ภาคที่ 3 บทที่ 98 ล่า (3)

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 98 ล่า (3)

เป็นไปได้อย่างไรกัน ?

หลู่ชิงกวงมีสีหน้าประหลาดใจนัก

“ประหลาดใจงั้นหรือ ?” ม่อยิ้มน้อย ๆ “มนุษย์โง่เขลาเอ๋ย คิดว่าตนแข็งแกร่ง แต่ไม่คิดกลั่นเกลาจิตใจ หากไม่รู้ตำแหน่งของข้าแล้วจะโจมตีข้าได้อย่างไร ?”

พูดจบ กำแพงผลึกนับไม่ถ้วนก็ผุดขึ้นจากผนัง ด้านหลังทุกเกราะผลึกแก้วคือร่างของม่อ

ม่อทั้งหลายยืนอยู่หลังเกราะผลึกแก้วนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังพูดขึ้นพร้อมกัน แสงจ้าหักเหออกจากผลึกแก้ว ราวกับว่าพวกเขาอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยกระจกตั้งเรียงราย แต่ภาพในกระจกกลับไม่ใช่ภาพสะท้อนกายตน เป็นศัตรูต่างหาก

“ผลึกแก้ววงกต ?” ซูเฉินร้องขึ้น

“โอ้ ? มีเด็กน้อยที่รู้จักวิชาโบราณอาร์คาน่าด้วยหรือ ?” ม่อมองซูเฉิน ตกใจอยู่เล็กน้อย

ใช่แล้ว ตอนนี้ม่อกำลังใช้วิชาขั้นกว่าของเกราะผลึกแก้ว ผลึกแก้ววงกตนั้นใช้การหักเหของแสงในการลวงตำแหน่งของผู้ใช้ ส่งผลให้สามารถลอบโจมตีได้ หากใช้ดี ๆ ก็นับเป็นกลยุทธ์ที่ใช้พลิกสถานการณ์ได้เลยทีเดียว

ดังนั้นม่อจึงไม่ได้อยู่ ณ ตำแหน่งที่ยืนอยู่ ทำให้การโจมตีของจีหานเยี่ยนและหลู่ชิงกวงไร้ผล

“คิดหรือว่าวิชาเท่านี้จะหยุดยั้งข้าได้ ?” หลู่ชิงกวงำคราม เขาโบกมือคราหนึ่ง คลื่นพลังเป็นระลอกก็กระจายออกทุกทิศ เขาสามารถรวมหรือกระจายระลอกพลังเหล่านี้ได้ตามใจปรารถนาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเชี่ยวชาญในวิชามาก

มองก็รู้ว่าเขาคิดทำลายผลึกแก้ววงกตก่อนค่อยจัดการกับม่อ

“เช่นนั้นข้าก็ไร้ทางเลือก” ม่อหัวเราะ

เขาใช้นิ้วแตะกับอากาศเบื้องหน้าแผ่วเบา ก่อนที่อากาศโดยรอบจะเริ่มหนาแน่นขึ้น ระลอกคลื่นสามารถเกิดได้ทั้งในอากาศและในน้ำ แต่ไม่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ของแข็งได้ และเมื่ออากาศเริ่มกลั่นแน่นขึ้น ระลอกคลื่นของหลู่ชิงกวงจึงอ่อนพลังลง ก่อนมันจะพุ่งมาถึงผลึกแก้ววงกต แล้วกลายเป็นเพียงลมเย็นพัดผ่านไปเท่านั้น

