หลัวปิดหูเซียวจื่อเมิ่งไว้ ไม่ให้นางได้ยินเรื่องสกปรกโสมมเหล่านั้น นางลุกพรวดขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน “พอแล้ว! ”

ทั้งสองคนแทบจะพูดออกมาพร้อมกัน

เซียวหมิงจูมองคนนี้ที มองคนนั้นที แทบจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “พี่อายวี่ ข้าทำเพราะหวังดีต่อท่าน”

“ข้าบอกแล้ว ว่าข้าเชื่อนาง และจะไม่ยอมให้ใครใส่ความนางเป็นอันขาด หากนางไม่ได้ทำเรื่องที่ผิดต่อข้า ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะขอขมานางทันที นอกจากนั้น ก็ออกจากหมู่บ้านสกุลเซียวไปเสีย ห้ามย่างกรายเข้าสู่หมู่บ้านสกุลเซียวแม้แต่ก้าวเดียว! ” เซียวยวี่ละสายตาจากใบหน้าเซียวหมิงจู หันมองไปทางเซียวจินและเถียนเอ๋อ

เซียวจินและเถียนเอ๋อพยักหน้าโดยไม่คิดด้วยซ้ำ “ได้! ” ดวงตาคู่เล็กของเซียวจินกรอกไปมาทีหนึ่ง “เช่นนั้นเซียวยวี่ หากภรรยาของเจ้าลักลอบคบชู้จริงเล่า? เจ้าจะทำอย่างไร? ”

“ข้าจะไปจากหมู่บ้านสกุลเซียวเอง! ” เซี่ยยวี่หลัวชิงพูดก่อน “จะไม่ให้ชื่อเสียงของหมู่บ้านสกุลเซียวต้องแปดเปื้อนแน่นอน! ”

เซียวยวี่ขมวดคิ้ว นางอยากไปถึงเพียงนี้เชียว? พูดประโยคหนึ่งก็จะไป สองประโยคก็จะไป

เด็กสองคนส่งเสียงร่ำไห้อีกครั้ง “พี่สะใภ้ใหญ่…”

“หัวหน้าหมู่บ้าน เช่นนี้ไม่ยุติธรรม หากพวกเราผิด จะไล่ทั้งครอบครัวพวกเราออกจากหมู่บ้านสกุลเซียว หากพวกเขาผิด เซี่ยยวี่หลัวออกไปคนเดียวก็พอแล้ว เช่นนี้ไม่ยุติธรรม! ” เซียวจินโวยวาย

“เจ้ายังอยากทำเช่นไรอีก? ” เซียวจิ้งยี่ฟังเรื่องนี้จนหัวแทบระเบิดแล้ว

“ในเมื่อใครทำผิดก็ต้องแบกรับทั้งครอบครัว เช่นนั้นพวกเซียวยวี่ก็ต้องออกจากหมู่บ้านสกุลเซียวทั้งหมด ห้ามกลับมาอีก” เซียวจินกล่าว

“ไม่ได้! ”

ผู้คนรอบข้างต่างสูดลมหายใจเฮือกด้วยความตกใจ!

ขับไล่เซียวยวี่ออกจากหมู่บ้านสกุลเซียว?

เซียวยวี่ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา!

“เซียวยวี่เป็นคนในหมู่บ้านสกุลเซียวของเรา เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุใดถึงต้องไล่เขาออกจากหมู่บ้านสกุลเซียว? ” เซียวจิ้งยี่กล่าวอย่างไม่พอใจ

เซียวจินหัวเราะพร้อมกล่าว “หัวหน้าหมู่บ้าน หากข้าทำผิด ข้าพาภรรยาและลูกของข้าไปหมด หรือถ้าเป็นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องไป? เช่นนี้ท่านก็ไม่ยุติธรรมไม่ใช่หรือ? ”

เซียวจิ้งยี่โมโหจนแทบคลั่ง หากเจ้าไม่ใช่คนเริ่มเรื่องนี้ขึ้นมา เรื่องจะมาถึงขั้นนี้หรือ?

เซียวจิ้งยี่ยังจะกล่าวอะไรอีก เซียวยวี่ที่อยู่ข้างๆ กล่าว “ได้ หากนางกระทำผิด พวกเราจะแบกรับความผิดร่วมกัน พวกเราจะย้ายออกจากหมู่บ้านสกุลเซียว ไม่ให้ชื่อเสียงของหมู่บ้านสกุลเซียวต้องเสื่อมเสีย! ”

“เซียวยวี่! ” เซียวหมิงจูตะโกนเสียงแหลมจนเสียงแทบแตก “ข้าไม่ให้ท่านไป”

เซียวยวี่ไม่มีความหวั่นไหว ไม่หันมองเซียวหมิงจูด้วยซ้ำ ไม่แยแสวาจาของนางแม้แต่น้อย

—————————

เชิงอรรถ

*ปลาหนีชิว คือปลาเลนชนิดหนึ่ง ลักษณะคล้ายปลาไหล มีเมือกห่อหุ้มตัว จึงจับได้ยาก