“วิชากลั่นอากาศ” ซูเฉินโพล่งขึ้นอีกครั้ง

วิชานี้คล้ายกับสุเมรุสูญ ทำให้บรรยากาศโดยรอบกลั่นแน่นขึ้น แต่วิชากลั่นอากาศนั้นกลั่นเพียงอากาศให้หนาแน่นขึ้น ส่วนสุเมรุสูญนั้นใช้ปัจจัยภายนอกเพื่อสร้างอาการเฉื่อย พลังอยู่กันคนละระดับ หากเป็นวิชาระดับต่ำ ๆ จะมองไม่เห็นความต่างนัก แต่เพราะวิชากลั่นอากาศนั้นใช้ง่ายกว่าจึงดีกว่าวิชาสุเมรุสูญ แต่หากเป็นวิชาระดับสูงจะต่างกันอย่างสิ้นเชิง สุเมรุสูญสามารถขัดขวางการเคลื่อนไหวของพื้นที่ได้ ส่งผลให้คู่ต่อสู้เคลื่อนไหวได้ลำบากมากขึ้น

“อา ! ดูท่าเจ้าจะรู้ทันข้าอีกแล้ว” ม่อหัวเราะอีกครั้ง “ข้าชื่นชมเจ้านัก เจ้าหนูที่เข้าใจวิชาโบราณอาร์คาน่า”

ซูเฉินขมวดคิ้ว ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เขาไม่กระจ่างเช่นกัน แต่เขากลับรู้สึกผิดปกติ

แต่คนอื่น ๆ กลับเสียความเยือกเย็นไปสิ้นแล้ว

คน ๆ หนึ่งเอ่ยขึ้น “บัดซบ โจมตีไปพร้อมกันเลย ข้าไม่คิดว่ามันจะสู้เราได้หรอก”

ตู้ม ตู้ม ตู้ม !

ทหารประจำเมืองสองสามคนพุ่งเข้าใส่เกราะผลึกแก้ว

ผู้ที่จะเป็นทหารประจำเมืองได้ต้องมีฝีมืออยู่บ้าง พลังเฉียบคมของพวกเขาปะทะเข้ากับเกราะผลึกแก้วที่ดูแล้วไม่น่าทานพลังกันได้

หากแต่ซูเฉินส่ายหัว “ไร้ประโยชน์”

เกราะผลึกแก้วที่ล้อมพวกเขาอยู่นั้นพลันเปล่งประกายแสงเยียบเย็นออกมา

แสงคล้ายโลหะดูเยียบเย็นพลันเปล่งออกมาปกคลุมเกราะผลึกแก้วแล้วดูดกลืนแรงโจมตีเอาไว้

แสงคล้ายโลหะฉายสาดส่องกระทบใบหน้าทั้งหลาย ในขณะที่ผลึกแก้ววงกตยังคงตั้งอยู่เช่นนั้นดังเดิม

นี่เป็นกระบวนการป้องกันของผลึกแก้ววงกต ไม่เช่นนั้นหากใช้ไม่กี่กระบวนท่าทำลายมันลงได้ก็คงเป็นวิชากระจอกเกินไป เสียชื่อที่เป็นวิชาโบราณอาร์คาน่าระดับสูงเป็นแน่

และเมื่อคนทั้งหลายโจมตีใส่มันไม่หยุด ม่อก็กล่าวขึ้น “ข้าเกลียดการกระทำไม่เป็นมิตรเช่นนี้มาก ดูท่าอย่างไรก็คงเลี่ยงไม่สั่งสอนพวกเจ้าไม่ได้แล้ว”

พูดจบเขาก็วาดแขน กระสุนล่องหนพลันก่อร่างขึ้นตรงพื้นที่ที่แขนเขาวาดผ่าน

ซูเฉินสีหน้าเปลี่ยนทันที “ระวังด้วย มันคือกระสุนอากาศ !”

กระสุนอากาศเป็นวิชาอาร์คาน่าที่ไม่ค่อยทรงพลังนัก แต่เมื่อใช้คู่กับวิชากลั่นอากาศก็ทำให้โจมตีได้รุนแรงไม่น้อย

ผลจากการใช้กระสุนน้ำและกระสุนโลหะโจมตีนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เมื่ออากาศถูกกลั่นแน่นแล้ว ความสามารถในการทำลายของมันจะเพิ่มสูงขึ้น แม้จะยังไม่อาจเทียบกับของจับต้องได้ แต่กระสุนอากาศก็มีจำนวนมากและรวดเร็ว กระสุนอากาศนับไม่ถ้วนลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนที่จะยิงเข้าใส่ศัตรูอย่างรวดเร็วและรุนแรง

กระสุนอากาศที่ถูกกลั่นแน่นเหล่านี้รุนแรงกว่ากระสุนอากาศธรรมดาเกือบสิบเท่า พวกมันพุ่งเข้ามาราวกับห่าฝน บีบให้ทหารประจำเมืองทั้งหลายต้องเปลี่ยนไปป้องกันตนเอง ถึงกระนั้นก็ยังถูกโจมตีกระเด็นไป

เคราะห์ดีที่อันซื่อหยวนลงมือทันเวลา กระแทกฝ่ามือกับอากาศ หยุดกระสุนอากาศทั้งหมดไว้

อันซื่อหยวนเอ่ยเสียงขรึม “มีข้าอยู่ มีหรือเจ้าจะกระทำการโอหังได้ ?”

จากนั้นเขาก็กำมือ กระสุนอากาศเหล่านั้นพลันสลายหายไป

คนทั้งสามถอนใจโล่งอก

หากแต่ม่อยังคงส่ายหน้า “พวกมันต้องตาย !”

“อ๊าก !”

เสียงกรีดร้องเจ็บปวดพลันดังขึ้น

อันซื่อหยวนสะดุ้งเฮือก เขาหันไปพบว่าทหารประจำเมืองคนหนึ่งกำลังสบตาเขากลับมา ทว่าที่อกกลับมีรูใหญ่ หัวใจถูกกระชากออกมาแล้ว

โจมตีตอนไหนกัน ?

ทุกคนชะงักไป

ม่อค่อย ๆ ยกมือขวาชุ่มเลือดของตนขึ้น จากนั้นใช้พลังในร่างสลัดเลือดออก “มันคืออะไรกันหนอ ? เจ้าหนุ่ม เจ้ารู้หรือไม่ ?”

“ฝ่ามือสูญ ? หนวดอสรพิษซ่อน ? กรงเล็บภูตผี ?” ซูเฉินโพล่งชื่อวิชาโบราณอาร์คาน่าออกมาอย่างรวดเร็ว

“ตายจริง ๆ ความรู้และประสบการณ์ของเจ้าทำเอาข้าตกใจจริง แต่ก็ยังอ่อนหัดนัก” ม่อส่ายหน้า “ในเมื่อพวกเจ้าไม่ได้มาดี ข้าก็จำเป็นต้องสั่งสอนเสียหน่อย เริ่มจากพวกที่คิดโจมตีข้าก่อนก็แล้วกัน”

ว่าแล้วก็วาดมือลง จากนั้นก็หายไปในพริบตาราวกับกระโดดเข้าพื้นที่สูญไป จากนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นอีก ทหารประจำเมืองอีกคนถูกกระชากหัวใจออกมา

แม้ซูเฉินจะพยายามใช้วิชาสุเมรุสูญโดยเร็วที่สุด แต่พื้นฐานการบ่มเพาะพลังนั้นด้อยกว่าม่ออยู่เล็กน้อย ไม่อาจสกัดการลงมือของม่อได้ทัน

แท้จริงแล้วเขาไม่อาจคาดเดาวิชาที่ม่อใช้ได้ เพราะอย่างไรความเข้าใจของซูเฉินต่อวิชาม่อใช้ก็ยังไม่ถูกต้องนัก

หากไม่ใช่วิชาประเภทอากาศแล้ว ใช้สุเมรุสูญไปก็ยิ่งไร้ผล

“บัดซบ !” เห็นลูกน้องอีกคนสิ้นใจตายไปต่อหน้า หลู่ชิงกวงก็ตะโกนลั่น “ทุกคน โจมตี !”

เดิมทีพวกเขายังสงบท่าทีและพูดคุยกับอีกฝ่ายได้บ้าง แต่ในเมื่อลงมือสังหารคนฝั่งเขาไปถึงสอง ท่าทีความสง่างามเหล่านี้ก็ไม่จำเป็นอีก ดังนั้นจึงฉีกหน้ากาก กระโจนเข้าสนามรบทันที

“โจมตี !” ทุกคนร้องลั่นแล้วพุ่งเข้าไปในพลัน

กระทั่งเฉินเหวินฮุยที่ติดตามอยู่ด้านหลัง ไม่เปิดช่องให้อันซื่อหยวนได้โอกาส ก็ยังลงมือ ทำให้ไม่ว่าเผ่าวิญญาณผู้นี้จะทรงพลังเจ้าเล่ห์สักเพียงไหน แต่ก็เป็นแค่พวกระดับต่ำ ไม่อาจรับมือการโจมตีของคนทั้งหมดได้แน่

พลังต้นกำเนิดรุนแรงถูกส่งไปทั่วทิศ คลื่นพลังรุนแรงพุ่งเข้าปะทะผลึกแก้ววงกต แม้จะมีแสงคล้ายโลหะนั่น แต่สุดท้ายก็คงถูกทำลายลงเป็นแน่

หลังจากนั้นม่อก็จะถูกจัดการ

แต่ก่อนจะเกิดเรื่องเช่นนั้น ม่อก็ยังสามารถจัดการศัตรูได้ดั่งใจอยาก

ฉัวะ ! ทหารประจำเมืองอีกคนล้มคว่ำลงไป เลือดนองออกจากร่างไม่หยุด

ทหารประจำเมืองทั้งสามคนที่ลงมือโจมตีถูกสังหารไปจนหมด

ม่อหัวเราะเสียงประหลาด “พวกโง่เอ๋ย ข้าจะสังหารพวกเจ้าไปทีละคน จงสั่นสะท้านกับความตายที่คืบคลานเข้ามาเสียเถอะ !”

เขาพูดจบคนที่สี่ก็ล้มลง

ครั้งนี้เป็นกองลาดตระเวน

ม่อชี้นิ้วไปยังคนอีกคน “คนต่อไปคือเจ้า !”

นิ้วนั้นชี้ไปยังลูกน้องจีหานเยี่ยน

สีหน้าของนายทหารกองลาดตระเวนผู้นั้นผันเปลี่ยน จีหานเยี่ยนรีบพุ่งเข้าไป “ปกป้องเขา !”

คลื่นพลังเยือกแข็งพลันพุ่งเข้าไปล้อมกายกองลาดตระเวนคนนั้นไว้ ผนึกเข้าไว้โดยสมบูรณ์

ถึงกระนั้นก็ไร้ประโยชน์ การโจมตีคาดเดาทิศทางไม่ได้ของม่อทะลวงผ่านร่างคนอีกครั้ง มือดั่งกรงเล็บปรากฏขึ้นที่หน้าอกนายทหารกองลาดตระเวนผู้นั้นในพริบตาและหายไป เหลือทิ้งไว้เพียงรูขนาดใหญ่เท่านั้น

กองลาดตระเวนคนนั้นพ่นเลือดออกมา ก้มหน้าลงมองร่างกายตน จากนั้นเงยหน้ามองจีหานเยี่ยน ทำท่าคล้ายอยากเอ่ยคำ แต่สุดท้ายก็ล้มลงสิ้นเรี่ยวแรง

เมื่อทุกคนเห็นภาพนี้ก็ยิ่งโกรธเกรี้ยว

“ท่าน !” หลู่ชิงกวงตะโกนหาอันซื่อหยวน

ตอนนี้คงมีเพียงอันซื่อหยวนที่อยู่ด่านสู่พิสดารที่จะสามารถรับมือกับเผ่าวิญญาณนี่ได้